วันเวลาปัจจุบัน 27 ส.ค. 2025, 21:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 39, 40, 41, 42, 43, 44, 45 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมได้เริ่มพยายามปฏิบัติธรรมตามสติปัตฐาน4 มาเกือบ 1 ปีแล้ว โดยฝึกอาณาปานสติแบบนั่งสมาธิ วันละ 20 นาที และพยายามมีสติระลึกรู้ขันธ์5 อยู่ทุกครั้งที่มีสติ และพยายามรักษาศีล5 ให้ดีที่สุด ไม่นานมานี้ไ ด้พบเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง คือ ตอนที่นอนในห้องนอนคนเดียวตอนกลางคืนนั้น หลายครั้งเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นกลางดึกจะได้ยินเสียงคนคุยกันหลายคน บางครั้งได้ยินชัดมากเหมือนคุยกันอยู่ในห้องเลย (ทั้งๆที่นอนคนเดียว) บางครั้งก็เป็นเสียงผู้หญิงไพเราะมาก แต่แปลกที่ผมพยายามฟังอยู่หลายครั้งก็ฟังไม่ออกว่าเป็นภาษาอะไร คล้ายภาษาไทยแต่ไม่ใช่ เหมือนเขมร พม่า หรือ บาลี ก็ไม่ทราบได้

มีอยู่ครั้งหนึ่งผมตื่นมาได้ยินเสียงอีก จึงตั้งสติให้มั่นแล้วตั้งใจฟังอยู่พักหนึ่งก็ฟังไม่รู้เรื่องแม้จะได้ยินขัดเจน ก็ปรากฏแสงสีขาวเล็กๆ (เหมือนใครเอาไฟฉายเล็กๆมาส่องหน้า) จนผมหมดสติหลับต่อไป ผมคิดเอาว่าอาจจะเป็นเทวดา หรือ เจ้าที่ จึงได้นำผลไม้มากราบไหว้เพื่อแสดงความนับถือ

ขอเรียนถามอาจารย์ว่า เป็นไปได้ไหมครับว่าเป็นเทวดา หรือ เจ้าที่ แล้วทำไมเราจึงได้ยินพวกเขาคุยกันตอนตื่นนอนกลางดึกเท่านั้น เขาตั้งใจมาให้เราเห็นหรือไม่ และควรจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ เพราะหลายครั้งรู้สึกกังวลทำให้นอนไม่หลับบ่อยๆ หากเป็นเทวดาจริง การเซ่นไหว้ด้วยอาหารจะทำให้ท่านพอใจ และไม่มารบกวนเราได้ไหมครับ ก่อนที่จะฝึกสติก็ไม่เคยเจอแบบนี้ เป็นเพราะจิตเราเริ่มนิ่งหรือเปล่าครับ ทำให้สามารถสัมผัสได้มากขึ้น ขอบคุณมากครับ



คำตอบ
เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของอมนุษย์ที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งผลที่เกิดเนื่องมาจากเหตุที่ผู้ถามปัญหาได้พัฒนาจิต จนความถี่คลื่นจิตไปตรงกับความถี่คลื่นในมิติเดียวกันกับเขา จึงสัมผัสกันได้ในลักษณะที่เรียกว่าทิพยโสต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่มีความก้าวหน้า ในการพัฒนาจิตได้ระดับหนึ่ง สิ่งที่ควรทำทุกครั้งที่ได้ยินเสียง คือกล่าวคำอุทิศบุญไปให้เขาว่า “ ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ข้าพเจ้าอุทิศบุญให้ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงเป็นสุข ” เมื่อทำเช่นนี้แล้ว คุณก็จะมีเขาเป็นเพื่อนต่างมิติ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือว่าป้าผมคนหนึ่งครับ ชวนผมไปรับธรรมะที่สถานธรรม ป้าผมบอกว่าเป็นการรับธรรมะโดยตรงจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์เคยได้รับรู้เรื่องแบบนี้หรือไม่คับ ขอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับว่าเรื่องนี้มีจริงหรือไม่ แล้วผมควรจะทำอย่างไร

ขอกราบขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงครับ...

คำตอบ
ผู้ตอบปัญหาเคยได้ยินในเรื่องที่ถามไป แต่รู้ว่าไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดจะยิ่งไปกว่าความศักดิ์สิทธิ์ในธรรมวินัย ที่มีอยู่ในพุทธศาสนา ธรรมวินัยนั้นคือสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานภาคปฏิบัติ ผู้ใดปฏิบัติและเข้าถึงดวงตาเห็นธรรมได้แล้วนั่นคือสุดยอดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถนำพาชีวิตของผู้เข้าถึงธรรมให้พ้นไปจากความทุกข์ได้

สิ่งที่ผู้ถามปัญหาควรทำหรือพิสูจน์คือนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมและเมื่อใดที่เข้าถึงธรรมได้ก็จะรู้ว่าสิ่งที่ตอบปัญหาบอกกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเคยไปหาพระสงฆ์รูปหนึ่ง (จ.เชียงใหม่) ท่านเป็นพระที่มีเมตตามาก ดิฉันได้ถวายปัจจัยและอุทิศให้ พ่อ แม่ ที่เสียชีวิตไปแล้ว ท่านก็ติดต่อกับดวงจิตของ พ่อ แม่ให้โดยให้ลูกศิษย์ของท่าน(อุบาสก)ที่นั่งข้างๆท่าน เป็นตัวกลาง เมื่อสอบถามดวงจิตของพ่อ พ่อบอกว่าไม่ได้รับบุญที่ดิฉัน ทำบุญทำทานอุทิศให้เลยเพราะท่านเป็นวิญญาณเร่ร่อน ท่านอาจารย์บอกว่าดิฉันทำบุญผ่านพระสงฆ์ที่ไม่รักษาศีลบริสุทธิ์ ท่านเลยสงเคราะห์ให้และ ช่วยให้ดวงจิตของพ่อไปสู่ที่ที่สูงขึ้น ได้ยินเป็นวิมานอะไรซักอย่าง มีอาหารทิพย์ไม่ต้องเร่ร่อนอดอยาก ดิฉันสงสัยว่า บุญของพระกรรมฐานจะช่วยให้ดวงจิตของพ่อให้พ้นสภาพที่ทรมานได้หรือไม่ เพราะทราบมาว่า กรรมของใครก็ต้องรับกรรมไปจนกว่าจะหมดแรงกรรม ไม่มีใครช่วยได้ แต่ถ้าช่วยได้จะช่วยได้นานแค่ไหน


คำตอบ
การตาย (จุติ) แล้วเกิด (ปฏิสนธิ) ของสัตว์ในภพต่าง ๆ มีแรงกรรมเป็นตัวนำเกิด จิตวิญญาณที่ไปได้ร่างใหม่ที่มีรูปลักษณะไม่เหมือนเดิมอยู่อาศัย เช่นไปได้ร่างของสัตว์เดรัจฉาน ไปได้ร่างมนุษย์ที่มีหน้าตาไม่เหมือนก่อนตาย ไปได้ร่างของเทวดาหรือนางฟ้าฯลฯ เหล่านี้ไม่เรียกว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อน แต่หากตายจากมมนุษย์ก่อนครบอายุขัย จิตวิญญาณจะไปโอปปาติกะเป็นสัมภเวสี ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนครบอายุขัย คือหมดแรงกรรมผลักดันให้ไปเกิดเป็นสัมภเวสี แล้วจึงจะไปเกิดในภพใดภพหนึ่งในสังสารวัฏได้

ด้วยเหตุนี้หากเป็นวิญญาณเร่ร่อนจริง จะยังไปเกิดใหม่ไม่ได้ยังต้องเป็นไปตามกฎธรรมชาติ ไม่มีใครผู้ใดช่วยสัมภเวสีให้ไปเกิดใหม่ได้แม้จะอุทิศบุญกุศลให้ก็ตาม ดังเช่น สัมภเวสีที่อยู่ในวัดม่อนฤาษี จ.เชียงใหม่ เป็นตัวอย่าง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเริ่มจากการอ่านหนังสือ ยิ่งกว่าสุขเมื่อเป็นอิสระ รู้สึกชอบและประทับใจในเนื้อหาสาระมาก จากนั้นก็ติดตามอ่านหนังสือเล่มอื่นอีก จนกระทั่งได้มาฟังบรรยายธรรมจากเวปไซต์กัลญาณธรรม จนได้เปลี่ยนแนวคิดมาตั้งใจปฏิบัติธรรมและตั้งใจดำเนินชีวิตในทางที่ดี ที่ถูกต้อง ตามคำสอนของอาจารย์ รู้สึกซาบซึ้งในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระคุณและความเมตตาของอาจารย์มากที่เป็นเหมือนผู้กระตุ้นและชี้ทาง รวมทั้งขอขอบคุณเวปไซต์กัลยาณธรรมที่เป็นสื่อที่เยี่ยมยอด โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ห่างไกลในต่างประเทศ อย่างดิฉัน

ขอรบกวนอาจารย์ช่วยตอบข้อสงสัยดังนี้คะ
1. หลังจากสวดมนต์หรือนั่งสมาธิภาวนาทุกครั้ง ดิฉันก็อุทิศส่วนบุญกุศลตามบทอิทังเม ได้แก่ พ่อแม่ ญาติ ครูอาจารย์ เทวดา เปรต สัพสัตว์ เจ้ากรรมนายเวร...จนครบ แล้วแถมต่อด้วยอุทิศให้เจ้ากรรมของแม่ และแฟน และขอให้เจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นอโหสิกรรมให้แม่และแฟน รวมทั้งขอให้อนุโมทนาบุญกะดิฉันด้วย ไม่ทราบว่าจะดีมั้ยค่ะ เราจะเข้าไปอยู่ในวงจรกรรมด้วยหรือป่าว

2.ดิฉันพยายามเล่าธรรมมะที่ได้ฟังให้แฟนที่เป็นต่างชาติฟังโดยใช้ภาษาอังกฤษ แต่ก็กลัวคำบางคำจะแปลผิด ไม่ว่าจะเป็นคำไทยหรือบาลี ทำให้อาจเล่าความหมายผิดเพี้ยนไป กลัวจะเป็นอกุศลกรรม ควรจะหยุดดีมั้ยคะ แต่ก็อยากให้เค้าได้รู้สิ่งดี ๆ

3.แฟนเป็นคริสเตียนแต่ไม่เคร่ง เค้าก็ฟังสิ่งที่เราเล่า แล้วเค้าถามว่า ถ้างั้นมันต้องมีศาสนาใดที่สอนถูกและที่เหลือก็สอนผิด เพราะเค้าพูดว่าของเค้ามนุษย์ตายแล้วไม่ไปสวรรค์ก็นรก ไม่มาเป็นมนุษย์อีก ไม่รู้จะตอบยังงัยคะ เพราะไม่อยากพูดว่าศาสนาของใครดีหรือไม่ดี ถูกหรือไม่ถูก

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงคะ

ปล ได้ฟังเสียงอ่านหนังสือตามรอยพ่อ แล้วซาบซึ้งมาก อยากเป็นลูกของพ่อและน้องของพี่ที่อ่านคะ อยากตามพ่อไป และไปไกลๆ เหมือนพ่อคะ

คำตอบ
(1) การอุทิศบุญกุศลเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 เมื่ออุทิศบุญให้แก่สรรพสัตว์รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรของแม่และแฟนเป็นการกระทำที่เป็นบุญ เป็นความดีจงทำต่อไป และขณะเดียวกันการขอให้สรรพสัตว์อนุโมทนาถือว่าเป็นการชี้ทางบุญให้สรรพสัตว์ได้กระทำเป็นผู้มีส่วนร่วมในวงจรกรรมดีเป็นวงจรกรรมที่เป็นบุญ ผู้ใดประพฤติแล้วปราชญ์สรรเสริญ

(2) พูดแต่สิ่งดีงามออกจากปาก เป็นกุศลวจีกรรมและผู้ฟังได้ยินได้ฟังแล้วเกิดปัญญาเห็นถูก เกิดเป็นความชุ่มชื่นใจจงทำต่อไปแต่หากผู้ฟังได้ยินแล้ว เกิดเป็นความเห็นผิด เกิดเป็นความไม่สบายใจ แม้จะเป็นความปรารถนาดีเป็นกุศลวจีกรรมก็ตามจงหยุดไม่พูดต่อไป เพราะพูดแล้วไม่ก่อประโยชน์และยังเป็นการสร้างบาปให้เกิดขึ้นกับผู้ฟังอีกด้วย

(3) คำว่าสอนถูกหรือสอนผิด ต้องถามว่าถูกของใครผิดของใคร ทั้งนี้เพราะมนุษย์พัฒนาปัญญาได้ไม่เท่ากัน หรือเข้าถึงความจริงได้ต่างกัน

มนุษย์มีศักยภาพที่จะพัฒนาปัญญาได้ 3 ระดับ คือสุตมยปัญญา เป็นปัญญาที่เกิดจากการได้ฟังผู้รู้บอกกล่าว หรือเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นจากการอ่าน จินตามยปัญญา เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นจากการคิดดตรงตามแนวเหตุผล และภาวนามยปัญญาเป็นปัญญาที่เกิดจากการพัฒนาจิต

สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญาเข้าถึงความจริงในระดับที่เป็นความจริงชั่วคราว(สภาวสัจจะ) ส่วนภาวนามยปัญญา เข้าถึงความจริงแท้ (ปรมัตถสัจจะ) ได้

ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงเข้าถึงความจริง และศรัทธาในความจริงที่บัญญัติไว้ในแต่ละศาสนาได้ต่างกัน จึงไม่สามารถพูดได้ว่าศาสนาใดสอนถูก ศาสนาใดสอนผิด

ผู้ใดเข้าถึงปรมัตถสัจจะ ผู้นั้นไม่โต้เถียงโต้แย้งในความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ผู้ใดเข้าไม่ถึงปรมัตถสัจจะ การโต้เถียงโต้แย้งในความคิดเห็นที่แตกต่างกันจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดาของโลก

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมักจะกราบพระก่อนนอนประจํา ผมกราบพระในห้องนอน แต่ชุดผมเป็นชุดธรรมดา ชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น(ชุดใส่นอน) จะเป็นการสมควรหรือไม่ที่ผมจะใส่ชุดแบบนี้ หากใส่ขายาวรู้สึกว่าจะอึดอัดและร้อน อยากให้ ดร.สนองให้คําแนะนําด้วยครับ

กราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย

คำตอบ
เรื่องนี้ผู้ถามปัญหาต้องดูตัวเองให้ออกว่าก่อนสวดมนต์เต็มใจ ขณะสวดมนต์ตั้งใจ และสวดมนต์เสร็จแล้วสบายใจ หากเป็นไปตามนี้ ปัญหาที่ถามไปก็เป็นเพียงเปลือกของการสวดมนต์

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบขอบพระคุณที่เป็นแสงสว่างให้กับชีวิตของดิฉันค่ะ วันนี้ดิฉันมีเรื่องรบกวนถามปัญหาแทนสามีหนึ่งเรื่องค่ะ คือเราสองคนพยายามนั่งปฏิบัติกรรมฐานร่วมกันโดยมีอาจารย์ท่านหนึ่งเป็นผู้สอนชี้แนะค่ะ แต่สามีมีปัญหาเรื่องง่วงนอนมาก คือนั่งไปสักสองสามนาทีก็จะหลับอย่างง่ายดาย ปกติก็เป็นคนหลับง่ายอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่มีปัญหาในเวลาทำงานหรือขับรถนะคะ อาจารย์ที่สอนพวกเราก็บอกว่าสอนมานานหลายสิบปี นานๆจะเจอสักคน สอนมาเก้าวันแล้วสามีก็ยังนั่งหลับ ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากเป็น แต่อาจารย์ก็ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นอะไรทำไมนั่งทีไรจึงหลับทุกทีค่ะ เลยอยากจะกราบเรียนถามท่านอาจารย์สนองว่า สามีควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะหายง่วงคะ เวลาเดินจงกรมเขาก็เดินได้ค่ะ แต่พอนั่งปั๊บหลับทุกทีเลยค่ะ


คำตอบ
ขณะปฏิบัติธรรมเกิดอาการง่วงนอนอย่างมาก ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นกับผู้ตอบปัญหา ในสมัยที่ไปบวชและฝึกกรรมฐานอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก จึงได้แก้ปัญหาให้กับตัวเองหลายวิธี อาทิ การบริโภคอาหารเท่าที่จำเป็นพอให้ร่างกายนี้ทรงอยู่ได้ บริโภคอาหารที่ย่อยง่ายหายใจเข้าลึก ๆ ประมาณ 21 ครั้ง แล้วค่อย ๆ ปล่อยลมออกยาว ๆ เดินจงกรมให้ยาวนาน ไม่หายง่วงนอนขณะนั่งต้องลุกขึ้นเดินจงกรมอาบน้ำเย็นและเอาน้ำราดรดศีรษะจนทั่ว ฯลฯ ในที่สุดปัญหาง่วงนอนขณะนั่งหมดไปได้

ย้อนหลังไปสู่อดีตครั้งพุทธกาลก่อนบรรลุอรหัตตผล พระมหาโมคคัลลานะ มีปัญหาเรื่องความง่วงเช่นเดียวกัน พระพุทธะเสด็จไปสอนให้หาวิธีแก้ง่วงด้วยวิธีการต่าง ๆ ถึง 8 วิธี ที่มีความหมายในลักษณะนี้คือ

1. ควรพิจาณราองค์บริกรรมที่นำมาใช้นั้นให้มาก

2. ถ้ายังไม่หายห่วง ควรนำธรรมที่ศึกษาจนจำได้นั้นมาพิจารณา

3. ถ้ายังไม่หายง่วง ควรท่องบ่นธรรมที่ได้ฟังมาโดยพิศดาร

4. ถ้ายังไม่หายง่วง ควรท่องบ่นธรรมที่ได้ฟังมาโดยพิศดาร

5. ถ้ายังไม่หายง่วง เอาน้ำล้างหน้าลูบตาแล้วแหงนดูดาวในท้องฟ้า

6. ถ้ายังไม่หายง่วง ควรทำจิตให้ระลึกถึงความสว่างในตอนกลางวัน

7. ถ้ายังไม่หายง่วง ควรเดินจงกรมให้จิตจดจ่อในเท้าที่ย่างก้าว

8. ถ้ายังไม่หายง่วงควรนอนตะแคงขวา เอาเท้าวางซ้อนกัน แล้วกำหนดว่า เมื่อตื่นแล้วจะลุกขึ้นทันที จะไม่หาความสุขจากการนอนด้วยศรัทธาเต็มร้อย พระมหาโมคคัลลานะนำไปปฏิบัติโดยไม่สงสัยผลปรากฏว่าท่านสอบผ่าน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ผมได้มีโอกาสไปดูดวงจาก เจ้า ที่เข้าทรง และทำนายทายทัก ทำไม ท่าน(เจ้า)นั้นจึงสามารถช่วยลด เคราะห์กรรม ช่วยเหลือหรือ ต่ออายุ (เฉพาะบางท่านที่ทำได้)ของผู้ที่ศรัทธาไปหาท่าน แล้วยังบอกโรคภัย และวัน-เวลา ตายของผู้ที่ถึงเวลา ได้ถูกต้องตรงมาก

2. ทำไมท่านไม่ต้องไปเกิดได้ละครับ หรือท่านต้องการใช้ร่างทรงเพื่อ เพิ่ม บุญ บารมี เพราะท่านบอกว่ามีอายุมา 100 กว่าปีแล้วหรือท่านเป็น ภพภูมิ ก้ำกึ่ง ระหว่างมนุษย์ กับ เทวดา

3. สำหรับผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ หลังจากนั้นเวลาทำบุญกุศลจะต้องถูกแบ่งบุญไปให้ท่านด้วยใช่หรือไม่เหมือนยืมบารมีท่านมาช่วยเหลือก็ต้องใช้ให้ท่าน นะครับ

ขอกราบขอบพระคุณ

คำตอบ
(1) ผู้ใดใช้ปัญญารู้ไม่จริง (สุตมยปัญญาและจินตมยปัญญา) ส่องนำทางให้กับชีวิตแล้ว วิบากของชีวิตย่อมดำเนินไปตามเหตุดีและเหตุชั่วที่ผู้นั้นได้กระทำไว้ การไปร้องขอให้เจ้าเข้าทรง ช่วยเหลือลดเคราะห์กรรมหรือต่ออายุให้ เป็นการกระทำของผู้มีศักยภาพด้วยในทางปัญญา ผู้รู้จริงคือพระพุทธะสอนให้พึ่งตัวเองด้วยการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (ภาวนามยปัญญา) แล้วให้ใช้สติสัมปชัญญะส่องนำทางให้กับชีวิตตนเองจิตวิญญาณของผู้มีสติสัมปชัญญะจะมีแต่สิ่งดีงามสั่งสมสิ่งดีงามคือธรรมที่มีอยู่ในใจนั้นเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด

อนึ่งการที่เจ้าเข้าทรงกำหนดรู้เรื่องโรคภัยและวันเวลาตายของผู้อื่นได้ถูกตรง เป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้ที่เคยพัฒนาจิตจนได้มรรคผลแห่งธรรมแล้ว ปุถุชนที่ไม่เคยฝึกจิตมาก่อนไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้กำหนดวันตายของผู้อื่นได้

(2) สัตว์คือสิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยรูปและนาม หากสิ่งเศร้าหมอง (กิเลส) ยังมีสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของสัตว์ใด สัตว์นั้นยังต้องเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในสังสารวัฏมิรู้จบ

ฉะนั้นสัตว์ที่ตายตามปกติ เมื่อจิตวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วยังต้องไปแสวงหาร่างใหม่เข้าอยู่อาศัย จะไปได้ร่างอาศัยอยู่ในภพภูมิใด เป็นเรื่องของแรงกรรมผลักดันให้ไปสู่ ไม่มีภพภูมิเข้าถึงตามที่ผู้รู้ไม่จริงเข้าใจ แต่สัตว์บางตนมีศักยภาพที่จะโคจรไปสู่บางภพได้ อาทิ ฆฏิการมหาพรหมสุทธาวาส นำอัฐบริขารจากพรหมโลกมาถวายเจ้าชายสิทธัตถะในวันที่เปลี่ยนเพศจากฆราวาสมาเป็นเพศนักบวช ท้าวสักกะโคจรจากดาวดึงส์มาสู่มนุษย์โลกเนรมิตร่างเป็นมนุษย์มารอใส่บาตรพระมหากัสสปะในวันที่ออกจากนิโรธสมาบัติ เทพธิดา (หญิงชราจัณฑาลี) พาบริวารลงมาจากดาวดึงส์ มากราบขอบคุณพระมหาโมคคัลลานะ ที่ชี้ทางให้ไปเกิดในภพที่ดีฯลฯ

(3) ผู้ใดประพฤติแล้วซึ่งบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้นั้นมีบุญสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณผู้มีบุญสามารถอุทิศบุญให้ผู้อื่นได้ ผู้ที่ถูกระบุถึงถ้ามาอนุโมทนาบุญได้ผู้นั้นจะได้รับบุญกุศลที่มีผู้อุทิศให้ตรงกันข้าม ผู้ใดมีบุญแล้วเก็บไว้กับตัวไม่อุทิศให้ใคร ใครก็ไม่สามารถเอาบุญของเขาไปได้ ดังอานิสงส์ที่ว่าโจรลักขโมยบุญไม่ได้ฉะนั้นผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ ถ้ามีบุญสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณแล้วผู้ที่ให้การช่วยเหลือ (เจ้าเข้าทรง) ไม่สามารถแบ่งบุญจากเขาไปได้ ถ้าเขาไม่ปรารถนาจะส่งบุญให้หรืออุทิศบุญให้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาหนูกล่อมลูกนอน หนูจะอุ้มลูกเดินหรือนอนกอดลูกแล้วสวดมนต์ชัยมงคลคาถา(พาหุงมหากา)ให้ลูกฟัง กระทั่งลูกหลับ ขอเรียนถามอาจารย์นะคะว่าทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกที่สมควรหรือไม่

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
มนุษย์ทำกรรมได้ 3 ทาง คือทางกาย ทางวาจา ทางใจ การสวดมนต์พุทธชัยมงคลคาถา หากผู้สวดมีใจจดจ่ออยู่กับบทมนต์ที่สวด และมีวาจากล่าวบทมนต์ออกมาอย่างถูกต้องถือว่าเป็นการทำกรรมดีสมควรทำได้ต่อไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ผมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับอาชีพบางอาชีพ เช่น การเล่นหุ้น เล่นค่าเงินตรา เป็นต้น มีความเห็นว่า ถ้าผู้ประกอบอาชีพมีความรู้ความสามารถดี ก็สามารถมีค่าตอบแทนที่ดีได้ แต่เมื่อพิจารณาไปลึก ๆ แล้ว อาชีพดังกล่าว เป็นอาชีพที่ ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ในขณะที่ผู้หนึ่งได้ อาจจะมีอีกผู้หนึ่งที่เสีย พิจารณาแล้วเห็นถึงความไม่สงบทั้งกายและใจที่ต้องจ้องติดตามข่าวสาร การเปลี่ยนแปลงไปกับสิ่งที่เวียนวนไม่แน่นอน กับกระแสสังคม ฯลฯ เพื่อให้ผลตอบแทนมาโดยใช้จุดอ่อนของผู้อื่นมาเป็นจุดได้ของตนเอง ไม่ว่าผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้จะประสบผลสำเร็จในอาชีพทำนองนี้หรือไม่ก็ตาม จากธรรมบรรยายของอาจารย์สนอง ที่อาจารย์ใช้คำว่า take จากสังคม และ give เพื่อสังคม พิจารณาแล้วจึงคิดว่ายังมีอีกหลาย ๆ อาชีพที่เป็นไปในทาง take มากกว่า give เช่น การเปิดร้านอาหารที่ขายราคาแพงและฟุ่มเฟือย เป็นต้นไม่ว่าอาหารเหล่านั้นจะมีต้นทุนแพงหรือถูกก็ตาม ก็เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ไปกับอาหารเกินจำเป็นต่อการดำรงชีพและจะยังทำให้ติดกับกามสุข แต่ในเวลาเดียวกัน หากนำตนเองไปประกอบอาชีพพื้นฐานบางอย่าง เช่น การปลูกพืชผัก เกษตรกรรม ฯลฯ รายได้อาจจะมากน้อยไปถามการลงทุนของผู้ประกอบการ แต่ผลอย่างน้อยที่ได้คือ การได้สร้างวัตถุที่เป็นอาหารหล่อเลี้ยงให้กับสังคมซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งในปัจจัย 4 ถึงจะได้ค่าตอบแทนไม่มากเหมือนอาชีพอื่น ๆ และถ้าหากนำตัวเองไปประกอบอาชีพที่ดีกว่า เช่น อาชีพ ครู อาจารย์ ก็จะน่าสรรเสริญกว่า เพราะกระแสสังคมจะเป็นอย่างไร คุณงามความดีที่ออกมาจากอาชีพครู อาจารย์ ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยบางอย่างน้อยกว่าอีกหลายอาชีพ

สุดท้ายผมคิดว่า อาชีพหนึ่งอาชีพอาจจะประกอบด้วยบุญและบาปมากน้อยคละเคล้ากันไป
อยากขอคำแนะนำจากอาจารย์ในความเห็นดังกล่าวและขอคำแนะนำในการประกอบอาชีพในสังคมด้วยครับ

2. ปัจจุบัน นั่งเจริญสติกำหนด ยุบหนอ พองหนอที่หน้าท้อง บางครั้งรู้สึกไม่ชัดถึงอาการพองยุบ แต่เมื่อทำขณะอยู่อิริยาบถนอนแล้วรู้สึกถึงการยุบพองของหน้าท้องได้ชัด บางครั้งจะนำมือทั้งสองมากุมไว้จะทำให้รู้สึกถึงการยุบพองได้ดีขึ้น รู้สึกว่าการกระทบลมหายใจเข้าออกที่จมูกรู้สึกได้ชัดและง่ายกว่าที่ท้องในขณะที่นั่งอยู่ ถ้าหากจะใช้การดูลมหายใจที่กระทบที่จมูกไปจนจิตตั้งมั่นพอแล้วจึงพิจารณาสิ่งต่างๆ ไปตามกฎไตรลักษณ์จะเหมาะสมหรือไม่ และรู้สึกว่าตนเองมีจริตแบบวิตกจริตเป็นอย่างน้อย เช่น ถ้ามีตัวเลือกหลายอย่าง ก็จะพยายามครุ่นคิดหาเหตุผลสักอย่างในการเลือกสิ่งเหล่านั้นออกมาตามเหตุผลที่ตนเองคิดว่าสมควร เมื่อปฏิบัติโดยการสวดมนต์และเจริญสติด้วยวิธีดังกล่าว ก็รู้สึกว่าลดอาการคิดมากลงได้ แต่ก็ยังไม่ทราบชัดเจนครับว่า จริง ๆ แล้วจะมีจริตไปทางด้านไหนบ้างมากน้อยเพียงใด
อยากขอคำแนะนำในการปฏิบัติที่เหมาะสมด้วยครับ

บุญกุศลที่ผมทำมาในทุกกาลขอจงเป็นพลวปัจจัยให้อาจารย์สนองมีสุขภาพดี เดินทางสะดวก ปลอดภัย ราบลื่น ได้เมตตาสร้างบารมีช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายต่อไป รวมถึงขอกราบขอขมาอาจารย์ ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ในทางที่ไม่ดี ที่อาจจะมีไปโดยตั้งใจไม่ตั้งใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วยครับ

คำตอบ
(1) ในทางโลกอาชีพใดกระทำแล้วไม่ผิดกฎหมายถือว่าเป็นอาชีพที่ดีเช่นการขายล๊อตเตอรี่ การขายสุรา ขายยาฆ่าแมลง ขายอุปกรณ์ตกปลาฯลฯ แต่ในทางธรรมอาชีพที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นอาชีพที่เบียดเบียน ทุศีล ไร้ธรรม ทำแล้วได้บาปมากกว่าบุญผู้ปรารถนาอยู่เย็นเป็นสุขจะไม่กระทำ ผู้ที่ปรารถนาอยู่เป็นสุข จะประกอบอาชีพที่ไม่ผิดศีลผิดธรรม อาทิ ขายโลงศพ ขายอุปกรณ์ก่อสร้างบ้าน เป็นครูอาจารย์ที่สอนวิชาการที่ชอบธรรมฯลฯ

ฉะนั้นผู้ถามปัญหาในฐานะที่เป็นสมาชิกของสังคมโลกยังต้องอาศัยสังคมเลี้ยงชีพ เลี้ยงดูชีวิตให้ดำเนินอยู่ได้ ขณะเดียวกันต้องระลึกอยู่เสมอว่า ทุกคนต้องตาย ตายแล้วยังต้องไปเกิดในภพภูมิใหม่จะต้องเตรียมตัวเดินทางให้กับตัวเองอย่างไร ผู้ตอบปัญหาแนะนำว่า หนึ่งชีวิตที่ได้อัตภาพเกิดมาเป็นมนุษย์ ควรรักษาศีลอย่างน้อย 5 ข้อ ให้มีอยู่ในใจทุกขณะตื่น เพราะตายไปแล้วจะไม่เกิดต่ำไปกว่าภพมนุษย์จะดียิ่งขึ้นให้บำเพ็ญทานตลอดชีวิต เพราะการมีศีลมีทานอยู่ในใจเป็นคุณสมบัติของชาวฟ้าชาวสวรรค์ และจะดีที่สุดต้องเจริญจิตตภาวนาจนเข้าถึงธรรมที่ทำให้จิตสงบเป็นฌานโอกาสไปเกิดเป็นพรหมผู้สูงศักดิ์มีได้ หรือเจริญจิตตภาวนาจนได้ดวงตาเห็นธรรม จึงจะมีโอกาสนำพาชีวิตพ้นไปจากการเวียนตาย-เวียนเกิดได้แน่นอน

(2) องค์บริกรรมใดเมื่อนำมาปฏิบัติแล้วทำให้จิตตั้งมั่นได้ดีองค์บริกรรมนั้นเหมาะกับจริตของผู้นั้น ผู้ถามปัญหาใช้ลมหายใจเข้า-ออกที่กระทบจมูกมาบริกรรมแล้วจิตตั้งมั่นได้ดีกว่า ควรเปลี่ยนไปใช้วิธีกำหนดลมเข้า-ลมออกจะเหมาะสมกว่า

คำว่า วิตกจริต หมายถึงพื้นนิสัยที่หนักไปในทางคิดฟุ้งไปในเรื่องต่าง ๆ จึงต้องถามตัวเองว่า มีพื้นนิสัยเป็นแบบนี้หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้ องค์บริกรรมที่เหมาะกับผู้มีวิตกจริตได้แก่อานาปานสติ หรือเลือกเอากสิณอย่างใดอย่างหนึ่งมาเป็นองค์บริกรรมหรือเลือกเอาอรูปฌานมาเป็นองค์บริกรรมเพื่อใช้เป็นฐานนำสู่วิปัสสนา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. เมื่อก่อนเวลานอนไม่ค่อยฝัน แต่เมื่อเริ่มมาศึกษาธรรมะนั่งสมาธิ เดินจงกรม จะฝันบ่อยขึ้น เป็นเพราะอะไรคะ
2. เมื่อเราปฏิบัติฝึกตามดูจิตไปเรื่อยๆ (ปฏิบัติด้วยตนเอง) จะทราบได้อย่างไรว่าถูกวิธีและปฏิบัติได้ระดับใด

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สนอง เป็นอย่างสูงค่ะ ที่ชี้ทางสว่างให้กับหนูและทุกๆคน ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงมากๆค่ะ
ด้วยความเคารพและศรัทธา


คำตอบ
(1) เหตุที่ฝันบ่อย เป็นเพราะสัญญาที่ถูกเก็บไว้ในดวงจิต ส่งผลกระทบพลังงานจิตที่มีความถี่คลื่นอยู่ในระดับหนึ่งระดับนี้จะไม่ถูกรบกวนด้วยสัญญาที่ถูกส่งเข้ากระทบ ความฝันจะไม่เกิด ฉะนั้นคนที่ฝึกจิตจนมีกำลังของสมาธิกล้าแข็งแล้วบุคคลประเภทนี้จะไม่ฝัน

(2) ผู้ใดปฏิบัติสมถภาวนาจนได้ผลแล้ว จิตต้องเข้าสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิ ผู้ใดปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาจนได้ผลแล้วจิตจะเกิดปัญญาเห็นแจ้ง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมขอถือวิสาสะเรียกท่านว่าอาจารย์ เนื่องจากได้ฟังและนำข้อคิดต่างๆจากการฟังมาใช้ กระผมเป็นคนทำงานที่เช้าออกบ้าน เย็นก็กลับเข้ามา และพยายามตามรู้ตามดูสติของตนในแต่ละวัน จนขณะนี้ภรรยาคู่ชีวิตก็หันมาปฏิบัติ และเห็นในแนวทางการแสวงหาวิมุตติ ผมจึงอยากปฎิบัติมากขึ้นไปอีก เพื่อแสวงหาแนวทาง เพื่อตนเองและคนรอบข้าง ผมจึงตัดสินใจลางาน 1 เดือนในช่วงเดือนเมษายน 2551 ที่จะถึงนี้ เพื่อแสวงหาโมกขธรรม คำถามขอผมอยู่ที่ว่า ผมอยากได้คำแนะนำสถานที่หรือวัดนั่นเอง ที่ผมจะขอฝากตัวเข้าไปปฎิบัติ เพราะผมอยากมีอาจารย์และผู้สอบอารมณ์ในเบื้องต้น เพื่อที่ว่าผมจะได้คลำทางถูกครับ ผมอาศัยอยู่ที่ลำพูนครับ

คงจะขอรบกวนอาจารย์เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณในความกรุณาของท่านที่มีต่อผมครับ


คำตอบ
แนะนำให้ไปฝึกที่วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีคำถามที่จะเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ 1.เป็นความจริงหรือไม่ที่คนเขาพูดกันว่าผู้ที่ปฏิบัติธรรมหากไปเดินลอดราวตากผ้าที่ตากเสื้อผ้าของผู้หญิงอยู่ทำให้ผลของการปฏิบัติธรรมนั้นเสื่อมลง 2.หากห้อยพระเครื่องไว้ที่คอแล้วเดินลอดราวตากผ้าเช่นเดียวกับข้อ 1. จะทำให้ความศักดิ์ของพระเครื่องเสื่อมลงหรือไม่

ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
(1) จริงตามปากคนที่พูด แต่ผู้ใดปฏิบัติธรรมจนมีกำลังของสติสัมปชัญญะกล้าแข็งได้แล้ว ไม่จริง

(2) คนทียังต้องอาศัยพระเครื่องห้อยคอ แล้วมีพฤติกรรมตามข้อ (1) ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องเสื่อมลง เหตุเพราะใจของคนที่ห้อยพระเสื่อมลงก่อน ผู้ใดมีศีลและสติอยู่กับใจทุกขณะตื่นผู้นั้นไม่เสื่อม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูขอความกรุณาให้ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายให้ทราบสักหน่อยเถอะค่ะว่า “นิโรธสมาบัติ” และนิโรธกรรม” นั้นคืออย่างไร แตกต่างกันอย่างไร
แล้วทำไมการที่เราได้ทำบุญกับพระสงฆ์ที่ปฎิบัติ “นิโรธกรรม” หรือ นิโรธสมาบัติ” จึงเป็นการทำบุญใหญ่คะ

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้า ที่ให้ความเมตตาตอบคำถามนะคะ


คำตอบ
คำว่า “ นิโรธ ” หมายถึงภาวะที่ใจปลอดจากความทุกข์ คำว่า “ กรรม ” หมายถึงการกระทำ นิโรธกรรมจึงหมายถึงการกระทำที่เป็นเหตุให้ใจปลอดจากความทุกข์

ส่วนคำว่า “ นิโรธสมบัติ ” หมายถึงการเสวยอารมณ์ของจิตที่ปลอดจากสัญญาและเวทนา (สัญญาเวทยิตนิโรธ) ผู้ที่มีสภาวะของจิตเป็นพระอนาคามีหรือพระอรหันต์ที่เจริญสมถภาวนา จนบรรลุฌานสมาบัติ 8 ได้แล้วจึงมีสิทธิ์เสวยอารมณ์ที่เป็นนิโรธสมาบัติได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 02:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือดิฉันสวดมนต์ จิตตั้งมั่นในการสวดแล้วเกิดอาการร่างกายแกว่งและก็หมุนสลับกัน (ตกใจ) จึงลืมตาขึ้นก็ยังเกิดอาการอย่างนั้นอยู่ จึงตั้งจิตภาวนาสวดมนต์ต่อไป โดยจิตภาวนาว่าแกว่งหนอ หมุนหนอพร้อมกับการภาวนาสวดมนต์ไปด้วยเป็นอยู่ร่วม 5 นาที เมื่ออาการแกว่งและหมุนหายไปกลับมีอาการจิตเห็นร่างกายใหญ่โต มือโตขึ้น จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ ว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้เป็นด้วยสาเหตุใด

ขอบพระคุณท่านอาจารย์คะ

คำตอบ
เกิดขึ้นด้วยเหตุขณะสวดมนต์มีจิตจดจ่อ (สติ) อยู่กับการภาวนาแล้วทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ พลังสมาธิสามารถบันดาลให้เกิดปาฏิหาริย์ได้หลายอย่าง การเห็นร่างกายใหญ่โตขึ้น เห็นมือโตขึ้นเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์เหล่านั้น ผู้รู้แนะนำให้กำจัดปาฏิหาริย์เช่นนี้ให้หมดไปจากใจ ด้วยการกำหนดว่า “ เห็นหนอๆๆๆ ” จนกระทั่งสิ่งที่ถูกเห็นนั้นหายไปแล้วนำจิตไปพัฒนาให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งตามแนวสติปัฏฐาน 4

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในขณะนี้หนูได้ทำการฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากได้อฐิษฐานจิตตั้งสัจจะว่าจะปฏิบัติเดินจงกรมนั่งสมาธิอย่างละ 45 นาทีตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์จนถึงวันมาฆะบูชา เป็นการวัดศักยภาพในช่วงระยะสั้นว่าหนูจะมีความเพียรและตั้งใจมากแค่ไหน ซึ่งในการปฏิบัติครั้งนี้เป็นการทดสอบวัดใจของตนเองเพราะต้องตื่นตีสี่มาสวดมนต์ทำวัตรเช้าและต่อด้วยการปฏิบัติคะ ในการปฏิบัติเป็นแนวทางแบบยุบหนอพองหนอ ซึ่งหนูได้รับการฝึกมาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม แห่งวัดอัมพวันคะ หนูมีคำถามดังต่อไปนี้คะ

1. ในการเดินจงกรม ในขณะยืนหนอ บางครั้งตัวจะสั่น บางทีสั่นไม่หยุด หนูระลึกถึงคำตอบของอาจารย์ที่เคยตอบไว้ว่าให้เรากำหนดว่าสั่นหนอ และตามดูจนเห็นถึงการดับไปของอาการนั้น แต่เนื่องจากประสบการณ์ทั่วไปอาการสั่นนี้มักเกิดขึ้นกับการนั่ง ส่วนการเดินหรือยืนนั้นหนูยังไม่เคยเห็นคำถามดังนี้ จึงมีความสงสัยว่าถ้าหากเกิดอาการใดๆ ขึ้นนั้นให้เราตามดูและกำหนดจนอาการเหล่านั้นดับไปเหมือนการนั่งใช่ไหมคะ

2. ตามเดิมที่หนูเดินจงกรมหนูใช้ระยะที่ 3 แต่เมื่อฝึกในครั้งนี้ลองเปลี่ยนมาเดินระยะที่ 4 ซึ่งเมื่อเดินไปเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าหนูจะเห็นตัวต้นจิตว่าหากเราจะยกส้นเท้าหรือย่างนั้นจิตมันจะมีความอยากเกิดขึ้นก่อน หรือในอิริยาบถต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนั้นมันจะมีตัวอยากเกิดขึ้นก่อนการกระทำนั้นหากแต่ว่าจิตของเรามันเร็วมากจึงเหมือนว่าการทำสิ่งใดนั้นมันเหมือนอัตโนมัติ แต่จริงๆ แล้วจิตเป็นตัวรับแล้วสั่งให้เกิดการทำงานอย่างที่ท่านอาจารย์เคยบรรยายดังนั้นก่อนที่เราจะยกย่างเหยียบ หนูได้กำหนดว่าอยากยกหนอ อยากย่างหนอ ก่อนที่จะยกเท้า และย่าง ไม่ทราบว่าการทำอย่างนี้จะเป็นการกำหนดอิริยาบถย่อยมากเกินไปหรือเปล่าคะ

3. ในการนั่งสมาธิ อาการสั่นของหนูนั้นได้เกิดขึ้นบ่อยมาก หนูได้ใช้จิตตามดู และกำหนดสั่นหนอ สั่นหนอ จนบางครั้งมันก็หายไป แต่บางทีหนูมาคิดว่าถ้าจิตไปยึดอยู่กับอาการสั่น มันเหมือนได้รับความสนใจจากจิต หนูก็กำหนดสั่นหนอ สั่นหนอ อยู่สักพัก แล้วดึงจิตกลับมาอยู่ที่ลิ้นปี่แล้วกำหนดรู้หนอ รู้หนอ รู้หนอ แล้วก็ดึงจิตกลับมาที่ท้องกำหนดพองยุบต่อจนกระทั่งการสั่นหายไปแล้วก็กำหนดรู้หนอ เนื่องจากหนูเป็นคนชอบอ่านหนังสือและชอบฟังการบรรยายมาก บางทีหนูสับสนว่าควรใช้วิธีไหน ก็พยายามทดลองหลายรูปแบบ จนหนูคิดว่าหนูควรถามท่านอาจารย์ซึ่งเป็นผู้รู้ เพื่อที่จะได้แนวทางที่ถูกต้อง และไม่หลงทาง และเสียเวลากับการลองผิดลองถูกคะ

หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้คะ และขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ที่ได้เสียสละเวลาตอบคำถามต่างๆ บนอินเตอร์เนท ซึ่งสำหรับหนูนั้นสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์มากคะ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษห่างไกลจากครูบาอาจารย์ ซึ่งการบรรยายของอาจารย์ ทุกครั้งที่หนูได้ฟังก็จะเกิดกำลังใจอย่างมากในการปฏิบัติคะ สุดท้ายนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงอำนวยพรให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงและได้สืบทอดพระพุทธศาสนาตลอดกาลนานเทอญ


คำตอบ
(1) ใช่

(2) ไม่มากเกินไป

(3) ใช้วิธีไหนก็ได้ที่กำหนดแล้วอาการสั่นหายไปได้จริง ต้องไม่อ่านหนังสือ ทำตัวเองให้เหมือนคนโง่ แล้วทำตามคำชี้แนะนั่นแหละดีที่สุด เพราะมรรคผลแห่งการปฏิบัติจะเกิดขึ้นได้เร็ว

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 39, 40, 41, 42, 43, 44, 45 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร