วันเวลาปัจจุบัน 28 ส.ค. 2025, 01:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 17:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




005.jpg
005.jpg [ 19.7 KiB | เปิดดู 2087 ครั้ง ]
ปัญญาในการกำหนดธรรมเป็นภายใน เป็นวัตถุนานัตตญาณ



ปัญญาในการกำหนดธรรมเป็นภายใน เป็นวัตถุนานัตตญาณอย่างไร ฯ


พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมทั้งหลายเป็นภายในอย่างไร ย่อมกำหนด ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นภายใน ฯ


พระโยคาวจรย่อมกำหนดจักษุเป็นภายในอย่างไร ฯ

ย่อมกำหนดว่า จักษุเกิดเพราะ.....
...อวิชชา
...ตัณหา
...กรรม
...อาหาร


อาศัยมหาภูตรูป ๔ เกิดแล้วเข้ามาประชุมแล้ว ว่า...
.....จักษุไม่มี(จักษุเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดจักษุโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่าจักษุไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา จักษุไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา
........กำหนดจักษุโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
........กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
........กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
........ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
........ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
........ย่อมให้ราคะดับไป ไม่ให้เกิดขึ้น
........ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ


เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นทุกข์ ย่อมละความสำคัญว่าเป็นสุขได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อให้ราคะดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดจักษุเป็นภายในอย่างนี้ ฯ




เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2009, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดหูเป็นภายในอย่างไร ฯ

ย่อมกำหนดว่า หูเกิดเพราะ.....
...อวิชชา
...ตัณหา
...กรรม
...อาหาร


อาศัยมหาภูตรูป ๔ เกิดแล้วเข้ามาประชุมแล้ว ว่า...
.....หูไม่มี(หูเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดหูโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่าหูไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา หูไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา
........กำหนดหูโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
........กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
........กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
........ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
........ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
........ย่อมให้ราคะดับไป ไม่ให้เกิดขึ้น
........ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ


เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นทุกข์ ย่อมละความสำคัญว่าเป็นสุขได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อให้ราคะดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดหูเป็นภายในอย่างนี้ ฯ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2009, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดจมูกเป็นภายในอย่างไร ฯ

ย่อมกำหนดว่า จมูกเกิดเพราะ.....
...อวิชชา
...ตัณหา
...กรรม
...อาหาร


อาศัยมหาภูตรูป ๔ เกิดแล้วเข้ามาประชุมแล้ว ว่า...
.....จมูกไม่มี(จมูกเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดจมูกโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่าจมูกไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา จมูกไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา
........กำหนดจมูกโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
........กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
........กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
........ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
........ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
........ย่อมให้ราคะดับไป ไม่ให้เกิดขึ้น
........ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ


เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นทุกข์ ย่อมละความสำคัญว่าเป็นสุขได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อให้ราคะดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดจมูกเป็นภายในอย่างนี้ ฯ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2009, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดลิ้นเป็นภายในอย่างไร ฯ

ย่อมกำหนดว่า ลิ้นเกิดเพราะ.....
...อวิชชา
...ตัณหา
...กรรม
...อาหาร


อาศัยมหาภูตรูป ๔ เกิดแล้วเข้ามาประชุมแล้ว ว่า...
.....ลิ้นไม่มี(ลิ้นเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดลิ้นโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่าลิ้นไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ลิ้นไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา
........กำหนดลิ้นโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
........กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
........กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
........ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
........ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
........ย่อมให้ราคะดับไป ไม่ให้เกิดขึ้น
........ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ


เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นทุกข์ ย่อมละความสำคัญว่าเป็นสุขได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อให้ราคะดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดลิ้นเป็นภายในอย่างนี้ ฯ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดกายเป็นภายในอย่างไร ฯ

ย่อมกำหนดว่า กายเกิดเพราะ.....
...อวิชชา
...ตัณหา
...กรรม
...อาหาร


อาศัยมหาภูตรูป ๔ เกิดแล้วเข้ามาประชุมแล้ว ว่า...
.....กายไม่มี(กายเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดกายโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่ากายไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา กายไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา
........กำหนดกายโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
........กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
........กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
........ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
........ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
........ย่อมให้ราคะดับไป ไม่ให้เกิดขึ้น
........ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ


เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นทุกข์ ย่อมละความสำคัญว่าเป็นสุขได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อให้ราคะดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดกายเป็นภายในอย่างนี้ ฯ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2009, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดใจเป็นภายในอย่างไร ฯ

ย่อมกำหนดว่า ใจเกิดเพราะ.....
...อวิชชา
...ตัณหา
...กรรม
...อาหาร


อาศัยมหาภูตรูป ๔ เกิดแล้วเข้ามาประชุมแล้ว ว่า...
.....ใจไม่มี(ใจเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดใจโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่าใจไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ใจไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา
........กำหนดใจโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
........กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
........กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
........ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
........ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
........ย่อมให้ราคะดับไป ไม่ให้เกิดขึ้น
........ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ


เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นทุกข์ ย่อมละความสำคัญว่าเป็นสุขได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อให้ราคะดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดใจเป็นภายในอย่างนี้ ฯ

ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการกำหนดธรรมเป็นภายใน เป็นวัตถุนานัตตญาณ ฯ


เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร