วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 18:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 06:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


อรรถกถามันธาตุราชชาดกที่ ๘

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุผู้กระสันจะสึกรูปหนึ่ง จึงตรัสเรืองนี้ มีคำเริ่มต้นว่า ยาวตาจนฺทิมสุริยา ดังนี้

ได้ยินว่ามีภิกษุรูปนั้นเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถีเห็น
สตรีผู้หนึ่งตกแต่งประดับประดาสวยงามจึงเกิดความกระสันรัญจวนใจ

ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายจึงนำภิกษุรูปนั้นมายังธรรมสภาวะแล้ว
แสดงแก่พระศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญภิกษุนี้กระสันอยาก
จะสึกพระเจ้าข้า พระศาสดาตรัสถามว่าได้ยินว่าเธอกระสัน
อยากจะสึกจริงหรือภิกษุ เมื่อภิกษุนั้นทูลรับว่า จริงพระเจ้าข้า

จึงตรัสว่าดูก่อนภิกษุเมื่อเธออยู่ครองเรือนจักอาจทำตัณหาให้เต็ม
ได้เมื่อไรเพราะขึ้นชื่อว่ากามตัณหานี้เต็มได้ยากประดุจมหาสมุทร
ด้วยว่าโปราณกบัณฑิตทั้งหลายครองราชย์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ในมหาทวีปทั้ง ๔ มีทวีปน้อย ๒๐,๐๐๐ เป็นบริวาร

ได้ครองราชย์ในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกามีมนุษย์เป็นบริวารเท่านั้น
ทั้งครองเทวราชสมบัติในสถานที่ประทับอยู่ของท้าวสักกะ ๓๖ พระองค์ใน
เทวโลกชั้นดาวดึงส์ไม่สามารถเลยที่จะทำกามตัณหาของตนให้เต็ม
ก็ได้ทำกาลกิริยาตายไปก็เธอเล่าเมื่อไรอาจทำกามตัณหานั้นให้เต็มได้แล้ว
ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 06:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


ในอดีตกาลครั้งปฐมกัปได้มีพระราชาพระนามว่าพระ
เจ้ามหาสมมตราชิโอรสของพระองค์พระนามว่าโรชะ โอรสของ
พระเจ้าโรชะพระนามว่าวรโรชะโอรสของพระเจ้าวรโรชะ
พระนามว่ากัลยาณะโอรสของพระเจ้ากัลยาณะพระนามว่า วรกัลยาณะ

โอรสของพระเจ้าวรกัลยาณะพระนามว่าอุโปสถ
โอรสของพระเจ้าอุโปสถ พระนามว่า วรอุโปสถ. โอรสของพระ
เจ้าวรอุโปสถ ได้มีพระนามว่า มันธาตุ พระเจ้ามันธาตุนั้นทรง
ประกอบด้วยรัตนะ ๗ และอิทธิฤทธิ์ ๔ ครองราชย์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

ในเวลาที่พระองค์ทรงคู้พระหัตถ์ซ้ายปรบด้วยพระหัตถ์ขวา
ฝนรัตนะ ๗ ก็ตกลงมาประมาณเข่า ดุจเมฆฝนทิพย์ในอากาศ พระ-
เจ้ามันธาตุได้เป็นมนุษย์อัศจรรย์เห็นปานนี้. ก็พระเจ้ามันธาตุนั้น

ทรงเล่นเป็นเด็กอยู่แปดหมื่นสี่พันปี ทรงครองความเป็นอุปราชอยู่
แปดหมื่นสี่พันปี ทรงครองราชย์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิแปดหมื่นสี่
พันปี. ก็พระองค์ทรงมีพระชนมายุหนึ่งอสงไขย.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 06:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้พระเจ้ามันธาตุนั้นไม่สามารถทำกามตัณหาให้เต็มได้ จึงทรงแสดง
อาการมสระอาพระทัย. อำมาตย์ทั้งหลายทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพพระองค์
ทรงระอาเพราะเหตุไร ? พระเจ้ามันธาตุตรัสว่า เมื่อเรามองเห็น
กำลังบุญของเราอยู่ ราชสมบัตินี้จักทำอะไรได้ ถามที่ไหนหนอ

จึงจะน่ารื่นรมย์. อำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช เทว
โลกน่ารื่นรมย์ พระเจ้าข้า. ท้าวเธอจึงทรงพุ่งจักรรัตนะไปยังเทว-
โลกชั้นจาตุมมหาราชิกาพร้อมด้วยบริษัท. ลำดับนั้น ท้าวมหาราช
ทั้ง ๔ ทรงถือดอกไม้และของหอมอันเป็นทิพย์ ห้อมล้อมด้วยหมู่เทพ

กระทำการต้อนรับ นำพระเจ้ามันธาตุนั้นไปยังเทวโลกชั้นจาตุมมหา-
ราชิกา ได้ถวายราชสมบัติในเทวโลก. เมื่อพระเจ้ามันธาตุนั้นห้อม
ล้อมด้วยบริษัทของพระองค์ครองราชสมบัติอยู่ในชั้นจาตุมมหาราชิกา
นั้น กาลเวลาล่วงไปช้านาน พระองค์ไม่สามารถทำตัณหาให้เต็มใน
ชั้นจาตุมมหาราชิกานั้นได้ จึงทรงแสดงอาการเบื่อระอา,

ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จึงทูลถามว่า ข้าแต่มหาราช พระองค์ทรงเบื่อระอา
เพราะอะไรหนอ. พระเจ้ามันธาตุตรัสว่า จากเทวโลกนี้ ที่ไหนน่ารื่นรมย์
กว่า. ท้าวมหาราชทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ พวกข้าพระองค์

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นบริษัทผู้คอยอุปัฏฐากผู้อื่น ขึ้นชื่อว่าเทวโลกชั้นดาวดึงส์น่ารื่นรมย์
พระเจ้ามันธาตุจึงพุ่งจักรรัตนะออกไป ห้อมล้อมด้วยบริษัทของพระ- องค์ บ่ายหน้าไปยังภพดาวดึงส์

ลำดับนั้นท้าวสักกะเทวราชทรง ถือดอกไม้และของหอมทิพย์ห้อมล้อมด้วยหมู่เทพ ทรงทำการต้อนรับ
รับพระเจ้ามันธาตุนั้น ทรงจับพระองค์ที่พระหัตถ์แล้วตรัสว่า ข้าแต่ มหาราช ขอพระองค์จงเสด็จมาทางนี้.
ในเวลาที่พระราชาอันหมู่ เทพห้อมล้อมเสด็จไป ปริณายกขุนพลพาจักรแก้วลงมายังถิ่นมนุษย์

พร้อมกับบริษัท เข้าไปเฉพาะยังนครของตน ๆ. ท้าวสักกะทรงน า พระเจ้ามันธาตุไป
ยังภพดาวดึงส์ทรงท าเทวดาให้เป็น ๒ ส่วน ทรง แบ่งเทวราชสมบัติของพระองค์กึ่ง
หนึ่งถวายพระเจ้ามันธาตุ. ตั้งแต่ นั้นมาพระราชา ๒ พระองค์ทรงครองราชสมบัติ (ในภพดาวดึงส์ นั้น).

เมื่อกาลเวลาล่วงไปด้วยประการอย่างนี้ ท้าวสักกะทรงให้ พระชนมายุสิ้นไปสาม
โกฏิหกหมื่นปีก็จุติ. ท้าวสักกะพระองค์อื่นก็มา บังเกิดแทน. แม้ท้าวสักกะพระองค์นั้น
ก็ครองราชสมบัติในเทวโลก แล้วก็จุติไป โดยสิ้นพระชนมายุ. โดยอุบายนี้ ท้าวสักกะถึง ๓๖ จุติไปแล้ว

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนพระเจ้ามันธาตุยังคงครองราชสมบัติใน เทวโลกโดยร่างกายของมนุษย์นั่นเอง.
เมื่อเวลาล่วงไปด้วยประการ อย่างนี้ กามตัณหาก็ยังเกิดขึ้นแก่พระองค์โดยเหลือ
ประมาณยิ่งขึ้น พระองค์จึงทรงด าริว่า เราจะได้ประโยชน์อะไรด้วยราชสมบัติในเทว- โลกกึ่งหนึ่ง

เราจักฆ่าท้าวสักกะเสีย ครองราชสมบัติในเทวโลกคน เดียวเถิด. ท้าวเธอไม่อาจฆ่าท้าวสักกะได้.
ก็ตัณหาคือความอยากนี้ เป็นมูลรากของความวิบัติ. ด้วยเหตุนั้น อายุสังขารของท้าว
เธอจึง เสื่อมไป ความชราก็เบียดเบียนพระองค์. ก็ธรรมดาร่างกายมนุษย์ ย่อมไม่แตกดับในเทวโลก.
ลำดับนั้น พระเจ้ามันธาตุนั้นจึงพลัดจาก เทวโลกตกลงในพระราชอุทยาน. พนักงาน
ผู้รักษาพระราชอุทยาน จึงกราบทูลความที่พระเจ้ามันธาตุนั้นเสด็จมาให้ราชตระกูลทราบ

ราชตระกูลเสด็จมา พากันปูลาดที่บรรทมในพระราชอุทยานนั่นเอง พระราชาทรง
บรรทมโดยอนุฏฐานไสยาศน์ อ ามาตย์ทั้งหลายทูลถาม ว่า ขอเดชะ ข้าพระองค์ทั้ง
วหลาย จะกล่าวว่าอย่างไร เฉพาะพระ- พักตร์ขอพระองค์ พระเจ้าข้า. พระเจ้ามันธาตุตรัสว่า
ท่านทั้งหลาย ถึงบอกข่าวสาสน์นี้แก่มหาชนว่า พระเจ้ามันธาตุมหาราชครองราช- สมบัติ
เป็นพระเจ้าจักรพรรดิในมหาทวีปทั้ง ๔ มีทวีปน้อยสองพันเป็นบริวาร

ครองราชสมบัติในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาตลอดกาลนาน แล้วได้ครอง
ราชสมบัติในเทวโลกตามปริมาณพระชนมายุของท้าว- สักกะถึง ๓๖ องค์
ยังทำตัณหาคือความอยากให้เต็มไม่ได้เลย ได้ สวรรคตไปแล้ว ครั้นพระองค์
ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สวรรคตเสด็จไปตาม ยถากรรม.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


พระศาสดาครั้นทรงน าพระธรรมเทศนานี้มาแล้วเป็นผู้ตรัสรู้ยิ่ง
แล้วได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-

พระจันทร์ พระอาทิตย์ ( ย่อมเวียน รอบเขาสิเนรุราช )
ส่องรัศมีสว่างไสวไปทั่ว ทิศโดยที่มีกำหนดเท่าใด สัตว์ทั้งหลายที่
อาศัยแผ่นดินอยู่ในที่มีกำหนดเท่านั้น ล้วน เป็นทาสของพระเจ้ามันธาตุราชทั้งสิ้น.

ความ อิ่มในกามทั้งหลายย่อมไม่มี เพราะฝนคือ กหาปณะ กามทั้งหลายมี
ความยินดีน้อย มี ทุกข์มาก บัณฑิตย่อมรู้ชัดอย่างนี้. ภิกษุผู้ เป็นสาวกของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อม ไม่ถึงความยินดีในกามทั้งหลาย แม้ที่เป็น
ทิพย์ เป็นผู้ยินดีในความสิ้นไปแห่งตัณหา.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยาวตา เป็นคำกล่าวถึงก าหนด เขต. บทว่า ปริหรนฺติ ความว่า
ย่อมหมุนเวียนเขาพระสิเนรุ โดย กำหนดมีประมาณเท่าใด. บทว่า ทิสา ภนฺติ ความว่า
ย่อมส่อง สว่างในทิศทั้งสิบ. บทว่า วิโรจนา ความว่า ชื่อว่า มีสภาพสว่าง ไสว เพราะกระทำ
ความสว่าง. บทว่า สพฺเพว ทาสา มนุธาตุ เย ปาณา ป วิสฺสิตา

ความว่า ก็สัตว์ทั้งหลาย คือหมู่มนุษย์ ชาวชนบทเหล่าใด ผู้อาศัยแผ่นดินอยู่ใน
ประเทศมีประมาณเท่านี้ สัตว์ เหล่านั้นทั้งหมดเมื่อเข้าไปเฝ้าด้วยคิดอย่างนี้ว่า พวก
เราเป็นทาสของ พระเจ้ามันธาตุ พระเจ้ามันธาตุเป็นปู่ของพวกเรา แม้เป็นไท ก็ ชื่อว่า
เป็นทาสเหมือนกัน. ในบทว่า น กหาปณวสฺเสน นี้ พระ- เจ้ามันธาตุทรงประพระหัตถ์

ทำให้ฝนคือรัตนะ ๗ อันใดตกลงมา เพื่อ ทรงสงเคราะห์พวกหมู่มนุษย์ผู้เป็นทาส
เหล่านั้น ฝนคือรัตนะ ๗ นั้น ท่านเรียกว่า ฝนคือกหาปณะในพระคาถานี้. บทว่า ติตฺติ
เมสุ ความว่า ขึ้นชื่อว่าความอิ่มในวัตถุกามสละกิเลสกามทั้งหลาย เพราะ ฝนคือ
กหาปณะแม้นั้น ย่อมไม่มี ตัณหานั้นท าให้เต็มได้ยากอย่างนี้.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


บทว่า อปฺปสฺสาทา ทุกฺขา กามา ความว่า ขึ้นชื่อว่ากามทั้งหลาย
เปรียบเหมือนความฝัน มีความยินดีน้อย คือมีความสุขน้อย ก็ใน
กามนี้มีแต่ทุกข์เท่านั้น มากมาย ทุกข์นั้นพึงแสดงโดยกระบวนแห่ง
ทุกขักขันธสูตร. บทว่า อิติ วิญฺาย ได้แก่ ก าหนดรู้อย่างนี้.

บทว่า ทิพฺเพสุ ได้แก่ ในอารมณ์ทั้งหลายมีรูปเป็นต้น อันเป็น
เครื่องบริโภคของเทวดาทั้งหลาย. บทว่า รตึ โส ความว่า ภิกษุ
ผู้เห็นแจ้งนั้น แม้ถูกเชื้อเชิญด้วยกามทั้งหลายอันเป็นทิพย์ ก็ย่อม
ไม่ถึงความยินดีในกามเหล่านั้น เหมือนท่านพระสมิทธิ. บทว่า
ตณฺหกฺขยรโต ได้แก่ ผู้ยินดีแล้วในพระนิพพาน. จริงอยู่ ตัณหา
มาถึงพระนิพพานย่อมหมดสิ้นไป เพราะฉะนั้น พระนิพพานนั้น

ท่านจึงเรียกว่า ตัณหักขยะ ธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา เป็นผู้ยินดีแล้ว
ยินดียิ่งแล้วในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหานั้น. บทว่า สมฺมาสมฺพุทฺธ-
สาวโก ความว่า ชื่อว่าสัมมาสัมพุทธะ เพราะตรัสรู้สัจจะโดยชอบ
ด้วยพระองค์เอง ชื่อว่าสาวก เพราะเกิดในที่สุดแห่งการสดับฟัง
คือเป็นโยคาวจรบุคคลผู้ใดสดับตรับฟังมาก.

พระศาสดาครั้นทรงน าพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศ
สัจจะ ๔ แล้วทรงประชุมชาดก. ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันจะ
สึกตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล คนเป็นอันมากแม้เหล่าอื่นก็ได้บรรลุโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น. พระเจ้ามันธาตุมหาราชในกาลนั้น คือเราตถาคต ฉะนี้แล.

จบ อรรถกถาสัมธาตุราชชาดกที่ ๘


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร