วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 17:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 664 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 19, 20, 21, 22, 23, 24, 25 ... 45  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว





walaiporn

อ้างคำพูด:
เมื่อก่อนนี้ห้องนี้จะมีคุณ bbby กับคณอมิตตา รับแขกประจำ น้ำถนัดแต่อยู่ในครัว :b32:

cool tongue สวัสดีครับคุณน้ำ.. :b12:
.. ผมเห็นหลังท่านอมิตาฯไวไวเลยวิ่งตามมาดู เห็นเจ้าของครัวง่วนผัดกล้วยอยู่ :b4: :b13: :b16: ..

อ้างคำพูด:
ตอนนี้มีคุณทักทายมาช่วยรับแขกเพิ่มอีกหนึ่งคน tongue
เย้!!!! .... ดีใจค่ะมีคนมาช่วยรับแขก


Yippee Yabadabadoo! ดีใจด้วยครับ..ยิ่งมีคนเข้าครัวมาก ก็มีโอกาสได้ชิมอาหารมากขึ้น.. ครือ ตะกละอะคับ .. :b3: :b22: :b22: :b22:


อ้างคำพูด:
แถมมีคุณ dd นักชิมกิตติมาศักดิ์ ตามมาชิมอาหารที่นี่ต่อ
กลับมาเมืองไทย อย่าลืมนะคะ ส่งข้อความส่วนตัวมาล่วงหน้า
น้ำจะพาไปเลี้ยงโออิชิค่ะ :b4:


ขอบพระคุณที่ได้ตั้งฉายานักชิมให้ แต่ฉายาของผมที่ควรเป็นน่าจะประมาณนี้อะคับ"ตะกละมาศักดิ์" เหอๆ แบบว่ารู้ตัวดีครับ .. :b13: :b23: :b34:
และขอบพระคุณที่มีใจเมตตาจะพาไปให้กุศลวิบากเกิดที่ลิ้นที่ โออิชิครับ :b8: ( :b22: ) smiley
จะส่ง SOS เอ๊ย ข้อความมาเมื่อมีโอกาสครับ ขอบพระคุณมากอีกครั้งครับ smiley ..

ว่าแต่ กล้วยดิบนั้นไม่ฝาดหรือครับเมื่อนำมาผัดกะเพรา? :b14:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แก้ไขล่าสุดโดย -dd- เมื่อ 23 ม.ค. 2010, 20:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ.น้ำ ดีใจอารายค่ะ?
อาหารจะหมดครัวละไม่ว่าทั้งคุณตา-dd-
และย่าทวดทักทาย อยู่ชมรม"ตะกละ"เดียวกัน
ไหนๆ ก็เข้าเรื่องกลัวยๆแล้ว ขอทานยำหัวปลี
กับยำถั่วพลู ด้วยได้ไหมเอ่ย? จะได้ทานในวันพระ
ที่นี่พอจะหาได้ค่ะ ถ้าไปตลาดลาว :b13:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


-dd- เขียน:

ว่าแต่ กล้วยดิบนั้นไม่ฝาดหรือครับเมื่อนำมาผัดกะเพรา? :b14:





รอเวลา .....
เลยชักจะสงสัย คุณ dd ท่าทางจะไม่เคยทานกล้วยปิ้งอย่างแน่นอน
ไม่งั้นคงจะไม่ถามแบบนี้ :b14:

กล้วยน้ำว้าดิบๆ พอโดนความร้อน มันก็มีรสชาติหวานๆแล้วค่ะ ไม่ฝาดหรอกค่ะ
นำมาผัดกระเพราได้รสชาติอร่อย

จริงๆแล้ว ผัก ไม่ว่าจะผักอะไรก็ตาม ล้วนนำมาผัดกระเพราได้หมด อร่อยเหมือนๆกัน
พอดีเป็นคนชอบหม่ำผัดกระเพรามากๆค่ะ :b4:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




5.bmp
5.bmp [ 357.55 KiB | เปิดดู 5160 ครั้ง ]
คำอธิบาย: .....................

ยำหัวปลีเจ

5.bmp
5.bmp [ 225.05 KiB | เปิดดู 5156 ครั้ง ]
ยำถั่วพู

เครื่องปรุง

ถั่วพู 150 กรัม
หมูสับเจ 100 กรัม หรือ เนื้อปลาหมึกเจ จะใช้เต้าหูอ่อนหรือเต้าหูแข็งก็ได้ค่ะ
ถ้าใช้เต้าหู้อ่อน ให้นำไปขยำแล้วรวนให้แห้ง รสชาติจะดีกว่าเต้าหู้แข็ง
กะทิ ½ ถ้วย
พริกขี้หนูแห้งแห้ง 2 เม็ด นำไปคั่วกับน้ำมันให้กรอบๆ เอาไว้แนมค่ะ
น้ำมะนาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนชา
ถั่วลิสงคั่วทุบ ¼ ถ้วย
น้ำพริกเผาเจ

วิธีทำ

1. ล้างถั่วพูให้สะอาด ตัดหัวตัดท้ายแล้วซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
2. นำเครื่องปรุงต่างๆ คือ น้ำมะนาว ซีอิ้วขาว น้ำพริกเผา และน้ำตาลทราย
มาผสมรวมกันในถ้วยผสม ชิมรสตามชอบ เอากะทิเข้าไมโครเวฟประมาณ 2 นาที
3. เปิดเตาที่ไฟแรง ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อประมาณ 3 ถ้วย ต้มให้เดือด
เมื่อน้ำเดือดแล้วให้นำถั่วพูที่ซอยไว้ลงไปลวก รอจนน้ำเดือดอีกครั้งก็ยกลง
เทน้ำออก ราดด้วยน้ำเย็นจัดเพื่อให้ถั่วพูยังดูเขียวอยู่
4. นำถั่วพู เครื่องที่โขลกเตรียมไว้ กะทิประมาณ ¼ ถ้วย น้ำปรุงรสและถั่วลิสงทุบใส่ลงไป
ในชามผสมที่มีหมูสับเจที่ทำไว้สุกแล้ว คนให้เข้ากัน
5. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยหัวกะทิที่เหลือ จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ




สูตรยำหัวปลีเจ
ใช้สูตรเดียวกับยำถั่วพูนี่แหละค่ะ

เครื่องปรุง

- หัวปลีซอยลวก 1 หัว
- หมูสับเจ
- มะพร้าวคั่ว 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำพริกเผาเจ 3 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1.ปอกกลีบหัวปลีส่วนที่แก่ออก หั่นตามขวางบางๆ
แช่ในน้ำส้มผสมน้ำเพื่อหัวปลีจะได้ไม่ดำแล้วบิดน้ำออก ลวกพอสุก พักไว้
2.ผสมน้ำปรุงน้ำพริกเผา ซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ
และหัวกะทิผสมให้เข้ากันใส่หัวปลีที่เตรียมไว้ และหมูสับเจ
คลุกให้เข้ากัน ชิมรสชาติให้ออกหวาน เปรี้ยว เค็ม
3.จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยมะพร้าวคั่ว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 26 ม.ค. 2010, 23:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled0.2.bmp
untitled0.2.bmp [ 430.22 KiB | เปิดดู 5150 ครั้ง ]
น้ำสลัดเพื่อสุขภาพ




น้ำสลัดเพื่อสุขภาพ


1.มันฝรั่ง 100 กรัม
2.แครอทต้มสุก 50 กรัม
3.ฟักทองต้มสุก 50 กรัม
4.น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
5.นมสดพร่องมันเนย 1/4 ถ้วยตวง
6.น้ำตาล 2 ช้อนชา
7.เกลือป่น 2 ช้อนชา
8.น้ำมันพืช 1 ช้อนชา

จากนั้น ลงมือปรุง...

- นำมันฝรั่ง แครอท และฟักทองปั่นรวมกัน
- เติมนมสดพร่องมันเนย และน้ำเปล่า
- นำส่วนผสมที่ได้ขึ้นตั้งไฟ พอเริ่มอุ่นให้ปรุงรสได้ตามต้องการ

ง่ายๆ แค่นี้ แถมยังใช้เวลาเพียงน้อยนิด คุณก็จะได้น้ำสลัดมาทานกับผักสด ช่างเป็นเมนูที่น่าอร่อย
ได้สุขภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลด หรือควบคุมน้ำหนัก เพราะทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน
(ถ้าทำตามสูตร) หากทำแล้วทานไม่หมด สามารถนำไปแช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้นานอีกต่างหาก



.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอบคุณค่ะ อ.น้ำ น่าทานมากๆเลย
ใจดีจัง ขอสอง แถมให้อีกหนึ่ง....
ทำแล้วได้ผลเป็นอย่างไร?
จะแจ้งให้ทราบนะค่ะ.... :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 00:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:34
โพสต์: 173

ชื่อเล่น: เจ้ก
อายุ: 23

 ข้อมูลส่วนตัว


อาหารล้างพิษ 20 ชนิด


1. กล้วย
มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหารในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ทีจำเป็นแก่ร่างกายเช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลวหรือสารพิษส่วนเกิน ออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเปลวหรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูกทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย




2. อัลมอนด์
เป็น ถั่วที่มีใยอาหารสูงมีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกายแม้จะมีไขมันแต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึงควรกินอัลมอนด์นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย ( Hyperglycemia ) ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออกไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่าไฮโปไกลซีเมีย ( Hypoglycemia ) จะทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรงคิดอะไรไม่ออก




3. แอปเปิ้ล
ประกอบไปด้วยเพกตินสูงเพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ปะปนมากับอาหารเช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมองนี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเปิ้ลเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกายนอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสจากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิ้ลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหารซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็กและทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้



4. ตำลึง
ผักใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้วหาง่าย และราคาไม่แพงนี้ในสมัยก่อนเรามักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใสเนื้อสัตว์น้อย ๆ แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่า แกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบและมีหมูสับเต็มไปหมดซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้นนอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย




5. อะโวคาโด
อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักแต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน ( Glutathione ) ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตันทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิดและขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมี และโลหะหนักซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ( University of Michigan ) พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ได้กินและมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์




6. บีตรูต
ผักสีแดงที่นิยมใส่ในสลัดนี้นับเป็นผักมหัศจรรย์ซึ่งประกอบไปด้วยไพโรเคมีคอล ( Phytochemical ) วิตามินและเกลือแร่หลายชนิดซึ่งทำให้บีตรูตมีคุณสมบัติต่อต้านชื้อโรคทำความสะอาดเลือดทำความสะอาดตับและระบบน้ำเหลืองอีกทั้งมีคุณสมบัติพิเศษที่ส่งเสริมให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้นจึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้นซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าบีตรูตช่วยปรับระดับกรดและด่างในเลือดให้สมดุลด้วย้




7. กะหล่ำ
เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกายทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหารรักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆพืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลีและกะหล่ำปมผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อมเช่น ของเสียจากควันบุหรี่ควันจากท่อไอเสียและช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้เพียงพอในการกำจัดของเสีย




8. บลูเบอร์รี่
เป็นผลไม้ที่มีค่าแอนติออกซิแดนต์สูงมากชนิดหนึ่ง และถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารรักษาโรคเนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติซึ่งช่วยลดการระคายเคืองสารที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ






9. กระเทียม
จากหลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึงคุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกายนั่นคือการกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหารและฆ่าเชื้อไวรัสโดยเฉพาะทำความสะอาดเลือด และทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิตนอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไปซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย




10. ส้มโอ หรือเกรปฟรุต
เป็นผลไม้รสชาติดีที่ได้รับความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตก สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุตสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือดนอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อร่างกาย ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อนสารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย




11. มะเขือพวง
คนไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหารประเภทผัดเผ็ด แกงป่า แกงกะทิและน้ำพริกสมัยก่อนแกงกะทิเช่นแกงไก่ใส่มะเขือพวงเต็มไปด้วยใส่ไก่น้อยเน้นการกินมะเขือเป็นหลัก แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้างแกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือและคนก็เลือกกินแต่ไก่ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อนมะเขือพวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย




12. แครอท
เต็มไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน (Alpha and Beta-carotene) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินเอ และถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาทสายตา ผิวหนังที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำและจากการวิจัยพบว่าสารในแครอทช่วยลดการเกิดมะเร็งและช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจและหัวใจแข็งแรงขึ้น




13. ขึ้นฉ่าย
ถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือดและช่วยลดความดันโลหิตสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำหรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้าเพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็งและสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย




14. พืชตระกูลถั่ว
เช่นถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วยพืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย




15. ทับทิม
ตำราแพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียกล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำทับทิมสามารถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้เนื่องจากในทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยาแก้ปวด ช่วยล้าง พิษลดการติดเชื้อของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายและลดอาการอักเสบสำหรับผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิมเพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูงซึ่งช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น




16. กระเจี๊ยบ
น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออกหรือมีเลือดปนหรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งสารในกระเจี๊ยบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้





17. เมล็ดแฟลกซ์่
ประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นอย่างโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมองช่วยบำรุงความจำและมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนอกจากนี้ยังมีสารอื่นที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรงขึ้น






18. มะนาว
เป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูงน้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษในลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย





19. หัวหอม
ประกอบไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยทำความสะอาดเลือดช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LD ซึ่งไม่ดีเพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจนอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคหอบโรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่




20. สาหร่าย
เป็นพืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้ามคุณประโยชน์ แต่จากการศึกษาของ Mcgill University ที่ Montreal แสดงผลว่าสาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกายในปัจจุบันเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงรังสีต่างๆจากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกายก่อให้เกิดมะเร็งได้ซึ่งสาหร่ายจะช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้นและสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วยนอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก: http://www.teenpath.net/

.....................................................
จะขอเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า..เพื่อเติมเต็มธรรมที่ขาดหาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:34
โพสต์: 173

ชื่อเล่น: เจ้ก
อายุ: 23

 ข้อมูลส่วนตัว


พอดีผมไปอ่านเจอในที่อื่นน่ะครับเห็นว่าน่าสนใจดี
แล้วก็นึกได้ว่าที่ลานธรรมจักรมีกระทู้อาหารเจด้วย
แล้วก็เห็นว่าผลไม้ก็เป็นอาหารเจ (หรือเปล่า) ด้วยอ่ะครับ เลยเอามาให้ท่านผู้สนใจได้อ่านกันครับ
ไม่ร้ว่าโพตส์ถูกที่หรือเปล่าน้อเรา อิอิ ถ้ามันไม่ใช่อาหารเจก็ขอโทษด้วยน่ะครับ
ไม่เคยโพสต์กระทู้นี้อ่ะครับ tongue

.....................................................
จะขอเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า..เพื่อเติมเต็มธรรมที่ขาดหาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2010, 03:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาค่ะคุณjekky
อาจจะไม่ใช่เจบริสุทธิ์นัก แต่ก็เข้าหมวดมังสวิรัติ
พอดีทานมังสวิรัติค่ะ สาธุอีกครั้งนะค่ะ :b8:

อ.น้ำทักทายแย่งตำแหน่งเจ้าของบ้าน
ต้อนรับแขกแทนแล้วนะค่ะ :b32: :b32:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2010, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ.น้ำค่ะ เมื่อหลายปีก่อน
เครื่องบินไปโอเวอร์ไนท์ที่ไต้หวันคืนหนึ่ง ตอนหกโมงเช้า
เขาเลี้ยงข้าวต้ม ก่อนขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย มีกับข้าว
หลายอย่าง แต่ที่ทักทายติดใจไม่หายคือ ถั่วแดงเม็ดใหญ่
เขาเคลือบน้ำตาล ทานกับข้าวต้ม นิ้มนิ่ม และไม่หวานมาก
อร่อยมากเลยค่ะ ยังติดใจอยู่ แต่หาทานที่ไหนก็ไม่มี
และยังมีเม็ดบัวเคลือบน้ำตาลอีกอย่างที่อยากทาน
เป็นข้าวต้มมื้อเช้าที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมาค่ะ :b22:

พอดีตอนนี้มีทั้งเม็ดบัว(กระป๋อง) และถั่วแดง เบื่อที่จะนำมา
ต้มน้ำขิงแล้ว ขอรบกวน อ.น้ำหน่อยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2010, 09:32
โพสต์: 45

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อออ่าง รอเรือ ไม้เอก อออ่าง ยอยัก . . .

ครับ

smiley smiley smiley smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 11:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




BABBU_wallpaper_004.jpg
BABBU_wallpaper_004.jpg [ 40.7 KiB | เปิดดู 5052 ครั้ง ]
เมล็ดบัวสวรรค์

ส่วนผสม

เมล็ดบัวต้มสุกลอกผิวดำออก 3 ถ้วย น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1.เมล็ดบัวแทงดีออก นำมานึ่งพอเปื่อย ตักขึ้นผึ่งพักให้เย็น
2.ตั้งกระทะใส่น้ำพอร้อนทอดเมล็ดบัวให้เหลืองกรอบตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
3.ผสมน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าในกระทะทองตั้งไฟจนน้ำตาลข้นขาว
4.ใส่เมล็ดบัวที่ทอดแล้วลงคนในน้ำตาลจนแห้งตักขึ้น เกลี่ยให้กระจาย
พักให้เย็นจึงเก็บในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด



เม็ดบัวเชื่อม

ส่วนผสม

เม็ดบัว (แช่น้ำร้อน 5 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่งให้สุกแล้วเชื่อม) 1 ถ้วย

วิธีทำน้ำเชื่อม

น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย



เม็ดบัวฉาบ เม็ดบัวผัด


เม็ดบัว ภาษาจีนเรียกว่า “เก่าซิก” “หน่อยซิก” หรือ “หน่อยผ่องจื้อ” เป็นธัญพืชที่สำคัญของจีน ซึ่งมีโปรตีนสูงเช่นเดียวกับถั่วเหลือง ลูกเดือยและข้างฟ่าง เม็ดบัวเป็นส่วนของเมล็ดจากดอกที่ได้รับการผสม กินได้ทั้งสดและตากแห้ง นอกจากส่วนของเมล็ดที่นำมาใช้เป็นยาและประกอบอาหารแล้ว ส่วนของดอกบัว รากบัว และดีบัวก็ยังเป็นยาอีกด้วย

สรรพคุณ

• เม็ดบัวมีฤทธิ์เป็นกลาง รสหวานอมขมและฝาด ช่วยบำรุงเลือด บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ ม้าม ไต และลำไส้ ช่วยให้ใจสงบ ทำให้นอนหลับได้ดี และช่วยในเรื่องความจำ
• ดีบัว (ส่วนของต้นอ่อนในเมล็ด) จะมีรสขมเล็กน้อย แต่มีสรรพคุณทางยาที่ดีคือ ช่วยลดความดันโลหิต บำรุงสายตา หัวใจ ปอด ไต แก้น้ำอสุจิเคลื่อนบ่อย
• ในเม็ดบัวมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากมาย เช่น โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก หากปรุงเม็ดบัวร่วมกับลำไยแห้งจะทำให้สรรพคุณทางยาของเม็ดบัวเพิ่มขึ้น

วิธีใช้

เม็ดบัวนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาว หวาน ทำเป็นของขบเคี้ยว ใส่ในเต้าฮวย ทำเม็ดบัวเชื่อม อบหรือทอดคลุกเกลือ ตุ๋นหรือต้มกับหัวใจหมู ลำไย แปะก้วย พุทรา ซัวแจ หรือแอปเปิล เป็นต้น

• ต้มเม็ดบัวกับเขี่ยมซิก เติมน้ำตาลเล็กน้อย ดื่มทุกวัน แก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติหรือมามากเกินไห แก้น้ำอสุจิเคลื่อนบ่อย
• นึ่งเม็ดบัวจนสุก นำไปตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผง กินครั้งละ 15 กรัม วันละ 3 ครั้ง เพื่อรักษาอาการท้องเสียเรื้อรัง
• ดื่มน้ำชาที่ต้มจากดีบัวและเก๊กฮวย ช่วยบำรุงสายตา บำรุงสุขภาพ และลดความดันโลหิต
• นำเม็ดบัว ลำไยแห้ง น้ำตาลกรวด และกุ้ยฮวย ตุ๋นรวมกันด้วยไฟอ่อนๆ กินบำรุงร่างกาย หัวใจ เลือด และม้าม
• เนื้อเป็ดนึ่งกับเนื้อขาหน้าหมู ดอกบัวสด ลิ้นจี่ แฮมสุก กินเป็นอาหารบำรุงร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร

ข้อควรระวัง

• ผู้ที่มีอาการท้องผูก ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ไม่ควรกิน
• ไม่ควรปรุงอาหารที่มีเม็ดบัวในภาชนะที่ทำจากเหล็ก เพราะจะทำให้เม็ดบัวสีดำ

เมล็ดบัวสวรรค์ ( เม็ดบัวฉาบ เม็ดบัวผัด )

ส่วนผสม

เมล็ดบัวต้มสุกลอกผิวดำออก 3 ถ้วย น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1.เมล็ดบัวแทงดีออก นำมานึ่งพอเปื่อย ตักขึ้นผึ่งพักให้เย็น
2.ตั้งกระทะใส่น้ำพอร้อนทอดเมล็ดบัวให้เหลืองกรอบตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
3.ผสมน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าในกระทะทองตั้งไฟจนน้ำตาลข้นขาว
4.ใส่เมล็ดบัวที่ทอดแล้วลงคนในน้ำตาลจนแห้งตักขึ้น เกลี่ยให้กระจาย พักให้เย็นจึงเก็บในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด.....

http://th.answers.yahoo.com/question/in ... 154AAPAG0e

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 12:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




friutyokert-small.jpg
friutyokert-small.jpg [ 73.26 KiB | เปิดดู 5045 ครั้ง ]
ถั่วแดงเชื่อม

วิธีทำ

1. ถั่วแดง จำนวนตามต้องการ แช่ค้างคืน เวลาจะใช้ ให้ล้างน้ำสะอาดซ้ำอีกครั้งก่อนนำมาใช้

2. น้ำตาลทราย : น้ำ 1:1/2 นำไปต้มเคี่ยวไปเรื่อยๆ จนข้นได้ที่
แล้วจึงนำถั่วแดงที่แช่ค้างคืนที่เตรียมไว้ใส่ลงไป คอยดูและคนเบาๆ จนถั่วแดงสุกได้ที่

อีกวิธีคือ ต้มถั่วแดงก่อน พอถั่วแดงเหมือนจะใกล้สุก ให้เติมน้ำตาลทรายลงไป
ที่ไม่ให้เติมน้ำตาลทรายลงไปพร้อมถั่วแดงทันที เพราะจะทำให้ถั่วแดงสุกยากค่ะ

สูตรนี้ทำเอง เพราะทานบ่อย ถั่วเขียวต้มน้ำตาลก็ทำแบบเดียวกันค่ะ
เม็ดบัวต้มน้ำตาลก็ทำแบบเดียวกันค่ะ

แถมสูตรเค้กถั่วแดงค่ะ
http://www.yingsakfood.com/yoc_detail.php?food_id=38




ต้องการจะลองทำอาหารแบบไหน โพสทิ้งไว้ได้เลยนะคะ
ฝากห้องครัวด้วยนะคะทุกๆท่าน คิดเสียว่า นี่คือครัวที่บ้านของคุณนะคะ :b12: smiley

ตอนนี้ท่าทางคุณเต้คงจะพักยาววว
คุณอามิตตาพุทธก็ท่าทางไปช่วยงานโรงทานนยาวเหมือนกันนะคะ
ฉะนั้น มัดมือชก ขอให้คุณทุกทายและคุณ ดีดี ช่วยต้อนรับแขกด้วยนะคะ :b8:
ไม่รู้และ น้ำถือว่า การเงียบคือการยอมรับแล้วนะคะ :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2010, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอบคุณค่ะ สำหรับสูตร
ถั่วแดงและเม็ดบัวเคลือบ :b8:

เรื่องเฝ้าห้องครัวไม่ต้องห่วงค่ะ
รับรองทุกอย่างเรียบแต้...ไม่เหลือ... :b32:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2010, 02:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


สงสัยคุณตาคงไม่ค่อยหิวค่ะ อ.น้ำ
ไม่มาปรากฎตัวที่ห้องครัวเลย....ยูฮู้...คุณต๊าาาาาาาา
มาช่วยกันปัดกวาด..เช็ดถู....ดูแลห้องครัวหน่อย....
อ.น้ำขอร้อง..ง..ง..ง..ง :b30:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 664 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 19, 20, 21, 22, 23, 24, 25 ... 45  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร