วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 18:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 22:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[๕๓๔] บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่
ยังไม่มาถึง สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไป
แล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง

ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆให้ปรุโปร่งเถิด


พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง เพราะว่าความผลัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย


พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้ มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นแลว่าผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำที่เรากล่าวไว้ว่า เราจักแสดงอุเทศและวิภังค์ของ
บุคคลผู้มีราตรีหนึ่งเจริญแก่เธอทั้งหลายนั้น เราอาศัยเนื้อความดังนี้ กล่าวแล้วด้วยประการฉะนี้ ฯ


พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดี
พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 22:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตธรรม เขียน:
ปัจจุปันนันจะ โยธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสติ อะสังหิรัง อะสังกุปปัง ตังวิทธรา มนุพรูหะเย
ผู้ใดเห็นธรรมอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้าในที่นั้นๆ อย่างแจ่มแจ้ง ไม่ง่อนแง่น คลอนแคลน เขาควรพอกพูนอาการเช่นนั้นไว้
จากข้อความข้างบนนี้ เป็นคำสอนที่สั้นและเรียบง่ายและค่อนข้างจะสำคัญมากในการปฏิบัติธรรมเพื่อให้ถึงความหลุดพ้น
จะทำ หรือ ปฏิบัติ การเจริญปัจจุบันอารมณ์อย่างไร


ละนิวรณ์ เจริญ โพชฌงค์ 7 เพื่อความตรัสรู้
ธรรมที่ควรเห็นแจ้งในปัจจุบัน จึงไม่ใช่การตามจดจ้อง ไปตามความรู้สึกนึกคิด ในอาการ กิริยาและเวทนาต่างๆ อันเป็นเหตุให้พอกพูนสักกายทิฏฐิ และกิเลสตัณหา.

ท่านแก่นไม้ เขียน:
ในอริยสัจ 4 นั้น

ทุกข์เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้
เหตุให้เกิดทุกข์เป็นสิ่งที่ควรละ
ความดับทุกข์เป็นสิ่งที่ควรทำให้เข้าใจแจ่มแจ้ง
ทางเข้าถึงซึ่งความดับทุกข์คือมรรคมีองค์ 8 เป็นสิ่งที่ควรเจริญ

ในปัจจุบันขณะนั้นมีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธัมมารมณ์มากมายมาผัสสะกับกายจิตทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ สิ่งเหล่านี้ผัสสะแล้วเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา ตัณหาเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน ...ฯลฯ... ชรา มรณะ ทุกข์ ฯลฯ.....

บัณฑิตย่อมไม่ยินดีในสิ่งเหล่านี้ ไม่นำจิตไปพัวพันในสิ่งเหล่านี้ แต่จะละความยินดีในผัสสะเหล่านี้

ส่วนกุศลธรรมใดอันประกอบด้วยมรรคมีองค์ 8 เกิดขึ้นแล้ว บัณฑิตทั้งหลายย่อมยินดีในกุศลธรรมเหล่านั้น ไม่ง่อนแง่นไม่คลอนแคลน และเจริญธรรมนั้น ๆ ไว้เนือง ๆ

ธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในพุทธศาสนานี้ก็หมายถึง โลกุตตระฌาน 4 หรืออริยะมัคค 4 ได้แก่
โสดาปัตติมัคค สกทาคามีมัคค อนาคามีมัคค และอรหัตตมัคคเป็นที่สุด

ผู้ที่เจริญแล้วไม่ง่อนแง่นไม่คลอนแคลน ย่อมได้ อริยะผล 4 คือ
โสดาปัตติผล สกทาคามีผล อนาคามีผล และอรหัตตผลในปัจจุบันขณะนั้นอย่างแน่นอน


ส่วนในปุถุชนผู้ยินดีในทาน ศีล ฌานสมาบัติ 8 และวิปัสสนาในปัจจุบันขณะไม่ง่อนแง่นไม่คลอนแคลน ย่อมไปสู่สุคติภพ และมัคคผลนิพพานในอนาคต


อรหัตตมัคค เป็นธรรมที่ควรเจริญธรรมนั้นไว้เนือง ๆ ในปัจจุบันขณะ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 24 ม.ค. 2010, 22:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 22:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจัย 3 ประการ ในการเจริญ อรหัตมัคค

อรหัตมัคค คือการเจริญพรหมจรรย์ในพุทธศาสนา โดยใช้บทพระธรรมเทศนา ในการแทงตลอดอริยสัจจ์ 4 เพื่อละตัณหา สังโยชน์ และอนุสัยให้สำเ็ร็จ

ปัจจัย 3 ประการ คือ
-ธรรมบท หรือพระธรรมเทศนา อันเป็นบทนำไปสู่การละกิเลสตัณหา
-มรรคปฏิปทา (อริยะมรรคมีองค์ 8)
-เป็นผู้มีจิต ฝักใฝ่ มีฉันทะในการประกอบความเพียร

บุคคลผู้ประกอบด้วยปัจจัย 3 ประการ ย่อมมีพระธรรมเทศนา หรือพระธรรมบท เป็นที่พึ่งที่อาศัย ละจากความยินดียินร้ายในนามรูป ละจากทิฏฐิของตน มีจิตน้อมไปในพระธรรมเทศนา มีนิพพานเป็นอารมณ์

เมื่อบุคคลละจากทิฏฐิของตน อันเป็นสักกายทิฏฐิได้ ย่อมเป็นผู้รู้ผู้เห็นตรง แต่ยังไม่อาจเป็นผู้ละตัณหา อนุสัยกิเลสทั้งปวงได้ จึงต้องเป็นผู้คอยอบรมจิตให้มีปัญญาเพื่อไปสู่อริยภูมิต่างๆ ตามลำดับ ๆ ไป

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 24 ม.ค. 2010, 22:53, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่างอรหัตตมัคค


จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว
ดั่งภูเขาศิลา
ไม่กำหนัดในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ไม่โกรธในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
จิตของบุคคลใด
อบรมได้ดั่งนี้
ความทุกข์จักมีมาแต่ที่ใดเล่า???

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาษิต ในพระสูตรนี้(ภัทเทกรัตตสูตร) พระพุทธองค์ ทรงแสดงชัดเจน เข้าใจง่าย
และสามารถนำไปปฏิบัติ ตามกำลังสติปัญญาของผู้มีศรัทธาในธรรม

แม้การทรงจำ ไว้ซึ่งพระสูตรบทนี้ และปฏิบัติให้สำเร็จ
ก็ชื่อว่า เป็นผู้เจริญแล้วซึ่ง สติปัฏฐาน4 เช่นกัน

เพราะเหตุว่า คือเป็นผู้รู้ผู้ตื่น ไม่ถือไม่ยึดเอากายในกายทั้งภายในทั้งภายนอก ไม่เป็นผู้เที่ยวไปในเวทนาอันเร่าร้อน ไม่เป็นผู้ยึดผู้ถือเอาสัญญาทั้งภายในและภายนอก ไม่เป็นผู้ยึดผู้ถือเอาการปรุงแต่งเพื่อภพเพื่อชาติ(ด้วยเหตุที่ว่าจิตนั้นอบรมด้วยโลกกุตรธรรม มีนิพพานเป็นอารมณ์)
เป็นผู้ รู้ผู้ตื่นมีปัญญาในการรู้ชัดซึ่งธรรมอันเป็นกุศล ไม่เกลือกกลั้วในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอกุศล
เป็นผู้รู้ผู้ตื่น ในความเพียรเพื่อละนิวรณ์ เพื่อความตั้งมั่นแห่งกุศลธรรม
เป็นผู้รู้ผู้ตื่น ในความเสวยอารมณ์ ความอิ่มเอิบ ในธรรมอันเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตเพื่อบรรลุภูมิธรรมอันยิ่งๆ ขึ้นไป
เป็นผู้รู้ผู้ตื่น ในความสงบจากทิฏฐิและ ตัณหา ทั้งกายและใจ อันห่างจากความเร่าร้อน
เป็นผู้รู้ผู้ตื่น เนื่องจากมีจิตตั้งมั่นแน่วแน่ในกุศลธรรม
เป็นผู้รู้ผู้ตื่นด้วยอุเบกขา มีมัคคปฏิปทาเป็นเครื่องปรุงแต่งจิตให้เกิดปัญญา อยู่เป็นนิจ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 24 ม.ค. 2010, 23:19, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2010, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b20: :b20:

ค่อยยังชั่วเจ้าค่ะ...
ตอนแรกขี้เกี้ยมนึกว่า จะเหลือแต่ขี้เกี้ยม...สนทนากับท่านอนัตตาธรรมเพียงสองต่อสอง
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น...ขี้เกี้ยมคงได้แต่ งุด งุด นั่งอ่านโดยไม่มีข้อเปรียบเทียบผิดถูก...และจะมีสิ่งที่ถูกว่านี้อีกมั๊ย
ขี้เกี้ยมก็ยังคิด ๆ อยู่ว่า...แล้วขี้เกี้ยมจะแยกแยะออกได้อย่างไร
ถ้าไม่มีผู้รู้เข้ามาแจม...ขี้เกี้ยมก็คงจะได้เสพธรรมในทัศนะของท่านอนัตตาฯ ฝั่งเดียว

ดีค่ะ...ที่มีผู้รู้...อย่างท่านเช่นนั้น มาช่วยเสริม....ขอบคุณค่ะ...
เพราะบอกตรง ๆ ขี้เกี้ยมยิ่ง...บื้อ ๆ อยู่ด้วย...
ก็ยังคิด ๆ อยู่ว่าอยาก...พิจารณาจากหลาย ๆ มุมมอง...
ขอบคุณ...อีกหลาย ๆ ที่...ท่านเช่นนั้นสละเวลามา...ร่วมสนทนา...และให้ความรู้...เจ้าค่ะ...

:b8: :b8: :b8:

ขอบคุณ...จริง ๆ

:b8: :b20: :b8: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2010, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดี มังกรน้อย... :)

"ปัจจุบันอารมณ์ เป็นที่รวมของโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ"

"ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆให้ปรุโปร่งเถิด"

สองวลี นี้แสดงอรรรถ แสดงธรรม เหมือนกันหรือไม่ มังกรน้อย มีความเห็นอย่างไรครับ?

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2010, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พอดี...เมื่อเช้าเห็นท่านเข้ามา...กิ้งกือน้อย...ก็ดีใจยังไม่ได้อ่านเจ้าค่ะ
และวันนี้ก็ออกเที่ยวนอกพื้นที่ทั้งวัน เพิ่งกลับมาถึง
เดี๋ยว clear งานแว๊บบบบ... แล้วพิมพ์ออกมาพิจารณาอย่างถ้วนถี่...
...อิ อิ ขอเวลา 1 คืนนะเจ้าคะ... :b15: :b15:
แบบว่า...เด็กประถมกำลังหัดทำการบ้าน...หง่ะ...หงิ หงิ... :b9: :b9:

ขอบคุณค่ะ......มีท่านเช่นนั้นเอาไม้เรียวมาคอยคุมความประพฤติอีกคน...
กิ้งกือน้อย...จะได้ซุกซนอย่างมีขอบเขต...หน่อย...

:b8: :b16: :b8: :b16:
:b20: :b8: :b20: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
สวัสดี มังกรน้อย... :)

"ปัจจุบันอารมณ์ เป็นที่รวมของโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ"

"ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆให้ปรุโปร่งเถิด"

สองวลี นี้แสดงอรรรถ แสดงธรรม เหมือนกันหรือไม่ มังกรน้อย มีความเห็นอย่างไรครับ?


ทำการบ้านมาแล้วเจ้าค่ะ...
เห็น...นี่ค่ะ...

viewtopic.php?f=1&t=26345&st=0&sk=t&sd=a

คือตอนแรกก็งง...เพราะอ่านข้อความของท่านอนัตต...กึ๊กกือน้อยก็เข้าใจ...ตามความเข้าใจของกึ๊กกือน้อย
ตอนอ่านบทความของท่านเช่นนั้น กึ๊กกือน้อยก็ยิ่งเข้าใจตามความเข้าใจของกึ๊กกือน้อยอีก...

เอาล่ะหว๋า....ก็เลยต้องย้อนกลับมานั่งทบทวนอ่านอย่างละเอียด...

อืมห์...ก็เลยนึกถึงสิ่งที่เพื่อนกึ๊กกือน้อยเคยเอามาให้เล่น...
เป็นเกมที่ บางคนก็อ่านได้...เข้าใจได้ ส่วนบางคนก็มีสะดุด..
และบางคนก็อ่านไม่เข้าใจ จับใจความไม่ได้...


"ธรรมของพระพุทธองค์นั้น...ก็ประหนึ่งต้นฉบับที่สมบูรณ์ด้วยอรรถ และสมบูรณ์ด้วยความ..."

ตรงนี้...กล่าวอย่างเป็นกลาง ๆ ก็คือ...ผู้ที่จะนำธรรมของพระพุทธองค์ไปปรับสอนอย่าง
ต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ เพื่อคงความสมบูรณ์ของพุทธธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้...
เพื่อประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาธรรมของพระพุทธองค์...

:b8: :b16: :b8: :b16:

ขอบคุณท่านเช่นนั้น...มากค่ะ....

:b8: :b16: :b8: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดี มังกรน้อย

Quote Tipitaka:
[๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่ไม่อบรมแล้ว ย่อมไม่ควรแก่การงาน เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่ไม่
อบรมแล้ว ย่อมไม่ควรแก่การงาน ฯ

[๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่
อบรมแล้ว ย่อมควรแก่การงาน เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่อบรมแล้ว
ย่อมควรแก่การงาน ฯ

[๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่
ไม่อบรมแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย จิตที่ไม่อบรมแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ

[๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่
อบรมแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จิตที่อบรมแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ

[๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่ไม่อบรมแล้ว ไม่ปรากฏแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือน
จิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่ไม่อบรมแล้ว ไม่ปรากฏแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่
ประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ

[๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่อบรมแล้ว ปรากฏแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย จิตที่อบรมแล้ว ปรากฏแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ

[๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่ไม่อบรมแล้ว ไม่ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่
เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่ไม่อบรมแล้ว ไม่ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไป
เพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ

[๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่
อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย จิตที่อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่าง
ใหญ่ ฯ

[๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่ไม่
อบรมแล้ว ไม่ทำให้มากแล้ว ย่อมนำทุกข์มาให้ เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จิตที่ไม่อบรมแล้ว ไม่ทำให้มากแล้ว ย่อมนำทุกข์มาให้ ฯ

[๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมนำสุขมาให้ เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จิตที่อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมนำสุขมาให้ ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 26 ม.ค. 2010, 12:32, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับคุณเช่นนั้น ,คุณเอรากอน


ขออนุโมทนากับการแสดงธรรมะของพระพุทธเจ้านะครับ


พระโยคาวจรผู้ฉลาด
พึงรักษาคุ้มครองจิตเพราะอะไร ?

เพราะ......!!

....."การฝึกจิตที่ข่มได้ยาก เบา
มักตกไปในอารมณ์ใคร่
การฝึกจิตเป็นความดี
จิตที่ฝึกดีแล้วจะนำความสุขมาให้"

เพราะฉนั้น....!!

....."บัณฑิตพึงรักษาจิตที่เห็นได้ยาก
ละเอียดยิ่งนัก
มักตกไปในอารมณ์ใคร่
จิตที่คุ้มครองแล้วจะนำความสุขมาให้"

เพราะ......!!

....."จิตนี้ไปไกล
เที่ยวไปดวงเดียว
ไม่มีรูปร่าง
มีถ้ำเป็นที่อาศัย
ผู้ใดสำรวมจิตไว้ได้
ผู้นั้นจะพ้นจากบ่วงมาร"

....."ปัญญาของผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น
ไม่รู้สัทธรรม
มีความเลื่อมใสเลื่อนลอย
ย่อมไม่บริบูรณ์"

....."อนึ่ง ภัยย่อมไม่มีแก่ผู้ตื่นอยู่
ผู้มีกัมมัฏฐานมั่นคงเป็นสหาย
มีจิตไม่ขวนขวาย
มีจิตไม่ถูกกำจัดละบุญและบาปได้แล้ว
ย่อมอยู่เป็นสุขทุกเมื่อ"




เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
สวัสดี มังกรน้อย... :)

"ปัจจุบันอารมณ์ เป็นที่รวมของโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ"

"ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆให้ปรุโปร่งเถิด"

สองวลี นี้แสดงอรรรถ แสดงธรรม เหมือนกันหรือไม่ มังกรน้อย มีความเห็นอย่างไรครับ?



ความ คนละจักรวาล shocked

มีหลักการ เจริญ นิวรณ์ไหมครับ Onion_no

smiley ปัจจุบันอารมณ์ไม่ดีก็ให้เจริญไว้หรือครับคุณ อนัตตา :b10:คอยเฝ้ารู้ หรือครับ :b5: :b10:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 26 ม.ค. 2010, 23:34, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 00:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




333481_2068608441.jpg
333481_2068608441.jpg [ 13.89 KiB | เปิดดู 3007 ครั้ง ]
หลับอยุ่ เขียน:

มีหลักการ เจริญ นิวรณ์ไหมครับ Onion_no




เจริญกามสัญญาก็ได้เรี่องแล้วค่ะคุณหลับอยู่



:b41: :b48: :b48: :b48: :b41: :b48: :b48: :b48: :b41: :b48: :b48: :b48: :b41: :b48: :b48: :b48:


หลับอยุ่ เขียน:

smiley ปัจจุบันอารมณ์ไม่ดีก็ให้เจริญไว้หรือครับคุณ อนัตตา :b10:คอยเฝ้ารู้ หรือครับ :b5: :b10:


รูปภาพ


cheesy ชัดเจนค่ะ คุณหลับอยู่ ไม่ต้องแปล ไม่ต้องขยายความ

แถมยืนกอดเสานะคะ (ไม่ใช่สาว) ก็เป็นปัจจุบันอ่ะนะ
Lips


เจริญในธรรมค่ะ

.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


shocked


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 00:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




27-02-08_01.gif
27-02-08_01.gif [ 13.31 KiB | เปิดดู 3004 ครั้ง ]
นี่ก็ปัจจุบัน

รูปภาพ


นี่ก็ใช่ ... ปัจจุบัน

รูปภาพ

.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร