วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 05:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
เรียนคุณขงเบ้ง
ที่เขียนไปอย่างนั้นเพราะคุณอ้าง "ผู้ปฎิบัติใหม่ๆๆลองเอาไปดูได้นะงับ" แล้วคุณก็ยังบอกว่า "การเดินจงกรมแบบของผมคือ เดินยาวเท่าไหร่ก็ได้ นานเท่าไหร่ก็ได้"

แต่คุณก็มาตอบว่า
" ถ้าข้ามไปแล้วก็ไม่ต้องใช้ตัวที่เป็ฯองค์ภาวนานะงับ ไม่จำเป็ฯว่ากี่คนทำได้ แต่ท่านที่ผ่านไปแล้ว ก็ใช้ตัวนี้กันนะงับ แล้วโอกาสที่ท่านว่าทิ้งบัญญัติมีน้อยนะงับ" อันนี้ใช่ผู้ปฏิบัติใหม่หรือไม่ แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าทิ้งบัญญัติมีน้อยและทำไมบางท่านทิ้งบัีญญัติได้ หรือไม่ได้

และคุณก็ยังมาตอบว่า
"ต้องทำความเข้าใจให้ ดีๆนะงับ ไม่ใช่จะทำให้อาเจียนได้นะงับ เพราะบางท่านมีจุดของความพอดีอยู่แล้วนะงับไม่ใช่ นั่ง ยืน เดิน นอน โดยอาการเดียวทั้งวันและคืนนะงับ" อันนี้มันไม่ขัดกับข้างต้นหรือครับที่ว่า "เดินยาวเท่าไหร่ก็ได้ นานเท่าไหร่ก็ได้"

ผมขอถามใหม่แล้วกันว่า
1. ผู้ฝึกใหม่จำเป็นต้องมีองค์ภาวนาหรือไม่ ต้องใช้บัญญัติหรือไม่ เพราะอะไร
2. การเจริญสติใช้อริยาบทเดินอย่างเดียวใช่หรือไม่ เดินนานเท่าไรก็ได้ใช่หรือไม่ เพราะอะไร

ผมไม่ได้มีเจตนาจะคาดคั้นแต่เนื่องจากกังวลว่าถ้าบางท่านเมื่อได้อ่านแล้วเอาไปปฏิบัติตามจะเกิดผลดีหรือผลเสียอย่างไร

ขอความเจริญในธรรมจงมีแ่ด่ท่าน




มาตอบนะงับ

การที่ผู้ปฎิบัติใหม่ต้องมีองค์ภาวนาหรือไม่ นั้น บางท่านก็ตอบว่าผู้ปฎิบัติใหม่ต้องมีเพราะไม่เคยฝึก

แต่ผมตอบว่าไม่จำเป็นเลยก็ได้ เพราะว่า การที่เข้าไปรู้ของสติปฐาน 4 ที่แท้จริงแล้วหมายถึง การไปรู้ว่ากายเคลื่อน จิตเป็นอย่างไร ไม่ใช่ไปรู้ พุท-โธ ก้าว-หนอ พองหนอ-ยุบหนอ

ไม่ว่าจะนั่งยืนเดินนอน ไม่จำเป็นต้องใช้ท่าเดียวนะงับ ขอให้มีสติในขณะนั้นก็พอ แต่ที่ให้เดินเพราะว่า จะได้ไม่หลับขณะนั่งนะงับ

เพราะว่าพระพุทธองค์ ทรงให้ใช้ มัชชิมาปฎิปทา คือความพอดี ทางสายกลาง จะให้เดินจนฝ่าเท้าแตกแบบพระเถระในสมัยพุทธกาลก็ไม่ดีนะงับ หรือจะไม่เดินฝึกสติเลย เหมือนคนทั่วไปก็ไม่ดีนะงับ เอาความพอดีเป็นที่ตั้ง

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ถามใหม่ตามที่คุณทำได้
ถามขงเบ้ง ว่าคุณแก้ไขข้อความแล้ว คุณทำยังไง แก้ไขข้อความนี้=>

(แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 23 มิ.ย.2009, 5:23 am, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง.)

จึงไม่มี
ช่วยบอกวิธีให้กรัชกายบ้างสิงับ :b8:



ช่วยอธิบายด้วยนะงับ ที่ว่าแก้ ยังไงงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ช่วยอธิบายด้วยนะงับ ที่ว่าแก้ ยังไงงับ


งับๆ ตัวอย่างเช่น "จงกลม" ที่คุณเขียนผิดไว้ คุณแก้เป็น "จงกรม" แล้วนะงับ
ประเด็นคำถาม...หลังจากเราแก้ไขข้อความเสร็จส่ง ปกติมันจะขึ้น=>แก้ไขล่าสุดโดย ... เมื่อ 23 มิ.ย.2009, 5:23 am, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง.

คุณมีวิธีทำยังไง ข้อความแก้ไข...ดังกล่าวจึงไม่ขึ้นล่ะงับ อยากได้คำตอบประเด็นนี้เท่านั้น ประเด็นอื่นยกไว้
ก่อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




00067.gif
00067.gif [ 297.78 KiB | เปิดดู 3683 ครั้ง ]
ต่อไปกรัชกายขอเป็นฝ่ายดู ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ กับ คุณ อายะ ประกระบี่กันในประเด็น เป็นต้น นี้ =>

(แต่ผมตอบว่าไม่จำเป็นเลยก็ได้ เพราะว่า การที่เข้าไปรู้ของสติปฐาน 4 ที่แท้จริงแล้วหมายถึง การไปรู้ว่ากายเคลื่อน จิตเป็นอย่างไร ไม่ใช่ไปรู้ พุท-โธ ก้าว-หนอ พองหนอ-ยุบหนอ)

เอาเลยงับ :b1: :b38:


http://www.free-webboard.com/look.php?n ... hat&qid=35

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ช่วยอธิบายด้วยนะงับ ที่ว่าแก้ ยังไงงับ


งับๆ ตัวอย่างเช่น "จงกลม" ที่คุณเขียนผิดไว้ คุณแก้เป็น "จงกรม" แล้วนะงับ
ประเด็นคำถาม...หลังจากเราแก้ไขข้อความเสร็จส่ง ปกติมันจะขึ้น=>แก้ไขล่าสุดโดย ... เมื่อ 23 มิ.ย.2009, 5:23 am, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง.

คุณมีวิธีทำยังไง ข้อความแก้ไข...ดังกล่าวจึงไม่ขึ้นล่ะงับ อยากได้คำตอบประเด็นนี้เท่านั้น ประเด็นอื่นยกไว้
ก่อน

คงเป็นท่าน admin หรือ ท่านผู้ช่วยดูแลบอร์ด ช่วยแก้ไขให้น่ะครับ ท่านกรัชกาย
ก็เลยไม่มีข้อความว่า แก้ไขล่าสุดโดย........ :b1: :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


อมิตาพุทธ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ช่วยอธิบายด้วยนะงับ ที่ว่าแก้ ยังไงงับ


งับๆ ตัวอย่างเช่น "จงกลม" ที่คุณเขียนผิดไว้ คุณแก้เป็น "จงกรม" แล้วนะงับ
ประเด็นคำถาม...หลังจากเราแก้ไขข้อความเสร็จส่ง ปกติมันจะขึ้น=>แก้ไขล่าสุดโดย ... เมื่อ 23 มิ.ย.2009, 5:23 am, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง.

คุณมีวิธีทำยังไง ข้อความแก้ไข...ดังกล่าวจึงไม่ขึ้นล่ะงับ อยากได้คำตอบประเด็นนี้เท่านั้น ประเด็นอื่นยกไว้
ก่อน

คงเป็นท่าน admin หรือ ท่านผู้ช่วยดูแลบอร์ด ช่วยแก้ไขให้น่ะครับ ท่านกรัชกาย
ก็เลยไม่มีข้อความว่า แก้ไขล่าสุดโดย........ :b1: :b8:


ขอบคุงงับเรื่องนี้ป๋ม ก็ไม่เข้าใจอิอิ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
อายะ เขียน:
เรียนคุณขงเบ้ง
ที่เขียนไปอย่างนั้นเพราะคุณอ้าง "ผู้ปฎิบัติใหม่ๆๆลองเอาไปดูได้นะงับ" แล้วคุณก็ยังบอกว่า "การเดินจงกรมแบบของผมคือ เดินยาวเท่าไหร่ก็ได้ นานเท่าไหร่ก็ได้"

แต่คุณก็มาตอบว่า
" ถ้าข้ามไปแล้วก็ไม่ต้องใช้ตัวที่เป็ฯองค์ภาวนานะงับ ไม่จำเป็ฯว่ากี่คนทำได้ แต่ท่านที่ผ่านไปแล้ว ก็ใช้ตัวนี้กันนะงับ แล้วโอกาสที่ท่านว่าทิ้งบัญญัติมีน้อยนะงับ" อันนี้ใช่ผู้ปฏิบัติใหม่หรือไม่ แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าทิ้งบัญญัติมีน้อยและทำไมบางท่านทิ้งบัีญญัติได้ หรือไม่ได้

และคุณก็ยังมาตอบว่า
"ต้องทำความเข้าใจให้ ดีๆนะงับ ไม่ใช่จะทำให้อาเจียนได้นะงับ เพราะบางท่านมีจุดของความพอดีอยู่แล้วนะงับไม่ใช่ นั่ง ยืน เดิน นอน โดยอาการเดียวทั้งวันและคืนนะงับ" อันนี้มันไม่ขัดกับข้างต้นหรือครับที่ว่า "เดินยาวเท่าไหร่ก็ได้ นานเท่าไหร่ก็ได้"

ผมขอถามใหม่แล้วกันว่า
1. ผู้ฝึกใหม่จำเป็นต้องมีองค์ภาวนาหรือไม่ ต้องใช้บัญญัติหรือไม่ เพราะอะไร
2. การเจริญสติใช้อริยาบทเดินอย่างเดียวใช่หรือไม่ เดินนานเท่าไรก็ได้ใช่หรือไม่ เพราะอะไร

ผมไม่ได้มีเจตนาจะคาดคั้นแต่เนื่องจากกังวลว่าถ้าบางท่านเมื่อได้อ่านแล้วเอาไปปฏิบัติตามจะเกิดผลดีหรือผลเสียอย่างไร
ขอความเจริญในธรรมจงมีแ่ด่ท่าน



มาตอบนะงับ

การที่ผู้ปฎิบัติใหม่ต้องมีองค์ภาวนาหรือไม่ นั้น บางท่านก็ตอบว่าผู้ปฎิบัติใหม่ต้องมีเพราะไม่เคยฝึก

แต่ผมตอบว่าไม่จำเป็นเลยก็ได้ เพราะว่า การที่เข้าไปรู้ของสติปฐาน 4 ที่แท้จริงแล้วหมายถึง การไปรู้ว่ากายเคลื่อน จิตเป็นอย่างไร ไม่ใช่ไปรู้ พุท-โธ ก้าว-หนอ พองหนอ-ยุบหนอ

ไม่ว่าจะนั่งยืนเดินนอน ไม่จำเป็นต้องใช้ท่าเดียวนะงับ ขอให้มีสติในขณะนั้นก็พอ แต่ที่ให้เดินเพราะว่า จะได้ไม่หลับขณะนั่งนะงับ

เพราะว่าพระพุทธองค์ ทรงให้ใช้ มัชชิมาปฎิปทา คือความพอดี ทางสายกลาง จะให้เดินจนฝ่าเท้าแตกแบบพระเถระในสมัยพุทธกาลก็ไม่ดีนะงับ หรือจะไม่เดินฝึกสติเลย เหมือนคนทั่วไปก็ไม่ดีนะงับ เอาความพอดีเป็นที่ตั้ง


คุณอายะ นานมาจัง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอายะ นานมาจัง
ผมตอบไปแล้วครับเมื่อตอนเย็นแต่ทำไมไม่ขึ้นก็ไม่รู้ กำลังจะตอบซ้ำอีำกนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
ผมไม่ได้มีเจตนาจะคาดคั้นแต่เนื่องจากกังวลว่าถ้าบางท่านเมื่อได้อ่านแล้วเอาไปปฏิบัติตามจะเกิดผลดีหรือผลเสียอย่างไร


นั่นซิ.... :b12:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่ผู้ปฎิบัติใหม่ต้องมีองค์ภาวนาหรือไม่ นั้น บางท่านก็ตอบว่าผู้ปฎิบัติใหม่ต้องมีเพราะไม่เคยฝึก

แต่ ผมตอบว่าไม่จำเป็นเลยก็ได้ เพราะว่า การที่เข้าไปรู้ของสติปฐาน 4 ที่แท้จริงแล้วหมายถึง การไปรู้ว่ากายเคลื่อน จิตเป็นอย่างไร ไม่ใช่ไปรู้ พุท-โธ ก้าว-หนอ พองหนอ-ยุบหนอ

ไม่ว่าจะนั่งยืนเดินนอน ไม่จำเป็นต้องใช้ท่าเดียวนะงับ ขอให้มีสติในขณะนั้นก็พอ แต่ที่ให้เดินเพราะว่า จะได้ไม่หลับขณะนั่งนะงับ

เพราะ ว่าพระพุทธองค์ ทรงให้ใช้ มัชชิมาปฎิปทา คือความพอดี ทางสายกลาง จะให้เดินจนฝ่าเท้าแตกแบบพระเถระในสมัยพุทธกาลก็ไม่ดีนะงับ หรือจะไม่เดินฝึกสติเลย เหมือนคนทั่วไปก็ไม่ดีนะงับ เอาความพอดีเป็นที่ตั้ง



เรียนท่านขงเบ้ง
ผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่าไม่ได้อยากเอาชนะ ไม่ใช่ด้วยทิฐิ แต่ด้วยความเห็นของผมมันรู้สึกขัดกับที่คุณกล่าวไว้ถ้าถูกผิดประการใดก็ชีแจงมาได้นะครับ ผมจะค่อยๆ เริ่มเลยนะครับ

1. การปฏิบัติธรรมตามแนวทางสติปัฎฐาน 4 ให้ได้ผลดีสติจะต้องเกิดต่อเนื่องดุจสายน้ำ [อันนี้เห็นด้วยไหมครับ]
2. สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ซึ่งส่วนใหญ่อินทรีย์อ่อนอยู่มาก ถ้าไม่ใช้คำบริกรรมช่วยจะเป็นการยากที่จะทำให้สติเกิดได้อย่างต่อเนื่อง และถ้าเผลอก็จะรู้ตัวได้ง่าย [อันนี้เห็นด้วยไหมครับ]
3. สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่นั้นถ้าไม่ใช้คำบริกรรมเลยนานๆ ครั้งสติจะเกิด และจะเผลอง่ายมาก อีกทั้งเมื่อเผลอแล้วก็จะรู้ตัวได้ยาก การเกิดขึ้นของสติจะเกิดแบบอิมพัลล์ คือนานๆ เกิดที
4. จาก 2 และ 3 เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน 2 จะทำให้สติเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า ดังนั้นจึงจะทำให้ถึงจุดหมายปลายทางเร็วกว่า ซึ่งอันนี้เหละคือความแตกต่าง เช่นผมเคยเจอนักปฏิบัติบางท่านเคยบอกผมว่าปฏิบัติธรรมมา 5-6 ปี ยังเอาชนะเวทนาไม่ได้เลย เหตุผลเป็นเพราะว่ารูปแบบการปฏิบัติของเขานั้นสติเกิดไม่ต่อเนื่อง และสมาธิก็อ่อน ซึ่งทำให้เขาเกิดความท้อถอยเป็นอย่างมาก
ถ้าหากนักปฏิบัติใหม่ผู้ที่อินทรีย์ยังอ่อนไม่ใช้ภาวนาช่วยแล้วจะทำให้การกำหนดไม่เป็นไปอย่างแนบแน่นสติเกิดไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากเผลอได้ง่าย ก็จะทำให้ประสิทธิผลของการปฏิบัติด้วยลงไป ทำให้ไม่เห็นผลของการปฏิบัติ หรือบรรเทากิเลสอย่างหยาบๆ ได้ เช่น ยังยินดีในการฟังเพลงอยู่ ฟังเพลงยังเพราะอยู่ ยังติดในรสอาหาร แม้มีใครมากล่าวร้ายนิดเดียวก็โกรธ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดดัชนีความสุข เพราะว่าถ้าเรากิเลสมากความสุขก็จะน้อย ถ้าเรากิเลสน้อยความสุขก็จะมากนั่นเองละครับ

คราวนี้มาตอบคำถาม และถามท่านขงเบ้งเป็นข้อๆ เลยนะครับ
การไปรู้ว่ากายเคลื่อน จิตเป็นอย่างไร ไม่ใช่ไปรู้ พุท-โธ ก้าว-หนอ พองหนอ-ยุบหนอ
การปฏิบัติไม่ได้มีจุดมุุ่งหมายไปรู้ พุท โธ หรือ พองหนอ ยุบหนอ เป็นการบริกรรมเพื่อให้การกำหนดเป็นไปอย่างแนบแน่นเหตุผลดังข้างต้น จุดมุ่งหมายของการปฏิบัติคือการตามดู ตามรู้เพียงอย่างเดียว เป็นเพียงผู้ชมเท่านั้นไม่มีการคิดวิเคราะห์ใดๆ ทั้งสิ้น สภาวะธรรมต่างๆ มันจะปรากฏขึ้นมาเอง
ส่วนคำถามของผมคือ ที่บอกว่า "การไปรู้ว่ากายเคลื่อน จิตเป็นอย่างไร" ขณะที่เคลื่อนไหวนั้นท่านเอาจิต ไปไว้ที่ไหนที่กายหรือที่จิด แล้วกายมันเคลื่อนไหวไปเองหรือจิตสั่งให้มันเคลื่อนไป แล้วที่กล่าวว่าจิตเป็นอย่างไรนั้นท่านหมายถึงจิตที่สั่งให้กายเคลื่อน หรือสภาะจิต เศร้าหมอง หดหู่ดีใจ ขณะที่กายเคลื่อน ขอเหตุผลประกอบด้วยนะครับ

ว่าพระพุทธองค์ ทรงให้ใช้ มัชชิมาปฎิปทา คือความพอดี ทางสายกลาง จะให้เดินจนฝ่าเท้าแตกแบบพระเถระในสมัยพุทธกาลก็ไม่ดีนะงับ หรือจะไม่เดินฝึกสติเลย เหมือนคนทั่วไปก็ไม่ดีนะงับ
ผมขอนิยามของทางสายกลางด้วยนะครับว่าเป็นอย่างไร เช่นถ้านั่งไปเกิดเวทนาคือปวดเข่าอย่างมาก ควรจะเปลี่ยนเป็นเดินดีไหม หรือ นั่งต่อ หรือดูจนกระทั่งเวทนาหายไป อย่างไหนเป็นทางสายกลางกันแน่ครับ

แต่ที่ให้เดินเพราะว่า จะได้ไม่หลับขณะนั่งนะงับ
อริยาบทเดินนั้นจะให้ึ้วิริยะมากกว่าสมาธิ และเมื่อเดินแล้วไปนั่งจะทำให้อินทรีย์สมดุล เนื่องมาจากอานิสงฆ์ของการเดิน แต่ทั้งนี้การเดินมากเดินน้อยนั้นจะขึ้นอยู่กับความสมดุลระหว่างวิริยะกับสมาธิ ถ้าวิริยะอ่อนก็จะเกิดอาการง่วงเป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่อินทรีย์แก่กล้าไม่จำเป็นต้องเดินก็ได้เนื่องมาจากในช่วงอิริยาบทย่อยท่านก็เจริญสติอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดวิริยะดีอยู่แล้ว ความเห็นผมเป็นดังนี้ถูกผิดประการใดท่านขงเบ้งโปรดชี้แนะด้วยครับ
อีกอย่างหนึ่งท่านยอมรับหรือไม่ว่าการเดินจะเดินนานเท่าไรก็ได้นั้นมันไม่ถูกต้องเพื่อให้ผู้ที่ได้มาอ่านมีความเข้าใจที่ตรงกันนะครับ


ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ท่านทั้งหลายครับ


แก้ไขล่าสุดโดย อายะ เมื่อ 24 มิ.ย. 2009, 13:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 05:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




imagesCAS3VB6Z.jpg
imagesCAS3VB6Z.jpg [ 3.72 KiB | เปิดดู 3598 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
ผมขอนิยามของทางสายกลางด้วยนะครับว่าเป็นอย่างไร


ขอถามเสริมให้คุณอายะหน่อย เพื่อความหนักแน่นเด็ดขาด ไม่คลุมเคลืออีกต่อไป เฉพาะความหมาย
ของศัพท์นี้

ถามขงเบ้งนะงับว่า ขงเบ้งเข้าใจคำว่าทางสายกลางอย่างไร หมายความว่า คุณน่ะเข้าใจคำว่า มัขฌิมาปฏิปทา
ยังงัยงับ แค่ไหน เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา เห็นพูดกันบ่อย ๆ แต่ก็ยังมีคนสงสัยว่า แค่ไหนทาง (ตรงกลาง) สายกลาง หรือ มัชฌิมาปฏิปทา เขาวัดกันยังไง จากไหนถึงไหน ทางสายกลาง
เอาชัดๆเลยนะงับ :b16:

ส่วนประเด็นอื่นก็ว่ากันไปสองคน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




avatar248281_3.gif
avatar248281_3.gif [ 27.92 KiB | เปิดดู 3559 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
เรียนท่านขงเบ้ง
ผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่า ไม่ได้อยากเอาชนะ ไม่ใช่ด้วยทิฐิ แต่ด้วยความเห็นของผมมันรู้สึกขัด
กับที่คุณกล่าวไว้ ถ้าถูกผิดประการใดก็ชีแจงมาได้นะครับ ผมจะค่อยๆ เริ่มเลยนะครับ



คุณอายะครับ :b8: ท่านขงเบ้งงับ :b1:

การที่พวกเราหยิบยกเอาหัวข้อธรรมหรือศัพท์ธรรมตัวใดตัวหนึ่งขึ้นมาถกเถียงกันเนี่ย ไม่พึงมองหรือคิดว่าเป็นการ
เอาชนะคะคานกันนะครับ นะงับ ควรถือว่าเราตั้งวงย่อยๆชำระพระธรรมวินัยกัน มองในแง่นี้จะเห็นชัดเลยว่าสมควรทำด้วยซ้ำ

เราถกเถียงกันบนหลักการและเหตุผล มีที่อ้างอิงมีที่มาที่ไป ตามลำดับขั้นของเรื่อง ไม่ใช่ถกเถียงกันด้วยอารมณ์
เมื่อว่ากันตามข้อเท็จจริงพร้อมหลักฐานจนได้ข้อสรุปลงตัวแล้วพอจบหยุด เพราะผู้อ่านได้แนวทางแห่งการ
ศึกษาและปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เป้นบุญแก่อนุชนรุ่นหลัง ที่เข้ามาค้นคว้าหาข้อเท็จจริง พร้อมหลักฐานอ้างอิง
เพื่อตัวเขาเองและสืบสานต่อไป มองในแง่นี้นะครับ นะงับๆ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านกรัชกายเขียน
"เราถกเถียงกันบนหลักการและเหตุผล มีที่อ้างอิงมีที่มาที่ไป ตามลำดับขั้นของเรื่อง ไม่ใช่ถกเถียงกันด้วยอารมณ์เมื่อว่ากันตามข้อเท็จจริงพร้อมหลักฐานจนได้ข้อสรุปลงตัวแล้วพอจบหยุด เพราะผู้อ่านได้แนวทางแห่งการศึกษาและปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เป้นบุญแก่อนุชนรุ่นหลัง ที่เข้ามาค้นคว้าหาข้อเท็จจริง พร้อมหลักฐานอ้างอิงเพื่อตัวเขาเองและสืบสานต่อไป "

ตรงใจจริงๆคับ ท่านกรัชกาย อย่างไรก็ตามความรู้ทางธรรมของผมนั้นก็ยังน้อยมากทั้งด้านปริญัติและปฏิบัติ ซึ่งถ้าผิดพลาดตามหลักธรรมประการใดขอเชิญท่านกรัชกาย หรื่อท่านอื่นๆ ช่วยชี้แนะด้ัวยนะครับ
เนื่องจากการแสดงธรรมผิดๆ เป็นบาปหนัก และเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ศาสนาเสื่อมด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 15:21
โพสต์: 43

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: คุณอายะ ที่ว่ามาเหมือนที่หลวงพ่อจรัญท่านสอนมาเลยค่ะ
:b8: :b18:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับคำถามที่ทุกท่านกรุณาถามจะขอนำไปตอบในเดือนหน้านะงับ เนื่องจากช่วงนี้มีภาระมาก ขอบคุงงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร