วันเวลาปัจจุบัน 26 ธ.ค. 2025, 16:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2025, 11:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5444


 ข้อมูลส่วนตัว


..คนเรายามตาย เอาอะไรไปไม่ได้ เราจะตายจากร่างกายนี้ไปด้วยสิ่งใด​ ทิ้งอารมณ์แบบไหนไว้ให้คนอยู่ได้จดจำ ถ้าคิดได้ใจเราจะสบาย ลงมือทำดีให้ดีที่สุดกับทุกครั้งที่ยังมีโอกาสมีลมหายใจ มอบสิ่งดีๆ​ ให้กัน..

..#โอวาทธรรมพระพรหมวชิรคุณ ดร. (ไพบูลย์ สุมงฺคโล) วัดเทพนิมิตสุดเขตสยาม​ เชียงของ จ.เชียงราย..






จะบรรลุ
หรือไม่บรรลุ
ไม่ต้องพูดถึง
ขอให้มองเห็นจิต
ของเราให้ชัดเจนเสียก่อน...มองขันธ์
ตัวเองให้เป็นไตรลักษณ์เสียก่อน
" เห็นด้วยจิต "
ไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อ
ถ้าข้างในมันว่าง ข้างนอกก็จะว่างหมด
...ถ้าถึงตรงนี้แล้ว...
จะภาวนา หรือไม่ภาวนา
...ก็เหมือนภาวนาอยู่...

#หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล






บาปบุญคุณโทษมีจริง นรกสวรรค์มีจริง ตายแล้วไม่สูญ ตายแล้วเกิดอีกแน่นอน พวกเราตายแน่ ๆ ไม่มีใครที่จะไม่ตาย ตายแน่ ๆ หลวงพ่อได้พูดอยู่ให้ลูกให้หลานอยู่เดี๋ยวนี้ หลวงพ่อก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะยืนอยู่เป็นร้อยเป็นพันปีนะลูกหลาน มองไปข้างหน้าริบหรี่เหมือนกัน อยู่ใกล้ฝั่งนั่งใกล้คลองเต็มทน

ถึงยังไงก็ตามเราจะฝากคุณงามความดี ฝากฝีมือไว้ในแผ่นดินเท่านั้นแหละ การที่จะสร้างวัตถุภายนอก แต่ทางด้านจิตใจหลวงพ่อไม่ลืมเจ้าของ ไม่ลงเจ้าของหรอก พิจารณาไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดูตลอดเกิดดับ เกิดดับ เกิดดับ เกิดตาย เกิดตาย เกิดตาย หายใจเข้าไม่ออก หายใจไม่เข้าก็ตาย หายใจไม่ออกก็ตาย หายใจไม่เข้าไม่ออกตาย อยู่ในจมูกของเราทั้งนั้นแหละ พวกเราเมื่อตายไปแล้วจะไปที่ไหน ในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ตายแล้วมันไม่สูญ ถ้ามันสูญมันก็ไม่มีปัญหานะลูกหลาน ตายแล้วสูญมันก็จบไป ถ้าตายแล้วไปหาเกิดอีกนั่นแหละ จุดนั่นแหละ พระพุทธเจ้าท่านกล่าวท่านตรัสไว้ละเอียดถี่ถ้วนมาก

สำหรับหลวงพ่อนี้เชื่อ ไม่ใช่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เกินร้อยเกินพันเกินหมื่นเกินแสน ตายแล้วต้องเกิดอีกแน่นอน ใครทำดีต้องได้รับดี ใครทำชั่วต้องได้รับชั่ว บุญบาปมีจริง นรกสวรรค์มีจริง ตายแล้วไม่สูญ ตายแล้วเกิดอีก ต้องตายแน่ ๆ ไม่มีใครจะไม่ตาย ตายแน่ ๆ หลวงพ่ออินทร์ก็ต้องตายแน่ ๆ แต่ไม่รู้ว่าวันไหน

ถึงยังไงก็ตาม หลวงพ่ออินทร์จะตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ประกอบคุณงามความดี ศีล สมาธิ ปัญญา จะบำเพ็ญให้สมบูรณ์บริบูรณ์โดยสม่ำเสมอ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรจะดับต้องดับ ในอนาคต เราพร้อมที่จะยอมรับ น้อมรับยอมรับได้ทุกขณะจิต ทุกขณะเวลา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อะไรจะดับมันก็ต้องดับ เราไม่ได้ท้าทาย เราไม่ได้อวดดี เราไม่ได้อวดเก่ง แต่มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมันเอง เราต้องยอมรับ ยอมน้อมรับธรรมชาติในจุดนั้น ไม่ใช่ว่าธรรมชาติจุดนั้นเข้ามาหาตัวเอง ร้องห่มร้องไห้โวยวายทำไมมันถูกกับกู ทำไมไม่ถูกกับคนอื่นบ้าง ตามที่จริงก็ถูกทุกคนนั่นแหละ ไม่ได้แพ้ใครเกิดมาในโลกนี้ เพราะฉะนั้นให้บำเพ็ญตามหลักธรรมคำสอน

พระพุทธเจ้าท่านว่า ถ้าชำระกิเลสภายในใจบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว จิตใจไม่มีกิเลส ราคะ โทสะ โมหะแล้ว ใจบริสุทธิ์แล้วนั้น จะไม่มาเกิดอีก คำว่าไม่มาเกิดอีกก็คือจะไม่ตาย แต่ถ้าคนเกิดมาจะไม่ตายไม่มี ถ้าเกิดมาแล้วก็ต้องตาย เพราะฉะนั้นอย่ามาเกิด ถ้าไม่มาเกิดแล้วจะตายได้ยังไง เพราะไม่มาเกิด เพราะชำระจิตใจให้หลุดพ้นจากอาสวะกิเลสไปแล้ว อันนี้แหละหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่พวกเราได้ศึกษา ท่านสอนไว้ชัดเจนนะลูกหลานนะ

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “ยอมรับความจริงว่าทุกคนต้องตาย”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๘







ระหว่างการเดินทางหลังออกพรรษาอาตมาเกิดประทับใจสองตายายชาวทิเบต เขามีสวนอยู่นอกเมืองออกไปไม่ไกล เดินออกจากกลางเมืองเล็กๆ ไม่กี่นาทีก็ถึงสวนของสองตายายนี้ เขาเปิดสวนของเขาให้เป็นที่สาธารณะ ตั้งโต๊ะ มีม้านั่ง คอยดูแลความสะอาด ให้ชาวบ้านหรือแขกผู้มาเยือนได้ชื่นชมความงามของสวน และทิวทัศน์อันสวยงามของหุบเขาเบื้องล่าง ทั้งสองยังให้ชาวบ้านได้เก็บแอปเปิ้ลและวอลนัทในสวนทานเล่นได้อย่างเอร็ดอร่อย และเบิกบานใจ

อาตมาดูสองตายายนี้มีความสุขมาก ไม่เหงา ทั้งสองได้ทำบุญทุกวัน จึงมีแต่ความยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นตัวอย่างที่ดีว่าอายุมากแล้วก็ยังสามารถให้ความสุขกับผู้อื่นได้ และมีความสุขกับการให้ความสุขนั้น

พระอาจารย์ชยสาโร






“อานิสงส์ของผู้บริจาคทานมี ๕ อย่าง มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ตลอดกาลนาน เพราะฉนั้นไม่ควรตระหนี่หวงบริโภค บัณฑิตผู้หวังผลวิเศษควรยินดีในการให้อาหารแก่ สมณะ ชี พราหมณ์ เป็นต้น ไม่ควรว่าให้เหลือเฟือก่อนจึงค่อยให้ มีเวลาใดควรให้เวลานั้น อย่าเลือกว่าเป็นวันพระ วันโกน เพราะให้ในวันไหน ย่อมได้ผลเท่ากัน ไม่น้อยมากกว่ากัน ที่จะให้มากน้อยมากกว่ากันนั้น คือผู้รับของเท่านั้น คือเจตนาของผู้ให้และคุณธรรมของผู้รับเท่านั้น”

หลวงปู่หลุย จันทสาโร
วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย






#ทางสายกลาง..!!

"... มัชฌิมา ทางกลาง หมายถึงอะไร
หมายทางพอดี ของพอดีนั้นมีความสำคัญ ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างขาดความพอดี ใช้ไม่ได้
ไม้ที่จะตัดเป็นบ้านขาดความพอดีก็เป็นบ้านไม่ได้ จีวร เสื้อผ้า ตัดยาวไปสั้นไปก็ใช้ไม่ได้ อาหารมากไปก็ไม่ได้ น้อยไปก็ไม่ได้ ความเพียรมากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี มัชฌิมา ทางกลางคือ ขจัดสิ่งไม่พอดี ให้พอดีนั่นเอง

... กามสุขลฺลิกานุโยค คือ การปฏิบัติ
ตกไปในทางรัก อตฺตกิลมัตถานุโยค คือ ตกไปในทางชัง นี่คือการไม่พอดี ทำสมาธิหลงไปในความสุขก็ตกไปในทางรัก ทำสมาธิไม่ดีบางคราวเศร้าใจตกไปในทางชัง
การขจัดเสียซึ่งส่วนทั้งสองนั้น คือการเดินเข้าสู่อริยะมรรค การถึงอริยะมรรคนั่นคือการถึงต้นบัญญัติ การถึงต้นบัญญัติคือการถึง “พุทโธ” ..."
---------------------------------------------
#พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง
จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓ - ๒๔๙๒)
#ที่มา ::
ใต้สามัญสำนึกพระอาจารย์วิริยังค์ สิรินธโร






ลองฝึกสมาธิดู ... เอาแค่สงบพอสมควร
แล้วมาดูว่า จิตสงบมันอยากโกรธใครไหม
บางคนผูกโกรธจนคิดว่าไม่มีวันจะให้อภัย
เขาได้ ... จะปรากฏว่าให้อภัยได้ สิ่งที่เคย
คิดว่าไม่มีวัน หรือไม่มีทางที่จะอภัยให้เขาได้
กลับสลายตัว นี่คือความมหัศจรรย์ของจิต
ที่ได้รับการฝึกอบรม
-
พระอาจารย์ชยสาโร





#ใจนี้เป็นที่อยู่และก็เป็นที่ดับของกิเลส

"การดูกิเลสและแสวงธรรม ท่านทั้งหลายอย่ามองข้ามใจ ซึ่งเป็นที่อยู่ของกิเลส และเป็นที่สถิตอยู่แห่งธรรมทั้งหลาย กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี ไม่ได้อยู่กับกาลสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่อยู่ที่ใจ คือเกิดขึ้นที่ใจ เจริญขึ้นที่ใจ และดับลงที่ใจดวงรู้ ๆ นี้เท่านั้น"

.... หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต





"..ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผู้ละโลกนี้ไปแล้วก็คือชีวิตในโลกหน้า ในโลกใหม่ของแต่ละคน หัดนึกถึงความจริงที่จะต้องหนีไม่ได้ คือการเกิดใหม่ในทันทีที่การเกิดเก่าจบสิ้นลง ที่ว่าชีวิตในภพชาติใหม่น่ากลัวที่สุด ก็เพราะไม่มีใครรู้ว่าชาติหน้าของเราแต่ละคนจะเป็นเช่นไร ดีหรือร้ายเพียงไหน

จะขึ้นสวรรค์หรือจะลงนรก ต่างก็น่าจะไม่รู้กัน และเพราะน่าจะพากันไม่เคยสนใจแม้เพียงจะคิด ว่าทันทีที่ขาดใจตาย เราจะเป็นอย่างไร เราจะไปไหน ไปเป็นอะไร เราพากันไม่สนใจ ไม่นึกถึง

สิ่งที่ควรสนใจ ควรนึกถึง อย่างที่สุดนี้ เพื่อจะได้ให้เวลาตัวเองในการจัดที่ใหม่ให้ชีวิตตนชาติหน้า ที่ทุกคนต้องไปถึงแน่ทันทีที่ออกจากร่างในชาตินี้ จะเป็นการช่วยตนเอง ให้มีโอกาสหาที่ทางเตรียมไว้สำหรับชีวิตใหม่ ที่ต้องพบแน่ในวันหนึ่งข้างหน้า เพียงแต่อาจจะช้า หรืออาจจะเร็วเท่านั้น

ใครจะไม่มีภพชาติใหม่ไม่มี นอกจากพระอรหันต์ ผู้ไกลกิเลสแล้วสิ้นเชิงเท่านั้น ที่ท่านจะไม่เกิดอีกต่อไปแล้ว.."

สุวฑฺฒโนวาท
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
(พ.ศ.๒๔๕๖–๒๕๕๖)






..คนเรา บางทีอาจจะเกิดมาแล้ว หลายกัป หลายกัลป์ หลายชาติ หลายภพ ไม่รู้ว่าเกิดเป็นอะไรต่อมิอะไรมาบ้าง เรายังไม่รู้จัก ถ้าผู้ต้องการอยากรู้สิ่งเหล่านี้ ก็ต้องฝึกหัดจิตใจให้เป็นสมาธิ

ถ้าเป็นสมาธิแล้วมันจะรู้เรื่องของเหล่านั้น ว่ามีความเป็นมายังไง เป็นอยู่ยังไง จะไปยังไง

นี้เรียกว่ารู้ตัวเอง ถามดูจิตใจตัวเอง มันก็พูดให้เราฟังเลย เพราะว่ามันพูดเป็นเหมือนกันนะเรื่องของจิต แต่ว่าเรานั้นหละเป็นผู้รู้จักเอง ฉะนั้น ธรรมะท่านจึงว่า ตัวเองรู้เอง “สันทิฏฐิโก” ผู้ปฏิบัติย่อมรู้เอง...

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
เทศนา เรื่อง มนุษย์สมบูรณ์แบบ : ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๔


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 11 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร