วันเวลาปัจจุบัน 26 ส.ค. 2025, 06:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 23, 24, 25, 26, 27, 28, 29 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ถาม มีความคิดมิจฉาทิฏฐิ มาตลอด และเป็นคนชั่ว เพราะ คิด พูด ทำ เป็น บาป อกุศล ชั่ว ด้วยกาย วาจา ใจ ต่อ พ่อ และ โดยเฉพาะ ต่อแม่บังเกิดเกล้า ที่ให้กำเนิดมา

ตลอดชีวิต หลายสิบปี ที่อยู่กับแม่ จะ โกรธ เกลียดแม่มาก จะ ผูกโกรธ พยาบาท เพ่งโทษ และ คิด พูด ทำ ไม่ดี ต่อแม่ พูดรุนแรง หาเรื่องในอดีตมาว่า ให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจ มาตลอด หลายสิบปี โดยเฉพาะปัจจุบัน แม่อายุมากแล้ว ประมาณ 70 ปี

บัดนี้ กรรมหนัก ใหญ่หลวง ตามสนอง ให้ผลแล้ว คือ แม่ ไม่สบาย ป่วยหนัก อยู่โรงพยาบาล อาการน่าเป็นห่วง ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผู้ถามจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด จนตลอดชีวิต จนตาย เพราะตอนนี้ตัวเองตกนรกตายทั้งเป็น

พอแม่อยู่โรงพยาบาล เมื่อผู้ถามกลับมาที่ห้อง โดยที่ไม่มีแม่ ไม่เห็นแม่ เพราะแม่อยู่โรงพยาบาล เมื่อ ผู้ถามอยู่คนเดียวในห้อง จะรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต เพราะคิดถึง ความชั่วที่ตัวเองทำมา มันหลอก หลอน เวลากิน แม้จะกินได้ แต่ผะอึดผะอม เวลานอนก็นอนไม่หลับ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะ คิดแต่ความชั่วที่เราทำมาให้แม่เสียใจ เจ็บช้ำน้ำใจ

ขอเรียนถาม อ.สนอง ว่า ผู้ถามจะแก้ไข เวร กรรม อันใหญ่หลวงนี้ได้อย่างไร เพื่อให้แม่ หายเป็นปกติ กลับมาแข็งแรงดีเหมือนเดิม และผู้ถามตั้งใจ ให้สัจจะ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ในโลกนี้ว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตัวเอง จะประพฤติดี ทั้ง ความคิด คำพูด วาจา การกระทำต่อแม่ เพื่อไม่ให้แม่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เสียใจ อีกต่อไป

รู้สึกว่า มันสายเหลือเกิน กว่าเราจะเห็นคุณค่า ในสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ซึ่งตลอดชีวิต เราได้มองข้าม และทำไม่ดีอย่างใหญ่หลวง

ผู้ถาม คือ คนเดียวกับ ที่มอบหนังสือ "ชาติสุดท้าย" ให้ อ.สนอง หลังจบงานเสวนา ที่บ้านพระอาทิตย์ เครือผู้จัดการ ที่จัดผ่านไปเมื่อไม่นานนัก ไม่ทราบอาจารย์จะพอระลึกได้ไหม



คำตอบ
ชาติ-ชรา-พยาธิ-มรณะ เป็นอกุศลวิบากสมบัติของมนุษย์ผู้ยังมีกิเลสอยู่ในใจทุกคน มียกเว้นอยู่เพียงรายเดียวที่ไม่มีอาพาธ เกิดขึ้นตลอดชีวิต ท่านผู้นั้นคือ พระพากุละ พุทธสาวกของพระพุทธโคดม เหตุที่มีชีวิตไม่อาพาธเป็นเพราะได้อธิษฐาน “ ขออย่าได้อาพาธ ” ได้รักษาสัจจอธิษฐาน ด้วยการไม่เบียดเบียนสัตว์และได้สร้างเหตุตรง ด้วยการถวายอาหาราและยารักษาโรคกับพระสงฆ์ผู้มีคุณธรรมสูงมายาวนานถึง ๔ พุทธันดร ผลของการอธิษฐานไม่อาพาธตลอดชีวิต จึงได้สำเร็จสมปรารถนา เมื่อครั้งที่ตนเองนำจิตวิญญาณมาปฏิสนธิเป็นลูกพ่อค้าชาวโกสัมพี แคว้นวังสะเมื่ออายุเจริญวัยได้ 80 ปี จึงได้บวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนาบรรลุอรหัตผลภายใน 7 วัน นับจากบวช และตายเมื่ออายุได้ 160 ปี ตลอดตั้งแต่แรกเกิดจนวันตายเข้านิพพาน ไม่ปรากฏว่าเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคใด ๆ เลย

ที่เล่าให้ฟังเพื่อที่จะบอกว่า การเจ็บป่วยของแม่เกิดจากกรรมเบียดเบียน ที่ท่านได้ทำกรรมด้วยตัวของท่านเอง เมื่อใดที่กรรมให้ผลเป็นอกุศลกรรมวิบาก (เจ็บป่วย) ท่านต้องชดใช้หนี้กรรมด้วยตัวเองจนกว่าจะหมดหนี้กรรม หรือจนกว่าเจ้าหนี้จะยกเลิกการจองเวร ไม่มีใครสามารถแก้ไขได้ นอกจากผู้ป่วยต้องสร้างบุญใหม่มาก ๆ เช่นปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรม แล้วอุทิศบุญกุศลที่ตนมีใช้หนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวร วิธีการเช่นนี้มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะหายจากการเจ็บป่วย

ส่วนเรื่องที่ผู้ถามได้ให้สัจจะว่า จะไม่แสดงพฤติกรรมอันเป็นอกุศล ต่อผู้มีพระคุณอีกต่อไป หากรักษาสัจจะนี้ไว้ได้จนตายแล้วพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองให้เข้าถึงธรรม มีธรรมสถิตอยู่ในใจได้เมื่อใดแล้ว โอกาสที่จะไม่ต้องใช้หนี้เวรกรรมกับบุพการียังเป็นไปได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเป็นข้าราชการครู ตำแหน่งอาจารย์ 3 ระดับ 8 (ครูชำนาญการพิเศษ) ดิฉันได้ช่วยเหลือเพื่อนครูที่ผิดหวังจากการทำผลงานเลื่อนระดับที่ตกซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ถึง 2 ครั้ง ถึง 18 คน ซึ่งขวัญและกำลังใจของครูเหล่านี้แย่มากเครียดมาก บางคนป่วยด้วยโรคต่างๆ เพราะต้องต่อสู้กับการดูถูกของเพื่อนครูด้วยกันและของสังคม ดิฉันสงสารและเวทนามาก เพราะครูเหล่านี้เป็นครูมานาน บางคนเป็นครูมาถึง 30 กว่าปี มีความตั้งใจ เสียสละทุกอย่างให้แก่ลูกศิษย์ เช่น สอนพิเศษฟรี เลี้ยงอาหารฟรี ให้ทุนนักเรียน เป็นต้น แต่พวกเขาไม่มีความชำนาญในการเขียนผลงาน ดิฉันจึงอบรมและแจกเอกสารที่เป็นประโยชน์ให้เขาฟรี ช่วยเหลือทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่ได้เรียกเก็บเงินแต่อย่างใด และได้เรียนกับเพื่อนครูว่ากรุณาอย่านำเงินหรือสิ่งของต่างๆ มาให้ดิฉัน เพราะดิฉันต้องการสร้างทานบารมี ดิฉันมีความปรารถอย่างบริสุทธิ์ใจที่จะช่วย ซึ่งเหน็ดเหนื่อยมาก เพราะต้องอ่านงานหนักมาก ด้วยเหตุที่รู้ว่าพวกเขาเป็นครูที่ดี จึงได้ฃ่วยเพื่อนครู ดังนี้

1. ดิฉันช่วยปรับแผนการสอนให้ทั้งเล่ม ซึ่งเขาเขียนแผนเองแต่ช่วยเพิ่มเติม ตัด ขัดเกลาให้
2. ดิฉันช่วยครูบางคนเขียนแผนการสอนทั้งหมด เพราะเขาป่วยเป็นโรคเลือด เนื้องอก แต่ให้เขานำมาใช้สอนนักเรียน
3. ในการเลื่อนระะดับนั้น มีผลงาน 3 อย่าง คือ แผนการสอน สอบ และนวตกรรม

ดิฉันมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการบำเพ็ญทานบารมี ครั้งนี้ว่าจะบาปไหม กลุ้มใจมาก พยายามปลอบใจตนเองว่าจิตเราบริสุทธิ์ แต่ก็ยังไม่สบายใจเลย ช่วยดิฉันด้วยว่าจะทำอย่างไรดีคะ ถ้าสิ่งที่ทำมันผิด ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ ช่วยโปรดด้วย



คำตอบ
ทั้งหมดที่บอกเล่าไปคุณได้ทำหน้าที่เหมือนที่ปรึกษาให้กับเพื่อน ด้วยการปรับแก้ไขแผนงานให้เข้านำไปปฏิบัติ หากเป็นไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ในการสร้างบารมีไม่ถือว่าเป็นบาป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อ 1. คุณพ่อเสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยที่ลูก(ดิฉันและพี่น้องทุกคน)ไม่มีโอกาสได้ไปดูใจท่านเลยเพราะไปไม่ทัน ได้แต่ไปกราบศพท่านพร้อมกับพูดขออโหสิกรรมที่ดิฉันได้เคยล่วงเกินท่าน ทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไม่ทราบว่า การขออโหสิกรรม นี้จะสามารถบรรเทากรรมของดิฉันได้ไหมเพราะดิฉันเคยใช้คำพูดที่หยาบคายกับ ท่านค่ะ? การทำบุญใส่บาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ท่านเสมอถ้ามีโอกาส จะช่วยได้ไหมคะ? คิดถึงเรื่องนี้ทีไรดิฉันก็ รู้สึกบาปและละอายใจตัวเองเหลือเกิน

คำตอบ
ถ้าผู้ตายรับรู้การขออโหสิกรรมแล้วยกโทษให้ กรรมที่เคยทำไว้กับผู้ตายก็เป็นอันยกเลิกไปทำบุญใส่บาตรแล้วอุทิศบุญให้ผู้ ตาย เป็นจริยธรรมของลูกที่พึงปฏิบัติต่อบุพการีผู้ล่วงลับ หากผู้ตายมีโอกาสมาอนุโมทนาบุญได้ เขาก็ได้รับบุญที่มีผู้อุทิศให้ ได้บุญทั้งผู้ให้และได้บุญทั้งผู้รับ


ข้อ 2. ดิฉันเป็นคนที่เกลียดและกลัวแมลงสาบ มากๆ ถ้าเจอต้องหาทางกำจัดให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่กล้าทำกิจกรรมอะไรเลย การทำเช่นนี้เป็นบาป เพราะไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผ้อื่น ไม่ทราบว่าจะมีวิธีการแผ่เมตตาใดๆที่จะอโหสิกรรมกันได้บ้างคะ?


คำตอบ
ผู้มีเมตตาไม่ฆ่าสัตว์ไม่เบียดเบียนสัตว์ยังฆ่าแมลงสาปแสดงว่า ยังไม่มีเมตตาอยู่ในจิตใจ จึงไม่สามารถแผ่เมตตาให้กับแมลงสาปได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.กระผมเองทำงานอยู่ในหน่วยงานราชการ ได้เห็นความไม่ถูกต้องหลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการเบียดเบียนเงินหลวงเอาไปใช้ส่วนตัวของผู้ใหญ่ใน หน่วยงาน เจ้าหน้าที่ผู้น้อยที่เกี่ยวข้องบางคนรู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็ขัดไม่ได้จำต้องมีส่วนร่วมในการกระทำนั้นจนสำเร็จทั้งที่ไม่เต็มใจ จึงอยากทราบว่าบุคลคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำแบบนี้ทั้งผู้ใหญ่ ผู้น้อยจะได้รับผลกรรมอย่างไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ

คำตอบ
ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย ได้ร่วมกระบวนอกุศลกรรมเป็นการสร้างเหตุแห่งการไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ขณะยังมีชีวิตอยู่เมื่อกรรมให้ผลจะทำให้สูญเสียทรัพย์ วิธีแก้ไขคือ ให้ทรัพย์เป็นทานแก่คนหมู่มากให้บ่อย ๆ ให้ไปเรื่อย ๆ จนตาย


2.เจ้านายผมเป็นคนชอบทำบุญเอาหน้าครับ เวลามีซองทำบุญต่างๆ ท่านชอบที่จะให้เรี่ยไรคนในหน่วยงานเพื่อจะให้ได้ยอดเงินมากๆ จนบางครั้งเป็นการเบียดเบียนคนอื่นๆ หลายครั้งที่ลูกน้องไม่คิดจะใส่ซองทำบุญร่วมกับท่าน แต่จะใส่ซองทำบุญเป็นชื่อตัวเองและมอบให้เจ้าภาพเอง แต่ท่านมักไม่พอใจมีความต้องการให้ทำร่วมกัน สุดท้ายท่านจะเป็นคนที่นำเงินทั้งหลายนั้นไปมอบให้เจ้าภาพแต่ละงาน ภาพที่ออกมาคล้ายกับท่านเป็นเจ้าของเงิน หรือมีส่วนสำคัญที่ทำให้ได้เงินจำนวนนั้นมา
อยากทราบว่าการทำบุญลักษณะนี้จะเกิดกุศลอย่างไรและอกุศลอย่างไรครับ

คำตอบ
กุศลที่เกิดขึ้นคือได้บุญเกิดขึ้นน้อยเพราะทำบุญด้วยไม่ศรัทธา ทำบุญด้วยความจำเป็น อกุศลคือความไม่สบายใจที่ถูกเจ้านายบังคับ ถูกเจ้านายเบียดเบียนให้ต้องทำบุญ


3.ผมเองมักถูกเจ้านายใช้ให้แจกซองทำบุญต่างๆ หลายครั้งไม่เต็มใจเพราะไม่ศรัทธาต่อการทำบุญแบบนี้ คล้ายกับทำบุญแบบบังคับกัน แต่ขัดไม่ได้ จำต้องทำไปตามคำสั่ง อยากทราบว่าผมจะได้รับผลอย่างไร และควรแก้ไขอย่างไรครับ

คำตอบ
ได้รับบุญในส่วนที่คุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดบุญและได้รับบาปที่คุณมีส่วน ร่วมในการเบียดเบียนผู้อื่น ที่เขาไม่ศรัทธาแต่จำเป็นต้องทำบุญ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำอย่างไรถึงจะให้พี่ที่มักจะหลีกเลี่ยงธรรมะ มาสนใจธรรมะ?

พี่สาวผมป่วยเป็นโรคลมชัก และได้รับการผ่าตัดสมองแล้ว แต่หลังจากผ่าตัด แขนและขาไม่ค่อยมีแรง พูดก็ไม่ค่อยได้ แต่เข้าใจเรื่องราวได้ทุกอย่าง คุณแม่ของผมพยายามให้พี่สวดมนต์ หรือดูซีดีธรรมะ แต่ พี่สาวก็พยายามหลีกเลี่ยง ขอรบกวนอาจารย์กรุณาให้คำแนะนำกับผมและคุณแม่ของผมด้วย ว่าต้องทำอย่างไร พี่สาวจึงจะสนใจธรรมะ เพราะ กลัวว่าต่อไป ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมจะมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก ขอบคุณครับ


คำตอบ
การที่พี่สาวจะสนใจธรรม คุณและแม่ต้องทำตัวให้พี่สาวศรัทธาให้ได้ก่อน ศรัทธาเกิดกับผู้มีคุณสมบัติดังนี้คือ มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา มีเมตตา มีความอดทน มีวาจาไพเราะ ประพฤติดีงามมีศีล มีอาชีพถูกต้อง ประสบความสำเร็จในงาน ฯลฯ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำถามที่ 1
" ด้วยผมแต่งงานกับภริยาและมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ปัจจุบันได้แยกทางกันมาประมาณ 3 ปีแล้ว ใจจริงผมอยากนำลูกมาเลี้ยงเอง เพราะภริยาเป็นคนใจร้อนและดื่มเหล้าประจำ แต่ภริยาไม่ยอมให้ลูกมาอยู่กับผม ผมรักลูกมากจึงได้มอบเงินไว้ในบัญชีของลูกก้อนหนึ่งเพื่อการเลี้ยงดูและเป็น ทุนการศึกษา ช่วงหนึ่งผมได้พยายามกลับไปคืนดีเพราะสงสารลูกแต่ภริยาไม่ยอม ช่วงหลังผมไม่คอยได้เจอลูกเลย และภริยาไม่ค่อยอยากให้เจอลูก ปัจจุบันทราบจากแม่ยายว่า ภริยาทะเลาะและทำร้ายแม่เขาเอง และเขาได้พาลูกหนีออกจากบ้านไปกับชายชาวต่างชาติคนหนึ่ง ติดต่อไม่ได้ ไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ผมเป็นห่วงลูกมาก " -->

อยากถามท่านอาจารย์ ดร.สนองฯ ว่า
1.การที่กระผมไม่ได้ดูแลลูกและภริยาเนื่องจาก สาเหตุดังกล่าวนั้นเป็นบาปหรือไม่ ? ถ้าเป็นบาปควรแก้ด้วยวิธีใด ? เพราะบางครั้งเวลาปฏิบัติธรรม/นั่งสมาธิทำให้มีความกังวลใจ
2.การที่ชีวิตผมเป็นอย่างนี้ ผมทำกรรมใดไว้ครับจึงเป็นเช่นนี้ครับ ? ช่วงหลังได้เข้าหาธรรมะ ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังจะแก้กรรมได้ไหมครับ

คำตอบ
(1) เป็นบาปที่ไม่ได้ปฏิบัติจริยธรรมของความเป็นพ่อที่ดีต่อลูก วิธีแก้ไขตามที่บอกไปนั้นถูกต้องแล้วเพียงแต่ว่าปฏิบัติให้มากยิ่งขึ้น จนจิตมีบุญสั่งสมมากกว่าบาป และความกังวลเรื่องลูกจะจางหายไป

(2) ผลที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากเหตุที่เคยพรากลูกสัตว์ไปจากอกพ่อแม่ และการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังหากจิตเข้าถึงธรรมได้แล้ว สามารถหนีกรรมได้ และวิธีนี้แก้ไขกรรมให้หมดไปไม่ได้

คำถามที่ 2
"ผมทำวัตรเช้าเย็น และส่วนการนั่งสมาธิ ทำโดยการกำหนดจิตให้ฟังเสียง cd ธรรมะ ของพระเถระต่างๆ เทศน์หรือนำนั่งสมาธิ และบางครั้งก็นำข้อธรรมนั้นมาพิจารณากับเหตุการณ์ในชีวิตจริง " ทำแล้วรู้สึกว่าจิตตั้งมั่นกับเสียงเทศน์ดังกล่าวดี
1.ไม่ทราบว่าการนั่งสมาธิแบบนี้ถูกหรือไม่ ? หรือต้องกำหนดพุทโธ-ลมหายใจเข้าออก อย่างสงบ จึงจะดีกว่าครับ
2.การฟังcd ธรรมะอย่างตั้งใจ ขณะขับรถยนต์ไปด้วย ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร และถ้าจะฝึกสติขณะขับรถ ที่ดีที่สุดควรทำอย่างไร ?

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ ดร.สนองฯ อย่างสูง ไว้ ณ โอกาสนี้ครับ

คำตอบ
(1) การฟังธรรมเป็นการปฏิบัติธรรมเบื้องต้นฟังธรรมแล้วทำให้จิตตั้งมั่นเป็น สมาธิได้ คุณก็ใช้วิธีนี้ได้คนที่เคยฝึกสติมาก่อนฝึกสติมายาวนานจนจิตตั้งมั่นดีแล้ว ฟังธรรมแล้วโยนิโสมนสิการ อาจนำจิตเข้าถึงดวงตายเห็นธรรมได้

(2) การฟังซีดีธรรมะ ขณะขับรถยนต์สามารถทำได้แต่หากเมื่อใดฟังธรรมแล้วจิตดิ่งเข้าสู่ความตั้ง มั่นลึก ๆ โอกาสเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มีได้ ประสงค์จะฝึกสติขณะขับรถ ต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับรถยนต์ที่วิ่งตามกันไป จดจ่ออยู่กับรถยนต์ที่วิ่งสวนทางมาและจดจ่ออยู่กับมือที่จับพวงมาลัยด้วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ปัจจุบันนี้มีพระหรือผู้ที่สอนให้เราได้โสดาบันหรือนิพพาน มีอยู่มากไหมครับ ช่วยแนะนำให้ผมหน่อย

คำตอบ
พระคงไม่เจตนา สอนเพื่อให้ได้โสดาบันหรือนิพพานน่าจะสอนวิธีพัฒนาจิตเพื่อให้เกิดปัญญาเห็น แจ้ง เมื่อเกิดปัญญาเห็นแจ้งแล้วผู้ใดประสงค์จะกำจัดกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ (สังโยชน์) หรือกำจัดกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดาน (อนุสัย) ให้หมดไปจากใจมากน้อยอย่างใด ขึ้นอยู่กับความปรารถนา และความสามารถของแต่ละบุคคล พระที่สอนภาคปฏิบัติให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง คงไม่มีมากนักแต่พอหาได้ เช่น สำนักปฏิบัติธรรมวัดแพร่ธรรมาราม จ.แพร่ และสาขา สำนักปฏิบัติธรรมวัดมหาธาตุฯ คณะ 5 กรุงเทพฯ สำนักปฏิบัติธรรมวัดมเหยงค์ จ.อยุธยา สำนักปฏิบัติธรรมวัดพระธาตุทรายทอง จ.ลำพูน สำนักปฏิบัติธรรมวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ฯลฯ

2.ตอนนี้ผมอายุ23ปี ถ้าต้องไปทำงานทางโลก จนถึงอายุ50ปี เราสามารถรู้ได้หรือไม่ครับว่าสายไปหรือป่าวที่จะปฏิบัติเพื่อมุ่งนิพพาน เพราะผมต้องเลี้ยงดูแม่และน้องๆครับเลยยังมุ่งไปทางสายนี้ไม่ได้

คำตอบ
ปัจจุบันก็นับว่าสายอยู่แล้ว หากรู้ว่าการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องยาก การสวดมนต์ ฟังธรรม เป็นการปฏิบัติเบื้องต้น การกำหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นกลางตั้งแต่คลอดจากท้องแม่จนถึงปัจจุบันลมหายใจเข้า ลมหายใจออกยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ทำไมไม่เอาจิตมากำหนดลมเข้าลมออกแม้จะอยู่ที่บ้านหรือที่ไหน ๆ ก็สามารถปฏิบัติธรรมได้เมื่อจิตตั้งมั่นดีแล้ว และมีเวลาปลีกตัวได้ ค่อยไปต่อยอดด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในสำนักที่มีครูบาอาจารย์ควบคุม แนะนำ


3.อีกข้อนะครับทำอย่างไรให้เราสร้างฉันทะมากๆ กับสิ่งที่น่าเบื่อ ที่ทำแล้วเหนื่อย หนัก ยาก ครับ

คำตอบ
หากได้ตั้งทัศนคติของชีวิตให้ถูกต้องเช่นเกิดมาหนนี้จะเรียนรู้เพื่อจิตจะ ได้สั่งสมประสบการณ์ให้มากที่สุดเมื่อมีเป้าหมายแน่ชัดแล้วเรื่องการทำงาน ภายนอก (งานที่ทำให้กับสังคม) กับงานภายใน (งานพัฒนาจิตตนเอง) จะไม่เป็นสิ่งน่าเบื่อ เพราะมีจุดหมายที่แน่ชัด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ดิฉันเป็นครอบครัวคนจีน ตรุษจีน สารทจีน หรือ เทศกาล เช้งเม้ง ต้องซื้อเป็ดไก่ มาเพื่อเซ่นไหว้ เทพเจ้า,เจ้าที่, บรรพบุรุษ ทุกครั้ง อยากจะเลิกพิธีกรรมเหล่านี้ เพราะทำให้เกิดการฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมาก ต้องปฏิบัติอย่างไร

คำตอบ
ลงมือฆ่าสัตว์เองเป็นบาปเพราะผิดศีลข้อ 1 แต่สมัยนี้ไม่ต้องฆ่าเอง ใกล้เทศกาลสำคัญ ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ จะมีไก่ต้ม เป็ดต้ม หมูต้มวางจำหน่าย คุณสามารถไปซื้อหามาเซ่นไหว้ได้ ไม่ฆ่าเอง ไม่สั่งให้เขาฆ่า ไม่รู้เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา อย่างนี้ไม่ผิดศีลข้อ 1


2. จากข้อ 1. รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทองด้วย มาคิดว่าไม่มีประโยชน์ และ ไม่มีสาระ อยากจะชี้แจงเหตุผลให้คุณแม่ ทราบ ขอความกรุณาอาจารย์ ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

คำตอบ
เรื่องการเผา กระดาษเงินกระดาษทอง เป็นประเพณีที่ถือสืบต่อกันมา หากคุณไม่ทำตามจะอยู่กับสังคมที่มีความเชื่อในประเพณีแบบนี้ได้ยาก เว้นไว้แต่ว่าเมื่อใดที่คุณมีโอกาสแยกครอบครัวออกมาเป็นส่วนตัว หากพิจารณาแล้วเห็นว่าการเผากระดาษเป็นเรื่องไร้สาระ คุณไม่ปฏิบัติก็ไม่ผิดอะไร เรื่องจะไปชี้แจงเหตุผลให้คุณแม่ทราบต้องถามว่า คุณแม่ยังเหนียวแน่นอยู่ในประเพณีของบรรพบุรุษหรือไม่หากคุณแม่เป็นคนมี เหตุผล แล้วเห็นแจ้งตามความเป็นจริง เรื่องจะไปให้คำแนะนำคงไม่ใช่เรื่องยาก

3. ได้อ่านหนังสือสนทนาภาษาธรรม เล่ม 7 ที่เพิ่งได้รับแจกจากชมรม เมื่อ15/7/2550 มีความข้องใจเรื่อง การทำบุญ และนำใบอนุโมทนาบัตรไปลดหย่อนภาษี ซึ่งอาจารย์บอกว่า ได้บุญไม่เต็มร้อย เพราะพี่ทำบุญแต่ออกใบอนุโมทนาให้น้องเพื่อหักภาษี แต่ถ้าเป็นเงินของเราและเรานำใบอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษีเอง จะได้บุญเต็มร้อยหรือเปล่าคะาคะ หรือว่าการทำบุญไม่ควรจะเรียกร้องใบอนุโมทนา หรือ ใบเสร็จรับเงิน ยกเว้นแต่สถานที่นั้นจะออกให้เราเอง


คำตอบ
ก็ได้บุญไม่เต็มร้อยเช่นกันเพราะการนำใบอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษี เท่ากันมีเจตนาจะได้เงินกลับคืนมาส่วนหนึ่ง จากยอดเงินที่ได้ทำบุญ อย่างนี้ได้บุญไม่เต็มร้อย หากไม่นำใบอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษี เท่ากับว่าไม่มีเจตนาที่จะไปลดหย่อนยอดจำนวนเงินที่ได้ทำบุญไป อย่างนี้ได้บุญเต็มร้อย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อนผมมีน้องตาบอด อยากถามว่า ตาเนื้อบอด แล้วตาทิพย์ต้องบอดด้วยหรือไม่ครับ และสมมุติว่าถอดจิตได้เค้าจะสามารถมองเห็นโลกด้วยตาทิพย์ได้หรือไม่ครับ และควรให้น้องเค้าฝึกเรื่องถอดจิตหรืออะไรทำนองนี้จะดีไหมครับ จะเป็น ผลเสียกับน้องเค้ารึป่าว



คำตอบ
ตาทิพย์เกิดได้ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติมากจนจิตตั้งมั่น เป็นสมาธิสูงสุด (อัปปนาสมาธิ)หรือเรียกว่า เป็นสมาธิในฌาน หากทำได้อย่างนี้แล้วความถี่คลื่นจิตจะคงที่ โอกาสเกิดทิพพจักขุญาณจึงมีได้ ตาทิพย์สัมผัสด้วยจิตมิได้สัมผัสด้วยตาเนื้อตาหนังซึ่งเป็นประสาทสัมผัส ฉะนั้นหากน้องได้พัฒนาจิตจนเข้าถึงเงื่อนไขที่บอกมา โอกาสจะเห็นสิ่งต่าง ๆจะเกิดขึ้นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พยายามปฏิบัติภาวนาบ้างตามโอกาส แต่จิตไม่เคยตั้งมั่นได้ ฟุ้งซ่านเสมอ ๆ ทำทุกวิถีทางเพื่อหาสิ่งที่ตรงจริตกับตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรมาในส่วนลึกของจิตมีแต่เรื่องอกุศล เรื่องต่ำๆ ที่ไม่สามารถบอกเล่าให้ใครฟังหรือเข้าใจได้ รู้สึกเป็นทุกข์เหลือเกินค่ะ ทั้งๆ ที่ใจก็ไม่เคยน้อมหรือชอบในสิ่งนั้น มันเหมือนติดอยู่ในใจมาตั้งแต่อดีตชาติ และยอมรับว่าชาตินี้ก็ทำบาปนักหนาและคิดว่าตนเองคงตกนรกเป็นแน่แท้ ทุกวันนี้ก็พยายามเหลือเกินที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยการปฏิบัติภาวนาบ้าง บางครั้งคิดว่าคงมีกรรมและทำบาปมามากก็เลยไม่สามารถเข้าถึงพระพุทธศาสนา ไม่สามารถปฏิบัติภาวนาได้



คำตอบ
กรรมที่ทำแล้วในอดีต ไม่มีใครแก้ไขได้ และไม่มีใครช่วยใครได้แท้จริง นอกจากตัวเองต้องช่วยตัวเองด้วยการทำปัจจุบันให้ดีชีวิตดีขึ้นแน่นอน กรรมปัจจุบันที่ควรทำมีอยู่ 3 เรื่องคือรักษาศีล 5 ให้มีอยู่ในใจให้ได้ทุกขณะตื่น พิจารณาอสุภกรรมฐานจนเกิดเป็นศุภนิมิตติดอยู่ในใจและสุดท้ายต้องมีสัจจะและ รักษาไว้จนตาย หากทำได้ทั้ง 3 เรื่องนี้แล้ ความทุกข์ที่มีอยู่ในใจ จะหมดไปแน่นอน เมื่อตายแล้วไม่ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิอีกด้วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. อยากทราบว่าเวลที่เราจะอุทิศส่วนบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของเรานี้ ตอนอุทิศจะนึกถึงกองบุญกุศลที่เคยอุทิศไปให้คนอื่นแล้วได้หรือเปล่าครับ คือจะนึกถึงบุญที่เราทำแล้วและอุทิศให้คนอื่นแล้ว และจะนึกถึงบุญกองเดิมที่ให้เคยอุทิศให้ไปแล้วแต่จะให้คนใหม่ได้หรือเปล่า ครับ

คำตอบ
บุญกุศลที่เคย อุทิศให้แล้วไม่ควรไปนึกถึงเพราะเปล่าประโยชน์ แต่ควรระลึกว่าด้วยบุญกุศลที่ทำไว้แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้าอุทิศให้กับ.........


2. ได้อ่านตามรอยพ่อแล้วสงสัยตอนหนี่งครับว่า ลูกต้องพิจารณากาย เวทนา จิตและธรรม อย่าคิดว่าเป็นการต่อสู้สิลูกนั่นเป็นกิเลสนะ คืออยากทราบว่าถ้าไม่คิดว่าเป็นการต่อสู้แล้วควรคิดอย่างไรดีครับ

ขอบคุณครับ

คำตอบ
การคิดว่าเป็นการต่อสู้ มีผลสองอย่างคือแพ้กับชนะ หวังเอาชนะเป็นกิเลส แต่ควรพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ให้เห็นถึงความเป็นจริงแท้ว่า สติปัฏฐาน 4 ในที่สุดไม่มีตัวตน (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูได้ศึกษาธรรมะมาระยะหนึ่ง รู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในพระรัตนตรัย มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมบ้างที่บ้าน วันเสาร์ อาทิตย์ก็อยู่บ้านเปิดเทปธรรมะฟังเทศน์ซึ่งก็ทำให้หนูรู้สึกสบายใจในขณะนั้น แต่สิ่งที่หนูเป็นทุกข์มาตลอดคือเรื่องหนี้สินค่ะ ทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากตัวหนูเองและเหมือนกันชีวิตตรงวนอยู่กับกับดักหนี้นี้ ไม่รู้จักหมดสิ้น มันคงเป็นกรรมของหนูคือเป็นทั้งกรรมเก่าและกรรมใหม่ที่หนูได้สร้างขึ้นมาเอง หนูรู้สึกว่าทุกอย่างในชีวิตดีหมดจะมีก็แต่เรื่องนี้ค่ะที่เป็นทุกข์ หนูไม่อยากเบียดเบียนใครอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็มีคนช่วยเหลือหนูมาเยอะมากจนหนูรู้สึกละอายใจและไม่อยากให้ ใครมาดูถูกถึงพ่อถึงแม่ ตอนนี้หนูใช้ชีวิตอย่างพอเพียงมากๆ ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย เงินเดือนได้มาหนูก็ใช้หนี้เกือบหมดเพราะอยากจะให้หมดหนี้เร็วๆ

หนูอยากกราบเรียนถาม อาจารย์ว่า นอกเหนือจากนี้ หนูควรต้องทำบุญด้วยวิธีใดเพื่อทำให้กรรมนี้เบาบางไปได้บ้างคะ เพราะหนูรู้สึกเกรงใจเจ้าหนี้ หนูอยากคืนเงินให้เจ้าของเขาเร็วน่ะค่ะ



คำตอบ
แก้ปัญหาที่บอกเล่าไปได้ดังนี้
1. หยุดสร้างหนี้ใหม่
2. ชดใช้หนี้กรรมเก่าไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมด
3. บริโภคใช้สอยเท่าที่จำเป็นและมีสาระ
4. พัฒนาศักยภาพตัวเองให้สูง (ไอคิวสูง คุณธรรมสูง ความฉลาดทางอารมณ์สูง เพื่อให้มีงานดีทำและไม่ตกงาน)
5. ทำตัวเองให้เป็นผู้มีบุญ ส่งเสริมชีวิต ด้วยการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ผู้ชายที่เป็นกะเทยหรือเกย์ ไม่ว่าใจจะเป็นชายหรือหญิง บวชได้มั้ยครับ? ถ้าตั้งใจบวชเพื่อปฏิบัติจริงๆ ถ้าไม่ได้ หากฝ่าฝืนแล้ว จะส่งผลกรรมอย่างไร?

คำตอบ
พระพุทธะห้ามบัณเฑาะก์ (กระเทย) บวชเป็นภิกษุหากฝ่าฝืนมีโทษทั้งผู้บวชให้และผู้ถูกบวช คือปฏิบัติธรรมไม่ได้มรรคผล ตายแล้วต้องไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ


2. หากไม่อยากเกิดเป็นกะเทยอีกแล้ว จะต้องทำเหตุให้ตรงอย่างไร? มีหนทางใดที่สามารถหายในชาติปัจจุบันหรือไม่?

คำตอบ
ใน อดีตอันยาวไกล สมัยที่พระโพธิสัตว์ยังมีบารมีอ่อนเคยเกิดเป็นช่างทำทอง ละเมิดศีลข้อ 3 เคยตกนรกและเกิดเป็นกระเทยมาแล้วแต่กาลก่อน ยังต้องชดใช้หนี้กรรมจนหมดสิ้น หากไม่อยากเกิดเป็นกระเทยอีกต้องใช้หนี้กรรมให้หมด ทำบุญอยู่เสมอ รักษาศีล 5 ข้อให้บริสุทธิ์ ตายแล้วมีโอกาสเกิดเป็นเทวดา หรือมนุษย์ที่มีเพศถูกตรงไม่เบี่ยงเบน

ถามว่า มีหนทางใดที่สามารถหายในชาติปัจจุบัน
ตอบว่า 1 สร้างมหาทาน ด้วยการถวายอาหารแก่หมู่สงฆ์สุปฏิปันโนนาน 7 วัน
2 อธิษฐานให้หมดหนี้กรรมของการเป็นกระเทยในชาตินี้
3 ประพฤติกุศลกรรมบถ 10 ตลอดชีวิต แล้วอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อย ๆ
4 มีสัจจะ รักษาปฏิปทาทั้ง 3 ข้อที่กล่าวข้างต้น


3. เคยได้อ่านคำตอบของอาจารย์ในคำถามเก่าๆ พบว่าคนเป็นกะเทยไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ได้ แล้วคนกลุ่มนี้จะปฏิบัติอย่างไรต่อครับ เพราะได้รู้คำตอบว่าชาตินี้ไปไม่ถึง ก็เหมือนหมดกำลังใจ อยากขอความกรุณาท่านอาจารย์ ช่วยชี้แสงสว่างด้วยครับ

คำตอบ
ดำรงตนอยู่ในเพศฆราวาสประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เสมอ เพื่อให้บุญเป็นฐานรองรับรับใจ บุญจะนำให้บรรลุธรรมได้ในอนาคตไม่ไกลนัก


4. ผมเคยอ่านคำบรรยายของอาจารย์หลายเล่ม จำได้ว่ามีพระสาวกในสมัยพระพุทธกาลซึ่งก่อนจะมาเกิดในสมัยพุทธกาลก็เกิดเป็น กะเทยมาก่อน ไม่ทราบหมายถึงสาวกท่านใดครับ


คำตอบ
สาวกของพระพุทธะที่เคยเป็นกระเทยมาก่อน อาทิ พระอานนท์ ภิกษุณีอิสิทาสี ฯลฯ ซึ่งทั้งสองท่านได้บรรลุอรหัตผลไปแล้ว

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 02:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แม่ของดิฉันได้ตั้งสถานธรรมที่บ้าน สถานธรรมในครัวเรือนค่ะ แต่แม่ของดิฉันได้ไปทำงานที่ฮ่องกง เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว แล้วให้ดิฉันดูแลแทน ตอนอยู่ที่บ้านบางครั้งก็ทำตลอด บางครั้งก็ไม่ทำเลย และยิ่งตอนนี้ได้ออกจากบ้านเพื่อมาเรียนยิ่งไม่ได้ทำเลยให้หลานดูแลแทนหลาน ก็ทำบ้างไม่ทำบ้างตอนนี้หลานก็ ได้ย้ายไปที่อื่นแล้ว จะทำก็ตอนที่กลับบ้านนานๆครั้ง รู้สึกมีบาปติดตัวมาตลอด กลัวตกนรก เป็นคนที่กลัวบาปมากไม่อยากตกนรก แต่บางครั้งก็จะมีความคิดที่เป็นอกุศล ตำมากไม่สามารถบอกได้ ไม่อยากจะคิดเลยแต่มันคิดขึ้นมาเอง แต่เวลาที่คิดก็จะตัดมันทิ้งตลอด ไม่รู้เป็นกรรมแต่ชาติปางไหน แต่โชคดีตรงที่ได้เจอคนที่มีศิลธรรม แล้วได้เข้าไปอยู่ในสิ่งที่ดีๆ แต่ก็ยังเป็นทุกข์ อยากจะเรียนถามอาจารย์ว่า

1.การที่ละเลยต่อสถานธรรมเป็นบาปมากไหมค่ะ ต้องทำยังไงถึงจะลบล้างได้ แต่ก็สำนึกตลอดว่าเราทำผิด และกลัวมาก

คำตอบ
การตั้งสถานธรรมขึ้นในครอบครัว ด้วยมีเจตนาให้คนในครอบครัวใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมจะด้วยเหตุใดก็ตามคนที่มี ตัวอยู่ในครอบครัวยังใช้สถานธรรมเป็นที่ปฏิบัติธรรมอยู่ แม้จะใช้ไม่สม่ำเสมอ ไม่ถือว่าเป็นบาปแต่การมีจิตสำนึกว่าผิดาและเกิดความกลัวขึ้นกับจิตใจนี่สิ เป็นบาป


2.การที่เรามีความคิดเป็นอกุศล แต่ไม่เคยมีในความคิดเลย ทำยังไงถึงจะไม่ให้มันเกิดค่ะ
ถ้าใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณมากค่ะ

คำตอบ
ต้องเจริญพละธรรม 5 (ศรัทธา วิริยา สติ สมาธิ ปัญญา) ให้มีกำลังกล้าแข็ง และเมื่อใดความคิดที่เป็นอกุศลผุดขึ้นในจิต ให้ใช้สติและปัญญาที่มีกำลังกล้าแข็ง ตามดูความคิดที่เป็นอกุศลนั้น เวียนเข้าสู่อนัตตาคือความคิดอกุศลไม่มีตัวตนแท้จริง ตามกฎไตรลักษณ์ได้แล้วความคิดเป็นอกุศลจะหมดไปจากใจ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. การได้เจอกับครูบาจารย์ที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบเป็นเรื่องของบุญ กุศลที่ทำมาด้วยหรือไม่คะ ถ้าหากใน ปัจจุบันเราอยากจะมีครูบาอาจารย์ที่แนะนำ สิ่งที่ถูกต้องแก่เราจริง ๆ ควรจะทำอย่างไรดี

คำตอบ
เป็นเรื่องของบุญกุศลส่งผล อยากจะพบครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีถูกตรงตามธรรมวินัย ปฏิบัติชอบตามรรคมีองค์แปด ต้องสร้างมหาทานเช่น เลี้ยงพระ ๗ วัน แล้วอธิษฐานให้ได้พบและมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นครูบาอาจารย์แล้วต้องรักษาศีล 5ให้มีอยู่ในใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วต้องสร้างเหตุให้ถูกตรงคือ ไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรม และเจริญสติภาวนาอยู่เสมอ ๆ

2. ในการปฎิบัติเราจะสามารถปฎิบัติเองได้หรือไม่คะ แล้วจะทราบได้ อย่างไรว่าที่เราปฎิบัตินี้เป็นทางที่ถูกต้องแล้ว

คำตอบ
ปฏิบัติด้วยตนเองได้หากมีบุญบารมีสั่งสมมามากพอสามารถใช้หลักธรรม 8 ข้อ ที่พระพุทธโคดมมอบให้ภิกษุณีมหาปชาบดี (โคตรมี) นำไปใช้เป็นหลักตรวจสอบการปฏิบัติธรรมว่าดำเนินไปในแนวทางที่ถูกต้องหรือไม่ (อ่านคำตอบข้อ 107 ตอบคำถามจากงานแสดงธรรมที่เทคโนฯกรุงเทพบพิตรภิมุข เมื่อ 15 ก.ค. 50)

3. สงสัยมานานว่าองค์เทพต่างๆ หรือพระเจ้าที่คนเรานับถือในปัจจุบัน มีจริงหรือไม่ เพราะในพุทธศาสนาไม่มีเทพ สามารถให้คุณให้โทษได้จริงหรือคะ
ขอขอบพระคุณมาณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

คำตอบ
ศาสนาพุทธยอมรับว่า เทพต่างๆมีอยู่จริง ๆ ในพรรษาที่ 7 หลังแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่เมืองสาวัตถีแล้วพระพุทธะได้เสด็จไปจำพรรษาอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงอภิธรรมโปรดพุทธมารดา (สิริมหามายาเทพบุตรจากสวรรค์ชั้นดุสิต) จนบรรลุโสดาปัตติผล พระเจ้าพิมพิสารตายแล้วไปเกิดเป็นเทพโสดาบัน (ชนวสภยักษ์) อยู่ในสวรรค์ชั้นจุตมหาราชิกา โสเภณีสิริมา เลิกประกอบมิจฉาชีพ แล้วหันมาปฏิบัติธรรม ตายแล้วไปเกิดเป็นเทพนารีโสดาบันอยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ลิงป่าปาลิเลยกะที่นำรวงผึ้งมาถวายพระพุทธะ ตายแล้วไปเกิดเป็นเทพมีนางฟ้าเป็นบริวาร 1,000องค์ ม้ากัณฐกะที่เป็นพาหนะนำเจ้าชายสิทธัตถะออกบวชตายแล้วไปเกิดเป็นกัณฐกะเทพบุตรอยู่ในดาวดึงส์ ฯลฯ แต่พระพุทธะมิได้สอนพุทธศาสนิกให้เอาเทพมาเป็นที่พึ่งที่เคารพกราบไหว้บูชา เหตุเพราะมนุษย์มีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองให้มีคุณธรรมสูงกว่าเทพได้ มีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองจนบรรลุความเป็นอริยบุคคล และเข้าถึงนิพพานได้ ดังนั้นพระพุทธะจึงได้แนะนำพุทธศาสนิกให้เคารพนับถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (ไตรสรณคมน์) และเอาพระธรรมมาเป็นที่พึ่งสูงสุด

ส่วนที่ถามว่า เทพสามารถให้คุณให้โทษได้จริงหรือ ตอบว่าให้คุณได้ ถ้ามนุษย์ได้ความเคารพนับถือเพท ว่าเป็นสัตว์ที่เกิดอยู่ในภพที่สูงกว่ามนุษย์ เป็นเพื่อนร่วมตาย เกิด อยู่ในวัฏสงสาร มนุษย์จึงควรมีความอ่อนน้อม เคารพเทพผู้มีคุณธรรมและในทางตรงกันข้าม เทพให้โทษได้ถ้ามนุษย์แสดงตนเป็นศัตรูและมีกิริยาลบหลู่ปรามาสด้วยประพฤติอกุศลกรรมต่อเทพ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 23, 24, 25, 26, 27, 28, 29 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร