วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 01:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2009, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2009, 03:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 462

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ราชธิดา "พระองค์อย่าทรงเพลิดเพลินในกาม จงทรงเห็นโทษในกามทั้งหลาย พระเจ้ามันธาตุผู้เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔ เป็นผู้เลิศกว่าบุคคลผู้บริโภคกามทั้งหลาย ยังไม่ทรงอิ่มด้วยกามทั้งหลาย ก็สวรรคตไป ความปรารถนาของเธอยังไม่ทันบริบูรณ์เลย

เทวดาผู้เป็นเจ้าแห่งฝน พึงบันดาลรัตนะ ๗ ประการ ให้ตกโดยรอบทั่วทั้งสิบทิศ ความอิ่มด้วยกามทั้งหลายก็มิได้มี นรชนทั้งหลายผู้ไม่อิ่มด้วยกามพากันตายไปหมด

กามทั้งหลายเปรียบด้วยดาบและหลาว เหมือนหัวงูเห่า เปรียบดังเพลิงเผาอยู่เนือง ๆ เหมือนร่างกระดูก

กามทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีทุกข์มาก เหมือนงูที่มีพิษมาก เหมือนก้อนเหล็กอันไฟติดทั่ว เป็นรากเหง้าแห่งทุกข์ มีทุกข์เป็นผล

กามทั้งหลายเปรียบเหมือนผลไม้อันเป็นพิษ เป็นชิ้นเนื้อนำมาซึ่งทุกข์

กามทั้งหลายเปรียบเหมือนความฝัน เป็นของหลอกลวงเหมือนของที่ยืมเขามา เปรียบด้วยหอกและหลาว เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นความทุกข์ยาก เป็นความลำบาก เช่นดังหลุมถ่านเพลิง เป็นรากเหง้าแห่งทุกข์ เป็นภัย เป็นนายเพชฌฆาต

กามทั้งหลายบัณฑิตกล่าวว่ามีทุกข์มาก มีอันตรายมากอย่างนี้ เชิญพระองค์เสด็จกลับเสียเถิด หม่อมฉันไม่มีความคุ้นเคยในสมบัติของตนเลย

เมื่อไฟไหม้อยู่ที่ศีรษะของตน ผู้อื่นจะช่วยทำประโยชน์อะไรให้หม่อมฉันได้ เมื่อชราและมรณะติดตามแล้ว ควรจะพยายามเพื่อทำลายชราและมรณะนั้น

ราชธิดาทอดพระเนตรเห็นพระชนกชนนีและพระเจ้าอนิกรัตต์ เสด็จมายังไม่ทันถึงประตูปิด ประทับนั่งร้องไห้อยู่ที่แผ่นดิน ราชธิดาจึงได้ทราบทูลว่า

"วัฏฏะของคนพาลทั้งหลาย ผู้ร้องไห้ถึงมารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย และตนเองซึ่งตายแล้วในสงสาร เป็นสภาพยาวนาน ขอพระองค์ทรงระลึกถึงน้ำตา น้ำนม น้ำเลือด และกองกระดูกของสัตว์ทั้งหลายท่องเที่ยวอยู่ไปมา เพราะความที่สงสารมีที่สุดอันบุคคลรู้ไม่ได้

ขอจงทรงนึกถึงมหาสมุทรทั้ง ๔ ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงน้อมเข้าไปเปรียบกับน้ำตา น้ำนม และเลือด

ขอทรงนึกถึงกองกระดูกของคนหนึ่งในกัปหนึ่ง เท่าภูเขาวิบุลบรรพต

ขอทรงนึกถึงแผ่นดินใหญ่ คือชมพูทวีป ที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบด้วยมารดา บิดา ของบุคคลผู้ท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร แผ่นดินใหญ่ เมื่อแบ่งออกเป็นก้อนกลม ๆ เท่าเมล็ดพุทรา ยังไม่เพียงพอกับบิดามารดาเลย

ขอทรงนึกถึงหญ้า ไม้ กิ่งไม้และใบไม้ ที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบด้วยมารดาบิดาของคน ผู้ท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏะ เพราะวัฏฏมีที่สุดอันรู้ไม่ได้ หญ้า ไม้ กิ่งไม้และใบไม้ ชิ้นหนึ่งประมาณเท่า ๔ นิ้ว ก็ยังไม่เพียงพอกับบิดามารดาเลย และชิ้นหนึ่งมีประมาณเท่านั้น ยังไม่เพียงพอกับ ปู่ ย่า ตา ยายเลย

ขอจงทรงนึกถึงเต่าตาบอด และช่องแอกที่หมุนวนไปในทิศบูรพาและทางอื่น ๆ อีกในมหาสมุทร มาสวมศีรษะเต่าตาบอดตัวนั้น ข้อนี้อุปมาดังการได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์
:b31: { :พระธรรม พระสงฆ์ มีอยู่ ยิ่งในเมืองพุทธด้วย มีบริษัท๔ ด้วย ยิ่งยากยิ่ง}

ขอจงทรงนึกถึงโทษของรูป คือกายอันหาสาระมิได้ เปรียบเหมือนก้อนฟองน้ำ ขอทรงพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายอันไม่เที่ยง จงทรงนึกถึงนรก อันมีความคับแค้นมาก จงทรงนึกถึงสัตว์ทั้งหลาย ผู้พอกพูนอยู่ในป่าช้าบ่อย ๆ ในชาตินั้น ๆ จงทรงนึกถึงภัยอันเกิดแต่ท้อง

ขอจงทรงนึกถึงอริยสัจ ๔ เมื่ออมตมหานิพพานมีอยู่ จะมีประโยชน์อะไรด้วยของเผ็ดร้อน ๕ ประการ ที่พระองค์ทรงดื่มแล้ว เพราะว่าความยินดีในกามทั้งปวง มีความเผ็ดร้อนกว่าของเผ็ดร้อน ๕ ประการเสียอีก

เมื่ออมตมหานิพพานมีอยู่ พระองค์จะต้องการอะไรด้วยกามทั้งหลาย เพราะว่าความยินดีในกามทั้งปวง อันไฟ ๑๑ กองให้รุ่งเรืองแล้วให้เดือดพล่านแล้ว ให้กำเริบแล้ว ให้ร้อนพร้อมแล้ว

เมื่อการออกจากกาม อันไม่มีข้าศึกมีอยู่ "ไฉนพระองค์จึงต้องการด้วยกามทั้งหลาย อันมีข้าศึกมากเล่า กามทั้งปวงมีข้าศึกมาก ทั่วไปด้วยพระราชา ไฟ โจร น้ำ และคนที่ไม่เป็นที่รัก

เมื่อความพ้นจากกามมีอยู่ ไฉนพระองค์จึงต้องการด้วยกามทั้งปวง อันเป็นเหตุให้ถูกฆ่า และถูกจองจำเล่า เพราะว่าการถูกฆ่าและถูกจองจำก็เพราะกามทั้งปวง

สัตว์ทั้งหลายได้เสวยทุกข์ต่าง ๆ ก็เพราะความใคร่ในกาม คบเพลิงหญ้าอันไฟติดโชน ย่อมไหม้คนผู้ถืออยู่และไม่ทิ้ง เพราะว่ากามทั้งปวงเปรียบดังคบเพลิง ย่อมไหม้คนที่ไม่ละ

พระองค์อย่าทรงละสุขอันไพบูลย์ เพราะเหตุแห่งกามสุขอันเล็กน้อย พระองค์
อย่าทรงเป็นเหมือนปลากลืนกินเบ็ดแล้วต้องเดือดร้อนในภายหลังเลย

พระองค์อย่าทรงเห็นผิด เพราะกามทั้งปวง ดังสุนัขอันถูกเขาล่ามโซ่ไว้เลย สัตว์ทั้งหลายผู้มีความอยากเพราะกามจัด บริโภคกามนั้นเหมือนเสือปลาถูกความหิว ครอบงำได้สุนัขแล้วต้องถึงความพินาศฉิบหายฉะนั้น

ถ้าพระองค์ทรงประกอบด้วยกาม จะต้องทรงเสวยทุกข์หาประมาณมิได้
และโทรมนัสแห่งจิตเป็นอันมาก จงทรงสละกามทั้งปวง อันไม่ยั่งยืนเสียเถิด

เมื่อนิพพานอันเป็นธรรมไม่แก่ มีอยู่ ไฉนพระองค์จึงทรงต้องการด้วยกามทั้งปวง ที่มีความแก่เล่า เพราะการเกิดทุกชาติในภพทั้งปวง ประกอบด้วยความตายและพยาธิ

นิพพานนี้ไม่แก่ไม่ตาย เป็นทางดำเนินไปถึงความไม่แก่ ไม่ตาย ไม่มีความเศร้าโศก ไม่คับแคบเพราะข้าศึก ไม่มีความพลั้งพลาด ไม่มีภัย ไม่มีความเดือดร้อน

อมตนิพพานนี้ อันพระอริยเจ้าเป็นอันมากได้บรรลุแล้ว
และอมตนิพพานนี้
อันบุคคลผู้พยายามโดยอุบายอันแยบคายจะพึงได้แม้ในวันนี้
แต่บุคคลผู้ไม่พยายาม ก็ไม่อาจจะได้แม้ในกาลไหน ๆ"

ราชธิดาตรัสดังนี้ เพื่อไม่ให้ยินดีในสังขาร เพื่อจะทรงยังพระเจ้าอนิกรัตต์ให้ทรงยินยอม จึงทรงโยนพระเกศาที่ทรงตัดแล้วด้วยพระขรรค์ไปที่พื้นดิน

พระเจ้าอนิกรัตต์เสด็จลุกขึ้น ทรงประคองอัญชลี ทูลขอกะพระบิดาของนางสุเมธาราชธิดานั้นว่า

"ขอจงทรงโปรดปล่อยให้นางสุเมธาบวชเถิด นางจะเป็นผู้เห็นวิโมกข์และสัจจะ"

ที่มา:
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007826.htm
พระสุเมธาเถรี


แก้ไขล่าสุดโดย นัน555 เมื่อ 11 ต.ค. 2009, 03:35, แก้ไขแล้ว 5 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2009, 03:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 462

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


[๕๐๕] ครั้งนั้นแล
มารธิดาทั้ง ๓
คือ
นางตัณหา
นางอรดี
นางราคา

จึงพากันเข้าไปหาพระยามารถึงที่อยู่
ครั้นแล้วจึงถามพระยามารด้วยคาถาว่า

ข้าแต่คุณพ่อ คุณพ่อมีความเสียใจด้วยเหตุอะไร หรือ
เศร้าโศกถึงผู้ชายคนไหน หม่อมฉันจักผูกผู้ชายคนนั้นด้วย
บ่วง คือราคะ นำมาถวาย เหมือนบุคคลผูกช้างมาจากป่า ฉะนั้น
ชายนั้นจักตกอยู่ในอำนาจของคุณพ่อ ฯ

[๕๐๖] พระยามารกล่าวว่า
ชายนั้นเป็นพระอรหันต์ผู้ดำเนินไปดีแล้วในโลก ไม่เป็นผู้
อันใครๆ พึงนำมาด้วยราคะได้ง่ายๆ ก้าวล่วงบ่วงมาร
ไปแล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงเศร้าโศกมาก ฯ

[๕๐๗] ครั้งนั้นแล มารธิดา คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา จึง
พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคอย่าง
นี้ว่า ข้าแต่พระสมณะ พวกหม่อมฉันจักขอบำเรอพระบาทของพระองค์ ฯ

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงใส่พระทัยถึงคำของนางมารธิดาเหล่า
นั้น เพราะพระองค์ทรงน้อมพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกิเลสอย่างยอดเยี่ยม ฯ


[๕๐๘] ลำดับนั้น มารธิดา คือนางตัณหา นางอรดี นางราคา จึง
หลีกออกไป ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วร่วมคิดกันอย่างนี้ว่า ความประสงค์ของ
บุรุษมีต่างๆ กันแล อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรนิรมิตเพศเป็นนางกุมาริกาคน
ละร้อยๆ ฯ

ลำดับนั้น มารธิดา คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา จึงพากันนิรมิต
เพศเป็นนางกุมาริกาคนละร้อยๆ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้ว
กราบทูลพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระสมณะ พวกหม่อมฉันจะขอบำเรอ
พระบาทของพระองค์ ฯ
พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงใส่พระทัยถึงถ้อยคำของมารธิดา เพราะพระองค์
ทรงน้อมพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกิเลสอย่างยอดเยี่ยม ฯ

[๕๐๙] ลำดับนั้น มารธิดาทั้ง ๓ คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา
พากันหลีกไป ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ร่วมกันคิดอย่างนี้ว่า ความประสงค์ของ
บุรุษมีต่างๆ กัน อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรพากันจำแลงเพศเป็นหญิงยังไม่เคย
คลอดบุตร
คนละร้อยๆ ฯ
ลำดับนั้นแล มารธิดาทั้ง ๓ คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา จึง
พากันจำแลงเพศเป็นหญิงยังไม่เคยคลอดบุตรคนละร้อยๆ เข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
*พระภาคถึงที่ประทับ แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระสมณะ
พวกหม่อมฉันจะขอบำเรอบาทของพระองค์ ฯ
ถึงอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคก็มิได้ทรงใส่พระทัยถึงเลย เพราะพระองค์
ทรงน้อมพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกิเลสอย่างยอดเยี่ยม ฯ

[๕๑๐] ฝ่ายนางตัณหา นางอรดี นางราคา พากันหลีกไป ณ ที่ควร
ข้างหนึ่งแล้ว ร่วมคิดกันอย่างนี้ว่า ความประสงค์ของบุรุษทั้งหลายมีต่างๆ กัน
อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรจำแลงเพศเป็นหญิงที่คลอดบุตรแล้วคราวเดียวคนละ
ร้อยๆ ฯ
ลำดับนั้นแล นางตัณหา นางอรดี นางราคา พากันจำแลงเพศเป็นหญิง
คลอดแล้วคราวเดียวคนละร้อยๆ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้ว
กราบทูลพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระสมณะ พวกหม่อมฉันจะขอบำเรอ
พระบาทของพระองค์ ฯ
ถึงอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคก็มิได้ทรงใส่พระทัยถึง เพราะพระองค์ทรง
น้อมพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกิเลสอย่างยอดเยี่ยม ฯ

[๕๑๑] ลำดับนั้นแล นางตัณหา นางอรดี นางราคา ฯลฯ จึงพากัน
จำแลงเพศเป็นหญิงที่คลอดบุตรแล้ว ๒ คราว คนละร้อยๆ เข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
*พระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ แม้ถึงอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคก็มิได้ทรงใส่พระทัยถึง
เพราะพระองค์ทรงน้อมพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกิเลสอย่างยอดเยี่ยม ฯ

[๕๑๒] ลำดับนั้น นางตัณหา นางอรดี นางราคา ฯลฯ จึงพากัน
จำแลงเพศเป็นหญิงกลางคน คนละร้อยๆ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ฯลฯ ถึงอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคก็มิได้ทรงใส่พระทัยถึงเลย เพราะพระองค์
ทรงน้อมพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกิเลสอย่างยอดเยี่ยม ฯ

[๕๑๓] ลำดับนั้น นางตัณหา นางอรดี นางราคา ฯลฯ จึงพากัน
จำแลงเพศเป็นหญิงผู้ใหญ่คนละร้อยๆ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคจนถึงที่ประทับ
ฯลฯ แม้ถึงอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคก็มิได้ทรงใส่พระทัยถึง เพราะพระองค์ทรง
น้อมพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกิเลสอย่างยอดเยี่ยม ฯ

[๕๑๔] ลำดับนั้น มารธิดา คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา พากัน
หลีกไป ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว จึงพูดกันว่า เรื่องนี้จริงดังบิดาของเราได้พูด
ไว้ว่า

ชายนั้นเป็นพระอรหันต์
ผู้ดำเนินไปดีแล้วในโลก ไม่เป็นผู้อันใครๆ พึงนำมาด้วยราคะได้ง่ายๆ
ก้าวล่วงบ่วงมารไปได้แล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงเศร้าโศกมาก ฯ


ก็ถ้าพวกเราพึงเล้าโลมสมณะหรือพราหมณ์คนใดที่ยังไม่หมดราคะ ด้วย
ความพยายามอย่างนี้ หทัยของสมณะหรือพราหมณ์คนนั้นพึงแตก หรือโลหิตอุ่น
พึงพลุ่งออกจากปาก หรือพึงถึงกับเป็นบ้า หรือถึงความมีจิตฟุ้งซ่าน (จิตลอย)
เหมือนอย่างไม้อ้อสดอันลมพัดขาดแล้ว ย่อมหงอยเหงาเหี่ยวแห้งไป แม้ฉันใด
สมณะหรือพราหมณ์นั้นพึงซูบซีดเหี่ยวแห้งไป ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ


ครั้นแล้ว นางตัณหา นางอรดี นางราคา พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๕๑๕] นางตัณหามารธิดา ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า

ท่านถูกความโศกทับถมหรือ จึงได้มาซบเซาอยู่ในป่าอย่างนี้
ท่านเสื่อมจากทรัพย์เครื่องปลื้มใจแล้วหรือ หรือว่ากำลัง
ปรารถนาอยู่ ท่านได้ทำความชั่วอะไรๆ ไว้ในบ้านหรือ
เพราะเหตุไร ท่านจึงไม่ทำมิตรภาพกับชนทั้งปวงเล่า หรือว่า
ท่านทำมิตรภาพกับใครๆ ไม่สำเร็จ ฯ

[๕๑๖] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
เราชนะเสนาคือปิยรูปและสาตรูป (รูปที่รักและรูปที่พอใจ)
เป็นผู้ๆ เดียวเพ่งอยู่ ได้รู้ความบรรลุประโยชน์ และความ
สงบแห่งหทัย ว่าเป็นความสุข ฯ
เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ทำความเป็นมิตรกับชนทั้งปวง และ
ความเป็นมิตรกับใครๆ ย่อมไม่อำนวยประโยชน์ให้แก่เรา ฯ


[๕๑๗] ลำดับนั้น นางอรดีมารธิดาได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
ภิกษุในพระศาสนานี้ มีปรกติอยู่ด้วยธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่าง
ไหนมาก จึงข้ามโอฆะทั้ง ๕ แล้ว เวลานี้ได้ข้ามโอฆะที่ ๖
แล้ว กามสัญญาทั้งหลายย่อมห้อมล้อมไม่ได้ซึ่งบุคคลผู้เพ่ง-
ฌานอย่างไหนมาก ฯ

[๕๑๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
บุคคลมีกายอันสงบแล้ว มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว เป็นผู้ไม่มี
อะไรๆ เป็นเครื่องปรุงแต่ง มีสติ ไม่มีความอาลัย ได้รู้ทั่ว
ซึ่งธรรม มีปรกติเพ่งอยู่ด้วยฌานที่ ๔ อันหาวิตกมิได้ ย่อม
ไม่กำเริบ ไม่ซ่านไป ไม่เป็นผู้ย่อท้อ ฯ
ภิกษุในศาสนานี้ เป็นผู้มีปรกติอยู่ด้วยธรรมเป็นเครื่องอยู่
อย่างนี้มาก จึงข้ามโอฆะทั้ง ๕ ได้แล้ว บัดนี้ได้ข้ามโอฆะที่
๖ แล้ว กามสัญญาทั้งหลายย่อมห้อมล้อมไม่ได้ ซึ่งภิกษุผู้
เพ่งฌานอย่างนี้มาก ฯ


[๕๑๙] ลำดับนั้นแล นางราคามารธิดา ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วย
คาถาว่า
พระศาสดาผู้เป็นหัวหน้าดูแลคณะสงฆ์ ได้ตัดตัณหาขาดแล้ว
และชนผู้มีศรัทธาเป็นอันมาก จักประพฤติตามได้แน่แท้
พระศาสดานี้เป็นผู้ไม่มีความอาลัย ได้ตัดขาดจากมือมัจจุราช
แล้ว จักนำหมู่ชนเป็นอันมาก ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ฯ

[๕๒๐] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ตถาคตมีความแกล้วกล้าใหญ่ ย่อมนำสัตว์ไปด้วยพระสัท-
ธรรมแล เมื่อตถาคตนำไปอยู่โดยธรรม ไฉนความริษยา
จะพึงมีแก่ท่านผู้รู้เล่า ฯ

[๕๒๑] ลำดับนั้นแล มารธิดาทั้ง ๓ คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา
พากันเข้าไปหาพระยามารถึงที่อยู่ ฯ
พระยามารเห็นมารธิดา คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา มาแต่ไกล
ครั้นเห็นแล้ว ได้กล่าวพ้อด้วยคาถาทั้งหลายว่า

.. :b33: พวกคนโง่พากันทำลายภูเขาด้วยก้านบัว ขุดภูเขาด้วยเล็บ
เคี้ยวเหล็กด้วยฟันทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะทำพระโคดมให้
เบื่อเข้าต้องหลีกไป เป็นประดุจบุคคลวางหินไว้บนศีรษะแล้ว
แทรกลงไปในบาดาล หรือดุจบุคคลเอาอกกระแทกตอ
ฉะนั้น ฯ

:b41: :b42: พระศาสดาได้ขับไล่นางตัณหา นางอรดี และนางราคา ผู้มีรูป
น่าทัศนายิ่ง ซึ่งได้มาแล้วในที่นั้นให้หนีไป เหมือนลมพัด
ปุยนุ่น ฉะนั้น ฯ



ที่มา:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=4010&Z=4136


แก้ไขล่าสุดโดย นัน555 เมื่อ 11 ต.ค. 2009, 03:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร