วันเวลาปัจจุบัน 23 ส.ค. 2025, 23:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือทราบมาว่าการอธิษฐานเป็นบารมีกองหนึ่ง
อยากทราบว่าการอธิษฐานเหมือนหรือต่างกับการขอธรรมดาๆอย่างไรครับ
ทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าอธิษฐานครับ



คำตอบ
การอธิษฐานเป็นการตั้งจิตให้สำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา เมื่ออธิษฐานแล้วผู้อธิษฐานต้องสร้างเหตุให้ตรงกับสิ่งที่ตนได้อธิษฐานไว้ เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัว การอธิษฐานจึงจะสำเร็จตามที่ปรารถนา

ส่วนการ “ ขอ ” เป็นการแสดงด้วยกาย วาจา หรือใจในสิ่งที่ตัวเองไม่มี เพื่อให้ผู้อื่นยกให้ มอบให้ หรือบันดาลให้ ตนเองมีสิ่งที่ร้องขอ พระพุทธะไม่แนะนำให้พุทธศาสนิกทำตัวเป็นผู้ร้องขอหรืออ้อนวอนให้ผู้อื่น บันดาลให้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูและแฟนได้สวดมนต์เป็นประจำทุกวันคือสวดบูชาพระรัตนตรัย และพาหุงมหากา และบทอิติปิโสเท่าอายุของแฟนบวกหนึ่ง และต่อด้วยการแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล แฟนของหนูเป็นชาวฮังการีและได้สวดมนต์มาได้เป็นเวลาประมาณ ๓ ปีคะ ช่วงระยะหลังๆ จนถึงปัจจุบันแฟนของหนูได้บอกหนูว่าได้ยินเสียงประหลาด ในขณะที่สวดมนต์เสร็จแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ส่วนหนูเองไม่ได้ยินเสียงอะไร เค้าบอกว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของกลุ่มคนจำนวนมากคุยกันระงมไปหมด ในบริเวณใกล้ๆ แต่ว่าในขณะที่สวดมนต์นั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนทุกวัน และบริเวณบ้านก็เงียบสงบ เขาบอกว่าเขาไม่สามารถเข้าใจภาษาของเสียงที่คุยกัน ซึ่งตอนช่วงแรกๆ เรา ๒ คนก็คิดกันว่า คงเป็นหูแว่ว แต่เสียงประหลาดนี้ก็ปรากฏทุกวันจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในตอนแรกเค้าก็บอกว่ามันเป็นเรื่องประหลาด แต่ตอนนี้เค้าว่ามันเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว เค้าก็ไม่ได้รู้สึกว่ากลัวแต่อย่างใด แต่ก็สงสัยว่าเป็นเสียงอะไรเพราะเสียงบางทีก็เป็นเหมือนมีเสียงดนตรี บางทีก็เป็นเสียงแบบงึมงำ หนูเองก็ได้แต่บอกเค้าว่าสงสัยอาจจะเป็นเทวดามาร่วมสวดมนต์ด้วย (เป็นการคาดเดา) เค้าก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยจะเชื่อ

หนูกราบรบกวนท่านอาจารย์ว่าหนูควรจะอธิบายให้เค้าอย่างไรดีคะ หรือหนูควรจะอธิบายให้เค้าเข้าใจว่าในโลกนี้ยังมีหลายสิ่งที่เราไม่สามารถ เห็นด้วยตา แต่เมื่อเค้าสวดมนต์พลังงานของความตั้งมั่นแห่งจิตทำให้เค้าสามารถจูนเข้า ได้กับคลื่นพลังงานบางอย่างซึ่งเป็นปัจจัตตัง เห็นได้เฉพาะตน เพราะหนูก็ไม่สามารถทำพลังงานให้ได้เท่ากับพลังงานของเขา แฟนหนูเค้ายังไม่ได้เป็นพุทธศาสนิกชนเต็มตัว แต่หนูก็ได้ชักนำให้รู้จักกับการทำบุญโดยพาไปวัดไทยในอังกฤษและได้ช่วยเหลือ ทางวัดทำสาธารณประโยชน์

หนูขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์คะว่าเค้าควรจะทำอย่างไร หรือควรจะสอนให้เค้ากำหนดแบบการทำวิปัสสนาว่าเสียงหนอ เสียงหนอ และรู้หนอ ซึ่งหนูว่าหนูก็ควรปูพื้นฐานสำหรับการทำสมาธิให้กับเค้าเสียก่อน แต่หนูก็ไม่ทราบว่าจะสอนอย่างไรดี เพราะคนฝรั่งเค้านั่งขัดสมาธิอย่างเราได้ หรือควรจะบอกเค้าไปว่าไม่ต้องไปสนใจก็กำหนดจิตตั้งมั่นและหมั่นสวดมนต์ต่อไป

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ
สุธีรา (จากประเทศอังกฤษค่ะ)

--
Sutera Ritrawe
CISCA Ltd.

คำตอบ
การสวดมนต์หากสวดด้วยใจที่จดจ่ออยู่กับบทสวดมนต์เท่ากับเป็นการฝึกจิตให้มี สติ เมื่อสวดบ่อย ๆ จิตจะเกิดความตั้งมั่นจนถึงระดับฌานได้ แล้วโอกาสเกิดโลกียอภิญญาที่เรียกว่า ทิพพโสต (หูทิพย์) มีได้เป็นได้ ที่สามีได้ยินนั้นเป็นเสียงของรูปนามในมิติที่เป็นทิพย์ ตาเนื้อตาหนังมิอาจสัมผัสได้ เพราะเป็นมิติที่ละเอียดอ่อนเมื่อรู้เช่นนี้แล้วหลังจากสามีสวดมนต์เสร็จให้ เขากล่าววาจาอุทิศบุญกุศลไปให้สัตว์ที่เกิดร่วมวัฎสงสารที่มีรูปนามเป็น ทิพย์ เมื่ออุทิศให้แล้วสามีของคุณก็จะได้สัตว์ (รูปนาม)ในมิติทิพย์เป็นเพื่อน ดีเสียอีกจะได้เพื่อนในต่างมิติไงล่ะ

ส่วนเรื่องการสวดมนต์ก็ให้ทำต่อไปเป็นปกติจนตาย ทั้งนี้เพื่อรักษาสติให้คงอยู่ เมื่อถึงเวลาทิ้งขันธ์ลาโลก (ตาย) ด้วยการมีสติกำกับ เขาจะได้ไปเกิดในสุคติภพ เช่นเทวดาซึ่งมีรูปนามเป็นทิพย์เช่นกัน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีความสงสัยในเรื่องการถวายสังฆทานที่ถูกต้อง และการถือศีล 5 ในหัวข้อกาเมสุมิฉา ฯ จึงขอความกรุณาจากอาจารย์ช่วยชี้ทางสว่างในเรื่อง 2 เรื่องนี้ให้ด้วยค่ะ

1) การถวายสังฆทาน ถ้าเราเตรียมเครื่องสังฆทานไปถวายที่วัด และที่วัดมีพระมารับเครื่องสังฆทานนี้เพียงองค์เดียว ถือว่าเป็นการถวายสังฆทานที่ถูกต้องหรือไม่ค่ะ เพราะเคยได้ยินมาว่าต้องมีพระอย่างน้อย 4 องค์ จึงถือเป็นครบองค์สงฆ์ และถ้าท่านรับเฉย ๆ ไม่ได้กล่าวใด ๆ ว่าของเหล่านี้เป็นของสงฆ์ ถือว่าเราได้ถวายเป็นของสงฆ์หรือของพระท่านนั้นองค์เดียวค่ะ

คำตอบ
คำว่า สังฆทาน หมายถึงทานที่ถวายให้แก่หมู่สงฆ์ สงฆ์ทุกองค์ที่อยู่ในอาวาสนั้นมีสิทธิ์นำไปใช้ได้ แม้จะมีภิกษุเพียงองค์เดียวมารับทาน แต่เมื่อรับทานแล้วท่านนำไปเก็บไว้เป็นส่วนกลางของหมู่สงฆ์ ทานนั้นถือว่าเป็นสังฆทาน ผู้ถวายได้รับอานิสงส์แห่งทานมาก แต่ถ้ามีภิกษุ 4 องค์มารับทาน เมื่อรับแล้วนำไปเก็บไว้เป็นของส่วนตัวไม่ถือว่าเป็นสังฆทาน เป็นเพียงปุคลิกทาน ผู้ถวายได้อานิสงส์แห่งทานน้อยกว่า

ดังนั้นก่อนที่ฆราวาสจะถวายทาน ต้องแสดงเจตนาให้ชัดว่าถวายเป็นปุคคลิกทาน หรือถวายเป็นสังฆทาน ส่วนภิกษุจะกล่าววาจาหรือไม่กล่าววาจาว่ารับเป็นทานประเภทใด ยังไม่สำคัญเท่ากับทานที่รับไปแล้วเอาไปเก็บไว้ในส่วนใด เก็บไว้ส่วนตัว หรือเก็บไว้เป็นส่วนรวม

2) ศีลในข้อ กาเมสุมิฉา ฯ ถ้ามีชายคนหนึ่งได้แต่งงานแล้ว และภรรยาได้สนับสนุนให้ไปมีผู้หญิงอีกคน โดยผู้หญิงคนนั้นก็เต็มใจและทำงานเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ไม่ได้เป็นเด็กหรือนักศึกษา ถือว่าชายคนนี้ทำผิดศีลข้อนี้หรือไม่ค่ะ (บางคนบอกว่าไม่ผิดเพราะเขาไม่ได้ล่วงเกินลูกหรือเมียใคร)


คำตอบ
ทุกคนเกิดมาต้องมีพ่อแม่ให้กำเนิด ฉะนั้นการล่วงละเมิดหญิงที่มีเจ้าของ (พ่อแม่) และเจ้าของยังไม่อนุญาตยกให้เป็นภรรยา ถือว่าผิดศีลข้อ 3

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1 เวลาที่เราอนุโมทนาบุญอยู่ในใจเงียบๆ
จะได้ผลต่างกับการกล่าวออกมาดังๆหรือไม่ค่ะ

คำตอบ
ได้บุญทางด้านมโนกรรมอย่างเดียว แต่ถ้ากล่าวคำอนุโมทนาด้วยจะได้บุญทั้งมโนกรรมและวจีกรรมด้วย


2 เวลานั่งสมาธิ บางทีก็หลับไป อยากเรียนถามว่าพอเรารู้สึกตัวว่าเราหลับไป
เราควรนอนพักผ่อนแล้วค่อยตื่นมาทำสมาธิให่มหรือว่า เราควรพยายามนั่งสมาธิต่อค่ะ

คำตอบ
ตอนหลับจะไม่รู้สึกตัว เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจึงรู้สึกตัวสามารถนั่งสมาธิใหม่ได้ ถ้ารู้สึกว่าง่วงนอนหรือกำลังจะหลับให้เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งภาวนามาเป็น เดินจงกรมแทนหรือหายใจเข้าลึก ๆ 20 ครั้ง หรืออาบน้ำสระผม ฯลฯ แล้วจึงกลับมานั่งสมาธิใหม่สลับกับเดินจงกรม ก็จะทำให้ปัญหานี้คลายลงได้

3 ดิฉันมีพี่ชายคนหนึ่ง เค้าโกหกพ่อเรื่องเงินค่าเทอม คือเค้ามาเบิกเกินค่ะ
แล้วบังเอิญดิฉันไปเห็นใบเสร็จและรู้ว่าเค้าโกหก
แต่ดิฉันก็ไม่กล้าบอกพ่อเพราะกลัวว่าพ่อจะไปโวยวายและทะเลาะกับพี่
อยากเรียนถามว่า ดิฉันบาปไหมค่ะ แล้วดิฉันควรทำอย่างไรดี

คำตอบ
รู้ว่าพี่ชายโกหกพ่อแล้วตัวเองไม่สบายใจก็ถือว่าเป็นบาป หากอยู่ในฐานะที่เตือนกันได้ ควรไปพูดคุยกับพี่ชายว่าการทำเช่นนั้นผิดศีลข้อ 4 และ ข้อ 2 ตายแล้วมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิได้ หากเขาไม่เชื่อและไม่ทำตาม คุณต้องปล่อยวาง คิดเสียว่ามันเป็นวิบากกรรมที่สอง พ่อลูกผูกกันไว้แต่อดีตชาติก็ต้องใช้หนี้เวรกรรมกันไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันกำลังศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาของสมองโดยใช้ปลาเป็นรูปแบบ
ต้องมีการฆ่าปลาจำนวนมาก ดิฉันผิดศีลข้อที่ 1 หรือไม่คะ
หากพิจารณาตาม ดังนี้
1. เจตนาฆ่า..ไม่มีเจตนาฆ่า
2. ลงมือกระทำ..แต่เป็นผู้กระทำ เพื่อการศึกษา
3. ยินดีในการกระทำ..ไม่ยินดีในการกระทำ เกิดความเคร้าหมองในใจ

เนื่องจากดิฉันได้สมาทานถือศีลห้าค่ะ..แล้วศีลห้าจะบริสุทธิ์ได้อย่างไรคะ
และต้องทำงานวิจัยต่อเนื่องต่อไป เนื่องจากเป็นอาชีพ เราจะมีวิธีแก้อย่างไรคะ

ก็พยายามมองว่าได้ทั้งบุญและบาป..และขึ้นกับจิตขณะปฏิบัติด้วยใช่ไหมคะ
ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะที่ช่วยชี้แนะ

คำตอบ
เวลาจะจับปลามาฆ่า ปลาว่ายน้ำเข้ามาหามือ หรือปลาว่ายน้ำหนีสุดชีวิต ถ้าปลาว่ายน้ำหนีแสดงว่า ปลาก็รักและหวงแหนชีวิตของเขา เขายังไม่อยากตาย แม้จะถูกจับอยู่ในมือมนุษย์ปลายังดิ้นสุดแรง เพื่อเอาชีวิตอยู่รอด ผู้ใดพรากจิตไปจากร่างของสัตว์ พระพุทธะบัญญัติไว้เป็นวิบัติข้อแรก (ปาณาติบาต) บาปแน่นอน

1. การทดลองการพัฒนาของสมอง โดยกำหนดไว้ในเผยการทดลองว่าจะต้องฆ่าปลา นี่แหละที่เรียกว่า “ เจตนา ” ถ้าปลอดจากเจตนาต้องไม่กำหนดให้มีการฆ่าปลา หากปลาตายโดยเหตุอื่นที่อยู่นอกเจตนา เช่น ตายเพราะขาดออกซิเจน อย่างนี้ไม่เรียกว่าเจตนา

2. ลงมือฆ่าเป็นกรรมฝ่ายอกุศลเป็นบาป แต่เมื่อนำความรู้ที่ได้ไปช่วยเหลือผู้อื่นเป็นบุญ ดังนั้นการกระทำอย่างนี้จึงได้ทั้งบาปได้ทั้งบุญสั่งสมอยู่ในจิตของผู้กระทำ

3. ถ้าไม่ยินดีทำบาปแล้ว การทดลองเรื่องการพัฒนาสมองโดยกำหนดให้มีการฆ่า จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นการทดลองนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีจิตยินดีพอใจที่จะทำ

คนรู้ศีลต่างจากคนมีศีล คนที่สมาทานศีล 5 คือคนที่รับเอาศีล 5 มาปฏิบัติให้มีอยู่ในจิตใจ อย่างนี้เรียกว่าคนมีศีล ไม่ละเมิด ไม่ก้าวล่วงในศีลที่สมาทาน แต่คนรู้ศีลสามารถละเมิดศีล 5 ได้โดยไม่มีความเกรงกลัวบาปจะตามมาให้ผล การละเมิดศีลอย่างนี้ในสังโยชน์ 10 เรียกว่า “ สีลัพพตปรามาส ” ปฏิบัติธรรมอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าถึงมรรคผลได้

ยังไม่หยุดฆ่าโดยอ้างเหตุว่า ต้องทำงานวิจัยต่อเนื่องต่อไปเป็นข้ออ้างที่ถูกตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์คำนึงถึงเหตุและผลเพียงอย่างเดียว แต่ในพุทธศาสนาคำนึงถึงเหตุและผลที่อยู่บนพื้นฐานของศีลและธรรม ในฐานะที่ผู้ตอบปัญหาเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์และได้ทำงานวิจัยในทำนองเช่นนี้ มาก่อน จึงขออนุญาตเสนอแนะ โดยจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ ว่าถ้าหยุดการฆ่าได้แล้วประพฤติศีล 5 ข้อให้มีอยู่ครบในใจ โอกาสเข้าถึงมรรคผลในการปฏิบัติธรรมย่อมมีได้เป็นได้ แต่ถ้ายังหยุดการฆ่าไม่ได้ด้วยเหตุผลใดก็ตามผู้ฆ่าต้องทำบุญอยู่เสมอ แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับสัตว์ที่ถูกฆ่า (ใช้หนี้กรรม) ทั้งนี้เพื่อให้บาปกรรมตามผู้ฆ่าไม่ทัน แล้วคุณก็จะปลอดภัยจากการตายในวัยที่ยังไม่สมควรตาย ต้องขออภัยในคำตอบที่ไม่คล้อยตามตัณหาของนักวิทยาศาสตร์

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. จะทำอย่างไรกับรูปภาพพระพุทธรูป หรือภาพพระอริยสงฆ์ หลวงพ่อต่างๆ ที่เราไม่เอา เพื่อไม่ให้เป็นการล่วงเกินพระพุทธรัตนตรัย

คืออยากจะทิ้ง หรือฉีก ก็เกรงว่าจะเป็นบาป ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยครับ และหากเห็นภาพเหล่านี้ตกอยู่ในที่ไม่เหมาะสม ควรจะทำอย่างไรครับ

คำตอบ
เรื่องที่เล่าไปให้ฟังทั้งหมดมาจากเหตุที่มีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เพราะเอาใจไปเป็นทาสของวัตถุสมมติที่ตาเห็น ถ้าเชื่อพระพุทธะแล้วลงมือพัฒนาจิตตนเองให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ความเห็นถูกตามธรรม (สัมมาทิฏฐิ) ก็จะเกิดขึ้น ผู้มีความเห็นถูกมีจิตเป็นอิสระต่อสรรพสิ่ง ไม่หลงผิดเอาภาพที่เป็นวัตถุสมมติมาเป็นอารมณ์หากปรับปรุงแก้ไขปัญญาของตน เองให้ได้อย่างนี้แล้วปัญหาเรื่องนี้จะหมดไป


2. ปัจจุบันนี้มีการพิมพ์รูปพระไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป หรือพระสงฆ์ลงในสิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ แสตมป์ เป็นต้น ซึ่งสิ่งพิมพ์เหล่านี้สามารถตกไปตามที่ต่างๆที่ไม่เหมาะสม เช่นขยะ ผู้ทำสิ่งพิมพ์เหล่านี้จะมีบาปหรือไม่


คำตอบ
กรรมอยู่ที่เจตนา ผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ดังกล่าว มีเจตนาดีทางโลก ต้องการเผยแพร่สิ่งที่เขาศรัทธา เคารพบูชา ให้คนอื่นได้รู้ได้เห็นไม่เป็นบาปหรอกครับ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูมีความสงสัยในคำว่า"กัลยาณพาล"ที่อาจารย์อ้างถึง
อยากทราบว่าปุถุชนที่ถือศีล5และปฏิบัติธรรมแต่ยังไม่บรรลุมรรคผล
เช่นนี้ถือว่าเป็นกัลยาณพาลหรือไม่คะ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
จากผู้ที่สงสัยว่าตัวเองเป็นกัลยาณพาลหรือไม่

คำตอบ
กัลยาณพาล คือคนที่มีพฤติกรรมดี มีศีล 5 ครองใจอยู่ทุกขณะตื่น แต่ใจยังมีกำลังของสติสัมปชัญญะยังไม่กล้าแข็ง พอที่จะตัดกิเลสให้ขาดลงได้ ใจยังมีโมหะ ใจยังตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อุปาทาน ยังไม่ฉลาดในทางแห่งมรรคผลนิพพาน จึงสมมุติเรียก บุคคลผู้มีลักษณะดังกล่าวว่าเป็นกัลยาณพาล

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูอยากทราบว่าหากเราบังเอิญได้รู้จักกับคนๆหนึ่ง คุยกันเหมือนรู้จักกันมานาน มีความรู้สึกที่ดีต่อกันมาระยะหนึ่ง หากไม่มีปัญหาเรื่องความแตกต่างทางฐานะและครอบครัวแล้วบวกกับทางสังคมด้วย เราน่าจะเป็นคนที่สามารถแต่งงานกันได้ ทีนี้หนูเคยอ่านอาจารย์บอกว่าไม่มีคำว่าบังเอิญ ทีนี้หนูรู้ว่าปัญหาข้างหน้ามันต้องเกิดและไม่สามารถเป็นไปได้
อยากทราบว่าเป็นทุกข์ทางใจขนาดนี้เราทำกรรมอย่างไรร่วมกันมาถึงต้องมี อุปสรรคขนาดนี้ แล้วเราควรออกให้ห่างใช่มั๊ยคะเพราะถ้าเราเป็นคู่กันจริงๆคงไม่ทรมานอย่าง นี้



คำตอบ

กรรมร่วมในอดีต คือ เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาพระพุทธะสอนไม่ให้ยึดติดอดีต เมื่อภพชาติผ่านพ้นแล้วต้องปล่อยให้ผ่านไป การไปเอาเรื่องในอดีตมาเป็นเรื่องจริงในปัจจุบัน ต้องพบกับความผิดหวังความทุกข์ทุกคนนั้นแหละ พระพุทธะสอนวิธีพ้นทุกข์ด้วยการอยู่กับปัจจุบัน เพราะปัจจุบันสามารถปรับปรุงแก้ไขทางชีวิตของตัวเองได้ ไม่มีใครแก้ไขอดีตได้ ดูตัวอย่างของพระมหาโมคคัลลานะสิท่านอยู่กับความจริงยอมรับความจริง เพราะอดีตได้ทุบแม่ตาบอดจนตายเพราะเนรคุณไม่ประสงค์จะเลี้ยงดู เมื่อกลับชาติมาเกิดในครั้งพุทธกาล อกุศลกรรมตามทัน ท่านจึงยอมให้โจรทุบจนตาย แต่ชีวิตปัจจุบันท่านปรับแก้ไขชีวิตจนบรรลุอรหัตผล เมื่อทิ้งขันธ์ละโลกไปแล้ว อกุศลกรรมที่เหลือตามไม่ทันจึงยกเป็นอโหสิกรรม

มนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องอยู่ร่วมเป็นสังคม ดังนั้นการหนีปัญหาด้วยการปลีกตัวออกห่าง จึงมิใช่วิถีทางของพระพุทธะ พระพุทธะสอนให้เผชิญกับปัญหา ด้วยการปรับมิจฉาทิฏฐิให้เป็นสัมมาทิฏฐิ แล้วใช้สัมมาทิฏฐินำทางให้กับชีวิตตัวเองได้นี่สิ แล้วคุณจะอยู่กับปัจจุบันอย่างรู้ทัน และไม่เป็นทาสของอดีต ความทุกข์ใจอันเนื่องจากความเห็นผิดก็จะหมดไป ความสุขก็จะเกิดขึ้นมาแทนที่

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากที่ทำงานมีเพื่อนเร่วมงานและเจ้านายทำผิดศีลแล้วเราเป็นลูกน้อง ต้องทำตามคำสั่ง จะทำอย่างไรดี



คำตอบ
ทุศีลเป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคล ในฐานที่เป็นลูกน้อง ต้องประพฤติจริยธรรมการเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาให้ครบถ้วนและต้องทำหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ เพราะนี่เป็นเรื่องของส่วนรวมที่คุณอาสาเข้าไปทำงานให้กับองค์กร

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การถวายข้าวพระพุทธ ไม่จำเป็นใช่หรือไม่



คำตอบ
การบูชาพระพุทธเจ้า ปฏิบัติบูชาเป็นการบูชาสูงสุดมีอานิสงส์มากกว่า อามิสบูชา (ปกติบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน) ส่วนการถวายข้าวแก่พระพุทธรูป ถ้ามีเจตนาเป็นทานแล้วผิดทางเพราะพระพุทธรูปฉันไม่ได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. การทำบุญอุทิศส่วนกุศลทางภาคอิสานส่วนใหญ่แล้วเขาจะฆ่าสัตว์อย่างหมู วัว อื่นๆ อย่านี้แล้วจะยังได้กุศลอยู่หรือครับ แล้วจริงๆแล้วการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บิดามารดาและญาติที่ถูกต้องควรทำ อย่างไร

คำตอบ
การฆ่าสัตว์เป็นการกระทำที่ผิดศีลข้อปาณาติบาต เมื่อทำสำเร็จแล้วผลของบาปจะถูกสั่งสมอยู่ในจิต

ส่วนการทำบุญ ต้องทำตามที่ระบุไว้ในบุญกิริยาวัตถุ 10 เมื่อทำแล้วผลบุญจะถูกสั่งสมไว้ในจิต ผู้มีบุญอยู่ในจิตสามารถอุทิศบุญกุศลให้กับบิดามารดาและญาติได้


2. กระผมมีหลานที่น้องสาวภรรยานำมาฝากเลี้ยงไว้คือพ่อแม่เขาแยกทางกัน ใจผมก็คิดว่าเขาเป็นลูกคนหนึ่งแต่ผมก็ยังเป็นคนธรรดา บางทีก็มีวอกแวกบ้างจะทำอย่างไรจะทำใจให้มีเมตตาอยู่ในใจจริงครับและ จะสอนลูกให้เข้าใจได้ให้ลูกคิดว่าหลานที่มาอยู่ด้วยให้เขารู้สึกว่าเป็นน้อง เขาจริงๆ

คำตอบ
ต้องพัฒนาตัวเอง เป็นผู้มีเมตตาให้ได้ก่อน เพราะเมตตาเป็นคุณธรรม ที่ประกอบเป็นพรหมวิหาร 4 พ่อแม่ที่ดีต้องมีพรหมวิหารอยู่ในใจ นอกจากนี้พ่อแม่ที่ดียังต้องมีจริยธรรมของการเป็นพ่อแม่ และเลี้ยงดูลูกหลานด้วยใจที่ปราศจากอคติ หากทำได้อย่างนี้แล้ว ความสำเร็จที่คาดหวังไว้ย่อมเกิดขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมบุตร เมื่อ 17 พ.ค. 2010, 20:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าหากผมจะบวชโดยขออนุญาตพ่อและแม่ว่าจะบวช 3 เดือนแล้วก็จะสึกออกมาแต่งงานและก็ทำงานต่อ แล้วต่อมาหลังจาก 3 เดือนแล้วผมไม่ยอมสึกเพราะว่ารู้สึกสงบมีความสุขในทางธรรม ไม่อยากออกไปเจอกับปัญหาในทางโลก โดยพ่อกับแม่และแฟนที่จะแต่งงานด้วย มาตามให้สึก ผมก็ไม่สึกนั้น

ขอกราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่าถ้าผมทำผมจะบาปหรือไม่อย่างไร และถือว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่ในการเลี้ยงดูพ่อแม่ แล้วหนีไปบวชหรือไม่อย่างไร
( ผมมีพี่สาว 1 คนแต่งงานแล้ว และพี่ชาย 1คนยังไม่แต่งงาน)



คำตอบ
พูดไว้ว่าจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วไม่ทำตามที่พูด ถือว่าผู้พูดไม่มีสัจจะ การไม่มีสัจจะเป็นเหตุนำมาซึ่งบาปที่เกิดจากอกุศลวจีกรรม ส่วนการละทิ้งหน้าในการเลี้ยงดูพ่อแม่เป็นการละเมิดอริยธรรมของลูกที่ดี มีผลทำให้คุณธรรมเสื่อม ดังนั้นผู้มีบาปและมีคุณธรรมเสื่อม จะส่งผลให้การดำเนินชีวิตมีอุปสรรคปัญหาไม่เจริญก้าวหน้า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. มีสำนักแม่ชีท่านหนึ่ง ท่านทักมาว่า ดิฉันมีวิญญาณแฝง แล้ววิญญาณแฝงพวกนั้น ตามไปแกล้งคนใกล้ตัวดิฉัน อย่างเช่น เพื่อนดิฉัน แฟนดิฉัน จนตอนนี้ ดิฉันต้องออกห่างมา เพราะพวกเค้าล้มป่วยเจ็บตัวกัน บอกว่ามีคนมากระทืบหน้าอกตอนนอนมั่ง หรือโรคกำเริบมั่งเพราะวิญญาณไปแกล้งไปรังแกเค้า สาเหตุเพราะพวกเค้าเอาความลับของพวกวิญญาณมาบอกดิฉัน พวกวิญญาณเลยโมโหเลยไปแกล้งคนที่มาบอกดิฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ ดิฉันอยากถามดร.ว่า ดิฉันมีวิญญาณแฝงจริงเหรอคะ นี่พวกเค้าอุปาทานกันไปเองหรือเปล่า ทำไมถึงเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันเป็นแถบ ล้มป่วยก็มี

คำตอบ
ปากคนมีไว้ สำหรับพูด สำหรับกิน พูดดีก็ได้พูดร้ายก็ได้ กินอาหารดีมีประโยชน์ก็ได้ กินอาหารไม่ดีมีโทษก็ได้ การจะไปห้ามปากคนอื่นไม่ให้พูดไม่ดี เจ้าคุณโชดกเคยบอกกับผู้ตอบปัญหาว่า “ ห้ามปากคนทั้งโลก ให้พูดไม่ดีห้ามไม่ได้ แต่ห้ามหูเราไม่ให้ฟังเรื่องไม่ดีห้ามได้ ” ผู้ตอบปัญหาเชื่อครูบาอาจารย์แล้วทำตามจึงไม่มีเรื่องรกหูเข้ามากวนใจ ลองทำตามคำแนะนำของเจ้าคุณโชดกดูสิทำให้แล้วสบายใจ จิตไม่ตกเป็นทาสของเรื่องไร้สาระที่ออกจากปากคนไงล่ะ


2.การฝึกอานาปานสติ และฝึกให้เป็นวิปัสสนาไปด้วยในตัว ทำได้หรือไม่


คำตอบ
การฝึกอานาปานสติ เป็นการเอาจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ออก เป็นการฝึกให้จิตมีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้นผลที่เกิดตามมาคือ ความตั้งมั่น (สมาธิ) ของจิต เมื่อจิตมีความตั้งมั่นแล้ว สามารถเอาลมหายใจเข้า-ออก มาฝึกเป็นวิปัสสนาสามารถทำได้ด้วยการเอาจิตตามดูลม จนเห็นแจ้งชัดว่า ลมที่ผ่านเข้าทางจมูกมีการเกิดขึ้นและดับไปเมื่อลมหยุดเข้า ขณะเดียวกันลมที่ผ่านออกทางจมูกมีการเกิดขึ้นและดับไปเมื่อลมหยุดออก นั่นคือลมที่ไหลเข้ามีเกิดและดับ ลมที่ไหลออกมีเกิดและดับ เมื่อจิตเห็นแจ้งการเกิด-ดับตามความเป็นจริงดังนี้ นั่นคือวิปัสสนา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บาปกรรมบางอย่างที่ถูกบีบให้ทำเช่นขโมยอาหารเพราะความหิว กฏแห่งกรรมจะมีการลดหย่อนผ่อนโทษวิบากอันนั้นให้ไหมครับ

คำตอบ
ไม่มีการลดหย่อนผ่อนโทษหรอกครับ ต้องไปถามผู้เป็นเจ้าของอาหารที่ผู้นั้นได้ขโมยเขามา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. คนโบราณเคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าตาขยิบข้างขวากับใครจะเกิดปัญหาไม่ดีกับคนๆ นั้น แต่ถ้าขยิบข้างซ้ายจะเจอเรื่องดีๆ กับคนๆ นั้น" ไม่ทราบว่าความ เชื่อแบบนี้ เป็นจริงไหมค่ะ พี่สาวหนูคงอยากรู้คำตอบเช่นเดียวกัน พอเวลาตาขวาขยิบมักเป็นกังวลทุกที

คำตอบ
พระพุทธะสอนให้เชื่อโดยใช้เหตุผล และอย่าปลงใจเชื่อด้วยเหตุ 10 อย่าง เช่นด้วยการฟังตามกันกัน ด้วยการถือสืบ ๆ กันมา ด้วยการเล่าลือ ฯลฯ (ดูกาลามสูตร) ถ้าคุณพัฒนาจิตจนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้วคุณจะไม่สร้างปัญหาให้กับใคร และปัญหาของใครก็ไม่สามารถเข้ามารบกวนจิตใจของคุณได้ ฉะนั้นเวลาตาข้างขวาขยิบ แล้วเกิดเป็นกังวลใจขึ้นในจิตของใคร นั่นแสดงว่าใครคนนั้นยังไม่รู้จริง


2. หนูอยากมีส่วนร่วมทำบุญกับพระภิกษุสงฆ์ที่ท่านได้เข้าทำนิโรธสมาบัติหลายวัน (หนูไม่ทราบกี่วันค่ะ) บ้างค่ะ อาจารย์ช่วยแนะนำได้ไหมค่ะว่าจะ มีวัดไหนบ้างที่มี


คำตอบ
เรื่องนี้ไม่ยาก คบหาสมาคมกับผู้แสวงบุญที่ชอบสร้างโรงทานตามวัดต่าง ๆ สิคุณ นักแสวงบุญด้วยการสร้างโรงทานเขาจะมีหูไว ตาไว กว่าผู้ตอบปัญหาเสียอีก ถ้าจะให้แนะนำก็บอกว่า ที่วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ มีกิจกรรมแบบนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ส่วนจะเป็นวันไหนนั้นสอบถามกันเอาเอง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร