วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 05:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 75 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 18:41
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตดั่งเพลง เศร้าใจหาย วาเลนไทน์หัวใจร่วงหล่น มองหาไม่เจอหวนคิดอดีตมีเขาร่วมเดินทาง เส้นทางนั้นช่างเปล่าเปลี่ยว เคว้งคว้างสิ้นดี อยากรู้จังถนนชีวิตนี้จะยังต้องเดินอีกยาวไกลเท่าไร เมื่อหัวใจบอบช้ำซะปานนี้ เมื่อนึกถึงเขา คนดีแสนดี คนคนนี้นานเท่าไหร่ ....ใจก็รอ


แก้ไขล่าสุดโดย owi เมื่อ 14 ก.พ. 2010, 21:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 23:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


kaylove เขียน:
ขอบคุณนะค่ะ พี่ทักทาย ที่ส่งความรัก และความห่วงใยมาให้

ตอบเลยค่ะ ว่าพี่ทักทาย ใช่ไหมค่ะ


เก่งมากค่ะ...ทายถูกเสียด้วย

เอาความรัก ความห่วงใย และความคิดถึง ไปอีกสามเข่ง... :b36:

กำลังจะผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้ว....เราก็ก้าวเท้าเข้าไปหา "ความตาย"

กันอีกหนึ่งก้าว ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้เราจะมีโอกาสลืมตาตื่นในตอนเช้าหรือเปล่า?

ออกจากบ้านไปทำงานแล้ว จะมีโอกาสกลับเข้าบ้านมา หรือไม่?

จะมัวหวนไห้ โหยหา กับสิ่งที่มันผ่านไปแล้วทำไม?....ทำวันนี้ให้ดี

เพื่อการเดินทางอันยาวไกลของเราดีกว่านะค่ะ.....น้องเลิฟ..... :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 16:32
โพสต์: 323

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


.......
แอบอ่านเรื่องชาวบ้านเค้า

ตามมารยาท คนเค้าจะพูดว่า เสียใจด้วย

งมงายไม่พูดนะ เพราะรู้อยู่อย่างหนึ่งว่า


เราจะเสียใจ เมื่อคนที่จากไป เป็นคนที่ตนรัก

ยิ่งรักมาก ยิ่งจะทุกข์มาก

เคยได้ยินข่าว คนนั้นตาย คนนี้ตายปะ คงเคยได้ยินแน่นอน

ทำไมเราไม่เสียใจ เพราะเราไม่ได้รัก

ถ้าเราเสียใจกับคนตาย ที่เราไม่ได้รัก เราคงไม่ได้พักผ่อน มันมากเกิน


พูดขัดหูปะ ขออภัย

ค่อย ๆ ปล่อยวาง ความรักไป คนเขาก็ไปแล้ว

คนที่อยู่สำคัญกว่าคนที่ไป

นึกถึงเรื่องครั้งพุทธกาล

ดีมาก ๆ

อ่านดูนะ


ภิกษุณีชื่อ ปฏาจารา

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6788
พ่อแม่ตาย สามีตาย ลูกตาย ภายในวันเดียว




ภิกษุณีชื่อ กีสาโคตมี

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6764

พระนางกีสาโคตมี ก่อนบวช ลูกตายไปหาพระพุทธเจ้าช่วยรักษาให้ พระพุทธเจ้าตรัสว่ามียา

แค่เมล็ดพันธ์ผักกาดเท่า นั้น แต่เป็นเมล็ดที่............


อ่านดูเอง

:b53:

งมงาย

.:b51: :b51: :b51:.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 16:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




0EDDC1F6-8098-41E5-B92B-12D1F84B48B2.jpeg
0EDDC1F6-8098-41E5-B92B-12D1F84B48B2.jpeg [ 49.35 KiB | เปิดดู 5946 ครั้ง ]
kaylove เขียน:
ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ

ผ่านไปวันหนึ่งๆ ชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไปเมื่อไม่มี เขา ข้างกายแล้ว
เสียใจ เหนือยใจ กับคำมาทรมาร มันยังไม่เลื่อนไปแต่น้อยเลยค่ะ
ทนฟังรับกับความจริงไม่ไหวจริงๆ ในโลกใบนี้ไม่มี เขา อยู่จริงใช่ไหม
ไม่มีเขาตลอดกาลแล้วหรอ ตลอดกาลหมายถึงตลอดชีวิตนี้แล้วใช่ไหม
เราไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่ไหม.................


:b53: สวัสดีค่ะ คุณ Kaylove เข้ามาเป็นกำลังใจค่ะ

ภัยในสังสารวัฏ เป็นเขตแดนแห่งมัจจุราช คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตายแล้วไปเกิด แก่ เจ็บตาย วนเวียนอยู่ในภพภูมิต่างๆ
ไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าเราจะนิพพาน เราจึงจะพ้นจากภัยเหล่านี้


ที่เรารู้สึกเป็นทุกข์แสนเข็ญอยู่นั้น เพราะจิตเราปรุงแต่งสิ่งต่างๆ
ให้เกิดเป็นอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์สุขหรือทุกข์ หรือโกรธ หรือ ฯลฯ
เราปรุงแต่งเองในจิตในใจเรา เรานึกเราคิดไปต่างๆ นาๆ มันจึงเกิดอารมณ์นั้นๆ ขึ้นมา


ถ้าเราพยายามไม่คิดอะไรเลยทำใจให้สงบที่สุดไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้วหรือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
ก็ไม่ต้องคิด ให้อยู่กับปัจจุบัน ทำจิตใจให้สงบที่สุด สิ่งปรุงแต่งเหล่านั้นก็จะเข้ามาในจิตใจเราไม่ได้
ปัญหาจริง ๆ มันเกิดขึ้นที่จิตใจของเราแต่ละคน

เราจะคลายทุกข์นั้นได้ถ้าเรารู้เท่าทันอารมณ์ที่มาปรุงแต่งมาหลอกลวง
จิตของคนตามธรรมชาตินั้นไม่มีอะไร เป็นธรรมชาติอยู่เฉยๆ ไม่มีความดีใจเสียใจไม่มีสุขไม่มีทุกข์
ที่มีความดีใจ เสียใจ มีสุข มีทุกข์นั้นเป็นอารมณ์ที่มาหลอกลวง จิตก็หลงไปตามอารมณ์โดยไม่รู้ตัว
แล้วก็เป็นสุขทุกข์ไปตามอารมณ์ เพราะจิตเรายังไม่ได้ฝึก ยังไม่รู้เท่าทัน แล้วเราก็นึกว่าเราเป็นสุข
เป็นทุกข์ หรือสบาย จิตเรานั้นมันมีความสงบอยู่เฉยๆ เหมือนธงชาติ ถ้าไม่มีลมพัดมันก็อยู่เฉยๆของมัน
แต่พอมีลมมาพัดมันก็สะบัดกวัดแกว่งไปตามแรงลม ถ้าจิตไม่หลงอารมณ์รู้จักอารมณ์
จิตก็ไม่กวัดแกว่ง จะสงบไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดนัก จะเป็นอย่างนั้นได้เราก็ต้องฝึกจิต
ค่อย ๆ ฝึกไปเรื่อย เริ่มต้นจากฝึกสติให้อยู่กับปัจจุบัน เอาจิตเอาใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังทำนั้น
ทำสมาธิ สวดมนต์ ฟังเสียงธรรม อ่านหนังสือธรรม หรือหนังสือที่ให้สติให้ข้อคิดต่อชีวิต
หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้กระทบจิตใจ หรือนึกถึงอดีต เวลาก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง

ขอให้จิตสงบตั้งมั่นในเร็ววันนะค่ะ :b37:

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 10:24
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะ

ชีวิตมันยังหายใจอยู่ค่ะ มันต้องเดินต่อไป...

ที่อยู่ได้เพราะได้กำลังใจดีดีค่ะ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2010, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


แวะมาเยี่ยมค่ะน้องเลิฟ
วันนี้ดีกว่าวันก่อนๆไหมค่ะ?
สู้ต่อไป...สักวันก็จะดีเอง..
มีกำลังใจมาฝากนะค่ะ :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 00:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 10:24
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะพี่ทักทาย

สักวันจะดีขึ้นค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 01:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


"กาลเวลาจะกลืนกินทุกสิ่ง แม้กระทั่งตัวเราเอง"

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 10:24
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เกือบ 7เดือนแล้วสิคะ ดีขึ้นมาบ้างคะ ร้องไห้น้อยลง
แต่ยังร้องอยู่บ้าง หวังว่าเวลาจะช่วยให้บางเบาในใจที่ทรมารลงไปบ้าง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2010, 17:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:05
โพสต์: 109

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ kaylove เข้มแข็งมากครับ

ขอให้สู้ ๆ ครับ พวกเราต่างมีทุกข์ มาช่วยกันเพื่อให้รู้จักทุกข์ อยู่กับทุกข์ได้อย่างมีสติ

ปัญหาผมอาจจะหนักคนละแบบกับคุณ แต่เรามาช่วยกันนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2010, 04:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 00:34
โพสต์: 1

แนวปฏิบัติ: สวดมนต์
งานอดิเรก: ฟังเพลง
ชื่อเล่น: หนมถ้วย
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าใจความรู้สึกนะ เราก็เคยสูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รักเหมือนกัน
เรารักกันมาก อย่างน้อยเค้าก็้เป็นคนที่ทำให้เรามีความสุข
แม้ว่าไม่มีเธอเพียงกายแต่ว่าหัวใจเรารวมอยู่ตรงนั้น มันไม่ได้หายไปไหนเลย ถึงจะมีเศร้าบ้างเสียใจบ้าง
อย่างน้อยก็เสียใจให้คนที่เรารักแต่เราก็ต้องอยู่กับปัจจุบันด้วย อีกไม่นานหรอกเราก็คงได้เจอกัน
เป็นกำลังใจให้นะ สู้กับความจิงที่แสนเจ็บ แต่สักวันมันจะต้องดีขึ้นเลยๆ เวลาจะช่วยให้เราคิดถึงคนที่เรารักอย่างไม่เจ็บปวดคับ :b16:

.....................................................
ใช้ทุกวันที่มีเพื่อรักเธอตลอดไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2010, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาไปตามทางของเขาแล้ว...ตามเหตุตามปัจจัยที่เขาได้สร้างมา
สู่ภพภูมิใหม่แล้ว..ทิ้งไว้แต่ให้เรา...ทุกข..เวทนา..อาลัยอาวรณ์อยู่
น้ำตาแห่งความเสียใจ จากการพลัดพรากนี้ ไม่มีใครจะหนีพ้น
เขาทิ้งร่างอันไร้วิญญาน...เสมือนหนึ่งกับท่อนไม้ที่ตายแล้ว..
มันก็เป็นเพียงแต่ ธาตุ..ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาน..ที่มาประชุมกัน..เป็นชีวิต ชีวิตหนึ่ง ซึ่งเราสมมุติกันขึ้นมาว่าเป็น มนุษย์ หรือ คน ...ครับ อยากให้คิดว่า ...ทุกอย่างมันเป็นเพียงสมมุติ พวกเราสมมุติกันขึ้นมาว่า บุคคล สัตว์ สิ่งของ...เป็นชาย-หญิง..ชื่อนั้นชื่อ นี้ สามี-ภรรยา..สีนั้น สีนี้ เป็นแขน ขา ฯลฯ เหล่านี้ มันเป็นเพียงเรื่องสมมุติ
...แม้ตัวของเราเอง...เรายังบังคับไม่ได้เลยครับ...มันจะเจ็บ..มันจะป่วย..หรือจะตาย...มันไม่ได้บอกล่วงหน้า..มันจะแก่..หนังเหี่ยว..หย่อน ยาน..ฯลฯ หล่า นี้ มันบังคับบัญชาให้เป็นไปตามใจเราไม่ได้
กฏ ธรรมชาติ..ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ... อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ปล่อย..อุปาทาน ความยึดมั่น ถือมั่น ว่าเป็นตัวตน ขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน..ปล่อยวางมันลง..มันไม่ใช่เรา
...ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ และเป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรม
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2010, 23:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1012

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาตใช้ post เดิมมา reuse นะครับ (เพื่อเป็นการอนุรักษ์พลังงานในการพิมพ์)

ก่อนอื่น ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ

ทุกท่านในลานฯ (รวมทั้งผมเองด้วยครับ) ผ่านการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักด้วยกันทั้งนั้นนะครับ :b2:

การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือแม้กระทั่งความทุกข์เนื่องมาจากสาเหตุอื่นใดก็ตามนั้น ถือเป็นสภาวะบีบคั้น (ทุกขัง) ที่มาจากการกระทบภายนอก ซึ่งมีเหตุปัจจัย และกระบวนการเกิดต่างกันไปในแต่ละคน แต่ละเคส

แต่เมื่อการกระทบภายนอกนั้น กระแทกเข้ามาจนเกิดทุกข์ภายในแล้ว ต่างมีเหตุปัจจัย และกระบวนการเกิด เหมือนกันหมดทุกคน (ปฏิจสมุปบาท)

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สอนให้เราเข้มแข็งและแก้ไขทุกข์ด้วยปัญญานะครับ พระพุทธเจ้าถึงทรงสอนไว้ว่า กิจที่ควรปฏิบัติในทุกข์นั้นคือ ให้รู้เข้าไปตรงๆ (ทุกข์ให้รู้) ไม่ใช่ให้หนีหรือละ แต่สิ่งที่ควรละคือ เหตุแห่งทุกข์ (สมุทัยให้ละ) โดยวิธีที่จะใช้ละเหตุ ก็คือมรรค (มรรคให้เจริญ) แล้วเมื่อทุกข์หมดเหตุ ทุกข์จะดับให้เห็นเอง แล้วความเบิกบานเนื่องมาจากทุกข์ดับ จะตามมา (นิโรธให้แจ้ง)

ถ้าจะขยายความให้ละเอียดขึ้นสักหน่อย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเป็นทุกข์เนื่องจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป :b2:

1) ให้ใช้สติและสมาธิที่ตั้งมั่น (มรรคให้เจริญ)

2) ดูตรงๆเข้าไปที่สภาวะทุกข์ คือความคร่ำครวญ สะอื้นร่ำไห้ แน่นในหัวอก (ทุกข์ให้รู้)

3) โดยไม่วกเข้าไปดูเหตุที่ทำให้ทุกข์ คือ อย่าไปจดจ่ออยู่กับภาพความทรงจำเก่าๆที่ผุดขึ้นมา (สมุทัยให้ละ)

4) ถ้ามีสติและสมาธิที่ตั้งมั่นจดจ่อต่อเนื่อง ตามดูสภาวะแห่งทุกข์ได้นานพอที่จะไม่แว๊บไปคำนึงถึงเหตุ จะเห็นสภาวะทุกข์ คือความคร่ำครวญ สะอื้นร่ำไห้ แน่นในหัวอก ดับไปได้เองเพราะหมดเหตุตามลักษณะสามัญของเขา จิตจะเป็นกลาง เบิกบาน (นิโรธให้แจ้ง) ควรค่าแก่การใช้งานเพื่อคิดแก้ไขปัญหาที่มาจากภายนอกโดยไม่เจือไปด้วยกิเลสคือความอยากให้เขากลับมา (ภวตัณหา) ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความโศกเศร้า คร่ำครวญ ความหมดหวังท้อแท้เป็นทุกข์ (โลภะ + โทสะ + โมหะ)

หัดแรกๆอาจจะดูยากหน่อยนะครับ สภาวะที่จิตเป็นกลางและเบิกบานจะมาเพียงแวบเดียวแล้วหายไป เพราะจิตเจ้ากรรมชอบกลับไปจมแช่อยู่กับเหตุ คือยังไปจดจ่อครวญคร่ำอยู่กับภาพความทรงจำเก่าๆที่ผุดขึ้นมา มากกว่ามีสมาธิจดจ่อตามรู้แต่ในสภาวะทุกข์ ทำให้ทุกข์ไม่ดับให้เห็นเพราะเหตุไม่ดับ แถมยังจะทับถมทวีเพราะจิตไม่ยอมปล่อยเหตุ

มีความเพียรเจริญสติด้วยวิธีนี้ไปเรื่อยๆ (หลวงพ่อบางองค์ท่านบอกให้ดูเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้านครั้งนะครับ ชาตินี้ดูไม่พอ ให้ตามไปดูต่อในชาติหน้า หรือเราเองในชาตินี้อาจจะดูมาในชาติก่อนๆสะสมแต้มเป็นแสนเป็นล้านครั้งแล้วก็ได้น๊ะ :b16: สะสมแต้มอีกนิดเดียวก็อาจจะหลุดพ้นได้ในชาตินี้ก็ได้ :b12: ) สุดท้าย เมื่อจิตรู้ในตัวสภาวะทุกข์ได้ไว ก็จะเห็นการดับได้ไว ระยะที่จิตจับทุกข์ก็จะสั้นลง ๆ จนกระทั่งจิตไม่เข้าไปจับกับสภาวะนั้นเองเพราะมีปัญญารู้ว่าเป็นของร้อนซะแล้ว

ปล. แต่ถ้าสถานการณ์ภายในใจของเรายังไม่เอื้อให้เจริญสติแก้ทุกข์ด้วยปัญญาได้ ก็ต้องออกไปตั้งหลักหาทางแก้ด้วยวิธีอื่นที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำด้วยเหมือนกันก่อนนะครับ เช่น ใช้วิธีกดข่มทำใจ หรือ หาทางทำใจให้สุขและสงบ ได้แก่ ทำบุญแผ่เมตตา สวดมนต์นั่งสมาธิ ออกไปเที่ยวเข้าวัดเข้าวา เลิกคิดถึงแต่ภาพเก่าๆให้ได้เสียก่อน จิตถึงจะมีกำลังตั้งมั่นไม่ไหลตามการปรุงแต่งพอที่จะทวนเข้ามาดูสภาวะตรงๆให้เกิดปัญญาที่รู้เท่าทันโลกธรรม (อ่านว่า "โลก - กระทำ" :b16: ) ทั้งหลาย และปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาภายนอกได้ (สุขเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ + สมาธิเป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา)

เข้มแข็ง เข้มแข็ง

แล้วมันก็จะผ่านไป (อนิจจัง)

เจริญในธรรมครับ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย วิสุทธิปาละ เมื่อ 15 ส.ค. 2010, 23:57, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 00:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กำลังจะหมดไปอีกหนึ่งปีแล้ว
ดีขึ้นบ้างหรือยังค่ะ? ไม่เห็นเข้ามาสนทนากันบ้างเลย
ยังเป็นห่วง และมาส่งกำลังใจให้นะค่ะน้องเลิฟ :b12:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 18:41
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ค่ะ เหตุการณ์กำลังจะผ่านไป 1 ปีแล้ว ชีวิตคนเรามันก็เท่านี้จริงๆ ไม่มีใครกำหนดได้ ทุกสิ่งทุกสิ่งเป็นของไม่เที่ยง ยกเว้น ความตาย เท่านั้น ที่เที่ยงแท้ จิตใจคนเราก็โลเล ลมพัดลมเพ ตามคลื่นที่มากระทบ ต้องควบคุมจิตกันอยู่ทุกขณะ กระนั้นก็ยังไม่วาย แอบแว่บไปคิดถึงอดีตที่ผ่านมา ก็ทำให้ชื่นใจ แต่เมื่อมาอยู่ในจิตปัจจุบัน ไม่มีเขาอยู่บนโลกนี้แล้ว ชีวิตมันเป็นเช่นนี้หนอ เมื่อเจอกับสิ่งที่ทำให้เราเกิดทุกข์ จึงต้องหาหนทางเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ตอนนี้ก็กำลังปฎิบัติอยู่ค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 75 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร