วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ย. 2025, 06:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 99, 100, 101, 102, 103, 104, 105 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อริยวุตตินํ ได้แก่ ประพฤติอยู่ในคลอง
ธรรมอันประเสริฐ บทว่า ภุสํ ได้แก่ มีกำลังมั่นคงแข็งแรง บทว่า อปริพ-
รูหยิ ความว่า สุมุขหงส์เมื่อจะกล่าวคำว่า พระองค์อย่ากลัวเลย ดังนี้เป็นต้น
อันมาแล้วในคาถาอันเป็นลำดับต่อไป ได้ร้องเสียงดัง คือได้ส่งเสียงดัง บทว่า
อฏฐาสิ ความว่า สุมุขหงส์นั้นโดยยอมสละชีวิตแล้วยืนข้างหน้าพญาหงส์

ด้วยคิดว่า ถ้านายพรานจักประหารพญาหงส์ เราก็จักรับการประหารนั้นเสีย
เอง. บทว่า วิสสาสยํ คือให้โล่งใจให้คล่องใจ. บทว่า พยถํ ได้แก่ พญา-
หงส์ตัวหวาดกลัวแล้ว สุมุขหงส์ได้ปลอบพญาหงส์ให้เบาใจด้วยคำว่า มา ภายิ
นี้. บทว่า ตาสิทา ได้แก่ บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความเพียรเช่นกับ

พระองค์. บทว่า โยคํ คือประกอบด้วยญาณวิริยะ. บทว่า ยุตตํ คือเหมาะ
สม. บทว่า ธมมูปสญหิตํ คืออาศัยเหตุ. บทว่า เตน ปริยาปทาเนน คือ
ด้วยความเพียรเป็นเครื่องประกอบอันบริสุทธิ์ ดังที่ข้าพระองค์ได้กล่าวแล้วนั้น.
บทว่า ปโมกขสิ แปลว่า พระองค์จักหลุดพ้น.

สุมุขหงส์ปลอบพระมหาสัตว์ให้เบาใจอย่างนี้แล้ว จึงไปยังที่ใกล้นาย-
ลุททบุตร เปล่งวาจาภาษามนุษย์อันไพเราะว่า ดูก่อนสหาย ท่านชื่อไร เมื่อ
นายพรานตอบว่า ดูก่อนพญาหงส์ ตัวมีผิวพรรณดังทอง เรามีชื่อว่า เขมกะ
จึงกล่าวว่า ดูก่อนเขมกะผู้เป็นสหาย ท่านอย่าได้กระทำความสำคัญว่า หงส์ที่

ติดในบ่วงอันท่านดักไว้นั้นเป็นหงส์ธรรมดาสามัญ หงส์ที่ติดบ่วงของท่านนี้ คือ
พญาหงส์ธตรฐประเสริฐกว่าหงส์เก้าหมื่นหกพัน ถึงพร้อมด้วยญาณและ
ศีลาจารวัตร ดำรงอยู่ในฝ่ายแห่งความสรรเสริญ หงส์นี้ไม่สมควรที่ท่านจะฆ่า
เสียเลย ข้าพเจ้าจักกระทำกิจที่ควรกระทำด้วยสรีระนี้แก่ท่าน แม้พญาหงส์นี้

มีพรรณประดุจทองคำ ถึงตัวข้าพเจ้าก็มีพรรณดุจทองคำเช่นเดียวกัน แต่
ข้าพเจ้าจักยอมสละชีวิตของตน เพื่อประโยชน์แก่พญาหงส์นี้ หากว่าท่าน
ประสงค์จะเอาขนปีกทั้งหลายของพญาหงส์นี้ ก็จงเอาขนปีกของข้าพเจ้าเถิด
ถ้าแม้ว่าท่านประสงค์จะเอาหนังเนื้อเอ็นกระดูกอย่างหนึ่ง ก็จงเอาจากสรีระของ

ข้าพเจ้าผู้เดียว หรือถ้าท่านประสงค์จะกระทำพญาหงส์นั้นให้เป็นหงส์กีฬา
(หงส์เต้นระบำ) ก็จงกระทำข้าพเจ้าผู้เดียว ถ้าท่านประสงค์จะให้บังเกิดทรัพย์


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ก็จงเอาพญาหงส์นั้นขายทั้งเป็น ๆ กระทำทรัพย์ให้บังเกิดขึ้น ขอท่านอย่าได้
ฆ่าพญาหงส์ตัวประกอบด้วยคุณมีญาณเป็นต้นนี้เสียเลย เพราะถ้าท่านจักฆ่า
พญาหงส์นั้น ท่านจักไม่พ้นจากอบายมีนรกเป็นต้น สุมุขหงส์กล่าวคุกคาม
นายพรานนั้นด้วยภัยในอบายมีนรกเป็นต้น ให้เชื่อถือถ้อยคำอันไพเราะของตน
แล้วกลับไปยังสำนักของพระโพธิสัตว์อีก ปลอบประโลมพระองค์ให้เบาใจแล้ว

ยืนอยู่ นายเนสาทสดับคำของสุมุขหงส์นั้น จึงคิดว่า หงส์นี้แม้เป็นสัตว์ดิรัจฉาน
ยังกระทำมิตรธรรมเห็นปานนี้ อันไม่น่าจะกระทำกับมนุษย์เลย แท้จริง แม้
พวกมนุษย์ด้วยกัน ก็ยังไม่อาจจะกระทำมิตรธรรมได้อย่างนี้ ดูช่างน่าอัศจรรย์
พญาหงส์นี้เป็นสัตว์ถึงพร้อมด้วยปัญญา กล่าววาจาไพเราะชื่อว่าเป็นผู้แสดงธรรม

ย่อมกระทำสรีระทั้งสิ้นของเราให้เต็มไปด้วยปีติและโสมนัส เขามีโลมชาติชูชัน
ทิ้งท่อนไม้ตั้งอัญชลีไว้เหนือศีรษะ ประหนึ่งว่านอบน้อมนมัสการพระอาทิตย์
ยืนกล่าวสรรเสริญคุณของสุมุขหงส์อยู่.
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า

นายพรานได้ฟังคำสุภาษิตของสุมุขหงส์นั้นแล้ว
ขนลุกชูชันนอบน้อมอัญชลีแก่สุมุขหงส์แล้วถามว่า เรา
ไม่เคยได้ฟังหรือไม่เคยได้เห็นนกพูดภาษามนุษย์ได้
ท่านแม้จะเป็นนก ก็พูดภาษาอันประเสริฐเปล่งวาจา
ภาษามนุษย์ได้ พญาหงส์ตัวนี้เป็นอะไรกับท่านหรือ

ท่านพ้นแล้วทำไมจึงเฝ้าหงส์ตัวติดบ่วงอยู่ หงส์ทั้งหลาย
พากันละทิ้งไปหมด เพราะเหตุใด ท่านจึงยังอยู่ตัวเดียว.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อญชลิสสูปนามยิ ความว่า นายพราน
นั้นน้อมอัญชลีแก่สุมุขหงส์นั้น คือกระทำการชมเชยสุมุขหงส์นั้นด้วยคาถาอัน
เป็นลำดับต่อไป. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มานุสํ ได้แก่ ภาษาอันเป็น
ของมนุษย์. บทว่า อริยํ ได้แก่ ดี ไม่มีโทษ บทว่า จชนโต คือ กล่าวอยู่

มีคำที่ท่านอธิบายไว้ว่า ดูก่อนสหาย ท่านแม้เป็นนก ก็ได้กล่าววาจาภาษา
มนุษย์กับเราในวันนี้ กล่าววาจาอันไม่มีโทษ เปล่งวาจาภาษามนุษย์ เราเห็น
แล้วโดยประจักษ์ เพราะว่าสิ่งอัศจรรย์นี้เราไม่เคยได้ยินมา ไม่เคยได้เห็นมา
ในกาลก่อนแต่นี้เลย บทว่า กินนุ ตายํ ความว่า ท่านเข้าไปใกล้นกใด
นกนั้นย่อมเป็นอะไรกับท่าน.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สุมุขหงส์ถูกนายพรานผู้มีจิตชื่นชมไต่ถามด้วยถ้อยคำอย่างนี้แล้วจึงดำริ
ว่า นายพรานนี้ เป็นผู้มีใจอ่อนเกิดแล้ว บัดนี้เราจักแสดงคุณของเราเพื่อให้
นายพรานนี้มีใจอ่อนยิ่งขึ้นไปอีกทีเดียว จึงกล่าวว่า

ดูก่อนนายพรานผู้เป็นศัตรูของนก พญาหงส์
เป็นราชาของข้าพเจ้า ทรงตั้งข้าพเจ้าให้เป็นเสนาบดี
ข้าพเจ้าไม่สามารถจะละทิ้งพระองค์ซึ่งเป็นอธิบดีของ
หงส์ ในคราวมีอันตรายได้ พญาหงส์นี้เป็นนายของ
หมู่หงส์เป็นอันมากและของข้าพเจ้า อย่าให้พระองค์
พึงถึงความพินาศเสียเลย ดูก่อนนายพรานผู้สหาย
เพราะเหตุที่พญาหงส์นี้เป็นนายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า
จึงยินดีรื่นรมย์อยู่.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นุสสเห ได้แก่ ไม่สามารถจะทิ้งไปได้
บทว่า มหาคณายํ ได้แก่ แม้ของหมู่หงส์ใหญ่ บทว่า มา เกโก ความว่า
เมื่ออำมาตย์ราชเสวกเช่นข้าพเจ้ายังมีอยู่ ขอพระองค์อย่าได้ถึงความพินาศแต่ผู้
เดียวเลย. บทว่า ยถา ตํ ได้แก่ ข้าพเจ้ากล่าวไว้ฉันใด ก็ฉันนั้นแล. บทว่า

สมม คือผู้เป็นมิตรที่รัก บทว่า ภตตายํ อภิรโต รเม ความว่า พระองค์
เป็นนาย ข้าพเจ้าจึงยินดียิ่งแด่พระองค์ รื่นรมย์อยู่ในที่ใกล้ไม่เบื่อหน่าย.

นายเนสาทสดับถ้อยคำอันไพเราะ ทั้งอาศัยธรรมของสุมุขหงส์นั้นแล้ว
ก็เกิดความโสมนัสยินดี มีโลมชาติชูชัน คิดว่า ถ้าเราจักฆ่าพญาหงส์ที่
ประกอบด้วยคุณมีศีลเป็นต้นเช่นนี้ คงจักไม่พ้นจากอบายทั้ง ๔ ไปได้ พระราชา

ทรงพระประสงค์จะกระทำเราอย่างใด ก็จงทรงกระทำอย่างนั้นเถิด เราจะ
กระทำพญาหงส์นี้ ให้เป็นรางวัลแก่สุมุขหงส์แล้วจักปล่อยไป จึงได้กล่าว
คาถาว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ดูก่อนหงส์ ท่านย่อมนอบน้อมก้อนอาหาร
ชื่อว่า มีความประพฤติธรรมอันประเสริฐ ข้าพเจ้าจะ
ปล่อยนายของท่าน ท่านทั้งสองจงไปตามสบายเถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อริยวุตติ ได้แก่ เป็นผู้ประกอบแล้ว
ด้วยวัตรของท่านผู้ประเสริฐด้วยอาจาระทั้งหลาย กล่าวคือการรักษามิตรธรรม
บทว่า โย ปิณฑมปจานสิ ความว่า ท่านใดบูชาก้อนอาหารที่ได้แล้วจาก
สำนักของนาย. บทว่า คจฉถูโภ ความว่า ท่านแม้ทั้งสอง จงยังหมู่ญาติ
ซึ่งมีหน้าอันชุ่มด้วยน้ำตาให้ร่าเริงอยู่ จงไปตามความสบายเถิด.

ก็นายเนสาทครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงเข้าไปใกล้พระมหาสัตว์ด้วยจิต
อันอ่อนโยนแล้ว โน้มคันบ่วงลงมาให้จับอยู่ที่หลังเปือกตม แก้พระมหาสัตว์นั้น
ออกจากคันบ่วง อุ้มขึ้นนำออกจากสระ ให้จับอยู่บนลานหญ้าแพรกอ่อน
ค่อย ๆ แก้บ่วงที่รัดเท้าทั้งสองออก เข้าไปตั้งไว้ซึ่งความรักในพระมหาสัตว์
อย่างแรงกล้า ไปตักน้ำมาล้างเลือดลูบคลำอยู่ไปมาด้วยเมตตาจิต ขณะนั้น

ด้วยอานุภาพแห่งเมตตาของนายเนสาทนั้น เส้นเอ็นกับเส้นเอ็น เนื้อกับเนื้อ
หนังกับหนัง ก็ติดต่อสนิทกัน เท้าก็หายเป็นปกติ มิได้มีส่วนผิดแปลกกับอวัยวะ
ส่วนอื่น ๆ เลย. พระโพธิสัตว์ถึงความสุขสบายแล้ว จับอยู่โดยความ
เป็นปกติทีเดียว. สุมุขหงส์เห็นพญาหงส์ ได้รับความสบายเพราะอาศัยตน
ก็เกิดความโสมนัสยินดี จึงคิดว่า นายเนสาทชื่อว่าได้กระทำอุปการะไว้แก่เรา

เป็นอันมากมีอยู่ ส่วนเรายังไม่มีอุปการะแก่เขาเลย ก็ถ้านายเนสาทนี้จับเอา
เราไป เพื่อประโยชน์แก่พระราชาและมหาอำมาตย์ของพระราชาเป็นต้น นำ
ไปยังสำนักของอิสรชนเหล่านั้น จักได้ทรัพย์มาก ถ้าเขาจับเอาไปเพื่อ
ประโยชน์แก่ตน ขายเราแล้วจักได้ทรัพย์เหมือนกัน เราจักถามเขาดูก่อน.

ลำดับนั้น สุมุขหงส์ เมื่อจะกล่าวถามนายเนสาทนั้น เพราะความที่ตนใคร่ที่จะ
กระทำอุปการะ จึงกล่าวคาถาว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 20:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ดูก่อนสหาย ถ้าท่านดักหงส์ และนกทั้งหลาย
ด้วยประโยชน์ของตน ข้าพเจ้าจะขอรับทักษิณาอภัย
ของท่านนี้ ดูก่อนนายพราน ถ้าท่านไม่ได้ดักหงส์
และนกทั้งหลายด้วยประโยชน์ของตน ท่านไม่มีอิสระ
ถ้าท่านปล่อยเราทั้งสองเสีย ท่านก็ชื่อว่ากระทำความ
เป็นขโมย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สเจ ความว่า ดูก่อนนายเนสาทผู้เป็นสหาย
ถ้าท่านดักบ่วงหงส์และนกอันเหลือทั้งหลายด้วยประโยชน์ของตน คือเพื่อ
ประโยชน์แก่ตน. บทว่า อนิสสโร ความว่า ท่านเป็นผู้ไม่มีอิสระที่จะปล่อย
ข้าพเจ้าเสีย จงไปยังสำนักของผู้ที่บังคับท่านนั้นเถิด พึงกระทำการลักแต่อย่า
กระทำหนี้เลย.

นายเนสาทสดับคำนั้น จึงกล่าวว่า เรามิได้จับท่านทั้งหลายเพื่อ
ประโยชน์แก่ตนเลย แต่พระเจ้ากรุงพาราณสีทรงพระนามว่า สังยมะ มีรับสั่ง
ให้เราจับ แล้วจึงเล่าเรื่องทั้งหมด จำเดิมแต่กาลที่พระนางเทวีทรงเห็นสุบิน-
นิมิต จนกระทั่งถึงพระราชาทรงทราบความที่พวกหงส์ทองเหล่านั้นมาแล้ว จึง

ตรัสสั่งว่า ดูก่อนเขมกะผู้เป็นสหาย ท่านจงพยายามจับหงส์สักตัวหนึ่งหรือสอง
ตัวให้ได้ เราจักให้ยศแก่ท่าน แล้วประทานเสบียงส่งไป สุมุขหงส์สดับเรื่อง
ราวนั้นแล้ว จึงคิดว่า นายเนสาทนี้ มิได้เห็นแก่ชีวิตของตน ปล่อยเราไปเสีย
ชื่อว่ากระทำกิจอันยากที่คนอื่นจะกระทำได้ ถ้าเราจักไปยังภูเขาจิตตกูฏจากที่นี่

อานุภาพแห่งบุญบารมีของพญาหงส์ธตรฐ ก็จะไม่ปรากฏ และมิตรธรรม
ของเราก็จักไม่ปรากฏ ทั้งบุตรนายพรานก็จักไม่ได้ยศใหญ่ พระราชาก็จักมิได้
ตั้งอยู่ในศีล ๕ ความปรารถนาของพระเทวีก็จักไม่ถึงที่สุด จึงกล่าวว่า ดูก่อน
สหาย เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะปล่อยข้าพเจ้ายังไม่ได้ ท่านต้องแสดงข้าพเจ้า
แก่พระราชา ท้าวเธอจักทรงกระทำข้าพเจ้าตามพอพระทัย.

พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า
ท่านเป็นคนรับใช้ของพระราชาพระองค์ใด จง
นำข้าพเจ้าไปให้ถึงพระราชาพระองค์นั้นตามปรารถนา
เถิด พระเจ้าสังยมนะจักทรงกระทำตามพระประสงค์
ในพระราชนิเวศน์นั้น.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตสเสว ความว่า ท่านจงนำข้าพเจ้าไป
ยังสำนักของพระเจ้าสังยมราชนั้นเถิด. บทว่า ตตถ คือ ในพระราชนิเวศน์นั้น.
บทว่า ยถาภิญญํ ความว่า พระองค์จักทรงกระทำตามพระราชประสงค์ คือ
ตามความพอพระทัย.

นายเนสาทสดับคำนั้นจึงกล่าวว่า ดูก่อนท่านที่เจริญ ท่านอย่าพอใจ
ให้พระราชาทอดพระเนตรเลย ขึ้นชื่อว่าพระราชาทั้งหลายเป็นที่น่าเกรงกลัว
พึงกระทำท่านให้เป็นหงส์ระบำ หรือไม่ก็พึงฆ่าท่านเสีย. ลำดับนั้นสุมุขหงส์
จึงกล่าวกะนายเนสาทนั้นว่า ดูก่อนนายพรานผู้สหายผู้ให้ชีวิต ท่านอย่าได้คิด

ถึงข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าได้ทำคนหยาบช้าเช่นท่านให้อ่อนโยนด้วยธรรมกถา
ไฉนจักทำพระราชาให้เกิดความอ่อนโยนบ้างไม่ได้ ด้วยว่าพระราชาทั้งหลาย
เป็นผู้ฉลาดรู้จักวาจาที่เป็นสุภาษิตหรือทุพภาษิต ท่านจงนำข้าพเจ้าทั้งสองไป
ยังสำนักของพระราชาโดยเร็วเถิด แต่เมื่อจะนำไป อย่านำไปด้วยการผูกมัด

จงยังข้าพเจ้าให้เกาะในกรงดอกไม้นำไป อนึ่ง เมื่อท่านจะกระทำกรงดอกไม้
ท่านจงกระทำกรงของพญาหงส์ธตรฐให้ใหญ่ คาดด้วยดอกบัวสีขาว ส่วนของ
ข้าพเจ้าจงกระทำให้เล็ก คาดด้วยดอกบัวสีแดง แล้วจงพาพญาหงส์ธตรฐไป
ข้างหน้า พาข้าพเจ้าไปข้างหลัง กระทำให้ต่ำเล็กน้อย แล้วจงนำไปแสดงแด่

พระราชาเถิด. นายพรานนั้นสดับคำของสุมุขหงส์นั้นแล้ว จึงคิดว่า สุมุขหงส์
คงจะปรารถนาเฝ้าพระราชา ให้ประทานยศใหญ่แก่เรา ก็เกิดความโสมนัสยินดี
เอาเถาวัลย์อ่อน ๆ มากระทำให้เป็นกรง คาดด้วยดอกปทุมแล้ว ได้พาไป
โดยนัยดังกล่าวแล้วทีเดียว.

พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า
นายพรานอันสุมุขหงส์กล่าวด้วยประการอย่างนี้
แล้ว จึงเอามือทั้งสองประคองพญาหงส์ทองตัวมีสีดัง
ทองคำ ค่อย ๆ วางลงในกรง นายพรานพาพญาหงส์
ทั้งสอง ซึ่งมีผิวพรรณอันผุดผ่อง คือ สุมุขหงส์และ
พญาหงส์ธตรฐซึ่งอยู่ในกรงหลีกไป.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อชฌโวทหิ คือวางลงไว้แล้ว บทว่า
ภสสรวณณิเน คือมีพรรณอันถึงพร้อมด้วยรัศมี.
ในเวลาที่นายลุททบุตรพาหงส์ทั้งสองไปด้วยอาการอย่างนี้ พญาหงส์
ธตรฐระลึกถึงพระราชธิดาของพญาปากหงส์ ซึ่งเป็นภรรยาของตน จึงเรียก
สุมุขหงส์แล้วพร่ำรำพันด้วยอำนาจกิเลส.

พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า
พญาหงส์ธตรฐ อันนายพรานนำไปอยู่ ได้
กล่าวกะสุมุขหงส์ว่า ดูก่อนสุมุขะ เรากลัวนัก ด้วย
นางหงส์ที่มีผิวพรรณดังทองคำ มีขาได้ลักษณะ นาง
รู้ว่าเราถูกฆ่า ก็จักฆ่าตนเสียโดยแท้ ดูก่อนสุมุขะ
ก็ราชธิดาของพญาปากหงส์ นามว่าสุเหมา ซึ่งมีผิว
งามดังทองคำจักร่ำไห้อยู่ เหมือนนางนกกระเรียนที่
กำพร้า ร่ำไห้อยู่ที่ริมฝั่งสมุทรฉะนั้นเป็นแน่.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ภายามิ ความว่า เรากลัวต่อมรณภัย.
บทว่า สามาย แปลว่า ด้วยนางที่มีผิวพรรณดังทองคำ. บทว่า ลกขณูรุยา
แปลว่า มีขาอันถึงพร้อมด้วยลักษณะ. บทว่า วธมญญาย ความว่า เมื่อ
นางรู้ว่าเราถูกฆ่า คือเป็นผู้มีความสำคัญว่า สามีอันเป็นที่รักของเราถูกฆ่าตาย
เสียแล้ว. บทว่า วธิสสติ ความว่า จักฆ่าตัวตายด้วยคิดว่า เมื่อสามีอันเป็น

ที่รักของเราตายแล้ว ประโยชน์อะไรที่เราจะมีชีวิตอยู่. บทว่า ปากหํสา
คือ ราชธิดาของพญาปากหงส์ บทว่า สุเหมา คือ ราชธิดาที่มีพระนาม
อย่างนี้. บทว่า เหมสุตตจา คือ มีผิวหนังงดงามดุจทองคำ. บทว่า
โกญจีว ความว่า นางคงจักร้องไห้คร่ำครวญอยู่เป็นแน่แท้ เสมือนหนึ่งนาง
นกกระเรียน เมื่อผัวจมลงสู่สมุทรกล่าวคือน้ำเค็ม ตายเสียแล้ว ก็ย่อมว้าเหว่
คร่ำครวญอยู่ฉะนั้นแล.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สุมุขหงส์ได้สดับคำนั้นแล้ว จึงคิดว่า พญาหงส์นี้เป็นผู้สมควรที่จะ
สั่งสอนผู้อื่น มาพร่ำรำพันไปด้วยอำนาจกิเลส เพราะอาศัยมาตุคาม เกิด
เป็นประหนึ่งเวลาที่น้ำมีอาการร้อน และเป็นประหนึ่งเวลาที่นาอันไม่มีรั้วล้อม
กั้น ถ้ากระไรเราพึงประกาศโทษมาตุคาม ด้วยกำลังแห่งญาณของตน พึงยัง
พญาหงส์นี้ให้รู้สึก จึงได้กล่าวคาถาว่า

การที่พระองค์เป็นใหญ่กว่าโลกคือหงส์ ใคร ๆ
ไม่สามารถจะประมาณคุณได้ เป็นครูของหมู่คณะใหญ่
พึงตามเศร้าโศกถึงหญิงคนเดียวอย่างนี้ เหมือนไม่ใช่
ความประพฤติของผู้มีปัญญา ลมย่อมพัดพานทั้งกลิ่น

หอมและกลิ่นเหม็น เด็กอ่อนย่อมเก็บผลไม้ทั้งดิบ
ทั้งสุก คนตาบอดผู้โลภในรสอาหาร ย่อมถือเอาอาหาร
ฉันใด ธรรมดาหญิงก็ฉันนั้น พระองค์ไม่รู้จักตัดสินใจ
ในเหตุทั้งหลาย ปรากฏแก่ข้าพระองค์เหมือนคนเขลา

พระองค์จะถึงมรณกาลแล้ว ยังไม่ทรงทราบถึงกิจที่
ควรและไม่ควร พระองค์เห็นจะเป็นกึ่งคนบ้า บ่นเพ้อ
ไปต่าง ๆ ทรงสำคัญหญิงว่าเป็นผู้ประเสริฐ แท้จริง
หญิงเหล่านี้ เป็นของทั่วไปแก่คนเป็นอันมาก เหมือน
โรงสุราเป็นสถานที่ทั่วไปแก่พวกนักเลงสุรา ฉะนั้น

อนึ่ง หญิงเหล่านี้มีมารยาเหมือนพยับแดด เป็นเหตุ
แห่งความเศร้าโศก เป็นเหตุเกิดโรคและอันตราย อนึ่ง
หญิงเหล่านี้เป็นคนหยาบคาย เป็นเครื่องผูกมัด เป็น
บ่วง เป็นถ้ำ ที่อยู่ของมัจจุราช บุรุษใดพึงหลงระเริงใจ
ในหญิงเหล่านั้น บุรุษนั้นชื่อว่าเป็นคนเลวทรามในหมู่
นระ.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2019, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มหนโต คือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ บทว่า
โลกสส คือแก่โลกของหมู่หงส์. บทว่า อปปเมยโย ได้แก่ ใคร ๆ ไม่
พึงอาจจะประมาณด้วยคุณทั้งหลายได้ บทว่า มหาคณี ได้แก่ เป็นครูของ
คณะอันประกอบแล้วด้วยคณะใหญ่. บทว่า เอกิตถึ ความว่า ท่านผู้เจริญ
เห็นปานนี้ พึงตามเศร้าโศกถึงหญิงคนเดียว ความตามเศร้าโศกนี้ ประหนึ่ง

มิใช่ของผู้มีปัญญาเลย เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงมีความสำคัญพระองค์ว่า
เป็นผู้โง่เขลาในวันนี้เอง บทว่า อาเทติ คือย่อมถือเอา บทว่า เฉกปาปกํ
คือทั้งดีทั้งชั่ว. บทว่า อามกปกกํ คือดิบด้วยสุกด้วย. บทว่า โลโล คือ
โลภในรส. มีคำที่ท่านอธิบายไว้ว่า ข้าแต่มหาราช ธรรมดาว่าลมย่อมพัดสระ-

ดอกปทุมเป็นต้น ซึ่งมีกลิ่นหอม และพัดสถานที่อันเต็มไปด้วยกองหยาก
เหยื่อเป็นต้นซึ่งมีกลิ่นเหม็น ย่อมพัดเอากลิ่นทั้งหอมทั้งเหม็นทั้งสองอย่างด้วย
ประการฉะนี้ฉันใด อนึ่ง เด็กเล็ก ๆ นั่งอยู่ใต้ต้นมะม่วงและต้นหว้าทั้งหลาย
เอื้อมมือออกไปเก็บผลทั้งที่ยังดิบและสุก ซึ่งหล่นลงมาแล้วเคี้ยวกินฉันใด อนึ่ง
คนตาบอดผู้โลภในรสอาหาร เมื่อเขายกภัตรเข้ามาให้ ย่อมถือเอาอาหารทั้งที่

มีแมลงและไม่มีแมลงทุกอย่างฉันใด ขึ้นชื่อว่าหญิงทั้งหลาย ย่อมถือเอา คือ
ย่อมคบแม้คนตาบอด คนเข็ญใจ คนมีตระกูลสูง คนไม่มีตระกูล คนรูปสวย
คนรูปชั่ว ทั้งหมด ด้วยอำนาจกิเลสฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่มหาราช พระองค์
มาบ่นรำพันเพราะเหตุแห่งหญิงทั้งหลาย ผู้มีธรรมอันลามกเช่นกับลมและเด็ก
เล็ก ๆ และคนตาบอด บทว่า อตเถสุ หมายเอาทั้งเหตุและมิใช่เหตุ บทว่า

มนโท คืออันธพาล บทว่า ปฏิภาสิ มํ คือย่อมตั้งขึ้นเฉพาะข้าพเจ้า
บทว่า กาลปริยายํ ความว่า พระองค์ถึงเวลาใกล้มรณะเห็นปานนี้แล้ว ยัง
ไม่รู้สึกอีกว่า สิ่งนี้ควรทำ สิ่งนี้ไม่ควรทำ ในเวลานี้ สิ่งนี้ควรกล่าว สิ่งนี้ไม่


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 17:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ควรกล่าวในกาลนี้. บทว่า อฑฒูมมตโต ได้แก่ ชะรอยว่าเป็นบ้าไปครึ่ง
หนึ่ง. บทว่า อุทีเรสิ ความว่า พระองค์บ่นรำพันเพ้อ เหมือนบุรุษที่ดื่มสุรา
แล้ว แต่ไม่เมามายจนเกินไป บ่นถึงสิ่งโน้นบ้าง สิ่งนี้บ้างต่าง ๆ นานา. บทว่า
เสยยา คือเลิศสูงสุด บรรดาบททั้งหลาย บทว่า มายา เป็นต้น ความว่า
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงทั้งหลาย เป็นผู้มีมารยาด้วยอรรถว่า หลอกลวง เปรียบเหมือน

พยับแดดด้วยอรรถว่า เป็นสิ่งที่ใคร ๆ เข้าไปจับต้องถือเอาไม่ได้ เป็นผู้มี
ความเศร้าโศกเพราะเป็นปัจจัยแห่งความเศร้าโศกเป็นต้น เป็นผู้มีโรค และมี
อันตรายเป็นอเนกประการ ทั้งชื่อว่าเป็นคนหยาบคาย เพราะกระด้างกระเดื่อง
ด้วยกิเลสมีความโกรธเป็นต้น อนึ่ง ขึ้นชื่อว่าหญิงเหล่านี้เป็นเครื่องผูกมัด

เพราะบุคคลถูกผูกมัดด้วยเครื่องจำมีขื่อคาเป็นต้น ก็เพราะอาศัยหญิงเหล่านี้
อนึ่ง หญิงเหล่านี้แหละชื่อว่า เป็นพระยามัจจุราช อันสิงอยู่ในถ้ำ คือ สรีระ
ก็พระราชาทั้งหลายจับโจรได้แล้วก็ตัดศีรษะเสียด้วยขวานอันคมแล้วเสียบไว้ที่
ปลายหลาว ก็เพราะโจรพวกนี้อาศัยกามเป็นเหตุ มีกามเป็นแดนมอบให้ซึ่งผล
มีกามเป็นอธิกรณ์ทีเดียว.

ลำดับนั้น พญาหงส์ธตรฐ แสดงว่า พ่อยังไม่รู้จักคุณของมาตุคาม
พวกบัณฑิตเท่านั้นจึงจะรู้จัก ใคร ๆ ไม่ควรติเตียนหญิงเหล่านี้เลย เพราะ
ความที่ตนเป็นผู้มีจิตหลงใหลไฝ่ฝันในมาตุคามจึงกล่าวคาถาว่า

วัตถุใด ชนท่านผู้เจริญทั้งหลายรู้จักดีแล้ว ใคร
ควรจะติเตียนวัตถุนั้นเล่า ขึ้นชื่อว่าหญิงทั้งหลาย มี
คุณมาก เกิดแล้วในโลก ความคะนองอันบุคคลตั้งไว้
แล้วในหญิงเหล่านั้น ความยินดีอันบุคคลตั้งเฉพาะไว้
แล้วในหญิงเหล่านั้น พืชทั้งหลาย (มีพระพุทธเจ้า

พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสาวก และพระเจ้าจักร-
พรรดิเป็นต้น) ย่อมงอกขึ้นในหญิงเหล่านั้น สัตว์
เหล่านั้นพึงเจริญ บุรุษไรมาเกี่ยวข้องชีวิตหญิงด้วย
ชีวิตของตนแล้ว พึงเบื่อหน่ายในหญิงเหล่านั้น ดูก่อน
สุมุขะ ท่านนั่นแหละ ไม่ต้องคนอื่นละ ก็ประกอบ


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ในประโยชน์ของหญิงทั้งหลาย เมื่อภัยเกิดขึ้นแก่ท่าน
ในวันนี้ ความคิดจึงเกิดขึ้น เพราะความกลัว จริงอยู่
บุคคลทั้งปวงผู้ถึงความสงสัยในชีวิต มีความหวาดกลัว
ย่อมอดกลั้นความกลัวไว้ได้ เพราะว่าบัณฑิตทั้งหลาย
เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะอันใหญ่ ย่อมประกอบใน
ประโยชน์อันมากที่ประกอบได้ พระราชาทั้งหลาย
ย่อมทรงปรารถนาความกล้าหาญของมนตรีทั้งหลาย
เพื่อทรงประสงค์ที่จะได้ความกล้าหาญนั้น ป้องกัน
อันตรายและสามารถป้องกันพระเองด้วย วันนี้ท่าน
จงกระทำด้วยประการที่พวกพนักงานเครื่องต้น ของ
พระราชา อย่าเชือดเฉือนเราทั้งสองในโรงครัวใหญ่
เถิด จริงอย่างนั้น สีแห่งขนปีกทั้งหลาย จะฆ่าท่าน
เสีย เหมือนขุยไม้ไผ่ ฉะนั้น ท่านแม้นายพรานจะ
ปล่อยแล้ว ก็ไม่ปรารถนาจะบินหนีไป ยังเข้ามาใกล้
บ่วงเองอีกทำไมเล่า วันนี้ ท่านถึงความสงสัยในชีวิต
แล้วจงถือเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ อย่ายื่นปากออกไปเลย.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยํ ความว่า วัตถุกล่าวคือมาตุคามใด
อันท่านผู้เจริญด้วยปัญญาทั้งหลายบัญญัติแล้ว คือปรากฏแก่ท่านเหล่านั้นที
เดียว มิได้ปรากฏแก่พวกชนพาล. บทว่า มหาภูตา ได้แก่ มีคุณมากคือ
มีอานิสงส์มาก. บทว่า อุปปชชิสุ ความว่า บังเกิดก่อน เพราะเพศหญิง

ปรากฏเป็นครั้งแรกในกาลแห่งปฐมกัลป์. บทว่า ตาสุ ความว่า ดูก่อนพ่อ
สุมุขะ ความคะนองกายและความคะนองวาจา อันบุคคลตั้งมั่น คือตั้งลงฝั่งไว้
ในหญิงเหล่านั้น และความยินดีในกามคุณก็ตั้งอยู่เฉพาะในหญิงเหล่านั้นด้วย.
บทว่า วีชานิ ความว่า พืชเป็นต้นว่าพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า

พระอริยสาวกและพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ย่อมงอกขึ้นในหญิงเหล่านั้น. บทว่า
ยทิทํ คือสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ แม้ทั้งหมด บทว่า ปชายเร ความว่า พญา-
หงส์ย่อมแสดงว่า ย่อมเจริญพร้อมแล้วในท้องของหญิงเหล่านั้นแล. บทว่า
นิพพิเช แปลว่า หมดความอาลัยใยดี. บทว่า ปาณมาสชช ปาณิภิ


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ความว่า ใคร ๆ ที่เอาชีวิตของตนเข้าคลุกเคล้ากับชีวิตของหญิงเหล่านั้น ถึง
กับสละชีวิตของตน จึงได้หญิงนั้นมาแล้ว จะพึงเบื่อหน่ายเสียได้เล่า บทว่า
นาญโญ ความว่า ดูก่อนพ่อสุมุขะ ไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่นละ เมื่อเราอยู่ใน
ท่ามกลางหมู่หงส์ที่พื้นภูเขาจิตตกูฏ มองไม่เห็นพ่อ จึงถามว่า สุมุขหงส์ไป
ไหน หงส์ทั้งหลายตอบว่า สุมุขหงส์นี้พามาตุคามไปเสวยความยินดีอย่างสูงสุด

อยู่ในถ้ำทอง พ่อนั่นแล ย่อมประกอบในประโยชน์ของหญิงอย่างนี้ คือเป็น
ผู้ประกอบแล้วประกอบทั่วแล้วทีเดียว ไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่น บทว่า ตสส
ตยชช ความว่า พญาหงส์นั้นกล่าวดังนี้ด้วยหมายความว่า เมื่อความกลัว
ตาย บังเกิดขึ้นแก่พ่อในวันนี้ ชะรอยว่าพ่อจะกลัวมรณภัยนี้ จึงเกิดความคิด

อันละเอียดซึ่งแสดงถึงโทษของมาตุคามนี้ขึ้น บทว่า สพโพ หิ คือผู้ใดผู้
หนึ่ง. บทว่า สํสยปปตโต คือผู้ที่ถึงความสงสัยในชีวิต บทว่า ภีรุ ได้แก่
แม้เป็นผู้มีความหวาดสะดุ้งกลัว ก็ระงับความกลัวไว้ได้ บทว่า มหนตาโน
ความว่า ส่วนชนเหล่าใดย่อมเป็นบัณฑิตด้วย ตั้งอยู่ในฐานะใหญ่ด้วย เพราะ

ฉะนั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะใหญ่. บทว่า อตเถ ยุญชนติ ทุยยุเช
ความว่า ชนเหล่านั้น ย่อมประกอบ คือ สืบต่อพยายามในประโยชน์นั้นให้เกิด
ความอุตสาหะว่า อย่ากลัวพ่อเลย พ่อจงเป็นนักปราชญ์เถิด จึงได้กล่าวไว้
อย่างนี้. บทว่า อาปทํ ความว่า คนกล้าหาญย่อมป้องกันเสียได้ซึ่งอันตราย

อันจะมีมาถึงนาย เพราะฉะนั้น พระราชาทั้งหลาย จึงทรงปรารถนาความ
กล้าหาญของเหล่ามนตรี เพื่อประโยชน์อย่างนี้แล. บทว่า อตตปริยายํ
อธิบายว่า อีกอย่างหนึ่ง คนกล้านั้นย่อมอาจที่จะกระทำการคุ้มครองตนเองได้

ด้วย. บทว่า วิกนตึสุ แปลว่า เชือดแล้ว. มีคำที่ท่านกล่าวอธิบายไว้ว่า
ดูก่อนสหายสุมุขะ เราตั้งพ่อไว้ในตำแหน่งอันเป็นลำดับกับตัวเราเอง


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 18:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เพราะฉะนั้น พ่อครัวของพระราชา อย่าได้เชือดเฉือนเราทั้งสองในวันนี้
เพื่อต้องการเนื้อโดยประการใด ท่านจงกระทำโดยประการนั้นเถิด เพราะ
ว่าสีแห่งขนปีกของเราทั้งหลายซึ่งเป็นเช่นนั้น จะฆ่าพ่อเสีย. บทว่า ตํ วธิ
ความว่า พญาหงส์กล่าวอย่างนี้ ด้วยความประสงค์ที่จะให้เข้าใจว่า สีอย่างนี้
สีอย่างนี้นั้นจะฆ่าพ่อเสีย เหมือนขุยไผ่ที่อาศัยต้นไผ่เกิดขึ้น ก็ย่อมจะฆ่าไม้ไผ่

เสียฉะนั้น คือสีอย่างนี้อย่าฆ่าท่านและเราเสียเลย. บทว่า มุตโตสิ ความว่า
พ่อเป็นผู้อันนายลุททบุตร ปล่อยแล้วคือสละแล้วพร้อมกับเราด้วยคำอย่างนี้ว่า
ท่านจงกลับไปยังเขาจิตตกูฏตามสบายเถิด ดังนี้แล้ว อย่าปรารถนาที่จะติดบ่วง
อีกเลย. บทว่า สยํ อธิบายว่า พ่อปรารถนาจะเฝ้าพระราชา ชื่อว่าเข้าถึงการ

ถูกฆ่าเองทีเดียว ภัยของเราทั้งสองนี้มาแล้ว เพราะอาศัยพ่ออย่างนี้. บทว่า
โสสชฺช ความว่า ในวันนี้พ่อถึงความสงสัยในชีวิตแล้ว. บทว่า อตฺถํ
คณหาหิ มา มุขํ ความว่า พ่อจงถือเอาเหตุที่จะให้ปล่อยพวกเราในบัดนี้เถิด

คือว่า เราทั้งสองจะหลุดพ้นได้โดยประการใด ก็จงพยายามโดยประการนั้น
เถิด พ่อกล่าวคำเป็นต้นว่า ลมย่อมพัดกลิ่นหอมและเหม็นฉันใด ดังนี้ ขอ
อย่าได้ยื่นปากออกเพื่อประสงค์จะติเตียนหญิงเลย.

พระมหาสัตว์ ครั้นสรรเสริญมาตุคามอย่างนี้แล้ว กระทำให้สุมุขหงส์
หมดคำพูดที่จะโต้ตอบได้ ทราบว่า สุมุขหงส์นั้นมีความเสียใจ เพื่อจะกล่าว
ยกย่องสุมุขหงส์ในกาลบัดนี้ จึงกล่าวคาถาว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ท่านนั้นจงประกอบความเพียร ที่สมควรอัน
ประกอบด้วยธรรม จงประพฤติการแสวงหาทางที่จะ
ช่วยให้เรารอดชีวิต ด้วยความเพียรอันผ่องแผ้วของ
ท่านเถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โส ความว่า ดูก่อนสุมุขะผู้เป็นสหาย
พ่อนั้น. บทว่า โยคํ ความว่า บัดนี้พ่อจงประกอบความเพียรที่เราเคยประกอบ
ไว้ในกาลก่อน จงประพฤติการแสวงหาให้เรารอดชีวิต. บทว่า ตว ปริยา-

ปทาเนน คือ ด้วยความเพียรเครื่องประกอบอันบริสุทธิ์ของพ่อนั้น. บาลีว่า
ปริโยทาเตน ดังนี้ก็มี. อธิบายว่า ด้วยการป้องกัน อธิบายว่า อันเป็นของ
ของพ่อเพราะพ่อกระทำเอง จงประพฤติหาช่องทางให้เรารอดชีวิตด้วยเถิด.

สุมุขหงส์ได้สดับคำนั้นจึงคิดว่า พญาหงส์กลัวต่อมรณภัยยิ่งนัก
ไม่รู้จักกำลังของเรา เราจักเฝ้าพระราชาได้สนทนากันบ้างเล็กน้อยแล้วจักทราบ
เราจักให้พญาหงส์นี้เบาใจเสียก่อน จึงกล่าวคาถาว่า

ข้าแต่พระองค์ที่ประเสริฐกว่านกทั้งหลาย อย่า
ทรงกลัวเลย ผู้ที่สมบูรณ์ด้วยญาณวิริยะเช่นพระองค์
ย่อมไม่กลัว ข้าพระองค์จักประกอบความเพียรที่
สมควรอันประกอบด้วยธรรม พระองค์จะหลุดพ้น
จากบ่วง ด้วยความเพียรอันผ่องแผ้วของข้าพระองค์
โดยเร็วพลัน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปาสา ได้แก่ บ่วงคือความทุกข์

เมื่อพญาหงส์ทั้งสองนั้น สนทนากันอยู่ด้วยภาษาของนกฉะนี้ นาย
ลุททบุตรมิได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ได้แต่พาเอาพญาหงส์ทั้งสองนั้นไปด้วย
หาบแล้ว ก็เข้าไปยังกรุงพาราณสีอย่างเดียว นายพรานนั้นถูกมหาชนผู้มีความ
แปลกประหลาด อันเกิดแต่ความอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีติดตามไปอยู่ ก็ไปถึงประตู
พระราชวัง กราบทูลความที่ตนมาถึงแล้ว แด่พระราชา.
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
นายพรานนั้น เข้าไปยังประตูพระราชวัง
พร้อมด้วยหาบหงส์แล้ว จึงสั่งนายประตูว่า ท่านจง
ไปกราบทูลถึงเราแด่พระราชาว่า พญาหงส์ธตรฐนี้
มาแล้ว.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปฏิเวเทถ มํ ความว่า นายพรานเข้า
ไปสั่งนายประตูว่า ท่านทั้งสองจงกราบทูลถึงเราแด่พระราชาอย่างนี้ว่า นาย-
พรานเขมกะกลับมาแล้ว. บทว่า ธตรฏฐายํ ความว่า จงกราบทูลให้ทรงทราบ
ต่อไปว่า พญาหงส์ธตรฐนี้ก็มาถึงแล้ว.

นายประตูรีบไปกราบทูลตามคำสั่ง พระราชาทรงปลื้มพระทัยตรัสสั่งว่า
จงมาเร็ว ๆ ทรงแวดล้อมไปด้วยหมู่อำมาตย์ ประทับนั่งบนราชบัลลังก์อันมี
เศวตฉัตรยกชั้นไว้แล้ว ทอดพระเนตรเห็นนายพรานเขมกะนำเอาพญาหงส์
ขึ้นมาสู่พระลานหลวง ทรงมองดูพญาหงส์ทั้งสองตัวมีสีดุจทองคำ จึงทรงพระ

ดำริว่า ความปรารถนาของเราสำเร็จสมประสงค์แล้ว จึงทรงบังคับอำมาตย์
ทั้งหลายถึงกิจที่ควรกระทำแก่นายพรานนั้น.
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า

ได้ยินว่า พระเจ้าสังยมนะทอดพระเนตรเห็น
หงส์ทอง ทั้งสองตัว รุ่งเรืองด้วยบุญ หมายรู้ด้วย
ลักษณะ แล้วตรัสรับสั่งกะพวกอำมาตย์ว่า ท่าน
ทั้งหลายจงให้ผ้า ข้าว น้ำ และเครื่องบริโภคแก่
นายพราน เงินเป็นสิ่งกระทำความปรารถนาแก่เขา
เขาปรารถนาประมาณเท่าใด ท่านทั้งหลายจงให้แก่เขา
ประมาณเท่านั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุญญสงกาเส ได้แก่ มีบุญเช่นเดียว
กับตน. บทว่า ลกขณสมมเต ได้แก่ สมมติกันว่าประเสริฐรู้กันโดยทั่ว ๆ
ไปแล้ว. บทว่า ขลุ เแนนิบาต เชื่อมข้อความด้วยบทเบื้องต้นว่า ได้ยินว่า
พระราชาทรงทอดพระเนตรหงส์ทั้งสองนั้น ดังนี้. บทว่า เทถ ความว่า
พระราชาเมื่อจะทรงกระทำอาการคือความเลื่อมใสให้ปรากฏเป็นต้น. บรรดา


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 99, 100, 101, 102, 103, 104, 105 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร