วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ย. 2025, 02:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 97, 98, 99, 100, 101, 102, 103 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 12:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เออก็การอยู่ร่วมกันกับท่านนี้ พึงมีสุขเป็นกำไร
หนอ และขอท่านอนุญาต แก่ข้าพเจ้าทั้งสองเถิด แล
ขอท่านพึงให้ชีวิตแก่ข้าพเจ้าทั้งสองด้วยเถิด.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปิ นายํ ตัดบทเป็น อปิ นุ อยํ

บทว่า สุขุทรโย คือมีผลเป็นสุข. บทว่า อปิ โน อนุมญญาสิ ความว่า
ขอท่านพึงอนุญาตให้ข้าพเจ้าทั้งสองกลับไปยังภูเขาจิตตกูฏเพื่อเยี่ยมญาติทั้งหลาย
เถิด. บทว่า อปิ ชีวิตํ ทเท ความว่า อนึ่ง ท่านมีความคุ้นเคยบังเกิด
แล้วด้วยถ้อยคำนี้ จึงอย่าพึงฆ่าข้าพเจ้าทั้งสองเสียเลย.
นายพรานถูกตรึงด้วยถ้อยคำอันอ่อนหวานของสุมุขหงส์นั้น จึงกล่าว
คาถาว่า

เรามิได้ผูกท่านไว้ และไม่ปรารถนาจะฆ่าท่าน
เชิญท่านรีบไปจากที่นี้ตามความปรารถนา แล้วจงอยู่
เป็นสุขตลอดกาลนานเถิด.
ลำดับนั้น สุมุขหงส์จึงกล่าวคาถา ๔ คาถาว่า

ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ โดยเว้นจาก
ชีวิตของพญาหงส์นี้ ถ้าท่านยินดีเพียงตัวเดียว ขอ
ให้ท่านปล่อยพญาหงส์นี้ และจงกินข้าพเจ้า ข้าพเจ้า
ทั้งสองเป็นผู้เสมอกัน ด้วยรูปทรงสัณฐานและวัย
ท่านไม่เสื่อมแล้วจากลาภ ขอท่านจงเปลี่ยนข้าพเจ้า

กับพญาหงส์นี้เถิด เชิญท่านพิจารณาดูในข้าพเจ้า
ทั้งสอง เมื่อท่านมีความปรารถนาเฉพาะตัวเดียว จง
เอาบ่วงผูกข้าพเจ้าไว้ก่อน จงปล่อยพญาหงส์ใน
ภายหลัง ถ้าท่านทำตามที่ข้าพเจ้าขอร้อง ลาภของท่าน
ก็คงมีประมาณเท่านั้นเหมือนกัน ทั้งท่านจะได้เป็น
มิตรกับฝูงหงส์ธตรฐจนตลอดชีวิตด้วย.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 12:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอตํ ความว่า ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาความ
เป็นอยู่ของข้าพเจ้าโดยปราศจากชีวิตของพญาหงส์นี้เลย. บทว่า ตุลยสมา
ได้แก่ ข้าพเจ้าทั้งสองย่อมเป็นผู้สม่ำเสมอกัน. บทว่า นิมิมา ตุวํ คือ
ท่านจงแลกเปลี่ยนตัวกันเสียเถิด. บทว่า ตวสมสุ ความว่า สุมุขหงส์นั้น

กล่าวว่า ท่านมีความปรารถนาในข้าพเจ้าทั้งสอง ท่านจะมีประโยชน์อะไร
ด้วยพญาหงส์นี้ จงยังความโลภให้เกิดในข้าพเจ้า บทว่า ตาวเทว คือ
เพียงเท่านั้นแล. บทว่า ยาจนาย จ ได้แก่ คำขอร้องของข้าพเจ้าอันใด
ขอท่านพึงกระทำตามคำขอร้องนั้นเถิด.

นายพรานก็มีใจอ่อนลงอีก เพราะการแสดงธรรมนั้น ประดุจปุยนุ่น
ที่เขาใส่ลงในน้ำมัน ฉะนั้น เมื่อจะยกพระมหาสัตว์ให้เป็นรางวัลแก่สุมุขหงส์
นั้น จึงกล่าวเป็นคาถาว่า

มิตร อำมาตย์ ทาส ทาสี บุตร ภรรยา และ
พวกพ้องหมู่ใหญ่ทั้งหลาย จงดูพญาหงส์ธตรฐ
พ้นจากที่นี้ไปได้เพราะท่าน บรรดามิตรทั้งหลายเป็น
อันมาก มิตรเช่นท่านนั้นหามีในโลกนี้ เหมือนท่าน
ผู้เป็นเพื่อนร่วมชีวิต ของพญาหงส์ธตรฐไม่ เรา
ยอมปล่อยสหายของท่าน พญาหงส์จงบินตามท่าน

ไปเถิด ท่านทั้งสองจงรีบไปจากที่นี้ตามความปรารถนา
จงรุ่งเรืองอยู่ในท่ามกลางหมู่ญาติเถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โน เป็นเพียงนิบาต. บทว่า ตยา มุตตํ
ความว่า จริงอยู่ ท่านตัวเดียวชื่อว่า ย่อมปล่อยพญาหงส์นี้ เพราะฉะนั้น หมู่
ญาติอันใหญ่ทั้งหลาย และเป็นมิตรกันเหล่านี้ จงดูพญาหงส์นี้ที่ท่านปล่อย
แล้ว จึงไปสู่ภูเขาจิตตกูฏจากที่นี้. คำว่า พวกพ้อง ในคาถานี้ หมายเอา

บุคคลที่เกี่ยวข้องกันทางสายโลหิตอันเดียวกัน. บทว่า วิชชเร คือ ไม่เคยมี.
บทว่า ปาณสาธารโณ คือ มีชีวิตร่วมกัน มีชีวิตที่แยกออกจากกันไม่ได้.
อธิบายว่า ท่านเป็นสหายของพญาหงส์นี้ด้วยประการใด แม้ชนทั้งหลายมาก
ด้วยกันเหล่าอื่น ชนที่ชื่อว่าเป็นมิตรเช่นท่านนี้ ย่อมไม่มีด้วยประการนั้น.
บทว่า ตวานุโค ความว่า ท่านจงพาพญาหงส์ซึ่งกำลังได้รับความลำบากนี้
บินไปข้างหน้า พญาหงส์นี้จงบินติดตามท่านไปข้างหลังเถิด.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บุตรของนายพราน ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงเดินเข้าไปใกล้พระ-
มหาสัตว์ด้วยจิตอันประกอบด้วยเมตตา ตัดบ่วงออกแล้วสวมกอดอุ้มออกจาก
สระ ให้จับอยู่ที่พื้นหญ้าแพรกอ่อนใกล้ขอบสระ ค่อย ๆ แก้บ่วงที่รัดเท้าออก
ด้วยจิตอันอ่อนโยน ขว้างทิ้งเสียในที่ไกล เกิดมีความรักใคร่ในพระมหาสัตว์
อย่างเหลือกำลัง จึงไปตักน้ำมาล้างเลือดให้แล้ว ลูบคลำอยู่บ่อย ๆ ด้วยเมตตา

จิต. ด้วยอานุภาพแห่งเมตตาจิตของบุตรนายพรานนั้น เอ็นกับเอ็น เนื้อกับเนื้อ
หนังกับหนังที่เท้าของพระโพธิสัตว์ก็ติดสนิทหายเป็นปกติดีอย่างเดิมในขณะนั้น
ทีเดียว ข้อเท้าของพระมหาสัตว์ก็งอกขึ้นเต็ม มีผิวงดงามผ่องใส มีขนงอกงาม
เกิดขึ้นเหมือนอย่างเดิมเหมือนกับเท้าไม่เคยถูกบ่วงรัดมาแต่ก่อนเลย. พระ

โพธิสัตว์ได้รับความสุขอยู่โดยความเป็นปกติทีเดียว ลำดับนั้น สุมุขหงส์ได้
ทราบว่า พระมหาสัตว์มีความสุขสบายเพราะอาศัยตน ก็เกิดความโสมนัสยินดี
ได้กระทำการชมเชยนายพรานแล้ว.
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า

สุมุขหงส์มีความเคารพนาย มีความปลื้มใจ
เพราะพญาหงส์เป็นนายหลุดพ้นจากบ่วง เมื่อจะ
กล่าววาจาอันรื่นหูได้กล่าวว่า ดูก่อนนายพราน ขอให้
ท่านพร้อมด้วยหมู่ญาติทั้งปวงจงเบิกบานใจเหมือน
ข้าพเจ้าเบิกบานใจในวันนี้ เพราะได้เห็นพญาหงส์
พ้นจากบ่วง ฉะนั้น

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วงกงโค ได้แก่ น้อมคอลงเคารพ
บทว่า เอวํ ลุทฺทก ความว่า สุมุขหงส์กระทำความชมเชยนายพรานอย่างนี้
แล้ว ได้ทูลพระโพธิสัตว์ว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า นายพรานนี้กระทำอุปการะ
อย่างใหญ่แก่เราทั้งสอง ด้วยว่า นายพรานนี้ไม่กระทำตามคำของข้าพระองค์แล้ว

กระทำเราทั้งสองไว้ในหงส์กีฬาแล้ว ให้แก่อิสรชนทั้งหลาย จึงจะพึงได้รับ
ทรัพย์เป็นอันมาก หรือว่าฆ่าเราทั้งสองเสียแล้วเอาเนื้อขาย ก็ย่อมได้รับทรัพย์
เป็นอันมากเหมือนกัน แต่เขามิได้เห็นแก่ชีวิตของตัว จึงได้กระทำตามคำของ
ข้าพระองค์ เราทั้งสองควรนำนายพรานไปยังสำนักของพระราชา แล้วกระทำ
ชีวิตของเขาให้เป็นสุข. พระมหาสัตว์ก็เห็นด้วย สุมุขหงส์ กล่าวกับพระมหา-


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สัตว์ด้วยภาษาของตนแล้ว จึงเรียกบุตรนายพรานมาถามด้วยภาษาของมนุษย์อีก
ว่า แน่ะสหาย ท่านดักบ่วงเพื่ออะไร เมื่อได้รับคำตอบว่า เพื่อต้องการทรัพย์
จึงกล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านจงพาเราทั้งสองเข้าไปยังพระนครแล้วแสดง
แก่พระราชา ข้าพเจ้าทั้งสองจักยังพระราชาให้พระราชทานทรัพย์เป็นจำนวน
มากแก่ท่าน แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า

เชิญท่านมานี่เถิด เราจักบอกท่านถึงวิธีที่ท่าน
จักได้ทรัพย์ เป็นลาภของท่าน พญาหงส์ธตรฐนี้
ย่อมไม่มุ่งร้ายอะไร ๆ ท่านจงรีบไปภายในบุรี จง
แสดงข้าพเจ้าทั้งสองซึ่งไม่ติดบ่วง เป็นอยู่ตามปกติ จับ
อยู่ที่กระเช้าทั้งสองข้าง แก่พระราชาว่า ข้าแต่พระ-

มหาราชเจ้า หงส์ธตรฐทั้งสองนี้เป็นอธิบดีแห่งหงส์ทั้ง
หลาย เพราะว่าหงส์ตัวนี้เป็นราชาของหงส์ทั้งหลาย
ส่วนหงส์ตัวนี้เป็นอัครมหาเสนาบดี พระราชาจอม
ประชาชนทอดพระเนตรเห็นพญาหงส์นี้แล้ว ก็จะ
ทรงปลาบปลื้มพระหฤทัย จักพระราชทานทรัพย์เป็น
อันมาก แก่ท่านโดยไม่ต้องสงสัย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนุสิกขามิ แปลว่า แนะนำ บทว่า
ปาปํ คือ ลามก บทว่า รญโญ ทสเสหิ โน อุโภ ความว่า ท่านจงแสดง
ข้าพเจ้าแม้ทั้งสองนี้แด่พระราชา สุมุขหงส์กล่าวอย่างนี้ด้วยเหตุ ๔ ประการ
คือ แสดงอานุภาพแห่งปัญญาพระโพธิสัตว์ ๑ เพื่อยังมิตรธรรมของตนให้

ปรากฏแจ่มแจ้ง ๑ เพื่อให้นายพรานได้ทรัพย์ ๑ เพื่อยังพระราชาให้ตั้งอยู่ใน
ศีล ๑. บทว่า ธตรฏฐา ความว่า ก็แลครั้นท่านนำข้าพเจ้าทั้งสองไปแล้ว
จงกราบทูลแด่พระราชาอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า หงส์ตัวนี้เป็นอธิบดีของ
หงส์ทั้งหลาย ทั้งสองนี้เกิดในตระกูลธตรฐ บรรดาหงส์ทั้งสองตัวเหล่านี้ ตัว


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 12:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
นี้เป็นพระราชา ตัวนอกนี้เป็นเสนาบดี ท่านจงยังพระราชานั้นให้สำเหนียกรู้
ด้วยประการฉะนั้น. คำแม้ทั้ง ๓ มีคำว่า ปติโต ดังนี้เป็นต้น เป็นคำที่แสดง
อาการดีพระทัยทีเดียว.

เมื่อสุมุขหงส์กล่าวอย่างนี้แล้ว นายพรานจึงกล่าวว่า ข้าแต่นาย ท่าน
ทั้งสองอย่าได้ชอบใจการเข้าไปเฝ้าพระราชาเลย ธรรมดาว่า พระราชาทั้งหลาย
มีพระทัยกลับกลอก พึงกระทำท่านไว้ในหังสกีฬา หรือมิฉะนั้นก็จะฆ่าท่านทั้ง
สองเสีย เมื่อสุมุขหงส์กล่าวว่า ดูก่อนสหาย ท่านอย่ากลัวเลย แม้บุคคลที่มีน้ำใจ
เหี้ยมโหดเป็นนายพราน มีฝ่ามือเปื้อนเลือดเช่นอย่างท่าน ข้าพเจ้ายังทำให้ใจ

อ่อนลงแล้วหมอบอยู่แทบเท้าทั้ง ๒ ของข้าพเจ้าได้ด้วยธรรมกถา ธรรมดาว่า
พระราชาทั้งหลาย เป็นผู้มีพระปัญญาและมีบุญย่อมทรงรู้จักด้วยถ้อยคำอันเป็น
พุทธภาษิต ขอท่านจงรีบนำข้าพเจ้าทั้งสองไปแสดงแก่พระราชาเถิด จึงกล่าว
ว่า ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งสองอย่าโกรธเรานะ เราจะนำไปตามความประสงค์ของ

ท่านทั้งสองเท่านั้น แล้วจึงอุ้มสุวรรณหงส์ทั้งสอง ใส่ลงในกระเช้านำไปยัง
ราชตระกูลแสดงแก่พระราชา เมื่อพระราชาตรัสถามก็กราบทูลเรื่องราวตาม
ความเป็นจริงให้ทรงทราบทุกประการ.
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า

นายพรานได้สดับคำของสุมุขหงส์ ดังนั้น
แล้ว จัดแจงการงานเสร็จแล้ว รีบเข้าไปภายใน
บุรี แสดงหงส์ทั้งสองที่มิได้ติดบ่วง เป็นอยู่ตามปกติ
จับอยู่ที่กระเช้าทั้งสองข้างแก่พระราชาว่า ข้าแต่มหา-
ราช หงส์ธตรฐทั้งสองนี้ เป็นอธิบดีแห่งหงส์ทั้งหลาย
เพราะว่าหงส์ตัวนี้เป็นราชาของหงส์ทั้งหลาย ส่วน
หงส์ตัวนี้เป็นอัครมหาเสนาบดี.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระราชาทรงสดับคำนั้น จึงตรัสถามว่า
ก็หงส์ทั้งสองนี้มาอยู่ในเงื้อมมือของท่านได้
อย่างไร ท่านเป็นพรานนำหงส์ซึ่งเป็นใหญ่ แก่หงส์
ใหญ่ทั้งหลายมาในที่นั้นได้อย่างไร.
นายพราน จึงกราบทูลว่า

ข้าแต่พระจอมประชากร ข้าพระองค์ดักบ่วง
เหล่านี้ไว้ที่เปือกตม ซึ่งเป็นที่ ๆ ข้าพระองค์เข้าใจว่า
จะกระทำความสิ้นชีวิตแก่นกทั้งหลายได้ พญาหงส์
ได้มาติดบ่วงเช่นนั้น ส่วนหงส์ตัวนี้มิได้ติดบ่วงของ
ข้าพระองค์ แต่เข้ามาจับอยู่ใกล้ ๆ พญาหงส์นั้น ได้
กล่าวกะข้าพระองค์ หงส์นี้ประกอบแล้วด้วยธรรม ได้
กระทำกรรมอันแสนยากที่บุคคล ผู้มิใช่พระอริยจะพึง
ทำได้ ประกาศภาวะอันสูงสุดของตนพยายามใน

ประโยชน์ของนาย หงส์นี้ควรจะมีชีวิตอยู่ ยอมสละ
ชีวิตของตนมายืนสรรเสริญคุณของนาย ร้องขอชีวิต
ของนาย ข้าพระองค์ได้สดับคำของหงส์นี้แล้วเกิด
ความเลื่อมใส จึงปล่อยพญาหงส์นั้นจากบ่วง และ
อนุญาตให้กลับได้ตามสบาย สุมุขหงส์มีความเคารพ
นาย มีความปลื้มใจ เพราะพญาหงส์ตัวเป็นนายหลุด

พ้นจากบ่วง เมื่อจะกล่าววาจาอันรื่นหู ได้กล่าวว่า
ดูก่อนนายพราน ขอให้ท่านพร้อมด้วยหมู่ญาติทั้งปวง
จงเบิกบานใจ เหมือนข้าพเจ้าเบิกบานใจในวันนี้
เพราะได้เห็นพญาหงส์พ้นจากบ่วง ฉะนั้น เชิญท่าน
มานี่ เราจักบอกท่าน ถึงวิธีที่ท่านจักได้ทรัพย์อันเป็น
ลาภของท่าน พญาหงส์ธตรฐนี้ ย่อมไม่มุ่งร้ายอะไร ๆ

ท่านจงรีบเข้าไปภายในบุรี จงแสดงข้าพเจ้าทั้งสองซึ่ง
ไม่ติดบ่วง เป็นอยู่ตามปกติ จับอยู่ที่กระเช้าทั้งสอง


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ข้าง แก่พระราชาว่า ข้าแต่พระมหาราช หงส์ธตรฐทั้ง
สองนี้ เป็นอธิบดีแห่งหงส์ทั้งหลาย เพราะว่าหงส์ตัว
นี้เป็นราชาของหงส์ทั้งหลาย ส่วนหงส์ตัวนี้เป็นอัคร-
มหาเสนาบดี พระราชาผู้เป็นจอมประชาชน ทอดพระ
เนตรเห็นพญาหงส์นี้แล้ว จะทรงปราโมทย์ปลาบ-
ปลื้มพระหฤทัย จักพระราชทานทรัพย์เป็นอันมาก

แก่ท่าน โดยไม่ต้องสงสัย ข้าพระองค์จึงนำหงส์
ทั้งสองนี้มา ตามคำของหงส์ตัวนี้อย่างนี้ และหงส์
ทั้งสองนี้ ข้าพระองค์อนุญาตให้ไปยังเขาจิตตกูฏ
นั้นแล้ว หงส์ตัวนี้ เป็นสัตว์ประกอบด้วยธรรมอย่างยิ่ง
ตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูอย่างนี้ ได้ทำให้นายพราน
เช่นกับข้าพระองค์เกิดความเป็นผู้มีใจอ่อนโยน ข้าแต่

พระองค์ผู้สมมติเทพ ข้าพระองค์ไม่เคยเห็นเครื่อง
บรรณาการอย่างอื่นนอกจากนี้ ที่จะนำมาถวายแด่
พระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมมนุษย์ ขอพระองค์
ทรงทอดพระเนตรดูเครื่องบรรณาการการนั้น ณ บ้าน
พรานนกทั้งปวง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กมมุนา อุปทายิ ความว่า สุมุขหงส์
นั้นได้กล่าวคำใด นายพรานก็ได้กระทำตามคำนั้นให้สำเร็จด้วยกายกรรม. บทว่า
คนตวา อธิบายว่า นายพรานจัดแจงกระทำกระเช้าทางด้านที่พญาหงส์จับ
ให้สูง กระทำกระเช้าทางด้านที่หงส์ที่เป็นเสนาบดีจับให้ต่ำลงเล็กน้อยแล้ว อุ้ม

เอาหงส์ทั้งสองนั้นใส่ลงในกระเช้า ยังมหาชนให้แตกตื่นกันมาดูด้วยคำว่า
พญาหงส์และหงส์ที่เป็นเสนาบดีจะไปเฝ้าพระราชา ท่านทั้งหลายจงคอยดูเถิด
เมื่อมนุษย์ทั้งหลายพากันร่าเริงอยู่ว่า พญาหงส์ตัวมีสีเหมือนทอง ถึงความเป็น
เลิศด้วยความงามเห็นปานนี้ พวกเรายังไม่เคยเห็นเลย ดังนี้ ก็รีบเข้าไปภาย

ในเมือง. บทว่า อทสสยิ ความว่า นายพรานให้ราชบุรุษเข้าไปกราบทูล
แด่พระราชาว่า พญาหงส์มาเฝ้าพระองค์ เมื่อพระราชามีพระทัยยินดีตรัสสั่ง
ให้เรียกมาว่า จงเข้ามาเถิด จึงรีบนำเข้าไปแสดง. บทว่า หตถตถํ ท่าน
กล่าวอธิบายไว้ว่า มาแล้วคือถึงแล้วในมือ. บทว่า มหานตา ความว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ข้าง แก่พระราชาว่า ข้าแต่พระมหาราช หงส์ธตรฐทั้ง
สองนี้ เป็นอธิบดีแห่งหงส์ทั้งหลาย เพราะว่าหงส์ตัว
นี้เป็นราชาของหงส์ทั้งหลาย ส่วนหงส์ตัวนี้เป็นอัคร-
มหาเสนาบดี พระราชาผู้เป็นจอมประชาชน ทอดพระ
เนตรเห็นพญาหงส์นี้แล้ว จะทรงปราโมทย์ปลาบ-
ปลื้มพระหฤทัย จักพระราชทานทรัพย์เป็นอันมาก

แก่ท่าน โดยไม่ต้องสงสัย ข้าพระองค์จึงนำหงส์
ทั้งสองนี้มา ตามคำของหงส์ตัวนี้อย่างนี้ และหงส์
ทั้งสองนี้ ข้าพระองค์อนุญาตให้ไปยังเขาจิตตกูฏ
นั้นแล้ว หงส์ตัวนี้ เป็นสัตว์ประกอบด้วยธรรมอย่างยิ่ง

ตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูอย่างนี้ ได้ทำให้นายพราน
เช่นกับข้าพระองค์เกิดความเป็นผู้มีใจอ่อนโยน ข้าแต่
พระองค์ผู้สมมติเทพ ข้าพระองค์ไม่เคยเห็นเครื่อง
บรรณาการอย่างอื่นนอกจากนี้ ที่จะนำมาถวายแด่

พระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมมนุษย์ ขอพระองค์
ทรงทอดพระเนตรดูเครื่องบรรณาการการนั้น ณ บ้าน
พรานนกทั้งปวง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กมมุนา อุปทายิ ความว่า สุมุขหงส์
นั้นได้กล่าวคำใด นายพรานก็ได้กระทำตามคำนั้นให้สำเร็จด้วยกายกรรม. บทว่า
คนตวา อธิบายว่า นายพรานจัดแจงกระทำกระเช้าทางด้านที่พญาหงส์จับ
ให้สูง กระทำกระเช้าทางด้านที่หงส์ที่เป็นเสนาบดีจับให้ต่ำลงเล็กน้อยแล้ว อุ้ม

เอาหงส์ทั้งสองนั้นใส่ลงในกระเช้า ยังมหาชนให้แตกตื่นกันมาดูด้วยคำว่า
พญาหงส์และหงส์ที่เป็นเสนาบดีจะไปเฝ้าพระราชา ท่านทั้งหลายจงคอยดูเถิด
เมื่อมนุษย์ทั้งหลายพากันร่าเริงอยู่ว่า พญาหงส์ตัวมีสีเหมือนทอง ถึงความเป็น
เลิศด้วยความงามเห็นปานนี้ พวกเรายังไม่เคยเห็นเลย ดังนี้ ก็รีบเข้าไปภาย

ในเมือง. บทว่า อทสสยิ ความว่า นายพรานให้ราชบุรุษเข้าไปกราบทูล
แด่พระราชาว่า พญาหงส์มาเฝ้าพระองค์ เมื่อพระราชามีพระทัยยินดีตรัสสั่ง
ให้เรียกมาว่า จงเข้ามาเถิด จึงรีบนำเข้าไปแสดง. บทว่า หตถตถํ ท่าน
กล่าวอธิบายไว้ว่า มาแล้วคือถึงแล้วในมือ. บทว่า มหานตา ความว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระราชาตรัสถามว่า ตัวท่านเป็นนายพราน ได้บรรลุถึงความเป็นนายผู้ใหญ่
ของเหล่าหงส์ธตรฐ ซึ่งมีผิวพรรณดังทอง ถึงแล้วซึ่งความเป็นใหญ่ด้วยยศ
ได้อย่างไร. พระบาลีว่า ท่านถึงความเป็นใหญ่ในที่นี้ ดังนี้ก็มี อธิบายว่า
ท่านได้ถึงความเป็นผู้ยิ่งใหญ่แก่หงส์ทั้งสองนี้ได้อย่างไร. บทว่า วิหิตา คือ
ประกอบแล้ว. บทว่า ยํ ยทายตนํ มญเญ ความว่า ข้าแต่มหาราช ข้า

พระองค์ย่อมสำคัญสถานที่อันเป็นที่ประชุมใด ๆ ซึ่งเป็นที่รัดรึงชีวิตแห่งนกทั้ง
หลาย คือเป็นที่กระทำความสิ้นไปแห่งชีวิตไว้ ข้าพระองค์ก็ดักบ่วงทั้งหลาย
ในเปือกตมทั้งหลายในที่นั้น ๆ. บทว่า ตาทิสํ ได้แก่ พญาหงส์มาติดเครื่อง
รัดรึงชีวิตอย่างนั้น ซึ่งข้าพระองค์ดักไว้ในสระชื่อมานุสิยะ. บทว่า ปาสํ คือ
บ่วงที่ผูกไว้ในสระนั้น. บทว่า อุปาสีโน คือมิได้คิดถึงชีวิตของตัวเข้าไปจับ

อยู่ใกล้ ๆ. บทว่า มมายํ ความว่า หงส์ที่เป็นเสนาบดีนี้ได้ปราศรัยกับข้า
พระองค์ คือได้กล่าวกับข้าพระองค์ บทว่า สุทุกกรํ ความว่า หงส์นี้ได้
กระทำกรรมที่บุคคลผู้มิใช่อริยะ เช่นพวกเรากระทำได้โดยแสนยาก. บทว่า
ทหเต ภาวมุตตมํ ความว่า หงส์นั้นย่อมประกาศ คือเปิดเผยอัธยาศัยอันสูง
สุดของตน. บทว่า อตตโนยํ ตัดบทเป็น อตตโน อยํ บทว่า อนุตถุนนโต

ความว่า พรรณนาคุณของนายแล้วกล่าวอ้อนวอนข้าพระองค์ว่า ขอท่านจงให้
ชีวิตแก่พญาหงส์นี้เสียเถิด. บทว่า ตสฺส ความว่า เมื่อหงส์นั้นพูดอ้อน
วอนอยู่อย่างนี้ ข้าพระองค์ก็ได้อนุญาตว่า ท่านจงกลับไปยังภูเขาจิตตกูฏตาม
สบาย จงเห็นหมู่ญาติเถิด. บทว่า เอตเถว หิ ความว่า ก็หงส์ทั้งสองนี้ ข้า-
พระองค์ได้อนุญาตให้กลับไปยังภูเขาจิตตกูฏใกล้มานุสิยสระนี้ทีเดียว. บทว่า

เอวํ คโต คือตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูอย่างนี้. ชนเยยาถ มททวํ ความ
ว่า กระทำให้เกิดเมตตาจิตในตน. บทว่า อุปยานํ ได้แก่ เครื่องบรรณาการ.
บทว่า สพพสากุณิกคาเม ความว่า ข้าพระองค์ไม่เห็นเครื่องบรรณาการ
อย่างอื่นในบ้านพรานนก แม้ทั้งหมด คือไม่เห็นเครื่องบรรณาการเห็นปานนี้
สำหรับพระองค์ คือยังไม่เห็นเครื่องบรรณาการที่นายพรานนกนั้น เคยนำมา

ถวายพระองค์. บทว่า ตํ ปสฺส ความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งมนุษย์
เชิญพระองค์ทอดพระเนตรเครื่องบรรณาการ ที่ข้าพระองค์นำมาถวายนั้นเถิด.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
นายพรานยืนกราบทูลสรรเสริญคุณของสุมุขหงส์อยู่ ด้วยประการฉะนี้
ลำดับนั้น พระราชาจึงตรัสสั่งให้จัดอาสนะ มีราคาเป็นอันมาก ประทานแก่
พญาหงส์ และให้จัดตั่งอันเจริญ กระทำด้วยทองคำ ประทานแก่สุมุขหงส์
เมื่อหงส์ทั้งสองเกาะอยู่ในที่นั้นแล้ว จึงรับสั่งให้นำเอาภาชนะทองมาใส่ข้าวตอก

น้ำผึ้งและน้ำอ้อยปนกันประทาน เมื่อเสร็จกิจแห่งการบริโภคแล้ว ทรงประคอง
อัญชลีอาราธนา ให้พระมหาสัตว์แสดงธรรมกถาแล้ว ประทับนั่ง ณ ตั่งทองคำ.
พระมหาสัตว์นั้น เมื่อพระราชาตรัสอาราธนา จึงได้กระทำการปฏิสันถารแล้ว.
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า

พญาหงส์เห็นพระราชาประทับนั่งบนตั่งทอง
อันงดงาม เมื่อจะกล่าววาจาอันรื่นหู จึงได้ทูลว่า
พระองค์ไม่มีโรคาพาธหรือ ทรงสุขสำราญดีอยู่หรือ
พระองค์ทรงปกครองรัฐมณฑลอันสมบูรณ์นี้โดยธรรม
หรือ.
พระราชาตรัสตอบว่า

ดูก่อนพญาหงส์ เราไม่มีโรคาพาธ เราสุข
สำราญดี อนึ่ง เราปกครองรัฐมณฑลอันสมบูรณ์นี้
โดยธรรม.
พระมหาสัตว์ทูลถามว่า
โทษอะไร ๆ ย่อมไม่มีในหมู่อำมาตย์ของพระองค์
แลหรือ อำมาตย์เหล่านั้นย่อมไม่ห่วงใยชีวิต เพราะ
ประโยชน์ของพระองค์แลหรือ.
พระราชาตรัสตอบว่า

โทษอะไร ๆ ย่อมไม่มีในหมู่อำมาตย์ของเรา
และอำมาตย์เหล่านั้น ย่อมไม่ห่วงใยชีวิต เพราะ
ประโยชน์ของเรา.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระมหาสัตว์ทูลถามว่า
พระอัครมเหสีของพระองค์ เป็นผู้มีพระชาติ
เสมอกัน ทรงเชื่อฟัง มีปกติตรัสวาจาอันน่ารัก ทรง
ประกอบด้วยพระโอรส พระรูปโฉม และอิสริยยศ
ทรงคล้อยตามพระราชอัธยาศัย ของพระองค์แลหรือ.
พระราชาตรัสตอบว่า

พระอัครมเหสีของเรา เป็นผู้มีพระชาติเสมอกัน
ทรงเชื่อฟัง มีปกติตรัสวาจาอันน่ารัก ทรงประกอบ
ด้วยพระโอรส พระรูปโฉม และอิสริยยศ ทรงคล้อย
ตามอัธยาศัยของเรา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ราชานํ ได้แก่ พระเจ้าสาคลราช. บทว่า
วงกงโค ได้แก่ พญาหงส์ธตรฐ. บทว่า ธมเมน มนุสาสิ ความว่า
สั่งสอนโดยธรรม. บทว่า โทโส ได้แก่ ความผิด. บทว่า ตวตเถสุ ได้แก่
ในประโยชน์ทั้งหลายมีการรบเป็นต้น ของพระองค์ซึ่งบังเกิดขึ้นแล้ว. บทว่า

นาวกงขนติ ความว่า อำมาตย์เหล่านั้นให้ชีวิตเสียสละอยู่ ย่อมไม่ปรารถนา
ชีวิตของตนแม้น้อยหนึ่ง คือ สละชีวิตกระทำประโยชน์เพื่อพระองค์ผู้เดียว.
บทว่า สาทิสี ได้แก่ เป็นผู้มีชาติเสมอกัน. บทว่า อสฺสวา ได้แก่ เป็น
ผู้รับเอาซึ่งถ้อยคำ. บทว่า ปุตตรูปยสูเปตา ได้แก่ เป็นผู้เข้าถึงแล้วด้วย

พระโอรสทั้งหลาย ด้วยพระรูปโฉมทั้งหลายและด้วยยศทั้งหลาย. บทว่า ตว
ฉนทวสานุคา ความว่า พญาหงส์ทูลถามว่า พระเทวียังเป็นไปตาม
พระราชอัธยาศัยของพระองค์ คืออยู่ในอำนาจของพระองค์หรือ อธิบายว่า
ย่อมไม่เป็นไปด้วยอำนาจแห่งจิตของตนหรือ.

เมื่อพระโพธิสัตว์กระทำปฏิสันถารด้วยประการฉะนี้แล้ว พระราชา
เมื่อจะตรัสถ้อยคำกับพญาหงส์นั้นอีก จึงตรัสว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ท่านตกอยู่ในเงื้อมมือของมหาศัตรู ได้รับทุกข์
ใหญ่หลวงในเบื้องต้น พึงได้รับทุกข์นั้นบ้างแลหรือ
นายพรานวิ่งเข้าไปโบยตีท่าน ด้วยท่อนไม้แลหรือ
เพราะว่าปกติของคนหยาบช้าเหล่านี้ ย่อมมีเป็นประจำ
อย่างนั้น.

พญาหงส์ทูลตอบว่า
ข้าแต่พระมหาราช ในยามมีทุกข์อย่างนี้ ต้อง
มีความปลอดโปร่งใจ จริงอยู่ นายพรานนี้มิได้ทำ
อะไร ๆ ในข้าพระองค์ทั้งสองเหมือนศัตรู นายพราน
ค่อย ๆ เดินเข้าไป และได้ปราศรัยขึ้นก่อน ในกาลนั้น

สุมุขหงส์บัณฑิตนี้ได้กล่าวตอบ นายพรานได้ฟังคำ
ของสุมุขหงส์นั้นแล้ว ก็เกิดความเลื่อมใส ปล่อยข้า-
พระองค์จากบ่วงนั้น และอนุญาตให้ข้าพระองค์กลับ
ได้ตามสบาย สุมุขหงส์ปรารถนาทรัพย์เพื่อนายพรานนี้
จึงคิดชวนกันมาในสำนักของพระองค์ เพื่อประโยชน์
แก่นายพรานนี้.

พระราชาจึงตรัสว่า
ก็การที่ท่านทั้งสองมาในที่นี้ เป็นการมาดีแล้ว
และเราก็มีความปราโมทย์ เพราะได้เห็นท่านทั้งสอง
แม้นายพรานนี้ก็จะได้ทรัพย์อันมากมายตามที่เขา
ปรารถนา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มหาสตตุหตถตถตํ คโต ได้แก่
ไปแล้วในเงื้อมมือของศัตรูผู้ใหญ่. บทว่า อาปติตฺวาน ได้แก่ รีบวิ่งตรง
เข้าไป. บทว่า ปาติกํ ได้แก่ ตามธรรมดา. อีกอย่างหนึ่ง บาลีก็เป็นอย่างนี้
เหมือนกัน มีคำกล่าวอธิบายว่า บุคคลผู้หยาบช้าเหล่านี้ ย่อมมีปกติเป็น

อย่างนี้เหมือนกันหมด เขาทุบตีนกทั้งหลายด้วยท่อนไม้ เขาทำให้ตายแล้ว
ก็ได้ค่าจ้าง. บทว่า กิญจิรสมาสุ ได้แก่ มิได้ล่วงเกินอะไร ๆ ในข้าพระองค์
ทั้งสอง. บทว่า สตตูว ได้แก่ ประหนึ่งว่าศัตรู. บทว่า ปจจกมปิตถ


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ความว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า นายพรานนี้เห็นข้าพระองค์แล้ว ย่องเข้าไป
หน่อยหนึ่งด้วยสำคัญว่าติดบ่วง. บทว่า ปุพเพว ได้แก่ นายพรานนี้แล
ได้ปราศรัยกะข้าพระองค์ก่อน. บทว่า ตทา ได้แก่ ในกาลนั้น. บทว่า
เอตทตถาย ได้แก่ คิดกันแล้วเพื่อประโยชน์แก่บุตรนายพรานนี้. บทว่า

ธนมิจฉตา ความว่า สุมุขหงส์นั้นปรารถนาอยู่ซึ่งทรัพย์เพื่อนายพรานนี้
จึงคิดชักชวนกันมายังสำนักของพระองค์. บทว่า สวาคตญเจวิทํ ความว่า
ท่านผู้เจริญทั้งสองอย่าคิดไปเลย การมาในที่นี้ของท่านผู้เจริญทั้งสองนี้ เป็น
การมาดีแล้ว. บทว่า ลภตํ แปลว่า จงได้.

ก็พระราชาครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว ก็ทรงมองดูอำมาตย์คนใดคนหนึ่ง
เมื่ออำมาตย์นั้นทูลว่า พระองค์จะต้องพระประสงค์อะไร พระเจ้าข้า จึงตรัสว่า
เจ้าจงพานายพรานนี้ไปให้ช่างกัลบกตัดผม โกนหนวด ให้อาบน้ำลูบไล้ด้วย
ของหอมแล้ว ประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง เมื่ออำมาตย์นำนายพรานมา

จัดทำตามรับสั่งแล้ว พากลับมาเฝ้าแล้ว จึงทรงยกบ้านส่วย ซึ่งเก็บส่วยได้
แสนกหาปณะในปีหนึ่ง ประทานแก่เขาแล้ว ได้ประทานหญิง ๒ คน เรือน
หลังใหญ่ รถอันประเสริฐและเงินทองอย่างอื่นอีกเป็นอันมาก.

พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า
พระราชาผู้เป็นจอมมนุษย์ ทรงยังนายพรานให้
เอิบอิ่มด้วยโภคสมบัติทั้งหลาย พญาหงส์ได้กล่าว
วาจาอันรื่นหูอนุโมทนา.

ลำดับนั้น พระมหาสัตว์จึงแสดงธรรมแก่พระราชา ท้าวเธอทรงสดับ
ธรรมกถาของพระมหาสัตว์นั้นแล้ว ก็ทรงดีพระทัย ทรงพระดำริว่า เราจัก
กระทำสักการะแก่พญาหงส์ผู้แสดงธรรม จึงทรงประทานเศวตฉัตรแก่
พญาหงส์นั้น เมื่อจะให้พญาหงส์รับราชสมบัติ จึงตรัสว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ได้ยินว่า อำนาจของเราผู้ทรงธรรม ย่อมเป็น
ไปในที่เท่าใด ที่เท่านั้นมีประมาณน้อย ความเป็น
ใหญ่ในที่ทั้งปวงจงมีแก่ท่าน ขอท่านจงปกครองตาม
ปรารถนาเถิด ทานวัตถุก็ดี เครื่องอุปโภคก็ดี และสิ่ง
อื่นใดที่เข้าไปสำเร็จประโยชน์ เราขอยกสิ่งนั้น ๆ ซึ่ง
ล้วนเป็นของปลื้มใจให้แก่ท่าน และขอสละความเป็น
ใหญ่ให้แก่ท่าน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วโส วตตติ ความว่า อำนาจของเรา
เป็นไปในสถานที่เท่าใด. บทว่า กิญจิ นํ คือ สถานที่นั้นมีประมาณเล็กน้อย
ยิ่งนัก. บทว่า สพพตถิสสริยํ ความว่า สมบัติทั้งหมดและความเป็นใหญ่
นั้นแล จงมีแก่ท่านเถิด. บทว่า ยญจญญมุปกปปติ ความว่า สิ่งของ

เครื่องบำเพ็ญทานเพราะความเป็นผู้ใคร่ในบุญก็ดี การยกเศวตฉัตรขึ้นเสวย
ราชสมบัติก็ดี หรือของสิ่งอื่นใด ย่อมเป็นที่ชอบใจแก่ท่าน ขอเชิญท่านจง
กระทำสิ่งนั้นเถิด. บทว่า เอตํ ททามิ โว วิตฺตํ ความว่า เราสละความ
เป็นใหญ่อันเป็นของของเราพร้อมด้วยเศวตฉัตรให้แก่ท่าน.

ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ได้มอบเศวตฉัตรที่พระราชาประทานให้แก่ตน
ถวายกลับคืนพระองค์อีกทีเดียว พระราชาทรงพระดำริว่า เราได้ฟังธรรมกถา
ของพญาหงส์ก่อนแล้ว ก็แต่ว่าบุตรของนายพรานสรรเสริญยกย่องสุมุขหงส์
นี้เป็นนักหนาว่า มีถ้อยคำไพเราะยิ่งนัก เราจักฟังธรรมกถาของสุมุขหงส์นี้
บ้าง ท้าวเธอเมื่อจะทรงสนทนากับสุมุขหงส์นั้น จึงตรัสคาถาอันเป็นลำดับ
ต่อไปว่า

ก็ถ้าว่า สุมุขหงส์บัณฑิตนี้สมบูรณ์ด้วยปัญญา
พึงเจรจาแก่เราตามปรารถนา ข้อนั้นพึงเป็นที่รัก
อย่างยิ่งของเรา.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 11:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยถา แปลว่า ถ้าว่า. มีคำที่ท่านกล่าว
อธิบายไว้ว่า ถ้าว่าสุมุขหงส์นั้นเป็นบัณฑิต ถึงพร้อมแล้วด้วยความรอบรู้
ก็พึงเจรจาแก่เราตามความปรารถนา คือตามความพอใจของตน ข้อนั้นจะพึง
เป็นที่รักอย่างยิ่งของเรา.
ลำดับนั้น สุมุขหงส์จึงทูลว่า

ข้าแต่มหาราช ได้ยินว่า ข้าพระองค์หาอาจจะ
พูดสอดขึ้นในระหว่าง เหมือนพญานาคเลื้อยเข้าไป
ภายในศิลา ฉะนั้นไม่ ข้อนั้นไม่เป็นวินัยของข้า-
พระองค์ พญาหงส์ประเสริฐกว่าข้าพระองค์ และ
พระองค์ก็สูงสุดกว่าสัตว์ทั้งหลาย เป็นพระเจ้าแผ่นดิน

จอมมนุษย์ ทั้งสองพระองค์ควรแก่การบูชา ด้วยเหตุ
มากมาย ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมมนุษย์ เมื่อพระองค์
ทั้งสองกำลังตรัสกันอยู่ เมื่อการวินิจฉัยกำลังเป็นไปอยู่
ข้าพระองค์ผู้เป็นสาวก ไม่พึงพูดสอดขึ้นในระหว่าง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นาคราชาริวนตรํ ได้แก่ ประหนึ่ง
พญานาคที่จะเลื้อยเข้าไปในระหว่างแห่งศิลา ฉะนั้น. บทว่า ปฏิวตถุ
ความว่า ข้าพระองค์ไม่อาจที่จะพูดสอดขึ้นในระหว่างพระองค์ทั้งสองได้. บทว่า
น เม โส ความว่า ถ้าข้าพระองค์พึงกล่าวสอดขึ้นไซร้ การกระทำเช่นนั้น

มิใช่วินัยของข้าพระองค์เลย. บทว่า อมหากญเจว ได้แก่ พญาหงส์
ประเสริฐกว่าข้าพระองค์ และหงส์อีกเก้าหมื่นหกพัน. บทว่า อุตตมสตตโว
คือเป็นสัตว์ที่สูงสุด. บทว่า ปูชา ความว่า พระองค์ทั้งสองเป็นผู้ควรแก่การบูชา
และควรแก่การสรรเสริญของข้าพระองค์ด้วยเหตุมากมาย. บทว่า เปสเสน
คือเป็นเสวกผู้กระทำการขวยขวาย.

พระราชาทรงสดับคำของสุมุขหงส์นั้น ก็ทรงเบิกบานพระทัยแล้ว
ตรัสว่า บุตรนายพรานกล่าวสรรเสริญท่านว่า บุคคลอื่นที่จะแสดงธรรมไพเราะ
เช่นกับท่านไม่พึงมี และได้ตรัสต่อไปว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 97, 98, 99, 100, 101, 102, 103 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร