วันเวลาปัจจุบัน 31 ธ.ค. 2025, 18:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2025, 10:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5448


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่แหวนได้พูดธรรมะให้ท่านฟังว่า

“ เอามันให้ได้ มรรค ผล นิพพาน
มันยังมีอยู่ ไม่ได้ไปไหน
ให้ทำความสะอาด
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี้ให้มันสะอาด

รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
เป็นธรรมอยู่ในโลก

ตา หู ลิ้น กาย ใจ ก็เป็นธรรม
ต้องล้างให้มันสะอาด ล้างให้หมดมลทิน

อายตนะพวกนี้ล่ะที่มันทำให้เราเกิดอยู่
เกิดวนเวียนในวัฏจักรวัฏวน
มันอยู่ในนี้
อยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ
มันติดอยู่ที่ตา ให้ล้างตา
ตามันมีแล้วดูไม่เป็น
มีหูแล้วมันฟังไม่เป็น
จมูกมีแล้วมันดมไม่เป็น
มีลิ้นแล้วกินไม่เป็น
มันไปติดรสอยู่ที่ไหน
แล้วเวลานั่งนอน มันไปติดกุฏิ
มันติดอยู่อย่างนั้น มันละไม่เป็น

ใจเรามันสัมผัสอารมณ์ มันเกิดขึ้น
มันทุกข์ มันสุข เราไม่รู้มัน
ไม่รู้จักละ ไม่รู้จักทิ้ง

เมื่อไม่รู้จักละ มันกวนก็เกิดอีก
ต้องทำความมืดมัวเมาให้สว่าง
อย่าไปหลง
โลกก็เป็นเรื่องของโลก
เสียงก็เป็นเรื่องของเสียง มันดังอยู่ในโลก
เรื่องสัมผัสทุกวันนี้
มันก็มีอยู่ในโลก มันจะไปไหน
เวลาร้อนมันก็ร้อน
เวลาเจ็บป่วยมันก็อยู่กับเรา
เวลามันคัน มันก็คันอยู่กับเราอยู่อย่างนี้
มันหนาวก็ต้องหนาว ห่มผ้าอยู่อย่างนี้
มันอยู่ในโลก
เราจะไปติดมันทำไม ต้องละมันให้ได้นะ

ถ้าละมันไม่ได้ มันก็เกิดอีก
มรรค ผล นิพพาน
ยังเต็มบริบูรณ์อยู่ตลอดเวลา
ไม่เสื่อมหายไปไหน ต้องเอาจริงๆ จังๆ “

ถ่ายทอดโดยพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป





"..เราเกิดมามีศีลห้าพร้อม ตัวศีลห้าได้มาพร้อมตั้งแต่เราเกิดมา มีขาทั้งสอง แขน ทั้งสอง ศีรษะอันหนึ่ง นี่แหละตัวศีลห้า อย่าเอาห้าไปทำโทษห้า โทษห้านั้นคือปาณานั้นก็โทษ อทินนานั้นก็โทษ กาเมนั้นก็โทษ มุสานั้นก็โทษ สุรานั้นก็โทษ แน่ะเป็นโทษทั้งหมด ที่เรายุ่งทุกวันนี้ก็เพราะห้าอย่างนี้ กลัวคนมาฆ่า กลัวคนขโมย กลัวคนผิดในกาม กลัวคนมุสาฉ้อโกงหลอกลวง กลัวคนมึนเมาสุราสาโท กัญชายาฝิ่น นี่เป็นโทษ ถ้าเราละเว้นอันนี้แล้ว ท่านว่า สีเลน สุคตึ ยนฺติ มีความสุข ก็เพราะศีล สีเสน โภคสมฺปทา มีโภคสมบัติ ก็เพราะศีล นี่แหละ ให้พากันพึงเข้าใจ ให้ละเว้นโทษทั้งหลายห้าอย่างนี้.."

พหุลกถาโอวาท
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๔๒-๒๕๒๐)





คนเราไม่อยากจะคิดเพราะกลัวจะเครียด
จะทุกข์มาก แต่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนว่า
ความสุขที่เกิดจากการหลับตาต่อความจริง
หรือหันหลังต่อความจริงของชีวิต
เป็นความสุขที่เปราะบาง เป็นความสุขที่เป็น
ที่พึ่งที่แท้จริงแก่เราไม่ได้ ถ้าต้องการความสุข
ที่เป็นที่พึ่งได้ ต้องเป็นความสุขที่ยอมรับ
ความจริงของชีวิต ทั้งส่วนที่เราชอบ และ
ส่วนที่เราไม่ชอบ ส่วนที่เราต้องการ
ส่วนที่เราไม่ต้องการ ส่วนที่เราอยากได้
และส่วนที่เราไม่อยากได้ ...
...
พระอาจารย์ชยสาโร





ใจนี้เป็นที่อยู่และก็เป็นที่ดับของกิเลส
"การดูกิเลสและแสวงธรรม ท่านทั้งหลายอย่ามองข้ามใจ ซึ่งเป็นที่อยู่ของกิเลส และเป็นที่สถิตอยู่แห่งธรรมทั้งหลาย กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี ไม่ได้อยู่กับกาลสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่อยู่ที่ใจ คือเกิดขึ้นที่ใจ เจริญขึ้นที่ใจ และดับลงที่ใจดวงรู้ ๆ นี้เท่านั้น"

.... หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต






..วันๆหนึ่ง อยากให้พวกเราดูตัวเอง หาทางที่จะเอาชนะใจของตัวเองให้ได้ ส่วนเรื่องคนอื่นเราดูมาเยอะแล้วทั้งชีวิต ดูมาทั้งปีแล้ว คนนั้นดี คนนั้นชั่ว เห็นหมด รู้หมด แต่ไม่ได้เรื่องอะไรเลย แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรต่อเราเลย คนนั้นจน คนนี้รวย ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เพราะการปฏิบัติธรรม คือการดูตัวเอง ไม่ใช่ดูคนอื่น ดูคนอื่น มันมีแต่โทษมากกว่าคุณ ถ้าดูตัวเอง มันได้ปัญญา มันมีคุณมากกว่าโทษ...

(พระธรรมเทศนาโดยพระครูวิมลธรรมรัต เช้าวันที่ 19 ธันวาคม 2568)







"..สัจจะบารมี.." "..การนอนเป็นเวลา การตื่นเป็นเวลา การรับประทานเป็นเวลา ทำอะไรให้ตรงต่อเวลา ก็ให้มีสัจจะไว้ในใจว่า เราจะทำอะไรให้มันจริงใจสักอย่างหนึ่ง ให้เป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่ของใจ ที่คือแผนการสร้างพลังจิตพลังใจ การทำอะไรเป็นเวลาตรงไปตรงมา เป็นการสร้างสัจจบารมี ถ้าใครมีสัจจะบารมี มีสัจจะบารมี ใกล้ต่อการตรัสรู้ ถ้าขาดสัจจะความจริงใจแล้วยังห่างพระพุทธเจ้า ผิดรู้ตัวว่าผิด ถูกรู้ตัวว่าถูก ไม่โกหกใคร ผิดรับไปตามผิด ถูกรับไปตามถูก นั่นเป็นการสร้างสัจจบารมี เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายก็ควรจะได้ฝึกตัวเองให้มีสัจจบารมีบ้าง.."

โอวาทธรรมคำสอน
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
(พ.ศ.๒๔๖๔–๒๕๔๒)






"บุญเก่าหนุนนำ บารมีหนุนส่ง
เรามีบารมีอยู่แล้ว ถ้าคนไม่มีบารมีเก่า
เขาจะไม่อยากเข้าวัด เขาไม่อยากปฏิบัติ
เขาไม่อยากสนใจ อันนั้น
เป็นเรื่องของคนที่ยังไม่เคย
คนที่สนใจ เหมือนกับพวกเรานี้
ก็เรียกว่า เป็นคนที่เคยปฏิบัติมาแล้ว"

โอวาทธรรม
หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่






“..ผู้ถือไม่มีบาป ไม่มีบุญ ก็มากมายเข้าแล้ว แผ่นดินนับวันแคบ มนุษย์แม้จะถึงตาย ก็นับวันมากขึ้น นโยบายในทางโลกีย์ใดๆก็นับวันประชันขันแข่งกันขึ้น พวกเราจะปฏิบัติลำบากในอนาคต เพราะเนื่องด้วยที่อยู่ไม่เหมาะสม เป็นไร่เป็นนาจะไม่วิเวกวังเวง ศาสนาทางมิจฉาทิฐิ ก็นับวันจะแสดงปาฏิหาริย์ คนที่โง่เขลาก็จะถูกจูงไปอย่างโคและกระบือ ผู้ที่ฉลาดก็เหลือน้อย ฉะนั้นพวกเราทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติธรรม ให้สมควรแก่แก่ธรรมดังไฟที่กำลังไหม้เรือน จงรีบดับเร็วพลันเถิด ให้จิตใจเบื่อหน่ายคลายเมาวัฏสงสาร ทั้งโลกภายในหนังหุ้มอยู่โดยรอบ ทั้งโลกภายนอกที่รวมเป็นสังขารโลก ให้ยกดาบเล่มคมเข้าสู้ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาติดต่ออยู่ไม่มีกลางวันกลางคืนเถิด ความเบื่อหน่ายคลายเมาไม่ต้องประสงค์ ก็จะต้องได้รับแบบเย็นๆและแยบคายด้วยจะเป็นสัมมาวิมุตติ และสัมมาญาณะอันถ่องแท้ ไม่ต้องสงสัยดอก พระธรรมเหล่านี้ไม่ล่วงไปไหน มีอยู่ ทรงอยู่ในปัจจุบัน จิตในปัจจุบัน ที่เธอทั้งหลายตั้งอยู่หน้าสติ หน้าปัญญา อยู่ด้วยกัน กลมกลืนในขณะเดียวนั้นแหละ..”

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







"บ่ต้องท้อแท้อ่อนแอ บ่ต้องหน่ายแหนง ทำมาได้แค่ไหนก็ให้ถือว่าเป็นนิสสัยปัจจัย เป็นต้นทุนต่อไปในภาคหน้า"

.... หลวงปู่สิม พุทธาจาโร







"..เราเกิดมามีศีลห้าพร้อม ตัวศีลห้าได้มาพร้อมตั้งแต่เราเกิดมา มีขาทั้งสอง แขน ทั้งสอง ศีรษะอันหนึ่ง นี่แหละตัวศีลห้า อย่าเอาห้าไปทำโทษห้า โทษห้านั้นคือปาณานั้นก็โทษ อทินนานั้นก็โทษ กาเมนั้นก็โทษ มุสานั้นก็โทษ สุรานั้นก็โทษ แน่ะเป็นโทษทั้งหมด ที่เรายุ่งทุกวันนี้ก็เพราะห้าอย่างนี้ กลัวคนมาฆ่า กลัวคนขโมย กลัวคนผิดในกาม กลัวคนมุสาฉ้อโกงหลอกลวง กลัวคนมึนเมาสุราสาโท กัญชายาฝิ่น นี่เป็นโทษ ถ้าเราละเว้นอันนี้แล้ว ท่านว่า สีเลน สุคตึ ยนฺติ มีความสุข ก็เพราะศีล สีเสน โภคสมฺปทา มีโภคสมบัติ ก็เพราะศีล นี่แหละ ให้พากันพึงเข้าใจ ให้ละเว้นโทษทั้งหลายห้าอย่างนี้.."

พหุลกถาโอวาท
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๔๒-๒๕๒๐)






มองให้เห็นความดีของตัวเองบ้าง
ให้อภัยกับความผิดพลาด
ใช้สิ่งที่มีอยู่แม้น้อยนิด
เพื่อการสร้างสรรค์สิ่งดีงาม
แล้วคุณจะรักตัวเองได้มากขึ้น ...
-
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล







“ไม่มีอะไรที่จะเป็นไปตามใจเรา มันเป็นไปตาม
ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บไข้ ความวิบัติเหล่านี้
มันเป็นของธรรมดา ไม่ใช่มีมาให้เรากลัว ไม่ใช่มีไว้
สำหรับให้เรากลัว แต่มีไว้สำหรับให้เราเรียน ให้เรา
ศึกษา ให้เรากล้าเผชิญหน้า สิ่งที่ไม่ตรงกับความต้องการ
ของเรานั่นแหละ มันมาเพื่อให้เราเรียน หรือมาเพื่อ
สอบไล่ความเก่งของเรา”

ท่านพุทธทาสภิกขุ







การพิจารณาธรรมะ ให้เห็นเป็นปัจจุบันธรรม

การปฏิบัติการพิจารณาธรรมะ ให้เห็นเป็นปัจจุบันธรรม อย่าส่งจิตถึงอดีต อนาคต จะเป็นความกังวลฟุ้งซ่านไป เพราะว่าธรรมะทั้งหมดที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ออกมาจากจิตคือ พระทัยที่บริสุทธิ์นั้น การดับทุกข์ คือ การรู้เท่าทันทุกข์ ไม่ยินดียินร้าย ...

การพิจารณากายให้รู้เท่าทันทุกข์
ให้รู้เท่าทันความเป็นจริง
เวลาพิจารณาอย่าใส่สิ่งที่ไม่มีเข้ามา
และอย่านำสิ่งที่มีอยู่ออกหรือตัดออก
อันนี้จะเป็นความไม่ละเอียดในการพิจารณา

โอวาทธรรม:หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท
วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี






การภาวนานั้นเพื่อให้เข้าถึงหลักธรรมที่แท้จริง หลักธรรมที่แท้จริงนั้น คือจิต ให้กำหนดดูจิตให้เข้าใจจิตตัวเองให้ลึกซึ้ง เมื่อเข้าใจจิตตัวเองได้ลึกซึ้งแล้ว นั่นแหละได้แล้วซึ่งหลักธรรม

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล








"... เพ่งดูตัวรู้นั้น ความรู้มันไม่มีตัวไม่มีตน
เป็นแต่รู้อยู่นั้น เป็นแต่รู้อยู่อันเดียวเท่านั้น
ผู้รู้เป็นของไม่ตายและเป็นของไม่แตกไม่ทำลาย
เป็นของไม่อดไม่จน เป็นของไม่ทุกข์ไม่ยาก เป็นของไม่ลำบากรำคาญ

... เดี๋ยวนี้เรายังไม่รู้ สิ่งใดเกิดขึ้นเราก็ยึดเอา
อันนั้นมาเป็นตน มันก็เลยได้ทุกข์ได้ยาก ..."
----------------------------------------
#พระอาจารย์ฝั้น_อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร ต.พรรณา อ.พรรณานิคม
จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๔๒ - ๒๕๒๐)






กว่าจะเป็นสมณะ

ใจของเรายังไม่สงบจาก
ความโลภ ความโกรธ ความหลง

ฉะนั้น ... เราจึงมาปฏิบัติ
ปฏิบัติเพื่อทำลายโลภ โกรธ หลง
ออกจากใจของเรา ถ้าเอาโลภ หรือโกรธ
หรือหลงอันนี้ออกจากใจเราแล้ว
มันถึงจะเป็นความบริสุทธิ์
ถึงความเป็นพระแท้
...
พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)







..รู้จักรักษาใจของตน เรียกว่าทำความดีให้อยู่ให้สบายไม่เดือดร้อน เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ ในการรักษาศีลสมาธิปัญญา รักษาศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะเป็นเครื่องสงบระงับกายวาจาใจให้เรียบร้อย นั่งสมาธิก็ฝึกจิตใจให้สงบ จิตใจตั้งมั่นอยู่ก็จะสงบไม่วุ่นวายอะไร เมื่อจิตใจสงบแล้วจิตใจก็มีปัญญา รู้อะไรก็เข้าใจ ไม่หลงใหลไปตามกระแสของสิ่งของที่เปลี่ยนแปลงของโลก เรียกว่าจิตใจฉลาด คนฉลาดก็เลยสบาย มีความสบายเกิดขึ้นนั่นเอง รู้จักอะไรถูกรู้จักอะไรผิด อะไรไม่ควรทำ อะไรที่ควรพูดหรือไม่ควรพูด อะไรที่ควรคิดหรือไม่ควรคิด มันก็จะลงมาที่ตรงนี้รวมกันสั้นๆ เราก็เลยจะแก้ไขตนเองได้ เป็นคนดีได้..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร