วันเวลาปัจจุบัน 25 ส.ค. 2025, 20:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 21, 22, 23, 24, 25, 26, 27 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราจะทำยังไงหากเคยทำแท้งมา ผ่านมา 8-9 ปีแล้ว คิดว่าวิญญาณเด็กคงโกรธหนูมาก เขาว่าเป็นกรรมที่หนัก หนูไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ค่ะ แต่อยากไถ่บาป และอยากให้เขามีชีวิตอีกภพหนึ่งดีๆ หนูพอจะช่วยเหลืออะไรเขาได้บ้างคะ หนูนึกถึงเรื่องนี้ทีไร น้ำตาจะไหล และกลัดกลุ้มตลอดเวลาเลยค่ะ เคยคิดมากขนาดไปหาคนทรง คนทรงบอกว่า ทำบุญไปเขาก็ไม่รับ เขาโกรธ เขาไม่อภัย ยิ่งกลุ้มใหญ่ ทั้งที่อีกใจก็คิดว่าเราก็มีการศึกษาทำไมจึงไปเชื่อคนทรง แต่หนูนึกทางออกอื่นๆ ที่จะทำเพื่อเขาไม่ได้ค่ะ ปัจจุบันหนูมีลูกแล้ว 1 คน ครอบครัวก็มีความสุขตามอัตภาพ
มีก็แต่เรื่องทำแท้งที่ยังฝังใจอยู่ค่ะ

คำตอบ
ต้องทำบุญใหญ่ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ด้วยการปฏิบัติธรรม แล้วขอความเมตตาจากผู้ร่วมปฏิบัติธรรมช่วยกันอุทิศบุญกุศลที่แต่ละคนมีอยู่ รวมกับบุญกุศลที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ให้กับเจ้ากรรมนายเวร (เด็กที่ถูกทำแท้ง) ของคุณ การใช้หนี้เวรกรรมด้วยบุญกุศลที่มากและยิ่งใหญ่เช่นนี้ โอกาสที่เจ้ากรรมนายเวรจะยกโทษให้แล้วเลิกจองเวรกับคุณมีได้เป็นได้ เมื่อใดที่เขาเลิกจองเวรความฝังใจในเรื่องของการเคยไปทำแท้งก็จะหมดไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. เราทำเวรกรรมอะไรไว้ ถึงต้องทนอยู่กับคนที่เราเกลียดมากที่สุด และอยู่ในที่อยู่อาศัยที่เราเกลียดที่สุด มาหลายสิบปี อยากหนีแต่ไม่สามารถหนีไปไหนได้ เพราะปัจจัยไม่อำนวย และเราต้องแก้ไขเวรกรรมนี้ได้อย่างไร ถึงจะได้อยู่ในที่ที่เราชอบและพอใจ

คำตอบ
เหตุเกิด จากอกุศลกรรมที่ทำไว้แต่อดีตที่ผ่านมาทั้งไกลและใกล้และห่างเหินต่อกุศลกรรม ที่เป็นบ่อเกิดแห่งบุญใหม่(ดูบุญกิริยาวัตถุ10) หากคิดหนีอกุศลวิบากที่ได้รับอยู่ขณะนี้ เป็นความคิดที่ผิด จะหนีไปไหนก็หนีหนี้เวรกรรมไม่พ้น เพราะหนีใจตัวเองไม่ได้ พระพุทธะไม่เคยสอนให้หนีหนี้เวรกรรมแต่บอกให้อยู่กับหนี้เวรกรรมที่ให้ผล เป็นอกุศลวิบาก หมายความว่าให้ยอมรับความจริง อยู่กับความจริง และยอมชดใช้หนี้เวรกรรมที่ตัวเองได้ก่อไว้จนกว่าหนี้จะหมดไปโดยไม่สร้าง อกุศลกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นถ้าคุณเชื่อแล้วทำตามคำแนะนำนี้ โอกาสจะหมดหนี้เวรหนี้กรรมที่คุณกำลังเสวยอยู่จึงจะเป็นไปได้


2. เราจะแก้ความคิดอยากฆ่าตัวตาย, ไม่อยากมีชีวิตอยู่, เหนื่อย, เบื่อ, ท้อกับการมีชีวิตอยู่ ที่ฝังลึกมาหลายสิบปีได้อย่างไร รู้สึกว่าตัวเองมีวิบากกรรมมาตลอดชีวิต หลายสิบปี ไม่จบ ไม่สิ้นซักที ต้องแก้ไขอย่างไร

คำตอบ
แค่ ความคิดอยากฆ่าตัวตายก็เป็นอกุศลมโนกรรมอยู่แล้ว หากยังไม่หยุดคิดสิ่งที่เป็นอกุศลเช่นนี้ ย่อมเป็นการเพิ่มบาปให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น มันจะถูกเก็บสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณทุกครั้งที่คิดสิ่งอันเป็นอกุศล หากเมื่อใดบาปมีกำลังมากจนให้ผลได้การฆ่าตัวตายก็จะเกิดตามมา ปัญหามีอยู่ว่าตายไปแล้วหมดปัญหาหรือไม่ การฆ่าตัวตายหลังจิตทิ้งรูปขันธ์นี้แล้วบาปที่สั่งสมในจิตจะมีพลังผลักดัน ตัวเองให้ไปได้รูปนามเป็นสัตว์นรก เวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นยาวนานและต้องเสวยทุกข์เวทนามากยิ่งกว่าการเป็นมนุษย์มากจน เปรียบเทียบกันไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสารอย่างมาก กับผู้ที่มีความคิดและทำเช่นนี้

วิธีแก้ปัญหา ต้องยอมรับความจริงว่า อกุศลกรรมมีตัวคุณเองเป็นผู้กระทำ มีจิตวิญญาณของคุณเป็นผู้สั่งสมผลของการกระทำ ดังนั้นจึงต้องเสวยวิบากด้วยตัวคุณเอง หากรู้และเข้าใจและทำตามคำแนะนำของผู้รู้เช่นนี้ โอกาสหมดหนี้เวรกรรมจึงจะเกิดขึ้นได้



3. ให้อาจารย์ แนะนำสถานปฏิบัติธรรม ที่ อาจารย์ ชอบ และพอใจ เป็นไปได้ ซัก 5 สถานที่ และอาจารย์ชอบที่นั้น ๆ เพราะอะไร จะรอคำตอบจากอาจารย์ เพื่อเป็นทางสว่างให้กับตัวเองที่มืดบอดจนปัญญา



คำตอบ
ไม่มีสถานที่ปฏิบัติธรรมไหน ๆ ที่ผู้ตอบปัญหาชอบและพอใจ เพราะผู้ตอบปัญหาได้พัฒนาจิตวิญญาณตนเองจนมีกำลังอยู่เหนือความชอบและความพอ ใจ (โลกธรรม) ได้แล้ว จึงไม่เอาจิตเข้าไปผูกอยู่กับโลกธรรมและวัตถุใดๆ แต่หากจะถามว่ามีสถานที่ปฏิบัติธรรมใดเหมาะสมที่จะนำตัวของผู้ถามเข้าไป ประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อความเจริญแห่งจิตวิญญาณแล้ว อย่างนี้ก็พอจะบอกได้ว่า ยุวพุทธิกสมาคม , สำนักปฏิบัติธรรมป่าละอู (กาญจนบุรี) , วัดมเหยงคณ์ (จ.อยุธยา) , วัดแพร่ธรรมาราม (จ.แพร่) , วัดพระธาตุทรายทอง (จ.ลำพูน) ฯลฯ เหมาะสม เพราะมีครูผู้ให้กรรมฐานได้ถูกตรงตามธรรม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. มีเพื่อนนับถือศาสนาคริสต์ แต่สามีเป็นพุทธ สามารถสวดชินบัญชร สวดบูชาพระพุทธหลังจากสวดมนต์ทางศาสนาของตน โดยคิดว่าที่สวดมนต์ทางพุทธเพื่อสามี ได้หรือไม่

คำตอบ
ได้


2. หากดิฉันต้องการฝึกวิปัสนากรรมฐาน โดยเริ่มจากบ้าน เพราะยังไม่มีโอกาสเข้าโครงการใดๆ อาจารย์กรุณาแนะนำว่าควรทำอย่างไร ปัจจุบันที่ทำอยู่คือ ถือศีล 5 แม้แต่ยุงก็ไม่ฆ่า ( สามีบอกว่าบ้าหรือเปล่า ) นอกจากนั้นด้านจิดใจพยายามไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง

คำตอบ
การสวดมนต์ การฟังธรรมเป็นการปฏิบัติธรรมเบื้องต้นหายใจเข้าลมเข้าสู่ร่างกาย หายใจออกลมออกจากร่างกาย หากเอาจิตจดจ่ออยู่กับลมเข้า-ลมออก นับว่าเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นกลาง เมื่อปฏิบัติทั้งสองอย่างจนจิตมีความตั้งมั่นแน่วแน่ แล้วจึงก้าวขึ้นสู่การปฏิบัติธรรมสูงสุดคือเจริญวิปัสสนากรรมฐาน


3. การอ่านหลังสือธรรมะ เพราะน้องสาวจะขอธรรมทานจากชมรมฯนี้ทุกเดือน และฟังการบรรยายมากๆ จะเป็นการยากต่อการนั่งสมาธิหรือไม่ เพราะรู้ไปก่อน


คำตอบ
หากรู้และไม่ยึดติดในความรู้นั้นจะปฏิบัติธรรมได้ง่าย หากไม่รู้อะไรเลยแต่ปฏิบัติให้ถูกตรงตามคำที่ครูสอนโดยไม่สงสัย จะทำให้เข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมได้ง่ายกว่า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระผมอยากจะให้ท่านอาจารย์ได้ช่วยแนะนำวิธีการเรียนหนังสือในระดับอุดม ศึกษาแก่กระผมด้วยครับ คือ กระผมจบจาก ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา แต่ตอนนี้กำลังศึกษา
ต่ออยู่ที่คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาฟิสิกส์ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อยู่ครับ กระผมมีความสนใจในคณะวิทยาศาสตร์ เพราะตั้งใจไว้ว่าอยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์

แต่ก็ทราบว่าทางที่จะเดินไปข้างหน้านั้นก็ยากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจหวังไว้ได้หรือไม่ จึงอยากให้ท่านอาจารย์ได้ช่วยแนะนำแนวทางในการที่จะประคองตัวเวลาเรียน ในการอ่านหนังสือ การดำเนินชีวิตประจำวันระหว่างเรียนควรจะปฎิบัติตัวอย่างไร จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ ขอให้ท่านอาจารย์โปรดช่วยแนะนำแนวทางให้ด้วยครับ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
การที่ผู้ใดจะประสบความสำเร็จในการเรียนต้องปฏิบัติสองเรื่องให้ ถูกตรงดังนี้

1. ตั้งโปรแกรมจิตให้ถูกตรง หลักสูตรสาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัย ข้าพเจ้าเรียนได้สำเร็จแน่นอน

2. สร้างเหตุแห่งความสำเร็จให้ถูกตรง

2.1 คบเพื่อนดีไว้ใกล้ชิด เพื่อนดีคือเพื่อนที่คอยว่ากล่าวตักเตือน ขัดขวาง ไม่ให้คุณประพฤติชั่ว เช่น หนีเรียน ดื่มสุรา ข้องเกี่ยวอบายมุขฯลฯ และคอยชักชวนให้คุณทำความดีเช่น ชวนดูหนังสือ ชวนทำการบ้าน ชวนเข้าห้องสมุด ชวนทำประโยชน์สาธารณะ ฯลฯ

2.2 ฟังบรรยายเป็น นั่งฟังใกล้ผู้บรรยาย (นั่งแถวต้นๆ) ไม่พูดคุยขณะฟังบรรยาย ฟังด้วยใจจดจ่อ และฟังให้เข้าใจ จดเฉพาะหัวข้อบรรยายลงสมุดด้านขวามือ สมุดด้านซ้ายมือเว้นไว้เว้นช่องว่างไว้แล้วจึงจดหัวข้อถัดไป เมื่อจบชั่วโมงบรรยายให้รีบบันทึกข้อมูลที่สมองสามารถจำได้ลงในใต้หัวข้อที่ ตรงกัน บันทึกลงในกระดาษว่างที่เว้นไว้เติมข้อมูลที่ขาดหายลงในสมุดด้านซ้ายมือ ข้อมูลที่สมองมิได้บันทึกไว้หาได้จากสมุดจดคำบรรยายของเพื่อน ของตำราที่หาได้จากห้องสมุด

2.3 การรับประทานอาหาร หากมีชั่วโมงเรียนตอนบ่ายอาหารมื้อกลางวันต้องเป็นอาหารที่ย่อยง่ายและรับ ประทานพอไม่หิว อาหารมื้อเย็น รับประทานตามสะดวก เมื่อรับประทานแล้วต้องไปเดินเล่นหรือพูดคุยกับเพื่อน จนกระทั่งอาหารในกระเพาะถูกย่อยสลายจนหมด (2-3 ชั่วโมง) แล้วจึงเริ่มทบทวนบทเรียนตามข้อ 2.5

2.4 การออกกำลังกาย หลังเลิกเรียนในวันศุกร์ต้องไม่ดูหนังสือ หรือทำการบ้าน แต่ต้องออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น เล่นกีฬาที่ชอบ จนเหนื่อยหอบและได้เหงื่อ พักชั่วครู่ จึงอาบน้ำแล้วเข้านอน (ประมาณ 6-8 ชั่วโมง)

2.5 ทบทวนบทเรียน หลังปฏิบัติตามข้อ 2.3 แล้วเอาบทเรียนแต่ละวันมาอ่านทบทวน และทำการบ้านให้แล้วเสร็จ (ปฏิบัติดังนี้ตั้งแต่วันอาทิตย์-วันพฤหัสฯ) จึงเข้านอน

2.6 ดื่มน้ำบ่อย ๆ ขณะดูหนังสือ ดื่มน้ำเปล่าที่ไม่แช่เย็นจิบน้ำทีละน้อย จิบน้ำบ่อย ๆ ทั้งนี้เพื่อให้น้ำซึมเข้าสู่กระแสเลือดน้ำจะเป็นตัวนำพาเอา waste products ที่เกิดขึ้นขณะดูหนังสือออกจากสมองและขับถ่ายออกทางเหงื่อและปัสสวะ ปฏิบัติแล้วสมองไม่ล้าไม่มึนงง สมองจะสดชื่นเหมาะแก่การทบทวนบทเรียน และทำการบ้านอย่างยิ่ง

2.7 จัดระเบียบคลื่นสมอง สวดมนต์แล้วตามด้วยการเจริญสติภาวนา ประมาณ 15-30 นาที ก่อนนอนทุกวัน ทั้งนี้เพื่อเปลี่ยนคลื่นความถี่ของสมองให้เป็นระเบียบ ซึ่งจะให้ความจำเพิ่มขึ้นและยังเกิดปัญญาขั้นสูงสุดขึ้นอีกด้วย ปัญญาสูงสุดนี้ทำให้รู้เห็นเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างลึกซึ้งและถูกตรงตามเป็นจริงแท้ แล้วการเรียนในระดับสูงสุดจนถึงระดับสูงสุดจะเกิดขึ้นได้ง่าย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูขอรบกวนถามอาจารย์ในเรื่องการปฏิบัติที่ถูกต้องเวลาไปทำบุญค่ะ ว่าโดยปกติที่พบเห็นมาเมื่อผู้มาทำบุญได้ร่วมกันถวายอาหารพระภิกษุแล้ว ท่านก็จะให้พร เมื่อท่านฉันเสร็จก็มักจะมีเจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยงานวัดจัดยกสำรับลง แล้วก็จะกล่ าวเชิญให้ผู้มาทำบุญรับประทานอาหารนั้น บางครั้งอาจจะมีพระบางรูปในที่นั้นกล่าวเป็นวาจาว่า ให้ผู้มาทำบุญไปรับประทานอาหาร บางครั้งก็ไม่ได้มีพระรูปใดกล่าวเป็นวาจา แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าพระท่านฉันเสร็จแล้ว และอาหารตรงนั้นเป็นของเหลือจากท่าน ดิฉัน รบกวนถามว่าเมื่อผู้มาทำบุญได้รับอาหารที่มีผู้เชิญให้รับประทานนั้นๆ จะเป็นบาปต้องโทษกันถ้วนทั่วหรือไม่ เพราะดิฉันเพิ่งได้สังเกตมาพักใหญ่ว่าโดยทั่วไปเมื่อ พระท่านฉันเสร็จท่านก็ลุกจากที่นั้นไปเงียบๆ บางรูปก็สนทนาธรรมกับโยมต่อเนื่องไปจึงมักจะไม่ได้เอ่ยอนุญาตอาห ารนั้นโดยวาจาค่ะ

ขออาจารย์แนะนำการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องแก่หนูและลูกหลานด้วยค่ะ และหากที่ทำไปแล้วหนูและลูกหลานทำผิดไปจะไถ่ถอนโทษแห่งความผิดพลาดนั้นอย่าง ไรคะ



คำตอบ
มนุษย์ทำกรรมได้ 3 ทางคือ ทางกาย ทางวาจา และทางใจ ผู้ถามได้ยินพระบางรูปกล่าวด้วยวาจา ให้ผู้มาร่วมทำบุญไปรับประทานอาหารนั่นคือ ท่านอนุญาตให้ผู้มาร่วมทำบุญ นำอาหารไปรับประทานได้ บางครั้งเจ้าหน้าที่ที่วัดผู้ได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสได้จัดการดูแลเรื่อง ทำบุญ (มัคนายก) กล่าวเชิญชวนให้ผู้ไปร่วมทำบุญนำอาหารไปรับประทานได้ หรือพระฉันอาหารเสร็จแล้ว ก็ลุกจากที่ฉันไปเงียบ ๆ โดยไม่กล่าววาจาอนุญาต

ในสองกรณีแรกไม่เป็นโทษ เพราะได้รับอนุญาตแล้ว แต่ในกรณีหลัง ต้องมาวิเคราะห์กันว่าท่านลุกจากไปโดยมิได้กล่าววาจาอนุญาต แต่หากใจพระคิดให้อาหารที่ฉันแล้วเป็นทาน (มโนกรรม)ก็ไม่เป็นโทษ หรือหากท่านเคยพูดบอกผู้อุปัฏฐากไว้ก่อนแล้วว่าทุกครั้งหลังจากท่านฉันอาหาร แล้วเสร็จให้เอาไปรับประทานกันได้อย่างนี้ก็ไม่เป็นโทษ

หากท่านออกบิณฑบาตได้อาหารที่ชาวบ้านใส่บาตรให้กลับถึง วัดท่านยังมิได้ฉันและยังมิได้แสดงพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงการให้ หากผู้ใดนำอาหารไปบริโภค หรือนำไปให้ผู้อื่นสัตว์อื่น อย่างนี้เป็นโทษแน่นอน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณพ่อของผมระยะหลังๆมานี้ทำงานอะไรมักจะไม่ประสบความสำเร็จ มีปัญหาและอุปสรรคต่างๆเข้ามามากมายและตัวคุณพ่อของผมนั้นมักจะโทษว่าบ้าน ที่อยู่อาศัยนั้นไม่ดี
ชอบไปปรึกษาหมอดู บางครั้งก็มีการเชิญมาทำพิธีที่บ้าน คุณแม่มักจะเตือนคุณพ่อเสมอว่าอย่างมงายกับเรื่องเหล่านี้ แต่ให้หันไปสวดมนต์ภาวนาแทนแต่คุณพ่อก็ไม่ยอมฟังคุณแม่
คุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ

1.ไม่ทราบว่าอาจารย์จะมีวิธีอย่างไรที่จะทำให้คุณพ่อของผมหันมาสวดมนต์ ภาวนาแทนการไปปรึกษาหมอดูครับ

คำตอบ
อกุศลกรรมเมื่อให้ผลเป็นอกุศลวิบากได้เมื่อใดอุปสรรค ปัญหา หรือความล้มเหลว ย่อมเกิดขึ้นกับผู้ทำกรรมไว้ก่อน และต้องเสวยอกุศลวิบากนั้นจนกว่าจะใช้หนี้กรรมให้หมดสิ้นไป

การจะให้คุณพ่อยอมรับฟังคำชี้แนะจากคุณแม่ คุณแม่ต้องทำตัวเองให้คุณพ่อศรัทธาให้ได้ก่อน ศรัทธาเกิดกับผู้มีคุณสมบัติดังนี้
1) มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
2) เป็นคนตรงต่อเวลา
3) เป็นคนมีเมตตา (ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่เบื่อหน่ายฯลฯ)
4) เป็นคนมีความอดทน
5) เป็นผู้มีวาจาไพเราะ (พูดประสานน้ำใจ พูดมีสาระ ไม่หยาบ ไม่ส่อเสียด)
6) เป็นผู้ประพฤติดีงาม (มีจริยธรรม)
7) เป็นผู้มีความสะอาด (มีศีล)
8) เป็นผู้มีอาชีพถูกต้อง (ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม)
9) เป็นผู้ประสบความสำเร็จในงาน


2.ท่านอาจารย์มีวิธีที่จะแนะนำให้การทำงานประสบความสำเร็จ ราบรื่น และไม่ติดขัดไหมครับ

คำตอบ
อยากให้การทำงานประสบความสำเร็จ ราบรื่นไม่ติดขัด ต้องทำ 3 เรื่องใหญ่คือ
1) ศึกษาหาความรู้ในงานที่ทำอยู่เสมอ
2) ทำบุญอยู่เสมอ (ดูบุญ กิริยาวัตถุ 10) และอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร
3) ใช้อิทธิบาท 4 เป็นเครื่องสนับสนุนการทำงาน คือทำงานด้วยใจรัก (ฉันทะ) ทำงานด้วยความพากเพียร (วิริยะ) ทำงานด้วยมีใจจดจ่อ (จิตตะ) และใช้ปัญญาไต่สวนงานที่ทำ (วิมังสา)

3.ท่านอาจารย์มีวิธีที่จะแนะนำให้คุณแม่ของผมลดความเครียด ความกังวล ลงได้ไหมครับ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
แนะนำได้แต่จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ผู้กระทำ หากทำตามคำแนะนำจนเข้าถึงมรรคผล ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ ไม่ทำตามก็ไม่สำเร็จ

ประสงค์ให้ความเครียดและความกังวลลดลง ต้องไม่ส่งจิตออกนอกตัว จิตต้องจดจ่ออยู่กับอิริยาบถของตัวเองที่เกิดขึ้นเป็นปัจจุบันเท่านั้นเช่น จดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ลมหายใจออก จดจ่ออยู่กับงานที่กำลังทำ จดจ่ออยู่กับอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ฯลฯ ของตัวเอง และวิธีที่ดีที่สุดเมื่อจิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ให้ใช้จิตตามดูสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับใจ(อารมณ์) ของตัวเอง จนเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์สิ่งต่าง ๆ ดับไปคือไม่มีตัวตน จิตจึงจะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ได้ จิตจะเป็นอิสระ ว่างเป็นอุเบกขา แล้วความเครียด ความกังวลจะหมดไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. พอดีผมได้อ่านข้อความที่เคยถามว่า กรณีนำซีดีของท่านอาจารย์ไปก๊อบปี้แจกเอง โดยไม่ได้ขออนุญาตท่านอาจารย์ก่อนนั้นผิด และด้วยผมคิดไปเองว่า ธรรมะ ไม่มี เจ้าของจึงทำไปตามความคิดตนเอง ผมแจกซีดีธรรมะ ของหลวงพ่อต่าง ๆ โดยนำแผ่นต้นฉบับมา copy แจก
แต่ เนื่อง่จากหลวงพ่อบางองค์ท่านมรณะภาพไปก็มี บางองค์ก็ไม่สามารถติด ต่อได้โดยตรง ขออาจารย์แนะนำผมด้วยครับ ผมจะทำอย่างไรดี เพื่อไม่ ให้ผิดศีลข้อ อทินนาฯ

คำตอบ
ธรรมะเป็นของธรรมชาติ ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างแท้จริงถ้าคุณแน่ใจว่าคุณมี เจตนาบริสุทธิ์ ที่จะให้ธรรมะเป็นทานก็ไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใด แต่หากรายใดที่ท่านระบุชัดว่าสงวนลิขสิทธิ์ก็ควรขออนุญาตก่อนจะได้ไม่เป็น กรรมต่อกัน


2. ตอนผมสวดมนต์ จิตมักจะฟุ้งซ่าน โดยปากยังสวด ตาดูบทสวด แต่บางขณะ ใจไปคิดเรื่องอื่น ต้องคอยดึงกลับมาตลอด สักพักก็แว้บออกไปคิดอีก แบบนี้ จะเป็นบาปหรือไม่ครับ เพราะสวดไปฟุ้งซ่านไป แล้วจะมีวิธีแก้ไข อย่างไรครับ



คำตอบ
จิตฟุ้งซ่านก็เป็นบาปแล้ว ฉะนั้นก่อนสวดมนต์ต้องตั้งมั่นขณะสวดมนต์ให้ใจจดจ่ออยู่กับคำสวด วิธีแก้ไขเมื่อใจถูกส่งออกไปคิดเรื่องอื่น ให้เริ่มต้นสวดมนต์ใหม่ หากใจยังแว๊บออกไปคิดเรื่องอื่นอีก ให้กลับมาเริ่มต้นสวดใหม่ ทำอย่างนี้เรื่อยไปจนกระทั่งจิตจดจ่ออยู่กับการสวดมนต์ ตั้งแต่ต้นจนจบโดยจิตไม่ออกไปคิดเรื่องอื่นเลย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาที่เดินจงกรม เราควรจะกำหนดจิตของเราไว้ที่การเคลื่อนไหวของเท้า หรือว่าที่ลมหายใจ ดิฉันสังเกตุเห็นว่าหากดิฉันกำหนดลมหายใจเข้าออกให้เป็นแบบสบายๆ ในขณะเดินจงกรมจะทำให้ดิฉันมีสมาธิดี และจิตไม่วกไปคิดเรื่องอื่น อันนี้เพิ่งจะค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่เดินจงกรมเป็นประจำมาประมาณ ๓ เดือน นอกจากนี้ดิฉันสังเหตุว่าเวลาที่ดิฉันไปเดินเล่น ถ้าดิฉันมีใจจดจ่อกับลมหายใจ และก็สามารถกำหนดลมหายใจให้อยู่ในสภาวะสม่ำเสมอได้ ดิฉันจะมีสมาธิดีด้วย

จะทำอย่างไรเวลาที่มีเรื่องมากระทบความรู้สึกของเรามากๆ ดิฉันจะคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้อยู่เรื่อย คิดแล้วก็ปรุงแต่งไปต่างๆ นาๆ พยายามกำหนดว่าคิดหนอ ฟุ้งซ่านหนอ มันก็จะหายไป แต่แล้วสักพักก็จะวกมาคิดเรื่องเดิมอีก และจะเป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน บางครั้งถ้าเป็นเรื่องที่หนักมากๆ บางทีก็เป็นอาทิตย์

ฟังเทปบรรยาของอาจารย์บอกว่าถ้าเราอยากมีความสุขเราจะต้องมีกัลญานมิตร ที่ดี หากเพื่อนที่เราคบอยู่มีพฤติกรรมนอกใจสามี ยักยอกเงินของสามีส่งให้พ่อ ใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย หรือว่าชอบพูดจากในเรื่องกามรมณ์ อย่างนี้เราควรจะเลิกคบเพื่อนแบบนี้หรือว่าเราควรจะคบต่อไป แต่วางตัวเฉยๆ ถือว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หากสิ่งที่ดิฉันกลัวก็คือว่าหากคบไปนานๆ เราอาจจะซิมซับนิสัยพวกนี้มา หรือเห็นว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาไป



คำตอบ
ในขณะเดินจงกรม ผลที่เกิดขึ้นจากการเดินคือเกิดการเคลื่อนที่ของร่างกาย หากไม่มีสติมากำกับการเดินโอกาสเดินชน เดินเตะ เดินสะดุด สิ่งต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นได้ถ้าจิตเข้าสู่ความตั้งมั่นจวนแน่วแน่ ฉะนั้นขณะเดินจงกรมต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนที่ของเท้าจึงเป็นสิ่ง ที่ควรกระทำอย่างยิ่ง ส่วนการยืนอยู่กับที่ การนั่งหรือการนอน ร่างกายไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน จะนำจิตไปจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า จอจ่ออยู่กับลมหายใจออก ก็มิได้ผิดกติกาตรงไหนปฏิบัติจนได้มรรคผลแล้ว สามารถเกิดสมาธิขึ้นกับจิตได้

การที่จิตคิดปรุงแต่งอารมณ์ให้เกิดขึ้นต่าง ๆ นา ๆ เหตุเกิดเพราะจิตขาดสติ วิธีกำหนด “ คิดหนอ ๆๆๆ ” หรือกำหนด “ ฟุ้งหนอ ๆๆๆ ” ทำได้ถูกตรงแล้วเพราะอารมณ์ที่เกิดขึ้นหายไปได้จริง ปัญหามีอยู่ว่ามิได้กำหนดซ้ำ เมื่ออารมณ์เดิมวกกลับมาเกิดขึ้นกับใจอีกต้องกำหนดทุกครั้งที่มีอารมณ์เกิด ขึ้น กำหนดจนกระทั่งสติมีกำลังกล้าแข็งเป็นมหาสติได้เมื่อใดแล้ว อารมณ์ที่เคยเกิดขึ้น จะไม่หวนกลับมาเกิดได้อีก

ส่วนเรื่องการคบเพื่อน ควรคบทุกคนเป็นเพื่อน แต่เพื่อนที่สนิทใกล้ชิดต้องเป็นกัลยาณมิตร กัลยาณมิตรคือเพื่อนที่คอยขัดขวางป้องกันไม่ให้คุณทำชั่ว แต่ชักชวนให้คุณทำดี เพื่อนที่เป็นบาปมิตรต้องคบไว้ห่าง ต้องไม่แสดงทีท่าเห็นด้วย ต้องไม่พูดสนับสนุนหรือร่วมวงสนทนาเมื่อเขามีพฤติกรรมแสดงออกให้ทางที่ไม่ดี

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติที่แล้ว และชาติปัจจุบันนี้ เราทำเวรกรรมอะไร ถึงเกิดมา ตั้งแต่จำความได้, เริ่มคิดได้, เริ่มฟังรู้เรื่อง ชีวิตมีแต่ความอดอยาก, ยากจน, ค่นแค้น, เข็ญใจ, ชีวิตไม่เคยเต็ม, ไม่เคยอิ่ม, ไม่เคยเต็มอิ่ม, แต่ละมื้อไม่ได้กินอิ่ม, อด ๆ อยาก ๆ, ชีวิตไม่เคยเพียงพอ, ไม่เคยพอเพียง, ไม่เคยมีความสุข, สมหวัง, มีแต่ความผิดหวัง, ความไม่สมปรารถนา, ความล้มเหลว, คิดผิด, ตัดสินใจผิด, ทำผิด, โง่, ไม่มีบ้าน, ไม่มีงานทำ, ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว, ไม่มีปัจจัยที่จะทำอะไรได้เลย, จนสติ, จนปัญญา, คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก มาตลอดชีวิต และต้องทนอยู่กับคนมิจฉาทิฏฐิ มาตลอดชีวิต

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นแบบนี้มาตลอดชีวิต หลาย ๆ สิบปี รู้สึกหนี้เวรกรรม, หนี้วิบากกรรม ไม่จบไม่สิ้นซักที ยิ่งพยายามแก้ ยิ่งยุ่ง หลาย ๆ สิ่งยิ่งวิ่งหายิ่งหนีหาย หลาย ๆ สิ่ง ยิ่งวิ่งหนีกลับยิ่งเจอ

ผู้ถามจะแก้ เวร, กรรม, วิบากกรรมเหล่านี้ได้อย่างไร ให้จบ สิ้น เสียที

กราบขอความเมตตา อ.สนอง ช่วยชี้ทางสว่างอีกครั้ง ด้วยความเคารพยิ่ง

คำตอบ
เรื่องที่บอกเล่าไปหากเป็นความจริงก็เป็นสิ่งที่น่าสงสารสำหรับผู้ที่กำลัง เสวยผลแห่งอกุศลวิบากนี้ อกุศลกรรมมีต้นเหตุเกิดจากการใช้ปัญญาเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ส่องนำทางให้กับชีวิต ผลของอกุศลกรรมที่ทำแล้วจึงถูกสั่งสมอยู่ในดวงจิตของผู้ทำกรรมเมื่อใดที่ กรรมให้ผล ผู้ทำกรรมต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนผลของกรรมจะให้ผลยาวนานแค่ไหน ไม่มีใครบอกได้เพราะขึ้นอยู่กับการประพฤติตนของผู้ทำกรรม

วิธีแก้ปัญหาให้จบสิ้นไปที่ถูกและตรงที่สุดคือยอมรับความ จริงอยู่กับความจริงแล้วทำเหตุให้ถูกตรง 4 อย่างคือ
1. ต้องไม่ก่อหนี้ใหม่ คือไม่ทำอกุศลกรรมใด ๆ ให้เกิดขึ้นอีก
2. ขยันใช้หนี้กรรมเก่าให้หมดไป
3. ทำแต่กุศลกรรมล้วน ๆ อยู่ทุกขณะตื่น
4. รักษาความดี อันสืบเนื่องจากกุศลกรรมให้คงอยู่ตลอดไป หลังจากนั้นประพฤติตนให้เป็นผู้มีศีล มีสัจจะ สถิตอยู่ในใจตลอดไป แล้วโอกาสปลอดหนี้เวรกรรมที่ไม่ดีจึงจะเกิดขึ้นได้ในกาลข้างหน้า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1 เมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว หนูเมาค้างแล้วขี่รถเครื่องกลับบ้านที่ลำพูน ถูกรถชนได้รับบาดเจ็บที่นิ้วก้อยข้างซ้ายนิดเดียวค่ะ แต่หนูสลบไป แล้วไปเจอยายที่เสียไปแล้ว
ยายพาไปเที่ยวสวนผลไม้ สวนดอกไม้ สีทอง สวยงามมากค่ะ มีผึ้งกับแมลงตัวเล็กตัวน้อย ถ้าจำไม่ผิดมีบ้านยายด้วย สวยมากๆ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนที่นี่เป็นบ้านที่เคยอยู่มานาน
ยายถามว่าชอบมั๊ย ก็ตอบว่าชอบ พอยายถามว่าอยากมาอยู่กับยายมั๊ย ก็อึ้งไป เพราะรู้ว่ายายตายแล้ว ยายก็พาไปที่แม่น้ำสายนึง บรรยากาศทะมึนๆ น่ากลัวมาก ยายบอกว่า
กลับบ้านได้แล้ว พ่อเค้าเป็นห่วง ฝากบอกคนที่บ้านด้วยว่า ของที่ทำบุญมาให้แม่กับยายได้กินได้ใช้ทุกอย่าง (แม่เสียแล้วค่ะ) แล้วหนูก็ฟื้น ลืมตาขึ้นมาเห็นพ่อที่โรงพยาบาล

อาจารย์คะ นี่เป็นนิมิตหรือความฝันหรือหนูเคยอยู่ที่นั่นจริงๆคะ อยากรู้เพื่อเป็นกำลังในการปฏิบัติธรรมต่อไปเพื่อจะไม่ตกสู่อบายภูมิแน่ๆ

คำตอบ
สิ่งที่บอกเล่าไปเป็นสถานที่จริงในอีกมิติหนึ่งที่จิตวิญญาณของคุณออก จากร่างชั่วคราวแล้วไปพบไปเห็นมาด้วยตนเอง หากประพฤติตนให้มีศีลและบริจาคทานอยู่เสมอ ๆ เมื่อตายไปแล้วไม่ฟื้นคืนมาอีก โอกาสที่จิตวิญญาณจะไปปฏิสนธิได้รูปนามอยู่ในภพเดียวกันกับยายมีความเป็นไป ได้


2 คนทางโลกียะมักว่าหนูโง่ ไม่ฉลาด เพราะหนูไม่คิดค่ะ หนูไม่คิดอะไรเลยค่ะ ถ้ารับอารมณ์ไหนได้ก็ปล่อยวาง เฉยหมด ไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย ไม่โกรธ ไม่พยาบาทด้วย อารมณ์ไหนสติรับรู้ว่ารับไม่ได้แน่ๆก็เดินหนีท่าเดียวค่ะ อาจารย์คะ หนูเป็นคนไม่คิดอะไรเลยแบบนี้ นี่เป็นผลของการฝึกกรรมฐานหรือเปล่าคะ แต่เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว แสดงว่าภพก่อนๆหนูสะสมไว้ใช่มั๊ยคะ

คำตอบ
คนมีปากไว้พูด มีปากไว้สำหรับดื่มสำหรับกินการพูดมีทั้งดีและไม่ดี เช่นเดียวกันการดื่มการกินมีทั้งดีและไม่ดีเมื่อเสียงพูดเข้ากระทบหู หากผู้ฟังพัฒนาตนเองจนมีหูเนื้อหูหนังเป็นเหมือนหูหม้อ หูกระทะได้เมื่อใดแล้ว อารมณ์ดีและอารมณ์ไม่ดีจะไม่เกิดขึ้นกับใจของผู้ฟัง ผู้ที่ทำได้เช่นนี้ ต้องมีกำลังของสติกล้าแข็งสามารถรับทันเสียงที่เข้ากระทบ และมีปัญญากล้าแข็ง สามารถเห็นสิ่งที่เข้ากระทบนั้นดับไปไม่มีตัวตน จิตจึงปล่อยวางเป็นอิสระได้ ผู้ที่เคยประพฤติปฏิบัติจิตตภาวนามาก่อน จนเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมแล้วจึงจะทำเช่นนี้ได้


3 หนูไม่รู้ว่าชาติที่แล้วได้อธิษฐานอะไรไว้ ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราสามารถยกเลิกได้ใช้มั๊ยคะ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เป็นสาระที่สำคัญมาก หนูจะขอทราบคำอธิษฐานของหนูได้อย่างไรคะ
คำถามนี้ถ้าอาจารย์ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะหนูก็ปฏิบัติธรรมเรื่อยๆอยู่แล้ว มั่นใจว่าบารมี 10 ระดับต้นเต็มค่ะ


คำตอบ
อธิษฐานใด ๆสามารถยกเลิกหรือแก้ไขใหม่ได้ด้วยการสวดบูชาคุณของพระรัตนตรัย ต่อองค์เจดีย์ที่เนื่องด้วยพุทธศาสนาหรือต่อหน้าพระพุทธรูป หลังจากนั้นกล่าวคำยกเลิกอธิษฐานเดิมที่ให้ไว้ แล้วกล่าววาจาอธิษฐานใหม่ตามที่ตนปรารถนา หลังจากนั้นทำจิตตนเองให้มีศีลและสัจจะ คงอยู่กับใจอยู่ทุกขณะตื่นตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

หากประสงค์ที่จะรู้คำอธิษฐานเดิม ต้องพัฒนาจิตให้เข้าสู่ความตั้งมั่นระดับฌาน นำจิตออกจากฌานแล้วอธิษฐานขอทราบคำอธิษฐานเดิมที่ให้ไว้ เมื่อเหตุปัจจัยลงตัวโลกิยอภิญญาจะแสดงให้รู้ในสิ่งที่ปรารถนา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาแพทย์
ได้อ่านที่แพทย์เขียนมาถามถึงการรักษาผู้ป่วยกับเจ้ากรรมนายเวร เมื่อครั้งที่ผมบวชอยู่ที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง มีแม่ชีท่านหนึ่งได้แนะนำให้ผมแผ่เมตตาไปยังเจ้ากรรมนายเวรและขออนุญาติเจ้า กรรมนายเวรรักษาผู้ป่วย และได้โปรดอนุโมทนาบุญกับหมอด้วย ทำอย่างนี้ดีไหมครับ

คำตอบ
ดีกว่าไม่ทำ

2. ผมได้ยินอาจารย์ที่สอนกรรมฐานผม บอกว่า พวกเพศที่ 3 (กะเทย ทอม เกย์ ) เป็นต้น แม้ว่าจะปฏิบัติกรรมฐานอย่างหนักแค่ไหนในชาตินี้ก็ไม่อาจจะบรรลุมรรคผล นิพพานได้ แม้แต่กระทั่งพระอริยะขั้นต้น เช่น โสดาบัน ก็ไม่อาจจะบรรลุได้ เว้นเสียแต่เป็นนิสสัยปัจจัยเกื้อกูลหนุนส่งไปภพหน้า ถ้าบารมีถึงก็สามารถบรรลุได้ ใช่หรือไม่ครับ

คำตอบ
ใช่


3. ช่วงนี้มักจะมีคนมาชักชวนให้ผมเจริญพระ ... ภายในตัว (ไม่ระบุครับ คิดว่าอาจารย์คงเข้าใจ) เพื่อจะได้แจ้งเห็นพระพุทธเจ้า ทั้งยังหยิบยื่น vcd หลายแผ่น และพยายามจะสอนโดยให้หลับตาแล้วนึกถึงองค์พระ อะไรประมาณนี้ ซึ่งผมก็ทำไม่ได้ครับ เพราะเมื่อหลับตาทุกครั้ง ก็จะจับไปที่อาการพอง ยุบของท้องโดยอัตโนมัติเลย .. และเขายังบอกผมอีกว่า การเจริญ พองยุบ เป็นแค่เบื้องต้น ถึงช้า ต้องเจริญแบบที่เขาทำ (ผมก็อยากจะบอกเขาว่า สายหนอนี่ลัดตัดตรง ถ้าปฏิบัติให้ดี ก็เห็นไตรลักษณ์ได้ง่าย เข้าใจการเจริญสติ ตามแนวสติปัฏฐาน 4 ) แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ก็ได้แต่ยิ้มๆ ถ้าผมเจอลักษณะแบบนี้ผมควรจะแนะนำเขาหรือว่าฟังแล้วเงียบ ๆ ไปเลยครับ

คำตอบ
ฟังแล้วเงียบน่ะดีแล้ว


4. เพื่อนผมหลายคน เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ และได้บอกถึงเรื่องอธิษฐานถึงพระเจ้าว่าได้ผลจริงๆ ทั้งยังบอกว่า ศาสนาก็สอนถึงนิพพาน แต่ใช้คนละคำกับพุทธ ผมก็ตอบแต่ว่า ก็ดีแล้วอย่างน้อย ก็เชื่อคำสอน และทำความดีแต่เข้าใจว่า พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาเดียวที่มีสติปัฏฐาน 4 ที่จะเป็นทางสายเอกเข้าถึงมรรคผลนิพพานได้ ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ

คำตอบ
เข้าใจถูกต้อง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากบุตรทำบุญแล้วอุทิศให้บิดามารดาผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้บอกกล่าวให้บิดามารดาของตนได้รู้ว่า ตนไปทำบุญมา ทำให้บิดามารดาไม่ได้อนุโมทนาในบุญนั้น อยากเรียนถามอาจารย์ว่า ท่านทั้งสองนั้นจะได้รับบุญที่บุตรอุทิศให้หรือไม่คะ



คำตอบ
ถ้าใจสื่อถึงกันได้ บิดามารดาก็ได้รับบุญที่บุตรอุทิศให้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. อาจารย์มีสถานที่แนะนำ ที่สอนการปฏิบัติกรรมฐาน หรือ บริหารจิต ที่ดีที่ใหนบ้างคะ ขอชื่อสถานที่ได้มัยคะ และดิฉันจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเองอีกได้ค่ะ

คำตอบ
สถาน ปฏิบัติธรรม
• วัดทับทิมแดง คลอง 2 ปทุมธานี
• วัดมเหยงค์ จ.อยุธยา
• ยุวพุทธิกสมาคม
• วัดแพร่ ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่
• วัดป่าสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี
ฯลฯ


2. ดิฉันเรียนสายวิทย์ และ คงเป็นอย่างท่านอาจารย์ ก่อนหน้านี้ ที่เชื่อในสิ่งที่เราพิสูจน์ได้ แต่ยังแคลงใจในเรื่องที่เราสัมผัสไม่ได้ ดิฉันจึงอยากศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาคำตอบ และความกระจ่างให้กับตนเองคะ รบกวนด้วยนะคะ


คำตอบ
ประสงค์จะพิสูจน์ความจริง (เหตุ-ผล) ที่อยู่เหนือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ต้องนำตัวเองเข้าพัฒนาจิตให้เกิดความตั้งมั่นเป็นสมาธิ (สมถกรรมฐาน) และทำจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนากรรมฐาน)ได้แล้ว ความจริง (เหตุผล) ที่อยู่เหนือระบบประสาทสัมผัสจึงจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้ด้วยจิตสัมผัสซึ่ง เป็นความจริง (เหตุผล) ที่เที่ยงแท้แน่นอน (ปรมัตถสัจจะ) ผู้ใดเข้าถึงความจริงแท้ได้แล้ว จะมีชีวิตไม่ผิดพลาดจิตไม่เป็นทาสของโลกธรรมและวัตถุ มีความสุขที่ละเอียดประณีตยืนยาวจนตราบวันสิ้นชีวิต และตายแล้วยังไปเกิดในภพภูมิที่เป็นสุคติอีกด้วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์คะ ดิฉันอยู่กับสามีมา 22 ปี ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด ขณะนี้ดิฉันอายุ 45 ปี สามีอายุ 52 เป็นนายตำรวจที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ หากเอ่ยชื่อแล้วทุกคนจะต้องรู้จักแน่นอน

ขณะนี้สามีไปมีผู้หญิงคนใหม่ เป็นแม่หม้ายลูก 2 อายุ 35 และตั้งใจจะขอเลิกกับดิฉัน ทั้งที่ดิฉันมีลูกสาวกับเขาถึงสองคน บีบทุกอย่างให้ดิฉันทนไม่ได้ เช่น ขอแยกห้องนอน กลับบ้านตีสองตีสามทุกคืน ไม่สนใจลูก ลูกสาวช่วยพูดก็ ดูเหมือนว่าไม่สะกิดใจพ่อเลย เคยพาลูกสาวสองคน กราบขอโทษ ถ้าล่วงเกินอะไรไป หวังจะให้ครอบครัวดีเหมือนเดิม พยายามทุกอย่างที่จะรักษาครอบครัว จนลูกสาวเกิดความสับสนว่า เราไม่ผิด ทำไมแม่ต้องทำแบบนี้

ดิฉัน เคยอ่านหนังสือของอาจารย์หลายเล่ม พยายามใช้ธรรมะเข้าข่ม ถามตัวเองตลอดว่า เกิดมาเพื่ออะไร รู้ว่ากฏไตรลักษณ์คืออะไร พยายามไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ ไม่เสียท่ากิเลส พยายามใช้ปัญญาแก้ปัณหาเพราะเห็นแก่ลูกสาวสองคน แต่บางทีพอรู้ว่า สามีกำลังทำอะไรกับเราอยู่ จะบีบเราต่อไป ดิฉันกำลังพ่ายแพ้ที่จะทำความดี เกิดความรู้สึกว่า สวดมนต์อยู่ทำไม? แผ่ส่วนกุศลเขาคงไม่ได้รับ เพราะเขาร้ายกับดิฉันขึ้นทุกวัน บางทีก็คิดอยากจะฆ่าตัวตาย หรือใช้ปืนตัดสินปัญหา จะได้จบกันไป บางทีก็ทำใจได้ บางทีก็ทำใจไม่ได้ สับสนไปหมด รู้สึกว่าการเป็นคนดี เป็นแม่ที่ดีของลูก ไม่ได้ช่วยอะไร

ช่วยชี้ทางสว่างให้ดิฉันด้วยเถิดค่ะ ดิฉันไม่ต้องการหย่า เพราะตัวของดิฉันเคยเป็นเด็กที่ครอบครัวมีปัญหาหย่าร้างกัน ดิฉันไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น


คำตอบ

เรื่องที่บอกเล่าไป ทั้งหมดสรุปลงได้ว่า จิตวิญญาณยังเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อุปาทาน เหตุเป็นเพราะใช้ปัญญารู้ไม่จริง (ปัญญาไอคิว) เป็นเครื่องส่องนำทางให้กับชีวิต จึงทำให้เกิดอุปสรรคปัญหาและความทุกข์ขึ้นกับชีวิตได้ คุณรู้เรื่องกฎไตรลักษณ์ แต่ยังเข้าไม่ถึงความจริงในเรื่องกฎไตรลักษณ์ รู้ไม่จริงในเรื่องของการทำความดี จึงทำความดีเพื่อให้คนอื่นยอมรับ เมื่อไม่มีคนยอมรับจึงผิดหวังเป็นทุกข์ คุณยังโชคดีที่กำลังจะพ่ายแพ้ (ยังไม่แพ้) ที่จะทำความดี เมื่อใดที่ใจพ่ายแพ้ต่อการทำความดี แล้วหันไปทำความชั่วแทน ดังที่มหาวาจกอุบาสกพ่ายแพ้ความดีแล้วหันไปทำความชั่วแทน ตายแล้วจึงต้องไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ยิ่งมีทุกข์มากขึ้นไปอีก เช่นเดียวกันเพียงแค่คิดอยากจะฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่ลงมือกระทำ ยังนับว่าเป็นผู้มีโชคดี หากทำสำเร็จเมื่อใดผลที่จะได้รับตามมาคือ ต้องลงไปเวียนตายเวียนเกิดอีกยาวนานในภพนรก ซึ่งชีวิตของสัตว์นรกมีแต่ความทุกข์ล้วน ๆ หาความสุขไม่มีเลย

สิ่งที่เขียนบอกเล่ามานี้ เขียนบอกมาด้วยการใช้ปัญญารู้จริงแท้ ส่องนำทางให้กับชีวิตของผู้มีความเห็นผิด ทำไมไม่พัฒนาจิตวิญญาณให้พ้นไปจากอำนาจครอบงำ ของกิเลส ตัณหา อุปาทาน ด้วยการนำตัวเองเข้าปฏิบัติจิตตภาวนาในสำนักใดสำนักหนึ่ง ที่ให้การฝึกปฏิบัติกรรมฐานดูบ้างล่ะ วันใดที่คุณสามารถเข้าถึงมรรคผลแห่งความจริงแท้ของกิเลส ตัณหา อุปาทานได้แล้ว คุณก็จะเป็นผู้มีโชคดีสุด ๆ อย่างเช่น ปฏาจารา หรือกีสาโคตมี สตรีเพศ ผู้เคยพ่ายแพ้ต่อชีวิตมามากยิ่งกว่าคุณ แต่ยังสามารถพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองให้พ้นไปจากอำนาจของกิเลส ตัณหา อุปาทานได้ แล้วเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลขั้นสูงสุดได้ในที่สุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 01:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.หนูเคยโกรธพ่อถึงขนาดคิดจะฆ่าด้วยแต่เป็นแค่ความคิดนะคะหนูอยากทราบ ว่าวิบาก กรรมจะเป็นอย่างไรบ้างคะถ้าเป็นแค่ความคิดซึ่งเราห้ามความคิดเราไม่ทันจะตก นรก ไหมคะ และจะแก้ไขอย่างไรจึงจะพ้นจากวิบากกรรมอันนี้ได้ และถ้าเราเถียงพ่อแม่เราบ่อยจะ ได้ผลกรรมอย่างไร และจะลบล้างกรรมของเราได้อย่างไร ขอความกรุณาอาจารย์ได้ชี้แนะ แนวทางปฏิบัติด้วยคะ ตายไปไม่อยากลงนรก

คำตอบ
กรรมคือการกระทำ มนุษย์ทำกรรมได้ 3 ทาง คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม คาดจะฆ่าเป็นมโนกรรม เมื่อคิดจะฆ่าแล้ว ความคิดที่เป็นอกุศลนี้จะถูกเก็บสั่งสมไว้ในดวงจิตเป็นบาป ครั้งใดที่ระลึกถึงความคิดที่เป็นอกุศลนี้ได้ แสดงว่าบาปกรรมยังไม่ถูกลบออกไปจากใจ หากขณะจิตกำลังจะหลุดออกจาร่าง (จวนเจียนตาย) และได้ระลึกถึงอกุศลมโนกรรมนี้แล้วจิตสละทิ้งร่างกายทันที (ตาย) จิตจะไปเอาร่างของสัตว์นรกเข้าอยู่อาศัย ดังนั้นควรจะถอดถอนความคิดที่เป็นอกุศลนี้ให้หลุดหายไปจากใจด้วยการนำพวง มาลัยดอกไม้สด ไปสารภาพผิดต่อพ่อและให้สัจจะว่าต่อไปลูกจะไม่คิดเช่นนี้อีก รักษาสัจจะนี้ไว้ให้ได้ตลอดชีวิต แล้วจึงขอขมากรรมให้พ่อยกโทษให้เมื่อพ่อกล่าววาจายกโทษให้ อกุศลมาโนกรรมที่ถูกบันทึกเก็บไว้ในดวงจิต ก็จะถูกลบออกไปจากใจทันที

ส่วนเรื่องการโต้เถียงโต้แย้งพ่อแม่เป็นอกุศลวจีกรรม เมื่อใดที่กรรมนี้ให้ผล อานิสงส์บาปที่คุณจะได้รับคือ หากมีลูกเขาจะไม่เชื่อฟังคำที่คุณพูดสอน ลูกจะดื้อ บริวารจะกระด้างกระเดื่องไม่ปฏิบัติตาม อุปสรรคปัญหาของชีวิตจะเกิดขึ้นให้คุณต้องทุกข์ยากลำบากใจ ต้องการลบล้างอกุศลวจีกรรมนี้ให้หายไปจากใจ ต้องปฏิบัติตามวิธีที่ได้บอกมาข้างต้น


2. ฟังธรรมบรรยายของอาจารย์รู้สึกว่าอิ่มใจทุกครั้งเป็นความอิ่มใจที่มากกว่าดู หนังดูละครทุกวันนี้ถ้ารู้สึกท้อแท้หดหู่ ่ก็จะเปิดฟังบรรยายธรรมของอาจารย์ทำให้มีความรู้สึกว่าเดินหน้าต่อไปได้หนู ปฏิบัติสมาธิมาได้สักระยะหนึ่งแล้วค่ะโดยใช้ดูลมหายใจเข้า-ออก และฝึกดูจิตตัวเองเพื่อให้เกิดสติระลึกรู้หนูทำตามความเข้าใจของหนูนะคะถูก ผิด อย่างไรไม่รู้ หนูเป็นโรคเครียดจะปวดหัวทุกวันมีอยู่ครั้งหนึ่งที่หนูทำสมาธิแล้วอาการปวด หัว ที่เป็นอยู่หายไป 2 วัน หนูจึงเชื่อว่าสมาธิน่าจะช่วยรักษาอาการที่หนูเป็นอยู่ ได้แต่ถ้าหนูอยากจะหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่จะต้องปฏิบัติอย่างไรค่ะ
ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้แนะแนวทางปฏิบัติด้วยค่ะ

คำตอบ
หายจากโรคเครียดและปวดศีรษะได้ต้องปฏิบัติสมาธิตามที่บอกเล่าไป นั้นถูกต้องแล้ว จงเดินหน้าแล้วปฏิบัติต่อไป สวดมนต์ก่อนนอน หลังไหว้พระสวดมนต์แล้วให้ปฏิบัติสมาธิตามวิธีการที่ใช้อยู่ ห้วงเวลาที่ใช้ปฏิบัติไม่มากเกินไป และไม่น้อยเกินไป ให้พอดีกับสุขภาพร่างกายและเวลาที่คุณมีอยู่ เมื่อเสร็จจากการปฏิบัติทุกครั้ง ต้องอุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นให้กับเจ้ากรรมนายเวร ผู้มีพระคุณ ฯลฯ อย่างนี้เรื่อยไปตลอดชีวิต กุศลกรรมที่ทำได้แล้วจะถูกเก็บบันทึกเป็นบุญสั่งสมอยู่ในจิตใจอานิสงส์แห่ง บุญจะส่งผลให้คุณได้สมปรารถนา


3.อยากทราบว่ามีวิธีไหนที่จะควบคุมอารมณ์โกรธของเราเพราะพยายามตามดูแล้ว เพื่อจะ ให้เห็นว่าเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปอย่างไร ไม่เคยทันเลยค่ะเวลาโกรธหนูจึงใช้วิธีบริกรรมคาถาเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นคาถา สั้นๆ ก็ช่วยได้บ้างไม่ทราบว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องรึเปล่าถ้าไม่ถูกจะปฏิบัติ อย่างไรจึงจะดับอารมณ์โกรธได้ทัน

คำตอบ
ตามดูอารมณ์โกรธไม่ทัน เหตุเพราะมีกำลังสติไม่กล้าแข็งจึงไม่เห็นความโกรธดับไปตามกฎไตรลักษณ์ ฉะนั้นทุกครั้งที่มีอารมณ์โกรธเกิดขึ้นให้บริกรรมคำว่า “ ช่างมันเถอะ ๆๆๆ ช่างมัน ” ไปเรื่อยๆ จนความโกรธดับไปเมื่อความโกรธดับไปแล้ว จะเห็นได้เองว่า จิตใจของเราโง่เองที่ไปรับเอาสิ่งขัดใจมาปรุงแต่งเป็นอารมณ์โกรธ โง่เพราะมีกำลังของสติอ่อน ระลึกไม่ทันสิ่งขัดใจนั่นเอง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 21, 22, 23, 24, 25, 26, 27 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร