อ่านนานาทัศนะ และหลักธรรมในการครองตนเพื่อการดำเนินชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007430.htm

ที่มา เดลี่นิวส์

เมืองไทย-สังคมไทยเราเปิดกว้างขึ้นมาก...สำหรับกรณี “ชายรักชาย” และโดยเฉพาะ “หญิงรักหญิง” แม้แต่ในวงการบันเทิง “ดาราสาว” บางคนก็สามารถควง “สาวหล่อ” ออกงานเปิดตัว-เป็นข่าวได้โดยไม่ต้องกลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบเหมือนในอดีต ทว่า...ในการเปิดกว้างก็ใช่ว่าจะไม่มี “ปัญหา”


ล่าสุดก็มีคดี “ยิงโหด” จากกรณี “หญิงรักหญิง”

คู่กรณีต่างก็ยังเป็น “วัยรุ่น-วัยเรียน” น่าเศร้าใจ !!

เรื่องการ “หึงโหด” หรือ “ฆ่าเพราะรัก” นั้น ในกลุ่มชายจริง-หญิงแท้ก็เป็นปัญหาที่สร้าง “โศกนาฏกรรม” แทบจะรายวัน...และนับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรง แต่ผู้คนในสังคมก็มักจะชาชิน และมักจะรู้สึกว่ากลุ่มคน “รักร่วมเพศ” จะมีพฤติกรรมหึงโหดมากกว่า และมักก่อคดีประทุษร้ายรุนแรงกว่า ?!?

แม้ความรู้สึกดังกล่าวจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนัก...เพราะที่จริงจะชาย จะหญิง หรือเพศไหน ก็ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในกลุ่มรักร่วมเพศนั้นอาจจะมี “ปัจจัย” ที่เป็นชนวนให้เกิดเหตุฆ่าเพราะรักได้ง่าย ซึ่งเหยื่ออาจ รวมถึงคนใกล้ชิดของอีกฝ่ายที่เข้ามาแย่งรักหรือกีดกันรัก และก็รวมถึงการ “ฆ่าตัวตาย” ด้วย !?!

อย่างไรก็ตาม สาวหล่อรายหนึ่งสะท้อนว่า... คนที่เป็นทอมนั้นไม่ใช่คนที่จิตวิปริต-ชอบความรุนแรง และความรักระหว่างทอม-ดี้ก็เป็นความรักเฉกเช่นเดียวกับความรักของชาย-หญิงทั่วไป มีรัก โกรธ หลง อกหัก เสียใจ เหมือนกัน อย่างตนเองก็เคยถูกดี้ทิ้งหลังจากคบหาดูใจกันมาตั้งกว่า 7 ปี ด้วยเหตุ “ขอชีวิตปกติคืน” ซึ่งตนเองก็เกือบเสียสติ กว่าจะกลับมาเหมือนเดิมก็ต้องใช้เวลานานนับปี


“แต่ยังไงเราก็คนปกติ คนทั่วไปมักมองว่าทอมจะรุนแรง ซึ่งไม่จริง อย่างตัวเองไม่เคยแม้แต่ง้างมือใส่ผู้หญิง เพราะการทำแบบนี้เป็นการกระทำเยี่ยงผู้ชายทำกับผู้หญิง”

สาวหล่อยังระบุอีกว่า... กรณีทอม-ดี้ที่เกิดปัญหารักแล้วทางออกคือ “จบด้วยชีวิต” เป็นเพราะมุมมอง “รักมาก...สูญเสียไม่ได้” ซึ่งไม่มีสติ อาจเพราะการสื่อสารเกิดปัญหา ไม่เข้าใจกัน การไม่เข้าใจกันนำไปสู่เรื่องร้ายแรงมานักต่อนัก ซึ่งทอมเองบางทีก็อาจมองด้านดีของตนเองเพียงส่วนเดียว ไม่เคยนึกถึงข้อเสีย


ทอมบางคนก็ทำตัวสำมะเลไปวัน ๆ กินเหล้า สูบบุหรี่ เจ้าชู้ไปทั่ว ใช้เงินฟุ่มเฟือย ซึ่งสาวหล่อรายเดิมบอกว่า... ตนเองก็ไม่ชอบ น่าจะทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคมหน่อย ซึ่งการทำตัวไม่ดีก็ยิ่งทำให้คนอื่นมองไม่ดี นอกจากนี้ คนที่เป็นทอมนั้น...บางคนเกิดมาเพื่อเป็น แต่คนที่เป็นด้วยเหตุผลอื่นหรือเพราะแฟชั่น...จะไม่นาน ทอมบางคนเลิกเป็นทอม มีผู้ชายมาชอบ และแต่งงานไปเลยก็มี ซึ่งอยากจะให้แยกตรงนี้ให้ออก

ส่วนกรณีทอม-ดี้มีปัญหารักกันนั้น อยากแนะนำตรงจุดนี้ว่า...เมื่อเกิดปัญหาขึ้นต้องคุยกันให้เข้าใจ

“ถ้าจะต้องเลิกกัน...ก็ต้องเลิกด้วยดี ควรจะมีสติยับยั้งชั่งใจก่อนจะทำอะไรลงไป มองรอบตัว 360 องศาก่อน หาสาเหตุก่อนว่าทำไมเขาต้องเลิกกับเรา หรือมองว่าการขอเลิกกับเราเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้กับเรา ซึ่งเป็นการคิดในแง่ดีที่จะทำให้เรามีความสุขได้” ...ทอมมีประสบการณ์กล่าว

ด้าน นภาพร มุ่งเป็นธรรม ผู้ประสานงานกลุ่มหญิงรักหญิง สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย บอกว่า... คนเป็น “ตุ๊ด-เกย์-ทอม-ดี้” ไม่ใช่คนผิดปกติ เป็นเรื่องความรู้สึกทางเพศของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป และทางออกเมื่อเกิดความไม่เข้าใจ บาดหมางกัน เช่น ทะเลาะวิวาท, ฆ่ากันตาย, ฆ่าตัวตาย ก็เหมือนกับกรณีชาย-หญิงทั่วไป แต่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเรื่องที่ดูแปลกแยก...แตกต่าง


“ปัญหาความรักของพวกเขาที่จบลงด้วยชีวิตนั้น เป็นเพราะไม่ได้รับคำปรึกษา คำแนะนำ ที่จะทำให้เกิดการยับยั้งชั่งใจ หรือมีสติสัมปชัญญะ หรือเป็นทางเลือกในการตัดสินแก้ปัญหาที่ถูกต้อง”

นภาพรบอกอีกว่า... คนที่เป็น “ทอม” นั้น เพียงแต่มีความรู้สึกว่าตนเองเข้มแข็ง มีความรู้สึกอยากจะปกป้องผู้หญิงที่อ่อนแอกว่า อยากจะดูแล ซึ่งเขาก็คิดว่าตนเองไม่ได้ผิดปกติ และส่วนใหญ่ไม่อยากจะแปลงเพศเป็นผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ก็จะมีอีกประเภทหนึ่งที่คิดว่าตนเองเป็นผู้ชายเลย และกลุ่มนี้บางคนจะชอบทำตัว “เจ้าชู้-รักเผื่อเลือก” จนเกิดปัญหา หึงหวง, ทะเลาะเบาะแว้ง, ฆ่ากัน ฯลฯ


สำหรับคนที่เป็น “ดี้” ก็ไม่ได้ผิดปกติ เพียงแต่เป็นความรู้สึกแบบผู้หญิงที่ไม่ต้องการผู้ชาย ซึ่งกรณีที่มีแฟนทอม...แต่แล้วสุดท้ายไปแต่งงานกับผู้ชายนั้น ตรงนี้ก็มีมาก แต่เข้าใจว่าก็อาจเพราะว่าเกรงใจครอบครัว เกรงใจพ่อแม่ จึงตัดปัญหาไป ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับทัศนคติของแต่ละครอบครัว

“ก็ต้องคุยกันให้กระจ่าง เพื่อที่จะไม่เกิดปัญหาภายหลัง”

กรณีสาวน้อยมีพี่ทอมมาจีบ ซึ่งบางคนไม่ได้คิดจริงจัง เพียงหวัง “หลอกทอมให้พาเที่ยว พาไปเลี้ยง หรือพาพลพรรคเพื่อนฝูงไปถล่มยามที่เขาเลี้ยง” นั้น “อย่าทำเด็ดขาด !!” เพราะว่าคนที่มาชอบนั้นเขาก็ทุ่มเทเต็มที่ เมื่อเรื่องราวกลับกลายเป็นอีกด้านไป ก็จะเกิดเรื่องราวหึงหวง-หึงโหดตามมา !!


กับแนวทางป้องกันปัญหากรณีถูกทอมตามจีบ ผู้ประสานงานกลุ่มหญิงรักหญิงชี้ว่า... ถ้าไม่ชอบเขาในเชิงชู้สาวก็บอกเขาไปเลย อาจจะบอกว่า เราเป็นพี่-เป็นน้องกัน หรือเป็นเพื่อนกันก็พอ

“ถ้าจะไปไหนด้วยก็ต้องบอกไปตรง ๆ ว่าที่ไปในฐานะน้องหรือเพื่อนนะ ไม่ได้คิดเป็นอื่น ซึ่งเมื่อสามารถกำหนดระดับความสัมพันธ์ได้ ปัญหาก็จะน้อยลง หรือไม่มีเลย” ...นภาพรกล่าว

จะ “ชาย-หญิง-ตุ๊ด-เกย์-ทอม-ดี้” ที่จริงก็ไม่ได้แตกต่าง
จะคบหาเชิงชู้สาวกับใครต้อง “ถามใจ” ตัวเองให้ดี...
“ไม่จริง-ไม่ใช่” อย่าเสี่ยงให้เกิดเรื่องร้าย ๆ !!!!!!.

จะไม่บอกว่า รักใครกับใคร แล้วผิดหรือไม่ รักที่จะผิดคือเป็นรักที่พยายามยึดเกาะ เหนี่ยวแน่นว่า อันนี้ คนนี้ ของเรา ต้องเป็นของเรา ต้องอยู่กับเรา และต้อง 108 พัน ประการ หากเป็นรักแบบนี้ ไม่ว่าใครกับใคร ก็ล้วนแต่ผิดหมด ผิดอะไรละ ผิดจากความเป็นจริง ที่ไม่สามารถยึดว่าใครของใครได้จริง ผิดจากความเป็นที่ไม่สามารถให้คงอยู่ชั่วนิรันดรได้ ไม่มีใครเป็นใคร ของใครจริง ผิดจากความเป็นจริงของธรรมชาติ ที่ไม่ยึดกันอยู่เองแล้ว และเป็นที่มาของทุกข์ ผิดหวัง อกหัก ไม่ได้ดั่งใจตามมาตลอด

รักแต่ไม่ยึด ก็ไม่ได้หรือเจ้าคะ

รักแต่ไม่ยึด...มีได้จริงในปุถุชน..หรือไม่???

รักแต่ไม่ยึด...มีได้...(ที่ไหนหว่า)...

แล้วหญิงรักหญิง..ผิดไหม???

เอ...แล้วจะถามใครดี ไม่มีประสบการณ์ แห่ะ แห่ะ..

อืมม..รู้แต่ว่า ผิดธรรมชาติ ค่ะ

ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ไม่ได้กำหนดห้ามใว้นี้..

อย่างนี้ก็ไม่ผิดซิ

แล้วไม่คิดสงสัยหรึ่..ว่าทำไมมันไม่ผิด

มันผิดมาตั้งแต่เกิดแล้วมังคะ

เกิดแต่กรรม...ชาติที่แล้วล่วงศีลไว้ จึงมีรสนิยมเบี่ยงเบน ผิดเพศ

เฉลยได้แย๊ววว ท่านอ๊บ