วันเวลาปัจจุบัน 25 ส.ค. 2025, 20:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 20, 21, 22, 23, 24, 25, 26 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันกราบรบกวนถามปัญหาปฏิบัติธรรมดังนี้
คือว่าดิฉันมีปัญหาเรื่องกระดูกสันหลัง นั่งสมาธินานๆ ไม่ได้
เวลานั่งไม่มีปัญหาคือไม่รู้สึกปวด แต่หลังจากนั่งแล้ว จะปวดหลังอยู่หลายวัน
สามีบอกว่าเขาเคยอ่านหนังสือพบว่าเราสามารถใช้วิธีนอนในการทำสมาธิก็ได้
รบกวนถามความคิดเห็นของอาจารย์ด้วย



คำตอบ
สามีของคุณแนะนำถูกแล้ว เพราะการปฏิบัติกรรมฐาน สามารถทำได้ในขณะอยู่ในทุกอิริยาบถ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน หรือขณะอยู่ในอิริยาบถย่อย คือ กิน ดื่ม พูด ฟัง เห็น ได้ยิน กายสัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ฯลฯ ดูตัวอย่างพระอานนท์ที่เป็นพุทธอุปัฏฐากได้ปฏิบัติธรรมและมีจิตเข้าถึงมรรค ผลและบรรลุอรหัตผลได้ในอิริยาบถที่กำลังเอนกายลงนอน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามเรื่องพระนางจามเทวี

ทราบมาว่า อาจารย์เคย ทำพระประวัติของพระนางจามเทวี อยากเรียนถามดังนี้

๑. ที่ว่าพระนางไม่ได้ถึงนิพพาน เพราะปัญญาทานบารมีไม่เต็มนั้นเป็นอย่างไรคะ

คำตอบ
ขณะที่ทำหนังสือประวัติพระนางจามเทวี เป็นห้วงเวลาที่อนุสาวรีย์พระนางจามเทวียังไม่ได้ก่อตั้ง ซึ่งขณะนั้นทานบารมีของพระนางฯยังไม่เต็ม คือยังไม่มีมากพอที่จะส่งผลให้การปฏิบัติธรรมในสวรรค์ของพระนางฯ เข้าถึงมรรคผลนิพพานได้

๒. เทวดา หรือเทพ วานให้มนุษย์ช่วยทำภาระกิจแทน เป็นอย่างไร และท่านเลือกคนอย่างไร

คำตอบ
เทวดาวานให้มนุษย์ทำภารกิจแทน ก็ไม่ต่างไปจากมนุษย์บางคนมีเหตุปัจจัยไม่ลงตัว เช่นไม่สามารถไปตั้งโรงทานด้วยตนเองได้ จึงฝากปัจจัยให้ผู้อื่นไปสร้างโรงทานแทนให้


ถามไปว่าเทวดาเลือกคนอย่างไร ตอบว่า เลือกคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อนในอดีตชาติ และปัจจุบันชาติผู้นั้นต้องมีความถี่คลื่นจิต (เครื่องรับ) ตรงกับความถี่คลื่นจิตของเทวดา (เครื่องส่ง) ภารกิจระหว่างเทวดาและมนุษย์จึงจะสัมฤทธิ์ผลได้

๓. จะหาอ่านพระประวัติของพระนางจามเทวีที่ท่านอาจารย์สนองทำได้จากไหนคะ

คำตอบ
หาอ่านได้ที่หอสมุดแห่งชาติ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 05:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูเป็นคนหนึ่งที่ได้ศึกษาเรื่องธรรมมะได้ไม่นานและมีโอกาสได้อ่าน หนังสือทำชีวิตให้ได้ดีและมีความสุขของอาจารย์แล้วชอบมากๆ มีตอนหนึ่งที่อาจารย์เล่าให้ฟังถึงการเรียนสมัยปริญญาเอกทำให้หนูคิดถึงตัว เองพอดีเป็นช่วงที่เริ่มเรียนต่อปริญญาโทพอดี ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย หนักหนาสาหัสมากจริงๆเลยอยากจะขอคำแนะนำอาจารย์ในการปฏิบัติตนดังนี้ค่ะ

1.ทำอย่างไรจึงจะมีสมาธิมากขึ้นจิตไม่ลอยไปคิดเรื่องอื่นๆทั้งในเวลา เรียนในห้องเรียนหรือเวลาทำงานเพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนสมาธิสั้น

คำตอบ
เมื่อรู้ตัวเองว่ามีสมาธิขึ้น และประสงค์จะทำให้มีสมาธิยาว คือมีจิตตั้งมั่นยาวนาน ต้องทำให้มีศีล 5 คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น เร่งความเพียรในการฝึกจิตให้มีสติ ด้วยการเลือกเอากรรมฐานบทหนึ่งบทใด ที่เหมาะสมกับจริตของตน (ดูกรรมฐาน 40) มาใช้เป็นองค์บริกรรมทุกวันก่อนนอน และบริกรรมทุกครั้งหลังจากตื่นนอนทุกเช้า ปฏิบัติให้ต่อเนื่องยาวนาน และสุดท้ายต้องมีสัจจะให้อยู่กับใจ แล้วโอกาสที่จะให้มีจิตตั้งมั่น (สมาธิ) ที่ยาวนานจึงจะเกิดขึ้นได้


2.ทำอย่างไรจึงจะนอนได้เต็มอิ่มโดยที่ไม่ต้องใช้เวลานอน7-8 ชั่วโมง

คำตอบ
เมื่อใดที่ปฏิบัติจิตตภาวนา จนจิตมีความตั้งมั่นได้แล้ว อารมณ์ปรุงแต่งของจิตจะลดน้อยลงเพราะสิ่งกระทบภายนอกถูกสกัดไม่ให้เข้าถึงใจ ด้วยกำลังของสติ เมื่ออารมณ์ปรุงแต่งของใจน้อยลง พลังงานจะถูกอนุรักษ์ไว้ในร่างกาย ซึ่งส่งผลถึงชั่วโมงการนอนหลับพักผ่อนลดลงแน่นอน


3.รุ้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่คิดช้าอยากคิดให้เร็วขึ้นควรทำอย่างไร คะ



คำตอบ
เป็นคนที่คิดช้า เหตุเพราะขาดสารเคมีที่ไปกระตุ้นการสื่อของกระแสประสาท การสื่อของกระแสประสาทที่รวดเร็วต้องการสาร acetyleholine กระตุ้นการทำงาน ซึ่งสาร etyleholine จะเกิดเพิ่มขึ้นมากในกระแสเลือดของคนที่มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ฉะนั้นอยากให้เป็นคนคิดเร็ว ต้องฝึกจิตให้มีสติได้ก่อน แล้วสมาธิจะเกิดตามมาเป็นอัตโนมัติ ผลพลอยได้คือสาร acetylcholine เพิ่มมากขึ้นในกระแสเลือด จากคนที่คิดช้าก็จะเปลี่ยนเป็นคนที่คิดเร็วได้ พิสูจน์ดูสิ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. อาจารย์อธิบายว่าอาชีพแพทย์เป็นเดรัจฉานวิชาเนื่องจากขัดขวางไม่ให้ไปสู่ นิพพาน หนูยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะว่ามีเหตุผลว่าอย่างไร หมายถึงว่าขัดขวางตัวผู้เป็นแพทย์เองหรือรวมถึงคนไข้ด้วย หรือหมายถึงเฉพาะสงฆ์เท่านั้น(ถ้าหมายถึงเฉพาะสงฆ์ แล้วแพทย์ฆราวาสที่ต้องการปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤษจะมีผลหรือไม่)

คำตอบ
เรื่องเดรัจฉานวิชา เป็นวินัยที่พระพุทธะห้ามสงฆ์สาวกกระทำ เพราะเป้าหมายสูงสุดของพุทธสาวกคือ นำชีวิตให้พ้นไปจากทุกข์ (นิพพาน) แต่มิได้ห้ามฆราวาสกระทำ พระพุทธะสอนฆราวาสธรรมเพื่อให้ฆราวาสอยู่กับทุกข์อย่างรู้เท่าทัน เพื่อจะได้ไม่ต้องรับทุกข์มากเกินจำเป็น ด้วยเหตุนี้จึงมีหมอชีวกที่เป็นฆราวาสโสดาบันประกอบอาชีพแพทย์อยู่ในครั้ง พุทธกาล

ทุกข์หมายถึงสภาพที่ทนอยู่ไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ไม่สามารถบังคับได้ นั่นคือสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วต้องมีการดับไป ด้วยเหตุนี้การเวียนตาย-เกิด ตั้งแต่สัตว์นรกไปจนถึงพรหม จึงหนีไม่พ้นไปจากทุกข์

การเจ็บป่วยของคนไข้ที่มีเหตุมาจากอกุศลกรรม ที่คนไข้ทำไว้กับเจ้ากรรมนายเวร แพทย์ที่ให้การรักษา คือผู้ที่ไปร่วมวงจรกรรมที่เขาทั้งสองผูกเวรกัน แพทย์จึงต้องรับผลแห่งอกุศลกรรมนั้น ด้วยเหตุนี้เดรัจฉานวิชา จึงเป็นกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์(สังโยชน์) ตัวสุดท้ายคืออวิชชาที่ผู้ปรารถนานำชีวิตพ้นไปจากทุกข์ จึงต้องเลิกจึงต้องละให้ได้ ฉะนั้นใครผู้ใดก็ตาม แม้จะปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤษเพียงไหน หากยังละอวิชชาไม่ได้ การพ้นไปจากทุกข์ (นิพพาน) จึงไม่มี



2. การที่แพทย์รักษาคนไข้ถือเป็นการไปขวางทางกรรมของคนผู้นั้นหรือไม่ หรือเป็นเพราะว่าเขาผู้นั้นจะได้บการผ่อนหนักเป็นเบาเช่นนั้นอยู่แล้ว

คำตอบ
การเจ็บป่วย อันเนื่องมาจากอกุศลกรรรม ที่คนไข้ได้ก่อไว้กับผู้อื่นสัตว์อื่น เมื่อกรรมให้ผลเป็นการเจ็บป่วย คนไข้ต้องชดใช้หนี้เวรกรรม จนกว่าอกุศลวิบากนั้นหมดไป เขาจึงจะหายจากการเจ็บป่วยได้ ดังนั้นแพทย์ผู้ให้การรักษาคนไข้ในกรณีนี้จึงเป็นผู้ไปร่วมวงจรกรรมของเขา จึงต้องมีส่วนรับอกุศลวิบากแทนคนไข้ด้วย


3. หนูเป็นหมอรักษาคนไข้ที่เป็นมะเร็งค่ะ ได้พยายามแนะนำคนไข้และญาติถึงเรื่องการเจริญ
มรณานุสติ การมีสติรวมถึงการวางตัวในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตเท่าปัญญาที่หนูมีและเท่า ที่ผู้รับจะรับได้ หนูควรศึกษาธรรมะข้อไหนเพิ่มบ้างเพื่อตอบคำตอบนี้(รวมถึงแหล่งที่จะหา ข้อมูล)
รวมถึงอาจารย์มีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะ เกี่ยวกับเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต( ในคนที่ได้เคยเจริญสติมาในระดับต่างๆหรือไม่เคยเลย)

กราบขอบพระคุณอาจารย์ทั้งความรู้ที่ให้ในครั้งนี้และในกาลก่อนๆมา
ขออนุโมทนากับอาจารย์ด้วยค่ะ



คำตอบ
การแนะนำนั้นถูกต้องแล้ว รักษาใจคนไข้ให้มีศีลและมีธรรมไว้ดีกว่า จะรักษากายอย่างไรก็รักษาไว้ไม่อยู่ ต้องชรา และมรณาทุกคน การเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง เหตุมาจากผิดศีลข้อปาณาติบาตดังนั้นการรักษาใจให้มีศีลมีธรรมได้ทุกข์ขณะ ตื่นเป็นการรักษาที่ดีที่สุด

ในฐานะผู้ให้การรักษา ควรทำตัวเองให้มีศีล มีสติ มีเมตตาและมีปัญญาเห็นถูกตรงเกิดขึ้นกับใจ เมื่อคุณธรรมทั้งสี่ให้ผลแสดงออกมาในรูปของพฤติกรรมที่คนไข้สามารถสัมผัสได้ จะเป็นการสั่งสอนคนไข้ด้วยการทำให้ดู ซึ่งดีกว่าการกล่าววาจาสั่งสอน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ได้อ่านคำถามที่มีผู้ได้ถามอาจารย์ไว้แล้วเรื่องการกราบไหว้บูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระโพธิสัตว์ เทพ เป็นต้น อยากทราบครับว่า ถ้าเรากราบไหว้สักการะบูชาในคุณงามความดีของท่านแล้ว เรื่องการขอพร การขอให้ได้สิ่งที่ปรารถนา ควรจะทำไหมครับ อาจจะขอว่าถ้าได้แล้วจะทำความดีเป็นเครื่องสักการะบูชาต่อท่าน หรืออาจเป็นการขอเฉย ๆ โดยไม่ได้กล่าวว่าจะมีอะไรเป็นการตอบแทนคำขอนั้น ๆ จะใช้การขอพร ให้อำนาจบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรากราบไหว้บูชา ร่วมกับ การใช้หลัก ตนเองเป็นที่พึ่งแห่งตน เพื่อให้สิ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จได้ไหมครับ

คำตอบ
ศาสนาของพระพุทธะ มิได้สั่งสอนพุทธบริษัทให้ทำตัวเป็นผู้ขอ แต่สอนให้พุทธบริษัทตั้งความปรารถนา (อธิษฐาน) ด้วยตัวเอง แล้วต้องทำเหตุให้ถูกตรงกับคำว่าที่อธิษฐาน แล้วเมื่อกรรมให้ผล ตนเองจึงจะสมปรารถนาได้

หากจะยึดแล้ว “ ตนเองเป็นที่พึ่งแห่งตน ” ต้องทำเหตุด้วยตนเองแล้วผลก็จะเกิดขึ้นกับตนเอง เช่น การกราบไหว้บูชาคุณความดีของผู้มีคุณธรรม เมื่อทำได้แล้วจะเกิดความเป็นมงคลขึ้นกับผู้กระทำการกราบไหว้บูชาเป็นเหตุ ความเป็นมงคลที่เกิดขึ้นเป็นผล ด้วยเหตุนี้พระพุทธะจึงได้ตรัสไว้ในมงคล 38 ประการ

2. ต่อเนื่องจากคำถามข้อที่หนึ่งครับ ว่า เราควรจะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อใดครับ ควรจะขอหลังจากที่ได้พยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเองจนสุดความสามารถแล้วหรืออย่างไรดีครับ รวมถึงการช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนกันครับ เช่น การช่วยเหลือเรื่องใดเรื่องหนึ่งเราจะช่วยให้จบขั้นตอนไปเลย(ถ้าเราสามารถ ช่วยได้ครบทุกขั้นตอน) หรือว่า ควรจะแค่ชี้ทาง ให้ข้อมูลบางอย่างไป เพื่อให้เขาให้ฝึกฝนตัวเอง หรือควรจะพิจารณาเป็นครั้ง ๆ ไปอย่างไรครับ

คำตอบ
มนุษย์ผู้เป็นปุถุชน ยังจำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ควรขอความช่วยเหลือเมื่อตนเองหมดความสามารถที่จะแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ การช่วยเหลือแบบนี้ยังไม่ถูกตรงตามธรรม ผู้ใดพัฒนาศักยภาพให้เกิดขึ้นกับตนเองแล้วใช้ศักยภาพนั้นปรับปรุงแก้ไขปัญหา ด้วยตนเองได้ การช่วยเหลือตนเองได้นั้นจึงเป็นการช่วยเหลือที่ดีที่สุด


3. มีข้อสงสัยเรื่องการทำใจยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่นครับ ตัวอย่างเช่น ถ้าเห็นผู้อื่นสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือกำลังได้รับรางวัลอย่างใดอย่างหนึ่ง เราควรจะทำใจอนุโมทนาแสดงความยินดีกับเขามในความสำเร็จนั้น แต่ในขณะเดียวกันเราควรจะพิจารณาไปพร้อม ๆ กันหรือไม่ครับว่า ทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ ถึงจะประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่สิ่งถาวร เพื่อไม่ให้หลงดีใจ จนจิตใจฟูพอง กับความสำเร็จ ความดีของผู้อื่นจนเกินไปน่ะครับ. .

คำตอบ
การทำใจยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 เมื่อทำได้แล้วจะเกิดเป็นบุญสั่งสมอยู่ในใจของผู้มีความยินดี ด้วยเหตุที่บุญเป็นพื้นฐานนำสู่ความสำเร็จในสิ่งดีงามทั้งปวง ดังเช่นการเกิดของปัญญาเห็นแจ้ง ผู้มีบุญเท่านั้นจึงจะเห็นว่าความสำเร็จของผู้อื่นหรือรางวัลที่ได้รับ (โลกธรรม) ยังต้องดำเนินไปตามกฎของไตรลักษณ์ เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วมีจิตไม่เป็นทาสของสิ่งดังกล่าวผู้รู้แนะนำให้กระทำ เพราะการเห็นถูกตรงอย่างนี้เป็นอิสรภาพของชีวิต ที่ผู้มีบุญเท่านั้นสามารถเข้าถึงได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. เคยอ่านคำตอบที่ผ่านมาๆว่า การเป็นกะเทยนั้นไม่สามารถบรรลุธรรมในชาติปัจจุบันได้ เพราะเหตุใดครับ?

คำตอบ
เพราะจิตยังใช้หนี้เวรกรรมไม่หมด ยังจำเป็นต้องเสวยอกุศลวิบากอยู่

2. คนที่ได้รับวิบากกรรมนี้อยู่ เดาว่าตัวเองเคยละเมิดศีลข้อสามอย่าไร้ยางอายในอดีตชาติ ไม่อยากได้รับผลกรรมนี้แล้ว หากต้องเกิดอีก ชาตินี้ควรทำตัวอย่างไรเพื่อชาติหน้าจะไม่เป็นแบบนี้อีก? เพราะในพระไตรปิฏกบอกว่าจะต้องเกิดแบบนี้อีกนับร้อยครั้ง

คำตอบ
เรื่องนี้เป็นไปตาม “ กรรมนิยาม ” คือกำหนดอันแน่นอนตายตัวของการกระทำ เมื่อใดที่ผลของกรรมเกิดขึ้นแล้ว ผู้ทำกรรมจึงจำเป็นต้องรับผลของกรรมนั้นจนกว่าจะชดใช้ให้หมดไปแล้วผลของกรรม นั้นจึงจะยุติ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วควรสร้างบุญ (ดูบุญกิริยาวัตถุ 10 สร้างบารมี ดูบารมี 10) ในข้อที่ปฏิบัติได้ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้จิตได้สั่งสมไว้ เป็นฐานของการบรรลุธรรมในข้างหน้า

3. หากเราพบคนที่ไม่มีศรัทธาในพระศาสนา มาถามเราว่าทำไมเราถึงเชื่อในพระไตรปิฏก เพราะบางคนไม่เชื่อว่า กฏแห่งกรรมมีจริง อ้างว่าพิสูจน์ไม่ได้บ้าง ส่วนตัวผมเชื่อและตั้งใจจะพิสูจน์ให้ได้ในวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้

คำถามก็คือ รอบตัวของผมมีคนจำพวกนี้อยู่หลายคน หนึ่งในนั้นเป็นผู้บังเกิดเกล้า เราจะมีวิธีการอย่างไร ที่จะทำให้ท่านเชื่อกฏแห่งกรรม เพราะว่าท่านเชื่อว่า พิสูจน์ไม่ได้

ผมขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูง ขอคุณพระศรัรัตนตรัย
โปรดดลบรรดาลให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง
เป็นมิ่งขวัญให้บัวใต้น้ำอย่างผมได้มีโอกาสพ้นน้ำด้วยเทอญ



คำตอบ
จะพิสูจน์ได้หรือพิสูจน์ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับภูมิธรรมภูมิปัญญาของแต่ละบุคคล ว่าสามารถรู้เห็นเข้าใจความจริงได้ระดับไหน

วิธีพิสูจน์กฎแห่งกรรมง่าย ๆ ลองเอามือไปแหย่รังแตนที่ยังมีแตนอาศัยอยู่ แล้วดูผลที่เกิดตามมาสิว่า อะไรเกิดขึ้นจากเหตุที่เอามือไปแหย่รังแตน นี่คือกฎแห่งกรรมที่พิสูจน์ได้ง่าย

ส่วนเรื่องกฎแห่งกรรมที่ให้ผลยาวนานข้ามภพชาติ ต้องพิสูจน์ด้วยปัญญาขั้นสูง (อภิญญา) ซึ่งหลายคนสามารถเข้าถึงความจริงแบบนี้ได้ จึงเชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีหลายประเภท มีหลายระดับ เช่นระดับประสาทสัมผัส ระดับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สัมผัส หรือระดับจิตสัมผัส ซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของกรรมแต่ละชนิดซึ่งให้ผลไม่เหมือนกัน และระยะเวลาให้ผลต่างกัน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. การที่คนเรามีความโลภ ความโกรธ ความหลง อยู่ในจิตใจแม้เพียงเล็กน้อย
ก็สามารถส่งผลให้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
เป็นเปรต เป็นสัตว์นรก ได้ง่ายๆใช่ไหมค่ะ

คำตอบ
กิเลสทั้งสาม สามารถส่งผลให้ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ได้ง่ายต่อเมื่อ ขณะจิตสุดท้าย ระลึกถึงความโลภ หรือ ความโกรธหรือความหลง แล้วจิตทิ้งร่างทันที


2. ที่อาจารย์สนองบอกว่าให้จำแต่เรื่องที่ดีๆ เรื่องขยะไม่จำเลย
หมายถึงให้จำแต่เรื่องดีๆที่เราเป็นผู้กระทำอย่างเช่นการทำบุญกุศลเป็นต้น
แล้วการกระทำดีๆที่ผู้อื่นทำต่อเรา
เราต้องจำไหมค่ะเพราะไม่รับกระทบจากภายนอกเอามาเป็นของเราเพิ่อให้ใจไม่ฟู ไม่แฟบง่ายๆ
ขออาจารย์ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ



คำตอบ
ที่บอกให้จำแต่เรื่องดี ๆ หมายความว่า ทำแต่กุศลกรรมให้หลากหลาย ทำให้มาก ทำให้ยิ่งใหญ่ เพื่อจิตจะได้มีโอกาสระลึกถึงแต่สิ่งดี ๆที่ถูกเก็บสั่งสมไว้ในจิต

ส่วนเรื่องที่ผู้อื่นทำดีกับเรา จิตรับสัมผัสได้แต่สิ่งดีๆ ที่ผู้อื่นส่งเข้ากระทบจิต แล้วเห็นว่าเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์จึงปล่อยสิ่งกระทบนั้นได้ ทำให้จิตมีความเป็นอิสระ ความเป็นอิสระของจิตเป็นสิ่งดีที่ควรทำให้เกิดมีขึ้นให้มาก หากจิตเป็นอิสระต่อทุกสิ่งที่เข้ากระทบจิตได้นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดในการ ปฏิบัติธรรม


.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.คุณแม่ฝากถามอาจารย์ว่าจะทำอย่างไรดีเวลานั่งปฏิบัติสมาธิภาวนามักจะเกิด ทุกขเวทนา คือปวดขามาก คุณแม่ก็ทำตามที่อาจารย์สนองเคยสอนคือ เอาสติไปรู้เฉยๆ ภาวนาว่า ปวดหนอๆ ไปเรื่อยๆ แต่นานหลายสิบนาที ก็ไม่หาย คุณแม่บอกว่าทรมาณมากๆ เหมือนกระดูกจะแตก(เหมือนที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังเลย) ทนไม่ไหวไม่รู้จะแก้ไขได้ อย่างไร ไม่สามารถผ่านได้สักที จึงอยากขอคำแนะนำจากอาจารย์ค่ะ คุณแม่ก็สงสัยว่า เป็นเพราะวิบากกรรมหรืออาจจะเพราะร่างกายไม่ดีก็เป็นได้ค่ะ

คำตอบ
เหตุที่คุณแม่ยังผ่านทุกขเวทนาตัวนี้ยังไม่ได้เป็นเพราะจิตมีกำลังของสติไม่ มากพอ วิธีการแก้ปัญหาคือ เมื่ออาการปวดขาเริ่มเกิดขึ้น ให้เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งไปเป็นอิริยาบถเดินจงกรมแล้วจะทำให้จิตมีกำลังสติ เพิ่มมากขึ้นเมื่อใดที่จิตมีกำลังของสติมากพอจึงจะผ่อนอาการปวดขานั้นได้

2.ข้าพเจ้าอยากทราบว่าทำไมเวลาปฏิบัติสมาธิภาวนาจึงไม่เกิดนิมิตเห็นแสง หรือภาพเหมือนผู้อื่นบ้าง และเวลาปวดขาก็ไม่ค่อยปวดมาก เป็นเพราะสมาธิยังไม่ นิ่งใช่หรือไม่คะ

คำตอบ
การปฏิบัติกรรมฐาน แล้วไม่ปรากฏนิมิตเห็นแสงถือเป็นเรื่องปกติของคนที่ไม่เคยปฏิบัติ “ อาโลกกสิณ ” มาก่อนหรือเป็นเพราะกำลังของสมาธิยังไม่ถึงระดับที่จะทำให้เกิดนิมิตเป็นแสง ได้

3.เวลานั่งสมาธิอาการที่รู้สึกว่าตัวสูงขึ้นไปมากและบางครั้งก็ตัวใหญ่โต ใช่ปีติหรือไม่คะ ถ้าใช่ทำไมข้าพเจ้าเอาจิตไปคิดเรื่อองอื่นแล้วแต่ปีติยังตั้ง มั่นอยู่ได้คะ


คำตอบ
หากเป็นเพียงความรู้สึก ถือว่าเป็นปีติได้ เมื่อเอาจิตไปคิดเรื่องอื่นแล้ว ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่ แสดงว่าปีติยังไม่ถูกลบให้หมดไปจากใจ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูมีเรื่องอยากจะกราบเรียนถามอาจารย์ว่า จะมีวิธีไหนในการข่มจิตให้จิตสงบนิ่ง เมื่อจิตเกิดความเศร้าหมองค่ะ หนูมักมีปัญหาในการนั่งสมาธิเมื่อจิตเกิดความเศร้าหมอง ่จิตมันจะว้าวุ่น หนูพยามๆเศร้าหนอๆ เศร้าหนอๆ มันก็ยังไม่มีสมาธิ หนูควรจะทำอย่างไรดีคะ หนูลองทำใจว่างๆตอนที่จิตเกิดเศร้าหมองเพื่อเข้าสู่ยุบหนอพองหนอมันก็ยังไม่ สงบ หนูควรข่มจิตด้วยวิธีไหนดีคะ



คำตอบ
อาการเศร้าหมองที่เกิดขึ้นกับจิต เหตุเกิดจากจิตที่กำลังของสติอ่อน ประสงค์พัฒนาจิตให้สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ ต้องทำใจให้มีศีลคุมใจอยู่ทุกขณะตื่นให้ได้ก่อน ใจจึงจะมีศีลเป็นเกราะป้องกันไม่ให้หวั่นไหว แล้วการเจริญสติภาวนาจึงจะเกิดผล ด้วยเหตุนี้ต้องทำต้นเหตุให้ถูกตรงก่อน แล้วจึงเริ่มปฏิบัติจิตตภาวนาโดยมีความเพียรเป็นเครื่องสนับสนุน ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องยาวนานจิตจะเข้าสู่ความสงบนิ่งได้เองหลังจากฝึก กรรมฐานแล้วเสร็จในแต่ละวันต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วมรรคผลแห่งธรรมจึงจะเกิดขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ผมศึกษาธรรมมาประมาณ 6-7 เดือนรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนของพระตถาคตและคำสอนความรู้ธรรมต่างๆจาก หลวงพ่อฤษีลิงดำ และท่านอื่นๆ แต่ระยะหลังมานี่จิตผมเป็นอะไรไม่รู้ครับ อยู่ดีบางทีก็อยากปรามาศพระรัตนตรัย บางที มันก็ต่อต้านพระรัตนตรัย อยากจะด่าว่าบ้างผมก็พยายามไม่ให้จิตไปคิดเรื่องนั่นอะครับแต่ตัวผมนั่น เคารพพระรัตนตรัย และ พระอริยเจ้าด้วยใจจริง พยายามนั่งสมาธิแต่มันก็กลับมาเป็นอยู่เรื่อยอะครับ ยังไม่หายซะที อยากจะได้คำแนะนำจาก อาจารย์ครับและวิธีการปฎิบัติจากอาจารย์ด้วยครับ ขอความกรุณาชี้ท่างสว่างให้ด้วยครับ

คำตอบ
แนะนำให้เอาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาพระรัตนตรัย ต่อหน้าเจดีย์ใหญ่ หรือต่อหน้าพระพุทธรูปด้วยการกล่าวคำสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย เสร็จแล้วจึงขอขมากรรมต่อพระรัตนตรัยด้วยการกล่าวว่า “ สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินหรือปรามาส ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ตั้งแต่อดีตชาติหรือปัจจุบันชาติทั้งที่ระลึกได้ และระลึกไม่ได้ ข้าพเจ้าขอขมาต่อพระตรัยตรัยได้โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าด้วยและจากนี้ต่อไป ข้าพเจ้าจะไม่ล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์อีกต่อไป ” เมื่อขอขมาแล้วทำตัวเองให้มีศีลคุมใจและรักษาสัจจวาจาที่กล่าวไว้ให้ได้ หากทำได้อย่างนี้แล้ว การปฏิบัติธรรมจึงจะได้มรรคผลก้าวหน้า


2. ผมเคยปรึกษากัลยนมิตรคนหนึ่ง เค้าบอกว่า ควรปล่อยวางต่อจิตและความคิดพวกนี้ไม่ยินดียินร้ายมันเพราะจิตและ ความคิดนี้ไม่ได้เกิดจากเรา เกิดจากกิเลสมารหรือมีมาร เทวดามิจฉาฑิฐิมาปรุงแต่งจิตเราหรือมาดลจิตเรา ให้ปั่นป่วน อะครับ ถ้าเราปล่อยวางได้ความคิดหรือจิตพวกนี้จะหายไปอะครับ
ขอคำเพิ่มเติมชี้แนะจากอาจารย์ด้วยครับ



คำตอบ
หากจิตยังมีสติไม่กล้าแข็ง โอกาสจิตตกเป็นทาสของกิเลสมารหรือเทวปุตตมารเป็นไปได้ง่าย กัลยาณมิตรมาชี้ทางถูกให้คุณปล่อยวาง คุณก็ไม่สามารถทำได้หากสติยังไม่กล้าแข็ง ด้วยเหตุนี้ผู้ตอบปัญหาจึงต้องเจริญพละ 5 อยู่ทุกขณะตื่นเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 30 ปีมาแล้วจึงสามารถรักษาความดีที่เจ้าคุณโชดกอบรมสั่งสอนไว้ได้ คุณน่าจะดูเป็นตัวอย่างแล้วทำตามให้ได้ ก็มีโอกาสพ้นจากปัญหาที่ถามไปได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะนี้ได้งานใหม่ทำมาแล้ว 4 เดือนค่ะ แต่รู้สึกว่า ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ จากที่เคยทำบุญตักบาตรในวันหยุดหรือวันสำคัญก็ไม่ได้ทำเหมือนเคย นั่งสมาธิก็ไม่สงบเหมือนก่อนเพราะมีเรื่องให้คิดตลอดเวลา ไม่มีโอกาสได้ฟังธรรม ศึกษาพระธรรม หรือพบปะกัลยาณมิตรเหมือนก่อน ที่ทำงานอยู่ไกลบ้านค่ะ แล้วยังต้องทำงานหนักกลับดึกทุกวัน ตอนนี้รู้สึกท้อแท้อยากกลับไปเหมือนก่อนที่มีเวลาให้ตัวเอง จึงเรียนขอคำแนะนำการใช้ชีวิตแบบฆารวาสที่ไม่ศูนย์เสียทั้งงาน
เวลา และธรรมะ ค่ะ



คำตอบ
ยังแยกงานภายนอก(งานสังคม) กับงานภายใน(งานพัฒนาตนเอง) ไม่ออก คนส่วนใหญ่หลงทำแต่งานภายนอก และลืมงานพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองซึ่งเป็นงานภายใน ฉะนั้นต้องดูให้ออกและแบ่งเวลาให้เป็น เมื่อถึงเวลานำตัวออกจากที่ทำงาน วางงานของสังคมไว้ที่นั่นไม่ให้งานตามมาที่บ้าน เพราะงานภายนอกสิ้นสุดลงแล้วที่นั่น งานที่เหลือค่อยกลับไปทำต่อในวันรุ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้และหนึ่งในนั้นเป็นบุญใหญ่สุดคือการทำจิตตภาวนาตราบใดที่ลมหายใจ ของคุณยังไม่หยุดเข้าสู่ร่างกายยังไม่หยุดออกจากร่างกาย นั่นเป็นโอกาสให้คุณได้ทำงานภายใน ทำไมไม่นำลมเข้า-ลมออกมาสร้างประโยชน์ให้กับจิตวิญญาณล่ะ

เรื่องการฟังธรรมเช่นฟังจากเทป จากแผ่นซีดี รวมถึงการสวดมนต์ก่อนนอน เป็นการปฏิบัติธรรมเบื้องต้น ยืน เดิน นั่ง หรือนอนสามารถใช้หูฟังได้ ซึ่งร่างกายยังอยู่อยู่โอกาสนั้นความดียังเกิดขึ้นได้ หากลมหยุดเข้า-ออกเมื่อใด โอกาสดีๆ เช่นนี้จะหมดไปแล้วจะเสียใจ ที่ปล่อยให้เวลาที่มีคุณค่าผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: สาธุ สาธุ สาธุจ้า...พี่ธรรมบุตร
ที่นำตอบปัญหาธรรมท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรมาลงไว้

:b8: อนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ด้วย ค่ะ


:b48: รักและคิดถึงค่ึะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การยกเลิกอธิฐานเก่านั้นทำอย่างไรครับ

คำตอบ
สวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยต่อหน้าพระพุทธรูปหรือเจดีย์ที่เนื่องด้วยพระ พุทธศาสนา แล้วเอ่ยวาจาขอยกเลิกคำอธิษฐานเก่าที่ให้ไว้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ผู้ป่วยที่เป็นเจ้าชายนิทรา (ไม่รู้สึกตัว) จิตอยู่ในกาย จิตจะทุกข์ทรมานจากสังขารที่ป่วยหรือไม่ จะมีวิธีช่วยเขาได้อย่างไรบ้าง? และเขาจะสามารถปฏิบัติธรรมฝึกสมถและวิปัสสนากรรมฐานจากการเปิดเทปธรรมะดัง กล่าวให้ฟังได้หรือไม่

คำตอบ
เรื่องนี้หากจะเปรียบเทียบให้เห็นชัด คนขับรถที่ชำรุดเสียหายเครื่องยนต์ไม่ทำงานจะใช้ขับเคลื่อนไปในที่แห่งใดไม่ ได้ สมมติว่าคุณเป็นคนขับรถยนต์ที่ชำรุดคันนั้นคุณจะมีความรู้สึกอย่างไร คุณอยากจะช่วยเขาที่ทำได้ขณะนี้คือเปิดเทปหรือซีดีธรรมะให้เข้าฟังการฟัง ธรรม เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นต้นที่เขาสามารถรับรู้และทำได้


2. ผู้ป่วยที่แพทย์ลงความเห็นว่าสมองตาย จิตจะออกจากร่างหรือยัง มีความเหมือนหรือต่างจากเจ้าชายนิทราอย่างไร และหากก่อนประสบอุบัติเหตุจนสมองตาย ผู้ป่วยได้บริจาคอวัยวะและร่างกายให้กับโรงพยาบาลไว้ล่วงหน้า หลังจากแพทย์ลงความเห็นว่าสมองตายได้ทำการผ่าตัดนำอวัยวะของเขาไปใส่ให้กับ ผู้ป่วยคนอื่น ขอเรียนถามว่า - จิตของคนที่สมองตายออกจากร่างหรือยัง - ถ้าจิตยังอยู่ในร่างแล้วถูกผ่าตัดนำอวัยวะไปให้ผู้ป่วยอื่นตามที่ตนเอง เจตนาบริจาคไว้ล่วงหน้า ผู้ที่เป็นเจ้าของร่างนั้นจะได้ชื่อว่าทำทานปรมัตถบารมีหรือไม่อย่างไร

คำตอบ
เขามิได้มีเจตนาให้ชีวิตเป็นทานจึงไม่ถือว่าเป็นทานปรมัตถบารมี

อนึ่งขณะที่สมองตาย (ไม่ทำงาน) มิได้หมายความว่าเซลล์สมองจะตายไปด้วย ใครผู้ใดไปทำให้จิตต้องทิ้งร่าง ถือว่าผิดศีลข้อ 1 และในทางตรงข้าม หากสมองตายแล้วจิตจำเป็นต้องออกจากร่างก่อนที่จะมีใครผู้ใดผ่าตัดเอาอวัยวะ ไปใช้ ไม่ถือว่าผิดศีลข้อ 1 สรุปได้ว่าการที่สมองตาย(ไม่ทำงาน) มิได้หมายความว่า เซลล์สมองจะตายไปด้วย และมิได้หมายความว่าจิตจะต้องตายด้วย


3. ขอทราบวิธีพิจารณาตัดสินใจช่วยเหลือผู้อื่นว่ามีหลักในการพิจารณาอย่างไรที่ เราจะไม่ไปตัดวงจรการชดใช้กรรมของเจ้ากรรมนายเวรผู้อื่น เช่น ช่วยชีวิตคนที่ประสบอุบัติเหตุให้รอดชีวิต หากพบเหตุแล้วไม่ช่วยเหลือเขาอาจตายจะเป็นบาปกับเรามากกว่าช่วยเหลือเขาหรือ ไม่อย่างไร และหากการช่วยเหลือเขาแล้วทำให้เขาต้องเป็นเจ้าชายนิทรา กรรมจะตกอยู่กับเราหรือไม่ที่ทำให้เขาต้องเป็นเจ้าชายนิทรา

คำตอบ
การที่ผู้ใดเข้าไปมีส่วนร่วมในวงจรกรรมของผู้อื่น จะได้ทั้งบุญและบาป ปัญหามีอยู่ว่าอย่างไหนจะให้ผลมากกว่ากันไปช่วยแล้วเขารอดชีวิต แล้วหันมาทำความดีให้กับคนหมู่มาก หรือรอดชีวิตไปแล้ว ได้ปฏิบัติธรรมจนสามารถเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมผู้ที่ช่วยเหลือให้เขารอดชีวิต จะได้อานิสงส์แห่งบุญมาก ตรงกันข้ามเมื่อเขารอดชีวิตแล้ว ไปทำความชั่วไปทำให้คนหมู่มากเดือดร้อน ด้วยเหตุนี้หลังจากช่วยคนแล้วควรทำตัวเองให้มีบุญสั่งสมให้มากๆ เพื่อที่บาปกจะตามราวีไม่ทัน สรุปแล้วช่วยดีกว่าไม่ช่วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระผมมีคำถามดังนี้คือการถวายเงินสด (ธนบัตร) ใส่ในซองให้กับพระภิกษุสงฆ์ในช่วงที่ตักบาตรพระนั้น สามารถทำได้หรือไม่ครับ ขอบคุณครับ



คำตอบ
การบิณฑบาตของพระสงฆ์ มีจุดประสงค์เพื่อไปรับอาหารที่ผู้ศรัทธาบริจาคให้ ฉะนั้นการนำธนบัตรใส่ซองแล้วนำไปใส่บาตรจึงผิดจุดประสงค์ ไม่สมควรที่จะทำส่วนที่ถามไปว่าสามารถทำได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพระที่มา รับบิณฑบาตหากเป็นพระสุปฏิปันโนท่านจะไม่เปิดฝาบาตรรับซอง แต่หากเป็นนักบวชธรรมดาจะเปิดฝาบาตรรับซองใส่เงิน ฉะนั้นเลือกปฏิบัติได้ตามภูมิธรรมภูมิปัญญาของตนเอง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 20, 21, 22, 23, 24, 25, 26 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร