วันเวลาปัจจุบัน 25 ส.ค. 2025, 05:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากเรียนรู้ธรรมะตั้งแต่เริ่มต้น

กระผมได้มีโอกาสดูทีวีรายการคุณไตรภพ ตอนอาจารย์ออกอากาศ กระผมรู้สึกอยาก ศึกษาธรรมะและ ปฎิบัติตั้งแต่เริ่มแรก

ผมอยากจะฝึกกรรมฐานไปตามขั้นตอน เป็นขั้นๆครับ เพื่อที่จะปฎิบัติตามและศึกษาเพื่อ จะเข้าถึง ธรรมะของพระพุทธเจ้าบ้างครับ

ขณะนี้กระผมอายุ33ปี ก่อนหน้านี้ ประมาณ 12หรือ13ปีที่ผ่ามมา กระผมได้ไปปฐมนิเทศที่จังหวัดนครสวรรค์ ที่วัดอะไรไม่ทราบ อยู่บนเขานะครับ คือปฐมนิเทศตอนเข้าเรียนนะครับ กระผมได้นั่งสมาธิตรงหน้าพระอาจารย์ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสครับ แล้วกระผมรู้สึกว่า ตัวจะพองๆๆลอยๆๆอย่างไงไม่ทราบ ความรู้สึกผมรู้สึกว่ามีอะไร สักอย่างเหมือนกับคลื่นมาโดนที่ตัวผม กระผมพยายามคิดว่าไม่จริงนะครับเพราะความกลัว ว่าถ้าลอยแล้วจะตก เพราะตอนนั้นเรานั่งอยู่ หลังจากนั้นผมไม่กล้าถามใครกลัวว่า ผมคิดไปเองบ้าง บ้าบ้างกลายมาเป็นปริศนากลับผมจนทุกวันนี้ และทำให้ผมอยากจะรู้ ว่าถ้าปฏิบัติต่อจะไปถึงไหน คือว่าเริ่มต้นไม่ถูกนะครับและหลังจากนั้นก็ทำงานเลยไม่ มีเวลา

อาจารย์ครับบ้านอยู่จังหวัดเชียงใหม่พอจะมีอาจารย์หรือสถานที่ปฏิบัติธรรม ที่จะแนะนำผมไหมครับ กระผมคิดว่าการปฎิบัติธรรมที่ถูกจะต้องมีครูอาจารย์สอน



คำตอบ
หากประสงค์จะฝึกกรรมฐานเป็นขั้นตอน เพื่อนำตัวเองเข้าถึงธรรมของพระพุทธะ ก่อนอื่นต้องแสวงหาครูอาจารย์ผู้เป็นกัลยาณมิตรในทางธรรมให้ได้ก่อน สมัครตัวเป็นศิษย์ที่ดี ทำตัวเองให้เหมือนคนโง่ไม่ทำตัวเป็นเหมือนน้ำชาล้นถ้วย กำจัดความอยากรู้ (ตัณหา) ให้หมดไปจากใจ ครูสอนให้ปฏิบัติอย่างไร ศิษย์ที่ดีต้องทำตามให้ได้เท่านั้น

บอกว่าทำงานแล้วไม่มีเวลาปฏิบัติกรรมฐาน ไม่ใช่ความเห็นที่ถูกต้อง ตราบใดที่ลมหายใจยังไม่หยุดเข้าออกจากร่างกายนั้นเป็นเวลาที่ยังมีอยู่ เอาเวลานั้นมาใช้ฝึกกรรมฐานได้ แนะนำให้คุณไปสมัครเป็นศิษย์และฝึกกรรมฐานกับอาจารย์พระมหาประจาก “ สำนักอานังเลนัง ” บ้านพันหลัง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพราะท่านเป็นกัลยาณมิตรในทางธรรม ของผู้แสวงหาโมกขธรรม เช่นคุณ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีเรื่องรบกวนสอบถาม ดังนี้คือผมไปซื้อบ้านมือสอง ซึ่งเขามีการตั้งศาลตายายเอาไว้แล้ว
ซึ่งผมอยากให้เอาออก จะต้องทำอย่างไร เพราะพื้นที่บ้านค่อนข้างแคบ แต่ผมไม่รู้จะไปปรึกษาใครและต้องทำอย่างไร

คำตอบ
สัตว์ที่มาอยู่อาศัยบนโลกใบนี้ มีทั้งสัตว์กายหยาบและสัตว์กายทิพย์ที่ตาเนื้อตาหนังสัมผัสไม่ได้ เขาเป็นผู้ที่เข้าอยู่อาศัยในศาลตายายก่อน คุณมาซื้อบ้านมือสองและเข้าอยู่อาศัยทีหลัง ผู้มาทีหลัง มีสิทธิ์อะไรที่คิดจะไปรื้อบ้าน (ศาลตายาย) ไม่ให้เขาอยู่อาศัย หากคุณใช้สิทธิ์ทางกฎหมายที่มนุษย์บัญญัติขึ้นว่าคุณเป็นเจ้าของที่แล้วไป รื้อศาลตายายทิ้ง เข้าก็ใช้สิทธิ์ทางกฎแห่งกรรมที่ธรรมชาติบัญญัติขึ้น คือ ผูกพยาบาทจองเวรกับคุณได้ แล้วคุณจะอยู่อาศัยในบ้านที่ซื้อไว้อย่างไม่มีความสุข หากหวังความสงบสุข ต้องอยู่อาศัยกับสัตว์กายทิพย์แบบเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่เบียดเบียนกัน พึ่งพาอาศัยกัน ศาลตายายมีขนาดเล็กนิดเดียว ทำไมไม่คิดสร้างให้เขาใหม่ ให้เขาอยู่ในมุมที่เหมาะสมกับบริเวณพื้นที่ ที่เขาพอใจจะอยู่

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. พ่อของผมเป็นคนจีนตอนนี้ อายุได้ 60 ปีแล้ว เวลาโมโหจะชอบพูดคำหยาบ และทำลายข้าวของ มีอยู่หลายครั้งที่จับหนูได้จะชอบทรมาณ โดยการให้หนูตัวนั้นตากแดดจนตาย เราเห็นแล้วเราอยากช่วย แต่ก็ไม่ได้ช่วยเพราะ พ่อคงโมโหและจะหาเรื่องกับแม่อยู่เรื่อยๆ ผมอยากถามว่าผมบาปไหมที่ไม่ได้ช่วยให้หนูตัวนั้นรอดตายครับ?

คำตอบ
ถ้าคุณเห็นหนูถูกทรมานจนตาย แล้วจิตของคุณเกิดความเศร้าหมองถือว่าเป็นบาป คิดเสียว่าเป็นการชดใช้หนี้เวรหนี้กรรมระหว่างหนูกับพ่อ หากประสงค์จะช่วยหนู ทำไมไม่อุทิศบุญกุศลให้กับหนูจะมิดีกว่าหรือ แล้วเอาพ่อกับหนูมาเป็นตัวอย่างสอนใจของคุณ ว่าจะไม่สร้างหนี้เวรกรรมแบบนั้นให้เกิดขึ้นกับใจของคุณ


2. ผมมั่นสวดมนต์ รักษาศีล ๕ และ ๘ ทำทาน และทำภาวนาอยู่เป็นประจำ ผมจะช่วยพ่อผมแผ่เมตตาให้กับสัตว์เหล่านั้นไม่ให้มาจองเวรกับพ่อผมได้ไหม ครับ?

คำตอบ
การคิดช่วยพ่อให้รอดพ้นจากการถูกจองเวรจากหนู เป็นความคิดที่เป็นกุศล คิดแผ่เมตตาให้กับสัตว์เหล่านั้นสามารถคิดได้ หากคุณมีเมตตาอยู่ในใจ สามารถแผ่เมตตาได้ ส่วนสัตว์เหล่านั้นจะเลิกจองเวรกับพ่อของคุณหรือไม่ มันเป็นเรื่องของสัตว์เหล่านั้นว่าเขายินดียกโทษให้กับพ่อของคุณหรือไม่

3. ผมเคยนั่งสมาธิแล้ว จิตสงบ ใจเอิ่มอิ่ม รู้สึกว่าตัวเบาและนั่งอยู่ในที่โล่งๆ สักพักก็รู้สึกมีแสงสว่าง แว็บขึ้นมาทันทีเร็วมาก คล้ายแสงแฟลตจากกล้องถ่ายรูป ผมตกใจนึกว่ามีใครแกล้ง จึงลืมตาขึ้น ก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย อยากถามว่าแสงที่ผมเห็นนั้น เป็นแสงอะไรครับ?


คำตอบ
เป็นกิเลสที่เกิดขึ้นกับจิตที่มีความตั้งมั่น (สมาธิ) ในระดับหนึ่งเท่านั้น หากไม่สามารถกำจัดแสงที่เกิดขึ้นกับใจให้หมดไปได้ วิปัสสนาญาณไม่อาจเกิดขึ้นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.การที่พ่อใช้ให้ดิฉันไปซื้อเบียร์และน้ำอัดลมซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพให้ พ่อ ถ้าดิฉันไม่ไปซื้อให้ เพราะเห็นว่ากินแล้วเสียสุขภาพ นั้นถูกต้องแล้วหรือเปล่าคะแล้วจะเป็นการอกตัญญูหรือไม่คะที่ไม่ได้ทำตามที่ พ่อสั่ง แต่ถ้าดิฉันไม่ไปซื้อให้ พ่อก็ต้องไปซื้อเองอยู่ดีค่ะ

คำตอบ
การช่วยงานของพ่อแม่ในทางที่ถูกต้องชอบธรรมเป็น ความกตัญญู มีอานิสงส์เป็นบุญ พ่อใช้ให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม แล้วลูกปฏิเสธไม่ร่วมทำกรรมไม่ดี ไม่ถือว่าเป็นความอกตัญญู ไม่เป็นบาป ส่วนพ่อจะทำกรรมไม่ดีด้วยตัวท่านเองก็เป็นกรรมไม่ดีของพ่อคนเดียว


2.ถ้าปัจจุบันยังต้องทำงานหาเงินเลี้ยงชีพอยู่ทำให้ไม่มีเวลาปฏิบัติกรรมฐาน มากนัก แต่ไม่อยากเกิดอีกแล้ว อยากเข้าถึงนิพพานในชาตินี้ จะต้องทำอย่างไรคะ คือจริงๆอยากปฏิบัติกรรมฐานเดินจงกรม นั่งสมาธิอย่างเดียว ไม่อยากทำงานแล้วแต่ก็ทำไม่ได้เพราะจะไม่มีเงินค่ะ


คำตอบ
วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง ใช้เวลาไปกับการทำงานประมาณ 8 ชั่วโมง ใช้ไปกับงานของสังคมประมาณ 8 ชั่วโมงและใช้ไปกับงานของตัวเอง (นอน) ประมาณ 8 ชั่วโมง ตราบใดที่ลมหายใจยังไม่หยุดไหลเข้า-ไหลออกจากร่างกาย ทำไมไม่ใช้การไหลเข้า-ออกของลมนั้นมาปฏิบัติกรรมฐาน ในเวลาของตัวเองที่มีอยู่ คุณสามารถใช้เวลาส่วนตัว มานั่งฝึกดูลมเข้า-ออก ใช้เวลาส่วนตัวมาเดินจงกรมใช้เวลาส่วนตัวมาพิจารณาร่างกาย พิจารณาอาการที่เกิดกับร่างกาย (เวทนา) พิจารณาดูจิตตัวเอง และพิจารณาดูธรรมที่เข้ากระทบจิตให้เห็นว่าดำเนินไปตามกฎของไตรลักษณ์ หากทำได้อย่างนี้แล้วไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเลิกทำงานทิ้งงานให้ ขาดรายได้ไปโดยเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นการดีที่จิตของคุณยังได้พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นได้อีก ด้วย..สัมมาทิฏฐิจึงบังเกิดขึ้นกับผู้ถามปัญหา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. คือผมตอนเด็กๆ ที่ผ่านมาทั้งชีวิต ผมผิดศีลมาตลอด เช่นฆ่าสัตว์ (วัว )ลักทรัพย์ พูดปด บ่อยมาก แต่ทุกวันผมเลิกหมดแล้วครับ แต่ที่ทำมาก็เยอะพอสมควร บาป เคยตีวัว(โรงฆ่าสัตว์) แต่ปัจจุบันผมรักษาศีลภาวนา ปฏิบัติธรรมมาได้เกือบปีแล้วครับ บวชเนกขัมมะ ใส่บาตรทุกเช้า สวดมนต์ทุกวัน นั่งสมาธิทุกวัน ทำมาได้ปีกว่าๆแล้ว บางครั้งรู้สึกปลื้มใจที่เราได้ไหว้พระ น้ำตาจะเอ่อล้นด้วยความปีติ

ผมอยากถามท่านอาจารย์ว่า ถ้าผมตายในตอนนี้ผมจะลงอบายไหมครับ (ถ้าผมตายแบบโสดาบันในขณะตาย)แต่อดีตผมทำบาปไว้เยอะพอสมควรเลยครับ เรียกว่ามากทีเดียว (บาปที่ผมทำมาในอดีตด้วยความไม่รู้ไม่สนใจ)

คำตอบ
เมื่อใดบุคคลสา มารพัฒนาจิตจนบรรลุความเป็นอริยบุคคล ขั้นโสดาบันได้แล้ว เมื่อจิตทิ้งขันธ์ลาโลกจะไม่ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิแน่นอน


2. ผมเป็นคนมีกรรมมากพอสมควร เกิดมาแม่ก็เสีย ส่วนพ่อผมไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย ตั้งแต่เด็กจนโต ผมก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน จนทุกวันนี้ผมก็ไม่เคยได้เจอพ่อเลย ตอนนี้ผม29ปีแล้ว ผมอยู่คนเดียวมาตลอด แต่ผมไม่เคยคิดถึงท่านเลย ผมรู้สึกเฉยๆ ญาติพี่น้องทุกวันผมก็ไม่เคยเจอกันเลย นานมากจะเจอกันที

อยากถามว่าผมทำกรรมอะไรมาครับชีวิตถึงเป็นแบบนี้ แล้วผมจะบาปมากไหมที่ไม่ได้ดูแลพ่อ (แต่ท่านก็ไม่เคยสนใจผมมาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ) ทุกวันอยากบวชแต่ไม่รู้จะทำไง ก็คงทำได้แค่ปฏิบัติธรรม ไหว้พระสวดมนต์ไปครับ


คำตอบ
การกำพร้าพ่อแม่ เหตุเกิดจากเคยทำกรรมด้วยการฆ่าสัตว์และพรากลูกสัตว์ไปจากพ่อแม่ ไม่ประพฤติจริยธรรมของลูกที่ดี ถือว่าเป็นบาปได้

ประสงค์จะบวชเป็นภิกษุเป็นกุศลเจตนาที่ดี เมื่อบวชแล้วหากได้ปฏิบัติธรรม จะดียิ่งขึ้น เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นว่าดีที่สุด แนะนำให้ไปสมัครและบวชเป็นภิกษุปฏิบัติธรรมที่วัดแพร่ธรรมาราม อำเภอเด่นชัย อยู่ใกล้สถานีรถไฟเด่นชัยด้วยตัวคุณเอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ทางวัดก็จะบวชให้


.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พบว่าสามีโอนเงินให้หญิงอื่นใช้ใจหนึ่งอยากเรียกร้องคืนทางกฎหมาย ใจหนึ่งไม่อยากผูกเวรกรรม ไม่ทราบชาติแล้วทำกรรมใดไว้



คำตอบ
อดีตละเมิดศีลข้อ 2 ปัจจุบัน โลภะกับตัณหามีอำนาจอยู่เหนือใจ ปัญหาที่ถามไปจึงเกิดขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาเราเปิดธรรมบรรยายต่างๆ เช่นของดร.สนอง เราจะเชิญ
เทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่อยู่ในบ้าน
มาฟังธรรมบรรยายด้วย ควรหรือไม่ และต้องเชิญกลับด้วยไหมคะ
หรือควรจะเชิญเวลาที่เราเปิดบทสวดมนต์ฟัง ขอให้ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

ขอบคุญมากค่ะ

คำตอบ
ควรเชิญทั้งเทวดาและอมนุษย์อื่นที่อยู่ในบ้านรอบบ้าน รอบตัว มาฟังธรรมบรรยาย ฟังบทสวดมนต์ ฟังพระเทศน์ ฯลฯ จะเป็นการได้เพื่อน การฟังธรรมตามกาลเป็นบ่อเกิดแห่งมงคลอุดมการณ์ให้ธรรมเป็นทานบารมีสูงสุด เมื่อเสร็จกิจการฟังแล้วเทวดาและอมนุษย์รู้หน้าที่จะกลับเองไม่ต้องเชิญกลับ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือหนูได้ชมอาจารย์สนองให้สัมภาษณ์ในรายการทไวไลท์แล้ว รู้สึกสนใจแนวในสาระและแนวทางที่อาจารย์สนองได้ให้ไว้ในรายการ ก็เลยมาเปิดดูในเว็บกัลยาณธรรมรู้สึกว่าตัวเองเจอแนวทางที่จะมาปฏิบัติใน ชีวิตประจำวันแล้วค่ะ แต่รู้สึกก็ยังไม่เข้าถึงสักเท่าไร

หนูมีปัญหาเรื่องความเครียดค่ะ

คือหนูทำงานรับราชการโดยทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นงานที่ไม่หนักมากนักแต่ปัญหาของหนูก็คือ เวลาทำงานมักไม่มีจิตจดจ่อในงานที่ทำสักแต่ว่าทำงานให้เสร็จๆไป โดยไม่เข้าใจในสาระของงานนั้นๆเนื่องจากระหว่างพิมพ์คอมพิวเตอร์ หนูมักจะไปรับคำพูดของเพื่อร่วมงาน ซึ่งพูดจากระทบกระทั่งกับหนูเอามาปรุงเป็นอารมณ์ทำให้เป็นโรคเครียด และปวดหัว บางครั้งพกพาเอาคำพูดที่กระทบกระทั่งนั้นกับมาคิดมากด้วย ขอบอกว่าทุกข์มากค่ะ เพราะความแค้นมันอยู่ในอก ทั้งๆที่พยายามจะให้อภัยและเมตตาแล้ว(โปรแกรมจิตติดลบตลอดค่ะ) แต่ละวันไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรได้แต่เปิดเทปบรรยายของอาจารย์มาฟัง ก็ช่วยได้ดีทีเดียวค่ะแต่พอคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องไปทำงานก็รู้สึกว่าเป็น ทุกข์อีกแล้ว เพราะไม่รู้จะเจอกับเรื่องอะไรบ้างหนูคิดว่าหนูพอจะเข้าใจในหลักคำสอนของ อาจารย์ แต่ยังไม่สามารถนำมาสู่ในการปฏิบัติได้

หนูจึงขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยค่ะ

1. นิสัยหนูชอบรับเอาคำพูดของคนมาปรุงเป็นอารมณ์ ถ้าพูดชมก็ทำให้ใจพองถ้าโดนด่าก็ทำให้เครียดฟูๆแฟปๆตลอดเวลา เบื่อมาก

คำตอบ
เป็น ธรรมดาของคนที่มีจิตตกเป็นทาสของโลกธรรม คือ คำสรรเสริญ คำนินทา จึงได้ออกอาการที่บอกเล่าไป หากประสงค์จะทำจิตใจให้อยู่เหนือโลกธรรมดังกล่าว ต้องหมั่นให้อภัยทานบ่อย ๆ ดังมีเพลงทางภาคเหนือ มีเนื้อร้องว่า “ ช่างมันเต๊อะ ช่างมันเต๊อะ ช่างมัน.. ” คนทางภาคเหนือจึงมีจิตสงบอย่างไรล่ะ หากคุณให้อภัยบ่อย ๆ จนกระทั่งเกิดเป็นเมตตาบารมีสั่งสมอยู่ในใจได้แล้ว ปัญหาเรื่องเครียด เรื่องอารมณ์ ฟู ๆ แฟบ ๆ ก็จะหมดไป


2. วิตกกังวลค่องข้างสูง เหตุการณ์ยังไม่เกิดก็กังวลไปก่อนแล้วทั้งทั้งที่พยายามอยู่กับปัจจุบัน แต่ก็ระลึกได้บ้างไม่ได้บ้าง

คำตอบ
เหตุเกิดเพราะ จิตมีกำลังของสติยังไม่กล้าแข็งต้องเจริญสติภาวนา จนกระทั่งจิตไม่เคลื่อนออกไปรับสิ่งกระทบที่อยู่นอกกาย มาปรุงเป็นอารมณ์ได้เมื่อใดแล้ว ความวิตกกังวลจะหมดไป

3. ถ้าหนูอยู่ใกล้กับคนที่คิดมาก และโปรแกรมจิตติดลบตลอดเวลายิ่งไปกันใหญ่เลย ทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น(ท่านเป็นพ่อของหนูเอง)

คำตอบ
ใกล้คนเช่นไร ก็เป็นเหมือนเช่นคนนั้น ทำไมไม่เข้าใกล้คนดี คนมีอารมณ์สงบเย็นบ่อย ๆ หรือฝึกจิตให้เกิดสติสัมปชัญญะ เพิ่มมากขึ้น หรือกำจัดอัตตาให้หมดไปจากใจได้เมื่อไร ปัญหาที่เกิดขึ้นจะหมดไปได้แน่นอน



4. เวลาโดนใครด่า หนูก็จะแก้ปัญหาโดยเงียบ พยายามที่ไม่พูดมันเป็นวิธีที่ถูกต้องรึเปล่าค่ะ(กดดันและอึดอัดมาก) ถ้าไม่ถูกต้องอาจารย์คิดว่าหนูควรจะปฏิบัติอย่างไร

คำตอบ
เมื่อถูกคนด่าว่า ต้องพิจารณาว่า จิตของคนด่ามีอารมณ์ไม่ดี ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนมีอารมณ์ไม่ดี เมื่อเขาด่าว่าคุณเป็นคนไม่ดี คุณต้องพิจารณาดูว่า คุณยังมีความไม่ดีอยู่ในตัวคุณหรือไม่หากคุณยังมีความไม่ดีอยู่จริง ต้องขอบคุณเขาที่เป็นเหมือนกระจกส่องให้เห็นตัวคุณเอง ผู้ด่าเป็นผู้มีบุญคุณแล้วคุณจะโกรธเขาได้อย่างไร แต่ถ้าหากคุณไม่ได้เป็นอย่างที่เขาด่าว่า แสดงว่าผู้ด่าดูคุณผิดไป โง่เองเป็นผู้ที่น่าสงสาร ควรให้อภัย แล้วเอาเขาเป็นครูสอนใจ ว่าคุณจะไม่ทำเช่นเขา หากคุณปรับความเห็น (ทิฏฐิ) ให้ได้อย่างนี้ ทุกคำด่าว่าจะดีทั้งขึ้นดีทั้งล่อง


5. ทุกวันนี้ขี้หลงขี้ลืม จนจะเป็นอัลไซเมอร์อยู่แล้วค่ะทั้งทั้งที่อายุ 30 ปีเท่านั้นเอง


คำตอบ
ขี้หลง ขี้ลืม มีต้นเหตุมาจากจิตขาดสติ หากคุณปรับปรุงแก้ไขจิตตัวเอง ด้วยการเจริญสติอยู่ทุกขณะตื่น มีจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ มีจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก อาการขี้หลงขี้ลืมจะหมดไป ทำไปเรื่อย ๆ จนแก่แล้วตาย อัลไซเมอร์ไม่สามารถเข้าสู่ใจของคุณได้หรอก

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 03:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สียดายที่ดิฉันอยู่ต่างประเทศ(ฝรั่งเศส) พี้นฐานแล้วเป็นคนชอบทำบุญและชอบเรื่องสมาธิมากค่ะ แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาสิ่งแวดล้อมต่างๆไม่ค่อยอำนวยเพราะประเทศที่อยู่นั้น นอกจากไม่ได้เป็นเมืองพุทธแล้วถึงแม้จะมี "ภิกษุ"(พระสงฆ์)บ้าง แต่ก็ไม่เหมือนทางบ้านเราซึ่งเราสามารถจะเลือกที่ไปได้บ้าง ที่โน่นอย่างมากถึงเวลาเทศกาลก็จะไปชุมกันที่วัดเอาข้าวของคาวหวาน บวกที่สำคัญคือปัจจัย(เงิน)ซึ่งนิยมทำกันแบบนี้ที่เห็นๆ ซึ่งเป็นมานานแล้วตั้งแต่สมัยดิฉันยังอายุไม่มากจนกระทั่งปีนี้ห้าสิบเอ็ดปี แล้วค่ะ เรื่องการปฏิบัติล้มลุกคลุกคลานมาตลอลแต่ในจิตลึกๆชอบเรื่องนี้ มาก(ปฏิบัติ)เมื่อสมัยก่อนตอนอายุยี่สิบกว่าๆ เคยอ่านหนังสือแล้วก็หัดทำเองได้สักระยะ(สมัยนั้น ยังไม่มีการสื่อสารอินเตอร์เน็ตเหมือนสมัยนี้)เวลานี้ดิฉันได้ฟังธรรมะจาก อิเตอร์เน็ตได้ดีใจมากๆค่ะ และดิฉันก็ได้สวดมนต์ เช้า เย็น เป็นประจำและก็ฝึกสมาธิด้วยหลังจากสวดมนต์เสร็จบางวันเหมือนกับหูจะดับคือ เงียบมากแต่สักพักก็อยู่ในภาวะเดิม

ดิฉันใคร่เรียนกราบถามท่านอาจารย์ว่า ดิฉันฝึกปฏิบัติธรรมอยู่กับบ้านแบบนี้เนี่ยมีสิทธิ์ที่จะทำจิตให้นิ่ง หรือจะพัฒนาจิตให้สูงขึ้นไป(คือ ใช้การได้ช่วยตัวเองได้ทั้งทางโลกและทางธรรม) ดิฉันชอบทางนี้มากสนใจมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว แต่สัปปายะไม่อำนวยในจิตใจก็คิดว่าจะสวดมนต์และฝึกไปแบบนี้ตลอดชีวิต ขอท่านอาจารย์ เมตตาชี้แนะให้ดิฉันดว้ยว่าดิฉันครวจะทำอย่างไรดีที่ให้ก้าวหน้าในทาง ปฏิบัติ เพราะอยู่โน่น(กัลยาณมิตร)หาไม่มี ตัวดิฉันเองก็มาเมืองไทยบ้างปีละหนึ่งครั้งบ้างสองปีครั้งบ้าง และขอกราบเรียนถามท่าอาจารย์อีกอย่างนะคะว่าการที่เราสวดมนต์ทุกๆวันและฝึก สมาธิทุกๆครั้งหลังสวดมนต์(โดยที่เรายังไม่มีสมาธิคือจิตยังไม่นิ่งนั้น) เราจะได้บุญหรือมีอานิสงส์หรืออย่างไรคะ

ขอคุณพระศีพระรัตนตรัยและสิ่งศักด์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลภิภพปกปักรักษา ท่านอาจารย์ให้มีสุขภาพที่แข็งแรงไปจนถึงวันสุดท้ายค่ะ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

คำตอบ
การสวดมนต์ การฟังธรรม เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นต้น การฝึกจิตให้ตั้งมั่นเป็น สมาธิ เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นกลาง ทั้งสองอย่างที่คุณปฏิบัติอยู่เป็นประจำ หากทำได้แล้วมีอานิสงส์นำสู่ความสงบสุข เมื่อทิ้งขันธ์ลาโลกไปแล้ว โอกาสเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์มีได้เป็นได้ และสูงสุดนำสู่การเกิดเป็นพรหมได้ ทำไมไม่ใช้เวลาที่กลับเมืองไทย ไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานซึ่ง เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูงสุด แล้วนำไปปฏิบัติต่อที่เมืองนอก หากคุณได้ดวงตาเห็นธรรม ความเป็นอริยบุคคลย่อมเกิดขึ้นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 03:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ผมทราบว่าเราไม่สามารถลบล้างกรรมเก่าได้ เลยพยายามทำกรรมดีมากที่สุด ทำทานอย่างต่อเนื่องมาได้ปีกว่า พยายามหลีกหนีอกุศลกรรมเก่าด้วยกรรมดีให้มากที่สุด ผมอยากทราบว่าหากผมได้รับอกุศลกรรมวิบากอยู่คือ มักจะถูกหลอกให้รักคนมีเจ้าของเสมอ แต่ในที่สุดก็ต้องผิดหวังแยกออกมาเองเพราะกลัวบาป ผมมักจะพบทีหลังว่าเขามีเจ้าของแล้วเสมอ โดยเจ้าตัวเค้าก็ไม่ได้ปิด แต่เหมือนมีเมฆหมอกมาบังตาไว้เป็นประจำจะสิบครั้งได้ อยากรบกวนถามท่านอาจารย์ว่า เราจะทำกุศลกรรมประเภทไหนดี ที่จะเป็นการทำกุศลกรรมตรงกันข้ามกับที่ผมเคยทำไว้ ให้บรรเทาภัยเวรจากกาเมสุมิจฉาเสียทีครับ

คำตอบ
เจริญอสุภกรรมฐานและเจริญเมตตาธรรมด้วยการให้อภัยเป็นทานอยู่เสมอ เมื่อใดที่คุณธรรมทั้งสองเกิดขึ้นและสถิตอยู่ในใจของคุณได้ อุปสรรคปัญหาที่บอกเล่าไปก็จะผ่านพ้นได้


2.ผมทำมหาทานตามคำแนะนำของอาจารย์บอกในหัวข้อเรื่องอธิษฐาน คือประสงค์ให้พ้นจากภัยเวรกาเมสุมิจฉา ตั้งสัจจะแล้ว แต่สงสัยเรื่องทำเหตุให้ตรง จะต้องทำเหตุอย่างไรให้ตรงครับ?

คำตอบ
เหตุตรงคือสิ่งที่ได้ตอบไว้ในข้อ 1


3.ผมได้รับวิบากในเรื่องนี้มาเรื่อยๆ พบว่าแต่ละครั้งจะเบาบางลงเรื่อยๆ สั้นลงเรื่อยๆ อย่างนี้เป็นสัญญาณให้ทราบหรือไม่ว่า ใกล้ชดใช้หมดแล้วครับ?

ผมขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงนะครับสำหรับความกรุณาของอาจารย์ ผมซาบซึ้งบุญคุณของอาจารย์อย่างสูง และจะขอเป็นแรงหนึ่งที่จะช่วยนำพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าให้มหาชนได้ทราบ
ขอบพระคุณมากครับ

คำตอบ
ตักน้ำออกจากโอ่งไม่หยุด โอกาสที่โอ่งแล้งน้ำย่อมเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นสิ่งที่คุณปฏิบัติเป็นประจำย่อมไม่ต่างไปจากการตักน้ำออกจากโอ่ง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 03:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่สนใจในธรรมะ ในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าเปรียบกับการศึกษาปัจจุบัน ก็คงยังอยู่ในระดับอนุบาลอยู่

ก่อนที่จะถามคำถามผมขออนุญาตเกริ่นก่อนน่ะครับ ว่าผมเป็นผู้หนึ่งที่ได้พยายามฝึกสติในชีวิตประจำวัน ซึ่ง ผมได้พยายามรักษาศีล 5 ในแต่ล่ะวันไม่ให้ขาด แต่บางวันก็ไม่ได้ เนื่องมาจาก ศีล ข้อ มุสา ที่ได้ระบุไว้ว่า ให้ละเว้น จากการพูดปด พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ ซึ่งคนที่พูดบางทีไม่ใช่ผม เพราะผมจะไม่พยายามพูดล้อเล่นกับใคร เพราะรู้ว่า ถ้าเราทำเช่นนั้น เราจะผิดศีลข้อนี้ ซึ่งตรงนี้ทำให้คนอื่นมองว่าเราขาดอารมณ์ขัน มองว่าเราเครียดในการทำงาน (อันนี้ผมคิดเองครับเนื่องจากพิจารณาจากสิ่งรอบตัวครับ)

แต่ประเด็นคือว่า เวลาคนอื่นมาพูดล้อเล่นกับเรา ซึ่งเป็นคำที่ไม่จริง แต่เจตนาเขาคือต้องการให้เราไม่เครียดกับงาน ซึ่งเราก็นำคำพูดเขามาพิจารณาว่า เราได้เครียดเกินไปหรือไม่ เราก็ตอบใจตัวเองว่า เราได้ฝึกสติ ทำความสงบ เท่าที่จะทำได้ ซึ่งผมก็ได้คำตอบกับตนเองว่าจริงๆ ผมก็ไม่ได้เครียดกับงานนี่ จิตใจเรามีความสุขมากน่ะตอบที่สงบ แต่ส่วนใหญ่เวลาที่เขาพูดล้อเล่นกับเรา ผมมักจะเงียบๆ แล้วก็ยิ้มๆตอบ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่า ผมไปสนับสนุนให้เข้าพูดล้อเล่นหรือไม่ครับ(ตรงนี้ผมได้ทำบาปหรือไม่ครับ) เหมือนกับว่าเราไปแสดงอาการว่าสิ่งที่เขาพูดล้อเล่น นั้นเราพอใจ อันนี้ผมทำถูกหรือไม่ครับ

แต่ถ้าให้ผมทำอีกอย่างคือ เวลาที่เขาพูดล้อเล่น พูดเพ้อเจ้อ มา ถ้าผมบอกเขาว่า มันเป็นสิ่งไม่ดีน่ะ มันทำให้จิตใจเราหลงไปกับอารมณ์ ในสิ่งที่พูดออกมาไม่จริงเหล่านั้น มันผิดศีล มุสา อันนี้จะดีหรือไม่ครับ เพราะผมคิดว่า สิ่งที่เราเตือนเป็นสิ่งถูกที่ควรกระทำ แต่คนส่วนใหญ่มักจะรับไม่ค่อยได้ มักจะตอบออกมาต่างๆนานา เหมือนว่าเราเป็นตัวประหลาด ซึ่งถ้าผมทำสิ่งที่ถูกแล้ว ทำให้ สังคมไม่ค่อยอยากจะคบหาเรา มองเราแปลกไป แล้วอย่างนี้คนที่ปฎิบัติธรรม จะสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้จริงหรือครับ เพราะคนส่วนใหญ่ สมัยนี้ ชอบพูดล้อเล่น พูดตลกๆ เพื่อให้ตนดูเป็นคนร่าเริง และผลพลอยได้คือให้คนอื่นหายเครียดได้ชั่วคราว แต่ผมกลับคิดว่า มันเป็นประโยชน์ในระยะสั้นๆ เพราะมันทำให้เราหลงอารมณ์ ที่ปรุงแต่ง มันจะเป็นผลเสียในระยะยาวมากกว่าผลดี ผมเลยเห็นว่าถ้าเราปฎิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน เราต้องเว้นในบางช่วง เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับสังคม ดี หรือ ว่า ให้เราปฏิบัติของเราไปสังคมจะมองเราอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขาดีครับ

ถ้ามีถ้อยคำใดกล่าวล่วงเกินผู้ตอบคำถาม หรือ ถ้อยคำใดใช้คำไม่ถูกต้อง ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ ถ้าได้พิจารณาและได้ตอบคำถามที่ผมสงสัยครับ



คำตอบ
ไม่ถือเป็นบาป ทำได้ถูกทางแล้ว สำหรับผู้หวังความเจริญในธรรม หากเขามิได้ขอคำแนะนำ หรือคำสั่งสอนจากคุณ การไปบอกเขามิให้พูดล้อเล่น เพราะจะเป็นบาปกับผู้พูดนั้นไม่ควรทำ

การรักษาความสัมพันธ์กับคนไม่ดี เนิ่นนานไป คุณก็จะเป็นคนไม่ดีตามหมู่ตามพวก หากคุณรักษาความสัมพันธ์กับคนดี คุณก็จะเป็นคนดีตามหมู่ตามพวก นี่เป็นสิทธิของคุณต้องเลือกเอง ผู้ตอบปัญหายังจำเป็นต้องปฏิบัติธรรมอยู่ทุกวันเหมือนกับคุณ แต่ผู้ตอบปัญหาเลือกที่จะเป็นคนดีมากกว่า และก็เป็นได้จริงดังที่ได้ทำให้คนอื่นดูเป็นตัวอย่างอยู่ในทุกวันนี้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 03:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. อยากให้ท่านอาจารย์ช่วยแนะนำวิปัสสนาจารย์ที่จะเป็นกัลยาณมิตรให้ดิฉันได้ เหมือนท่านเจ้าคุณโชดกของท่านอาจารย์ดร.สนอง ถ้าอยากจะไปเข้ากรรมฐานซัก 1 เดือนควรไปที่ไหนดีคะ

คำตอบ
หาวิปัสสนาจารย์ ที่เหมือนท่านเจ้าคุณโชดก หาไม่ได้อีกแล้ว แต่ยังมีวิปัสสนาจารย์ที่เข้าถึงธรรมและประพฤติได้ตรงตามธรรมวินัย เช่น หลวงพ่อภัททันตะ อาสภมหาเถระแห่งวิเวกอาศรม จ.ชลบุรี หลวงพ่อพระอาจารย์กัณหา สุขกาโม แห่งวัดแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่ พระอาจารย์มานพ อุปสโม สำนักปฏิบัติธรรม จ.จันทบุรีฯลฯ ไปสมัครปฏิบัติธรรมตามสถานที่ทีวิปัสสนาจารย์นั้นสังกัดอยู่

2. การฆ่าเชื้อโรคพวกแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว ถือว่าบาปไหมคะ พวกนี้เป็นสัตว์ที่มีนามหรือไม่คะ


คำตอบ
การพรากจิตให้หลุดออกจากร่าง ของสัตว์ที่มีรูปนามถือว่าเป็นบาป โปรโตซัวเป็นสัตว์มีรูปนาม แบคทีเรียและไวรัสมีแต่รูปไม่มีนาม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 04:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1) ในหนังสือตามรอยพ่อ เขียนไว้ว่า อาชีพแพทย์เป็นเดรัจฉานวิชา ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นคะ(เพราะตอนเด็กๆคิดว่าเป็นหมอดี เพราะได้ทำบุญช่วยเหลือคนตลอดเวลา)

คำตอบ
หมายถึงวิชาที่นำมาประพฤติปฏิบัติแล้ว ทำให้ขัดขวางต่อทางพระนิพพาน พระพุทธะห้ามพุทธสาวกมิให้ประพฤติ แต่มิได้ห้ามฆราวาสผู้ประสงค์จะอยู่กับโลกอย่างปกติสุขด้วยการปฏิบัติฆราวาส ธรรม และด้วยเหตุเช่นนี้ หมอชีวกจึงมิได้ออกบวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนา


2)ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์คนหนึ่ง สงสัยว่าถ้ารักษาคนไข้ไม่หายบาปจะตกอยู่กับผู้รักษาหรือไม่ ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็เคยทำผิดพลาดบ้างค่ะ

คำตอบ
การเจ็บป่วยของคนไข้มีสาเหตุมาจากปฏิบัติตนไปไม่สม่ำเสมอ มีความเพียรมากเกินไป ฤดูกาลปรับปรุงแก้ไขได้ง่าย แต่เหตุสุดท้ายการกระทำที่เบียดเบียน 3 เหตุแรกปรับปรุงแก้ไขได้ง่าย แต่เหตุสุดท้ายเมื่อกรรมไม่ดีให้ผล คนไข้ต้องชดใช้อกุศลวิบากที่เกิดขึ้น คือการเจ็บป่วยจนกว่าผลของอกุศลกรรมจะจบสิ้น จึงจะหายจากอาพาธได้เองเป็นอัตโนมัติ

ที่ถามไปว่าบาปจะตกอยู่กับผู้ให้การรักษาหรือไม่ ขอตอบว่าการเข้าไปร่วมในวงจรอกุศลกรรม ระหว่างคนไข้กับเจ้ากรรมนายเวร ก็ถือว่าเป็นบาปได้แล้ว โดยมิต้องคำนึงถึงผลของการรักษาว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ




3)ถ้ารักษาไม่หายควรจะวางใจอย่างไรดีคะ เพราะตอนนี้ค่อนข้างกังวลอยู่ลึกๆค่ะ
สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ช่วยให้ความกระจ่างค่ะ

คำตอบ
ไม่มีใครช่วยใครได้แท้จริงหรอก แต่ละคนต้องช่วยตัวเองด้วยการไม่ก่อหนี้เวรกรรมเบียดเบียนกับผู้อื่น นั่นเป็นการที่จะป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยได้ในวันข้างหน้า ฉะนั้นเมื่อให้การรักษาคนไข้แล้วไม่หายจากเจ็บป่วย ก็ต้องปล่อยวางคนไข้ให้ไปตามกรรมของเขา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร