วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 10:35
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คืออยากทราบว่าต้นไม้ที่มีรายชื่อต่อไปนี้เป็นต้นในพุทธประวัติหรือป่าวคับช่วยหน่อย

1 อบเชย
2 หว้าใบเล็ก
3 สารภี
4 พญาไม้
5 ใบเติม
6 ตาเสือทุ่ง
7 หาดหนุน
8 มะเลื่อม
9 ก่อแป้น ก่อตาหมู ก่อเดือย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ใช่ผู้รู้คราฟ แต่อยากรู้ว่าเอาข้อมูลไปทำไรคราฟ? :b13:

แล้วท่านได้ชื่อต้นไม้มาจากไหนคราฟ? :b10: :b13: :b9:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 15:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


-dd- เขียน:
ไม่ใช่ผู้รู้คราฟ แต่อยากรู้ว่าเอาข้อมูลไปทำไรคราฟ? :b13:

แล้วท่านได้ชื่อต้นไม้มาจากไหนคราฟ? :b10: :b13: :b9:

อยากรู้เหมือนกันคราฟ :b12: :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อมิตาพุทธ แสดง:

อ้างคำพูด:
อยากรู้เหมือนกันคราฟ :b12: :b8:


ผู้น้อยตามมาดู นึกว่าจะได้ฟามรู้ ..แต่ฟาวล์คราฟ..โธ่ท่าน อมิตาพุทธ .. :b16: ..

...เอาละกัดฟันช่วยน้องแบบสุ่มนะคราฟ.. :b22: ..ตาม link แล้วใช้ความสามารถกรองเอานะคราฟ.. :b13: :b9: ..

http://www.dnp.go.th/nursery/pud/name-pud.htm
http://www.dhammajak.net/gallery/thumbnails.php?album=56
http://www.dhammajak.net/tree/2.html
http://www.rspg.thaigov.net/homklindokmai/budhabot/budbot.htm
http://www.udomsuksa.ac.th/Latphrao/Knowledge/Botanical/botanic08.asp..

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 04:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


-dd- เขียน:
อมิตาพุทธ แสดง:

อ้างคำพูด:
อยากรู้เหมือนกันคราฟ :b12: :b8:


ผู้น้อยตามมาดู นึกว่าจะได้ฟามรู้ ..แต่ฟาวล์คราฟ..โธ่ท่าน อมิตาพุทธ .. :b16: ..

:b32: :b13: คือผู้น้อยไม่ค่อยรู้เรื่องต้นไม้น่ะคราฟ :b29:
ก็เลยคิดว่า ปล่อยเป็นหน้าที่ของท่าน -dd- ให้ช่วยน้องๆ ดีกว่า :b4:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อมิตาพุทธ:

อ้างคำพูด:
:b32: :b13: คือผู้น้อยไม่ค่อยรู้เรื่องต้นไม้น่ะคราฟ :b29:
ก็เลยคิดว่า ปล่อยเป็นหน้าที่ของท่าน -dd- ให้ช่วยน้องๆ ดีกว่า :b4:

อะท่าน อมิตาพุทธ ข้าน้อยก็ไม่สันทัดกรณีตรีชวาเช่นกันขอรับ :b13: :b9: :b13: จะเอะอะขอ help จากท่านยายมัทนา
ผู้ทรงภูมิพฤกษศาสตร์ก็เกรงจาย ฮ่ะ ... :b27: :b32: เลยเล่นบทขี่ม้าเลียบเมือง"อากู๋" และรวบรวมเรื่องที่เกี่ยวข้องมาลงกันเหงา.. :b11: .. สงสัยว่า น้องน้อยกลอยใจคงหนีไปแล้วละคราฟ เราก็คงหมดหน้าที่แถวนี้นะคราฟท่านอมิตาพุทธ ..

....ว่าแล้วเราไปครัวคุณน้ำหาของอร่อยหม่ำกันดีก่าน้าคราฟ..ชักหิว . :b22: :b22:
( เมื่อกี้ทะลึ่งออกไปล้างรถหลังบ้าน อุณภูมิที่-2C ง่ะ พอเอาน้ำฉีดไป แป๊บเดียว มานกลายเป็นน้ำแข็งมือแทบ"ไหม้"เพราะความหนาว เลยต้องขับรถเข้าจอดในที่จอดรถ ปล่อยให้มานล้างตัวเอง อิอิ !!..นี่เป็นประสบการณ์ล้างรถเองในฤดูหนาวครั้งแรก ต่อไปจะไม่ทำอีกคราฟ.. Onion_L ) :b34:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 23:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อมิตาพุทธ:


อ้างอิงคำพูด:
คือผู้น้อยไม่ค่อยรู้เรื่องต้นไม้น่ะคราฟ
ก็เลยคิดว่า ปล่อยเป็นหน้าที่ของท่าน -dd- ให้ช่วยน้องๆ ดีกว่า


-dd- เขียน:
อะท่าน อมิตาพุทธ ข้าน้อยก็ไม่สันทัดกรณีตรีชวาเช่นกันขอรับ จะเอะอะขอ help จากท่านยายมัทนาฯ
ผู้ทรงภูมิพฤกษศาสตร์ก็เกรงจาย ฮ่ะ ... เลยเล่นบทขี่ม้าเลียบเมือง"อากู๋" และรวบรวมเรื่องที่เกี่ยวข้องมาลงกันเหงา.. .. สงสัยว่า น้องน้อยกลอยใจคงหนีไปแล้วละคราฟ เราก็คงหมดหน้าที่แถวนี้นะคราฟท่านอมิตาพุทธ ..

....ว่าแล้วเราไปครัวคุณน้ำหาของอร่อยหม่ำกันดีก่าน้าคราฟ..ชักหิว .
( เมื่อกี้ทะลึ่งออกไปล้างรถหลังบ้าน อุณภูมิที่-2C ง่ะ พอเอาน้ำฉีดไป แป๊บเดียว มานกลายเป็นน้ำแข็งมือแทบ"ไหม้"เพราะความหนาว เลยต้องขับรถเข้าจอดในที่จอดรถ ปล่อยให้มานล้างตัวเอง อิอิ !!..นี่เป็นประสบการณ์ล้างรถเองในฤดูหนาวครั้งแรก ต่อไปจะไม่ทำอีกคราฟ.. )


:b43: :b43: :b43:

tongue ท่านอมิตาพุทธ / ตา-dd-

:b10: แว่วมา..เหมือนใครเอ่ยชื่อเรา เลยต้องเข้ามายลซักหน่อย
แม้ข้าพเจ้าจะหารูปสังกรณีตรีชวามาให้ได้ชมกัน
ก็มิๆได้หมายความว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ทรงภูมิทางพฤกษศาสตร์นะ ตา -dd-

(ปลูกต้นไม้ยังไม่ค่อยจะขึ้นเลยล่ะตา...มือไม่เย็นพอมั้ง!?!? :b9: :b32: )

เอาเป็นว่า หากมีโอกาสเดี๋ยวยายมัทจะช่วยถามผู้รู้ตัวจริงให้น้องเค้าด้วยอีกทางนึงนะจ๊ะ

แล้วคิดไงเนี่ยะ ล้างรถตอนอุณหภุมิติดลบน่ะ...
จะทำสถิติกินเนสรีคอร์ดรึจ๊ะตา!!!

:b9: :b32: :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย มัทนา ณ หิมะวัน เมื่อ 23 ม.ค. 2010, 23:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 03:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


-dd- เขียน:
อะท่าน อมิตาพุทธ ข้าน้อยก็ไม่สันทัดกรณีตรีชวาเช่นกันขอรับ :b13: :b9: :b13: จะเอะอะขอ help จากท่านยายมัทนา
ผู้ทรงภูมิพฤกษศาสตร์ก็เกรงจาย ฮ่ะ ... :b27: :b32: เลยเล่นบทขี่ม้าเลียบเมือง"อากู๋" และรวบรวมเรื่องที่เกี่ยวข้องมาลงกันเหงา.. :b11: .. สงสัยว่า น้องน้อยกลอยใจคงหนีไปแล้วละคราฟ เราก็คงหมดหน้าที่แถวนี้นะคราฟท่านอมิตาพุทธ ..

พูดถึงไม่เท่าไหร่ ท่านมัทฯ ก็ปรากฏตัวมาแล้วนะครับท่าน -dd-
สงสัยท่านมัทฯ คงจะจามบ่อย เพราะมีคนพูดถึง เลยรีบมาอ่านกระทู้นี้ :b32:
:b6: อืม..ไม่รู้น้องเขาคงจะกลัวพวกเราหรือเปล่าครับ หายไปเลยอ่า :b12:
-dd- เขียน:
....ว่าแล้วเราไปครัวคุณน้ำหาของอร่อยหม่ำกันดีก่าน้าคราฟ..ชักหิว . :b22: :b22:
( เมื่อกี้ทะลึ่งออกไปล้างรถหลังบ้าน อุณภูมิที่-2C ง่ะ พอเอาน้ำฉีดไป แป๊บเดียว มานกลายเป็นน้ำแข็งมือแทบ"ไหม้"เพราะความหนาว เลยต้องขับรถเข้าจอดในที่จอดรถ ปล่อยให้มานล้างตัวเอง อิอิ !!..นี่เป็นประสบการณ์ล้างรถเองในฤดูหนาวครั้งแรก ต่อไปจะไม่ทำอีกคราฟ.. Onion_L ) :b34:

ดีกๆแบบนี้ชักหิวเหมือนกันครับ ลองไปค้นห้องครัวคุณน้ำดูด้วยกันก็ดีนะครับท่าน
คุณน้ำเธอมีเมนูอาหารเพียบ :b37: :b12:

ปล. กลัวรถไม่เงางามหรือครับท่าน -dd- ล้างรถตอนอุณหภูมิติดลบ :b12:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


แก้ไขล่าสุดโดย อมิตาพุทธ เมื่อ 24 ม.ค. 2010, 04:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 10:35
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือว่าหัวหน้าที่ทำงานเค้าต้องการจะไปประกอปการทำไรสักอย่างในโครงการพุทธอุทยานอนาคามีเลยอยากให้พี่ๆในบอร์ดช่วยหน่อยคับผมก็หามาเยอะเเต่ไม่เจอเลยอ่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2010, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อมิตาพุทธ:

อ้างคำพูด:
ปล. กลัวรถไม่เงางามหรือครับท่าน -dd- ล้างรถตอนอุณหภูมิติดลบ :b12:


:b2: กลัว"ศพ"ไม่งามอะขอรับอมิตาพุทธ:...เพราะแทบมองทะลุกระจกไม่ได้เเล้ว ..งืออ :b2: :b5: ..

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2010, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


totozukzon
อ้างคำพูด:
คือว่าหัวหน้าที่ทำงานเค้าต้องการจะไปประกอปการทำไรสักอย่างในโครงการพุทธ อุทยานอนาคามีเลยอยากให้พี่ๆในบอร์ดช่วยหน่อยคับผมก็หามาเยอะเเต่ไม่เจอเลย อ่ะ


น้องtoto..ครับ พี่ก็ช่วยหาแล้วแต่ได้เท่าที่ลิ้งค์ไว้น่ะแหละ พี่ว่าคงต้องไปถามพระหรือผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฏกกระมัง อย่างไรก็คงไม่ได้คำตอบจากที่นี่ แค่เห็นชื่อต้นไม้ที่น้องให้มา ก็งงว่ามีด้วยหรอ เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละ เช่นตาเสือทุ่ง, หาดหนุน, พญาไม้ ฯลฯ ... :b10: :b14: :b23: ..

แต่ที่รู้แน่ๆคือต้นโพธิ์นี่แหละเป็นหลัก..ก็ให้เจ้านายปลูกโพธิ์เป็นส่วนมากสิครับ.. :b13: :b9:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุคร๊าบบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2010, 16:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 17:04
โพสต์: 47

แนวปฏิบัติ: สวดมนต์
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 20

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดว่าน่าจะไม่เกี่ยวกัน แต่ลองนำมาให้อ่านดูก็แล้วกันน่ะค่ะ^^~

อบเชย


รูปภาพ

นิลกังขา:
ทางจีนว่า สมัยก่อนมีพระอาทิตย์ไม่ใช่ดวงเดียว แต่มีสิบดวง ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่ ดวงละวันๆ
แต่วันหนึ่งพระอาทิตย์เหล่านี้คึก โผล่หน้าออกมาพร้อมกันหมดทั้งสิบดวง ชาวโลกก็ไอ๊หยา ร้อนตายกันไปจำนวนมาก
เดือดร้อนถึงนายขมังธนูผู้เก่งกาจที่สุดในแผ่นดินต้องออกมาดำเนินปฏิบัติการดับตะวัน นายขมังธนูคนนั้น ถ้าจำไม่ผิดชื่อ โฮ่วอี้ แกยิงพระอาทิตย์แตกไปทีละดวงๆ จนเหลือแต่เพียงดวงเดียว โลกก็รอดมหัตภัยมาได้ เทพดวงอาทิตย์ของจีนโบราณ รูปเป็นนกกายักษ์สามขาครับ พอถูกยิงแตกก็หล่นลงมาตายกลายเป็นนกกาสามขาเก้าตัว เหลือดวงปัจจุบันให้ลส่องโลกต่อไป

(นิทานครับนิทาน เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงจะหานายขมังธนูที่ไหนที่จะยิงธนูได้ไกลถึง 93 ล้านไมล์ยังงั้นก็เกินไป)

โฮ่วอี้ผู้ดับดวงอาทิตย์มีเรื่องไปเกี่ยวกับจันทรเทวี ฉางเอ๋อ ด้วย เพราะโฮ่วอี้เป็นสามีของนางฉางเอ๋อ วีรกรรมของเขาที่ช่วยโลกให้พ้นจากอันตรายนั้น ทำให้สวรรค์ประทานยาอมฤตให้โฮ่วอี้เป็นรางวัล กินแล้วจะไม่แก่ไม่ตายกลายเป็นอมตะ

ตรงนี้เรื่องมีเล่าเป็นสองทาง ทางหนึ่งว่า พระนางฉางเอ๋อชายาโฮ่วอี้แอบขโมยกินยาอายุวัฒนะหมดคนเดียว ไม่แบ่งให้โฮ่วอี้ด้วย แต่อีกทางหนึ่งแก้ว่า เพราะโฮ่วอี้พอเป็นมหาวีรบุรุษของมนุษยชาติแล้วก็ชักจะเหิมเกริม ทำท่าจะตั้งตัวเป็นทรราช พระนางฉางเอ๋อเห็นท่าไม่ดีว่าถ้าโฮ่วอี้เป็นทรราชที่เป็นอมตะด้วย มวลมหาประชาชนก็คงแย่ เลยตัดสินใจขโมยยากินเองหมดคนเดียว

แต่ผลก็เหมือนกัน คือยาที่เตรียมไว้สำหรับสองคนนั้น พอนางฉางเอ๋อกินเข้าไปคนเดียวก็โอเวอร์โดส เกินขนาด ทำให้ตัวนางฉางเอ๋อเบาโหวงไม่ติดพื้น ลอยลิ่วๆ ขึ้นไปบนฟ้าจนไปถึงพระจันทร์ แล้วก็เลยติดแหงกอยู่ที่นั่นตลอดมาจนถึงเดี๋ยวนี้ กลายเป็นเทพธิดาดวงจันทร์ไป

บนดวงจันทร์ จีนเขาว่า มีตำหนักเย็นอันไพศาล หรือกว่างหานกง เป็นวังของเทวีฉางเอ๋อ มีต้นอบเชยยักษ์อยู่ต้นหนึ่งด้วย ต้นอบเชยนี้ เป็นอบเชยวิเศษ ทวยเทพสร้างไว้ลงโทษใครอีกคนหนึ่งซึ่งผมจำชื่อไม่ได้ ตะแกคนนี้แกอยากเป็นเซียน แต่ไปทำผิดข้อห้ามอะไรเข้าอย่างหนึ่ง เลยต้องมาใช้หนี้กรรมด้วยการมาตัดต้นอบเชย แต่อบเชยที่ว่าเป็นอบเชยวิเศษ พอแกเงื้อขวานฟันลำต้นเข้าแผลหนึ่ง ระหว่างระยะที่เงื้อขวานจะจามลงอีกรอบ แผลบนลำต้นก็ประสานกันสนิทเหมือนเดิม เป็นอันว่าแกต้องตั้งหน้าตัดต้นอบเชยนั้นแหละไปจนชั่วกัลปาวสาน ได้เป็นอมตะสมใจแต่ต้องทำงานตลอดเวลา รอยดำๆ บนพระจันทร์ที่ไทยเราเห็นเป็นกระต่าย นั้น จีนเขาว่า คือต้นอบเชยยักษ์นี่แหละครับ ส่วนสมัยนี้ใครจะว่าเป็นรอยเท้านีล อาร์มสตรองก็แล้วแต่

(ใครที่รู้จักนิยายกรีก ฟังบทลงโทษเรื่องตัดต้นอบเชยยักษ์นี้แล้วอาจจะนึกเปรียบเทียบกับซิซีฟุส ซึ่งถูกสาปให้กลิ้งครก เอ๊ย กลิ้งหินขึ้นเขาไปตลอดชั่วกาลนานเหมือนกัน)


อ้างคำพูด:
นิลกังขา:
นึกออกแล้วครับ อีตาคนตัดไม้เจ้ากรรมที่ถูกสาปนั่น ชื่ออู๋กังครับ แปลว่าถ้าเชื่อตำนานจีน บนโลกพระจันทร์มีชาวโลกพระจันทร์อยู่ 2 คน คือเจ้าแม่ฉางเอ๋อเทวี กับอีตาอู๋กัง กับสิ่งมีชีวิตอีกอย่างหนึ่งคือต้นอบเชยยักษ์ (ผมคิดว่าทางจีนไม่ได้กล่าวถึงกระต่ายในดวงจันทร์)

ถ้าเชื่อตำนานไทย บนโลกพระจันทร์ก็มีกระต่าย กับมียายกะตาคู่หนึ่งทำนาอยู่บนพระจันทร์

เรื่องเทพกินเหล้า หรือน้ำโสมะ แต่อสูรไม่กินที่คุณพระนายยกมานี้ เป็นคติทางพราหมณ์ ซึ่งยังคงอยู่ในชื่อ "อสูร" อ + สุร และทางพุทธก็รับเกร็ดเรื่องนี้มาด้วย มาปรากฏในนิทานเรื่องพระอินทร์ของทางพุทธ ที่ได้เค้าจากพระอินทร์ฮินดูแต่ปรับแปลงใหม่ คือเรื่องของมฆะมานพกับสหายทั้งสามสิบสามคน ที่ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล 5 จนได้ไปเกิดในสวรรค์ พอไปเกิดก็เจอเทพพวกเก่าเจ้าถิ่น ซึ่งเป็นเทวดาขี้เมา ชวนให้เสวยสุรา พวกเทพใหม่ (ชาวพุทธ) ถือศีล 5 จึงไม่กินเหล้า เฝ้ารอท่าจนเทพพวกเก่าเมามายไม่ได้สติและก็พร้อมใจกันจับเทวดาขี้เมาโยนลงมาจากสวรรค์ เข้ายึดครองสวรรค์เป็นของตน กลายเป็นพระอินทร์ (ของทางพุทธ) หรือท้าวมัฆวาน และบรรดาเทวดาแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (แปลความหมายว่า สวรรค์สามสิบสาม เพราะเริ่มจากเทพสามสิบสามองค์) ส่วนเทพพวกเก่าพอหล่นลงไปแล้ว ด้วยบารมีของพวกนั้น ก็เกิดเป็นพิภพใหม่คือภพอสูรขึ้นรองรับ จึงเกิดเทวโลกและอสูรโลกแต่นั้นมา และอสูรยังแค้นเทวดาอยู่ก็เลยเกณฑ์ทัพขึ้นไปรบกับเทวดาอยู่เนืองๆ เรียกว่า เทวาสุรสงคราม ซึ่งทางพุทธก็เอาเค้าจากนิทานพราหมณ์มาเล่าต่อในตำราพุทธเหมือนกัน

เห็นร่องรอยนิทานเดิมได้ชัด แต่สลับกันเสีย ทางพุทธ เทพต่างหากเป็นฝ่ายไม่กินเหล้า แต่อสูรกิน (หรือเคยกิน) หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า เทพพวกใหม่ที่ถือศีล 5 ของพุทธ ไม่กินเหล้า แต่เทพพวกเก่าหรือเทวดาฮินดูนั้นเป็นเทพขี้เมายังกินเหล้ากันอยู่ จนถูกเทพพวกใหม่ปราบจับโยนลงมา

ที่จริง สุระ ก็แปลว่า กล้า เท่านั้นเอง สุรา คงพอแปลว่าน้ำที่กินแล้วกล้า (บ้าบิ่น) ได้ละมั้ง



ขอบคุณ http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1129.10;wap2

.....................................................
เกิดดับ...
[จิ เจ รุ นิ]


จงทำใจให้นิ่ง....แล้วจะได้พบความสงบ เมื่อสงบ ความสุขย่อมจะตามมา....


ราตรีนาน สำหรับคนนอนไม่หลับ
ระยะทางโยชน์หนึ่งไกล สำหรับผู้ล้าแล้ว
สังสารวัฎยาวนาน สำหรับคนพาล
ผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม


คนพาลได้ความรู้มา
เพื่อการทำลายถ่ายเดียว
ความรู้นั้น ทำลายคุณความดีเขาสิ้น
ทำให้มันสมองของเขาตกต่ำไป


คนโง่ รุ้ตัวว่าโง่
ยังมีทางเป็นบัณฑิตได้บ้าง
แต่โง่แล้ว อวดฉลาด
นั่นแหละเรียกว่าคนโง่แท้

........What Goes Around... Comes Around........


แก้ไขล่าสุดโดย พลบค่ำ เมื่อ 04 พ.ค. 2010, 16:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2010, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 17:04
โพสต์: 47

แนวปฏิบัติ: สวดมนต์
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 20

 ข้อมูลส่วนตัว


หว้า ( Syzygium cumini (L . ) Skeels)

รูปภาพ


ต้นหว้า หรือที่ชาวฮินดูเรียกว่า “ จามาน ” หรือ “ จามูน ” ในพระพุทธประวัติกล่าวไว้สองตอนด้วยกันคือ ตอนแรก เมื่อพระเจ้าสุทโทธนะ สมเด็จพระราชบิดา เสด็จไปทรงประกอบพิธีแรกนาขวัญได้นำพระสิทธัตถะกุมาร ( พระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา) ไปดูด้วยและให้ประทับอยู่ใต้ต้นหว้าใหญ่ บรรดาพระพี่เลี้ยงนางนมต่างก็ไป ดูพิธีแรกนาขวัญกันหมด พระกุมารจึงลุกนั่งสมาธิกรรมฐาน ก็เป็นเหตุที่น่าอัศจรรย์ว่าแม้ตะวันจะบ่ายก็เป็น เหตุที่น่าอัศจรรย์ว่าแม้ตะวันจะบ่ายคล้อยไปแล้ว ร่มเงาของไม้หว้านั้นก็ยังไม่ขยับเปลี่ยนทิศทางคงปิดบังให้ ความ ร่มเย็นแก่พระองค์ โดยปรากฏเป็นปริมณฑลตรงอยู่ประดุจเงาของตะวันตอนเที่ยงตรงและอีกตอนหนึ่ง กล่าวว่าตอนที่พระพุทธเจ้าไปอาศัยกัสสปชฏิล พระฤษีได้ทูลนิมนต์ภัตตภิจ พระองค์ตรัสให้ไปก่อนแล้วเสด็จ เหาะไปนำผลหว้าใหญ่ประจำทวีปในป่าหิมพานต์ และไปสู่ที่โรงเพลิงก่อนที่กัสสปชฏิลจะไปถึง
หว้า เป็นพันธุ์ไม้พวก ชมพู่ คือสกุล ( Genus) ชมพู่ ( Syzygium) ในวงศ์ ( Family) ไม้หว้า ( Myrtaceae) เป็นไม้ต้นขนาด ใหญ่ ลำต้นค่อนข้างเปลา ตรง เปลือกค่อนข้างเรียบสีเทาอ่อนกิ่งก้านมาก แข็งแรง ปลายกิ่งห้อยย้อยลง ใบดกหนา ทำให้เกิดเป็นพุ่มทรงรูปไข่ แน่นทึบ ใบอ่อนจะแตกสีแดงเรื่อ ๆ ใบแก่หนา ออกเป็นคู่ ๆ ตรงข้ามกัน รูปใบมนหรือ แกมรูปหอก เกลี้ยง เป็นมัน เส้นแขนงใบละเอียดอ่อนและเรียงขนานกัน ดอกสีขาว ออกรวมกันเป็นช่อสั้น ๆ ตามกิ่ง ย่อม ๆ เหนือรอยแผลใบ ผล กลม รี ๆ มีเนื้อเยื่อหุ้ม ผลอ่อนสีเขียว พอเริ่มแก่ออกสีชมพู แต่พอแก่จัดออกสีดำ ใช้รับ ประทานได้ มีรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แม่ค้าที่ขายลูกหว้าเขาจะพรมน้ำเกลือเล็กน้อย เพื่อเพิ่มรสชาดให้น่ารับประทาน ยิ่งขึ้น ผล ยาว 1 – 2.5 ซม. และโตประมาณ 1 ซม.
หว้า เป็นพันธุ์ไม้ดั้งเดิมของแถบเอเชีย สามารถขึ้นได้ตั้งแต่ป่าดิบใกล้ทะเลขึ้นไปถึงเขาสูงไม่น้อยกว่า 800 เมตร ขึ้นได้ดีในที่ค่อนข้างชื้น ดินอุดมสมบูรณ์ด้วยปุ๋ยธรรมชาติ การขยายพันธุ์ส่วนใหญ่ใช้เมล็ดเพาะ และสัตว์พวกนก และค้างคาว สามารถช่วยในการแพร่พันธุ์ได้อย่างดี โดยนำเมล็ดที่กินเข้าไปถ่ายในที่อื่น ๆ นอกจากนี้ยังใช้ การตอนหรือทาบกิ่งก็ได้ ผลของหว้าจะมีขนาดเล็ก ใหญ่ ไม่แน่นอน แต่มีรายงานจากของอินเดียว่า หว้ามีผลยาว ถึง 3 ซม. พระที่วัดบวรฯ เคยบอกว่า มีหว้าต้นหนึ่งทางด้านคลองที่คั่นโบสถ์ มีผลใหญ่มาก และบอกว่ามีคนนำมา จากประเทศอินเดีย ถ้าเป็นจริงก็เข้าใจว่าคงเป็นหว้าที่มีชื่อเดิมทางพฤกษศาสตร์ว่า Eugenia jambolana Lam. แต่ในภายหลังชื่อนี้กลายเป็นชื่อพ้อง Syzygium cumini (L . ) Skeels ไปเสียแล้ว


ขอบคุณ http://webboard.tourthai.com/index.php?topic=4202.0

.....................................................
เกิดดับ...
[จิ เจ รุ นิ]


จงทำใจให้นิ่ง....แล้วจะได้พบความสงบ เมื่อสงบ ความสุขย่อมจะตามมา....


ราตรีนาน สำหรับคนนอนไม่หลับ
ระยะทางโยชน์หนึ่งไกล สำหรับผู้ล้าแล้ว
สังสารวัฎยาวนาน สำหรับคนพาล
ผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม


คนพาลได้ความรู้มา
เพื่อการทำลายถ่ายเดียว
ความรู้นั้น ทำลายคุณความดีเขาสิ้น
ทำให้มันสมองของเขาตกต่ำไป


คนโง่ รุ้ตัวว่าโง่
ยังมีทางเป็นบัณฑิตได้บ้าง
แต่โง่แล้ว อวดฉลาด
นั่นแหละเรียกว่าคนโง่แท้

........What Goes Around... Comes Around........


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2010, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 17:04
โพสต์: 47

แนวปฏิบัติ: สวดมนต์
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 20

 ข้อมูลส่วนตัว


สารภีไม่เจอค่ะ^^~ขอโทษด้วยน่ะค่ะ เจอแค่ต้นสาละ น่ะค่ะ

ต้นสาละ (Shorea robusta Roxb.)

สาละ ชาวอินเดียเรียกว่า ซาล (Sal) เป็นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน โดยที่พุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายา เมื่อใกล้กำหนดจะให้พระสูติการก็เสด็จจากกรุงกบิลพัสดุ์ไป ยังกรุงเทวทหนคร อันเป็นเมืองต้นตระกูลของพระนาง ตามธรรมเนียมพราหมณ์ (ที่การคลอดบุตรฝ่ายหญิง จะต้องกลับไปคลอดที่บ้าน พ่อ-แม่ ของฝ่ายหญิง) ในระหว่างทางพระนางได้ทรงหยุดพักบริเวณป่าแห่งหนึ่ง ใต้ร่มต้นสาละ เขตตำบลลุมพินีสถาน คงจะเป็นด้วยทรงถูกกระทบกระเทือนจากการเดินทางไกล หรือจะ เป็นด้วยอำนาจบุญญาธิการของพระราชโอรส (คือพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา) พระนางทรงเจ็บพระครรภ์ ผู้ตามเสด็จก็คงจัดเตรียมกั้นเป็นฉากห้อง เพื่อใช้เป็นสถานที่พระสูติการภายใต้ร่มของต้นสาละนั้น สำหรับในช่วงสุดท้ายที่ต้นสาละเข้าไปเกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัตินั้น ก็โดยที่พระพุทธองค์ได้เสด็จ ไปถึงยังเมืองกุสินาราของมัลละกษัตริย์ ได้ประทับในบริเวณสาลวโณทยาน ภายใต้ร่มต้นสาละคู่หนึ่ง ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายมาก จึงรับสั่งให้พระอานนท์ ซึ่งเป็นองค์อุปัฏฐากปูลาดที่บรรทมเอนพระวรกาย ลงโดยหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ แล้วเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานภายใต้ต้นสาละนั่นเอง


ที่กล่าวมาแล้วเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ แต่ ?สาละ? โดยตัวเองแล้วเป็นต้นไม้ขนาดกลางถึง ใหญ่ไม่ผลัดใบ อยู่ในสกุล (Genus) ไม้สยา (Shorea) วงศ์ (Family) ไม้ยาง (Dipterocarpaceae) ลำต้นเปลาตรง เปลือกสีเทา แตกเป็นร่องเป็นสะเก็ดทั่วไป เรือนยอดเป็นพุ่มทึบรูปเจดีย์หรือรูปไข่ เรือนพุ่มประมาณ 2/3 ของ ความสูงของต้น ปลายกิ่งห้อยลู่ลง ใบดกหนา กิ่งอ่อนเกลี้ยง ไม่มีขน ใบรูปไข่กว้าง โคนใบหยักเว้าเข้า ปลายใบหยักเป็นติ่งแหลมสั้น ๆ ผิวใบเป็นมันเกลี้ยง พื้นใบมักเป็นคลื่น รูปทรงทั่ว ๆ ไป คล้ายใบรังของไทย ดอกสีเหลืองอ่อน ออกรวมกันเป็นช่อสั้น ๆ ตามปลายกิ่งและง่ามใบ กลีบดอกและกลีบรองกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ ผลแข็ง มีปีก 5 ปีก ในจำนวนนี้จะยาว 3 ปีก และสั้น 2 ปีก แต่ละปีกมีเส้นตามยาวปีก 10 ? 15 เส้น สาละเป็นไม้พื้นเดิมของอินเดีย มักขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ ตามบริเวณที่ค่อนข้างจะชุ่มชื้น การขยายพันธุ์นิยมใช้เมล็ด เพาะหรือจะใช้การตอนกิ่งหรือทาบกิ่งก็ได้ แต่วิธีหลังเปอร์เซ็นต์การติดน้อยมาก ในประเทศไทยได้มีการ นำเอาต้นสาละหรือต้นซาลเข้ามาปลูกหลายครั้ง เท่าที่ทราบก็มีหลวงบุเรศบำรุงการนำมาถวายสมเด็จ พระมหาวีรวงษ์ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยทรงปลูกไว้ที่หน้าพระอุโบสถ 2 ต้น กับได้น้อมเกล้าถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2510 อีก 2 ต้น ในจำนวนนี้ได้ทรงปลูกไว้ในพระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน 1 ต้น กับทรงมอบให้วิทยาลัยการเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีอีก 1 ต้น อาจารย์เคี้ยน เอียดแก้ว และอาจารย์เฉลิม มหิทธิกุล ก็ได้นำต้นสาละมาปลูกไว้ในบริเวณคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ที่ค่ายพักนิสิตวนศาสตร์ สวนสักแม่หวด อำเภองาว จังหวัดลำปาง พระพุทธทาสภิกขุ ก็ได้ปลูกไว้ที่สวนโมกข์ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายสวัสดิ์ นิชรัตน์ ผู้อำนวยการกองบำรุง ก็ได้นำปลูกไว้ในสวนพฤกษศาตร์พุแค จังหวัดสระบุรี ซึ่งต่างก็มีความเจริญงอกงามดี และคาดว่าคงจะให้ผล เพื่อขยายพันธุ์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้นในเวลาอันควร


เดิมทีความเข้าใจเกี่ยวกับต้นสาละหรือต้นซาล ของชาวไทยยังค่อนข้างสับสนกันอยู่ เช่นเข้าใจว่าต้นสาละ เป็นต้นเดียวกันกับต้นรัง ที่มีชื่อทางพฤกษศาตร์ว่า Shorea siamensis Miq. เพราะรูปร่างและขนาด ของใบคล้ายคลึงกันมาก ประกอบกับต่างก็ชอบขึ้นเป็นหมู่ด้วยเช่นกัน แต่รังของไทยผิวใบไม่เป็นมัน พื้นผิว ค่อนข้างเรียบ บางสายพันธุ์ยังมีขนตามผิวใบ กับพอใบแก่จัดก่อนร่วงยังกลายเป็นสีแดงอิฐเสียอีกด้วย บางทีก็เข้าใจว่าต้นลูกปืนใหญ่หรือแคนนอลบอล ที่มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Couroupita guianensis Aubl. เพราะมีผู้นำต้นไม้ชนิดนี้มาจากประเทศลังกา และได้รับการบอกเล่าจากทางลังกาว่าเป็นต้นสาละ ผู้นำเข้ามาส่วนใหญ่จะปลูกไว้ตามวัดต่าง ๆ เช่น วัดพระเชตุพนฯ วัดบวรนิเวศน์ฯ และที่สวนพฤกษศาตร์พุแค จังหวัดสระบุรี เป็นต้น พันธุ์ไม้ดังกล่าวจะมีช่อดอกออกตามลำต้น ดอกโตขนาดถ้วยแกง และมีผลกลม โต ขนาดผลส้มโอย่อม ๆ

ขอบคุณ http://www.kammatan.com/board/index.php?topic=230.0

.....................................................
เกิดดับ...
[จิ เจ รุ นิ]


จงทำใจให้นิ่ง....แล้วจะได้พบความสงบ เมื่อสงบ ความสุขย่อมจะตามมา....


ราตรีนาน สำหรับคนนอนไม่หลับ
ระยะทางโยชน์หนึ่งไกล สำหรับผู้ล้าแล้ว
สังสารวัฎยาวนาน สำหรับคนพาล
ผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม


คนพาลได้ความรู้มา
เพื่อการทำลายถ่ายเดียว
ความรู้นั้น ทำลายคุณความดีเขาสิ้น
ทำให้มันสมองของเขาตกต่ำไป


คนโง่ รุ้ตัวว่าโง่
ยังมีทางเป็นบัณฑิตได้บ้าง
แต่โง่แล้ว อวดฉลาด
นั่นแหละเรียกว่าคนโง่แท้

........What Goes Around... Comes Around........


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร