วันเวลาปัจจุบัน 17 ก.ย. 2025, 17:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 106, 107, 108, 109, 110, 111, 112 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 06:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
หกล้ม ก็เปล่งเสียงนมัสการนางปัญจตปาวี ต่อมาภายหลัง ครั้งหนึ่งเป็นเวลา
นักขัตฤกษ์ วันแรกพวกช่างทองก็ชักชวนพวกไปสร้างปรำขึ้นหลังหนึ่ง แล้ว
จัดหาของต่าง ๆ เป็นต้นว่า ปลา เนื้อ สุรา ของหอม นั่งล้อมกันจะเสพสุรา
เวลานั้นช่างทองคนหนึ่งทำกระติกเหล้าตกลง ก็ตกใจเปล่งเสียงนมัสการนาง
ปัญจตปาวี ในที่นั้นมีชายฉลาดคนหนึ่งพูดขึ้นว่า ท่านนี้เขลานัก ไฉนจึง

นอบน้อมไหว้ผู้หญิงซึ่งมีจิตกลับกลอกเล่า ช่างทองนั้นตอบว่า ดูก่อนสหายเอ๋ย
ท่านอย่าพูดอย่างนี้ อย่าทำกรรมที่จะนำไปตกนรกเลย บุรุษผู้ฉลาดจึงตอบว่า
ท่านนี้งมงายหาปัญญามิได้ มาพนันกันพันหนึ่งหรือ ต่อไปนี้อีก ๗ วัน เราจะ
ไปพานางปัญจตปาวีมาให้แต่งตัวงดงามแล้วให้มานั่งที่นี่ ให้ถือกระติกเหล้า
รินให้เรากินให้ได้ ขึ้นชื่อว่ามาตุคามแล้ว ที่จะมีศีลยั่งยืนนั้นไม่มีเลย ช่างทอง
คนนั้นก็ตอบว่า เป็นไปไม่ได้ จึงพนันกับบุรุษผู้เป็นบัณฑิตพันหนึ่ง.

บุรุษบัณฑิตนั้นระบุเรื่องการพนันให้ช่างทองอื่น ๆ ฟังแล้วครั้นรุ่งขึ้น
เวลาเช้าก็เข้าไปในป่าช้า นั่งนมัสการพระอาทิตย์อยู่ใกล้กับที่อยู่ของนางปัญจต-
ปาวี เมื่อนางปัญจตปาวีเข้าไปเที่ยวภิกขาจารในพระนคร กลับมาพบบุรุษนั้น
แล้วก็คิดว่า ดาบสรูปนี้เห็นจะมีฤทธิมากมาย เราอยู่ริมป่าช้านี่เข้ามาอยู่กึ่งกลาง

เห็นจะมีสัปบุรุษธรรมอยู่ในภายใน จำเราจักเข้าไปทำความเคารพ คิดแล้ว
นางก็เข้าไปไหว้ ดาบสปลอมแกล้งนิ่งเฉย มิได้เหลียวดูและไม่ทักทาย วันที่
๒ ก็ทำอย่างนั้นอีก พอถึงวันที่ ๓ เมื่อนางปัญจตปาวีไหว้แล้ว ดาบสปลอม
ก้มหน้าพูดว่า ไปเถอะ ครั้นวันที่ ๔ จึงทักทายปราศรัยว่า ท่านไม่ลำบากด้วย

ภิกขาหารดอกหรือ นางปัญจตปาวีดีใจมากที่ได้รับคำปฏิสันถาร ครั้นวันที่ ๕
นางได้รับคำปฏิสันถารมากขึ้นอีก ถึงต้องนั่งอยู่หน่อยหนึ่งจึงลุกไป ครั้นวันที่
๖ พอนางมานั่งไหว้ ดาบสปลอมก็ถามว่า น้องหญิงวันนี้เสียงขับร้องเอิกเกริก
ในเมืองพาราณสีทำไมกันหนอ นางปัญจตปาวีตอบว่า พระผู้เป็นเจ้าไม่รู้


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 06:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ดอกหรือ เขาเล่นมหรสพกันกึกก้องในพระนคร นั่นเป็นเสียงนักเล่นมหรสพ
ดาบสปลอมแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเสียงอะไร แกล้งถามเรื่องอื่นต่อไปว่า เจ้ามา
ประพฤติพรตอยู่นี้เว้นอาหารเท่าไร นางตอบว่าเว้น ๔ วัน แล้วย้อนถามว่า
ก็พระผู้เป็นเจ้าเว้นเท่าไรเล่า ดาบสปลอมตอบว่า เว้น ๗ วัน ที่แท้ก็เท็จทั้งนั้น
เว้นแต่กลางวัน กลางคืนกินทุกคืน แล้วดาบสปลอมถามต่อไปว่า น้องหญิง

เจ้าบวชมากี่ปีแล้ว ครั้นนางบอกว่า ๑๒ ปี แล้วย้อนถามบ้างว่า พระผู้เป็นเจ้า
เล่าบวชมากี่ปีแล้ว จึงตอบว่า ๖ ปีแล้ว แล้วถามต่อไปว่าเจ้าได้บรรลุธรรม
เครื่องระงับแล้วหรือ ครั้นนางปฏิเสธว่าไม่ได้บรรลุและย้อนถามบ้าง ดาบส
ปลอมก็บอกว่า ยังไม่ได้บรรลุเหมือนกัน ต่อนั้นก็รำพันเป็นเชิงชวนให้

เกิดความต้องการดังนี้ว่า น้องหญิงเอ๋ย เราทั้งสองนี้มิได้รับความสุขทั้ง ๒ อย่าง
ทางกามโภคีสำหรับผู้ครองเรือนที่จะเป็นสุขด้วยทรัพย์สมบัติก็ไม่ได้ เนกขัมมสุข
เครื่องระงับทางใจก็ไม่เกิดขึ้น ไฟนรกมันจะร้อนแต่เราสองคนเท่านั้นหรือ
ถ้าเราจักประพฤติอย่างมหาชนคนหมู่มากเขาทำกัน ข้าเห็นจะทนทุกข์เช่นนี้อยู่
อีกไม่ได้ จักต้องสึกเป็นคฤหัสถ์ ทรัพย์สมบัติของแม่ก็ยังมีอยู่บ้าง พอจะก่อร่าง

สร้างตัวต่อไป นางปัญจตปาวีได้ฟังคำเช่นนั้นก็เกิดความกำหนัดรักใคร่ จึง-
ปฏิญาณความในใจออกมาว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เรื่องนี้เป็นหัวอกอันเดียวกัน
แต่จนใจที่มิรู้จะหันหน้าไปหาใคร ถ้าท่านจะไม่ทอดทิ้งข้าพเจ้าแล้วไซร้ ข้าพ-

เจ้าจะยอมเป็นน้องสาวสึกไปอยู่รับใช้ท่าน ดาบสปลอมจึงตอบว่า ถ้าปลงใจ
เช่นนั้นก็มาเถิด พี่จะไม่ทอดทิ้ง จะเลี้ยงเจ้าเป็นภรรยา ว่าแล้วก็พากันไปใน
เมือง อยู่สมัครสังวาสอย่างสามีภรรยาทั้งหลายแล้ว ก็ให้นางถือกระติกสุรา


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 06:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พากันไปสู่ปรำสุราบาน นั่งดื่มสุราอยู่ ฝ่ายนายช่างทองก็แพ้เสียเงินพันหนึ่ง
นางปัญจตปาวีก็เกิดบุตรธิดาด้วยนักเลงสุรานั้นหลายคน ในคราวนั้น พญานก
กุณาละเกิดเป็นนักเลงสุรา เมื่อนำเหตุนั้นมาแสดงจึงได้กล่าวว่า เราได้เห็น
มาแล้วดังนี้

อดีตนิทานในเรื่องที่ ๒ มีพรรณนาไว้แล้วในอรรถกถาแห่งกากวันตี
ชาดก ในจตุกนิบาต ในกาลนั้นพญานกกุณาละเกิดเป็นพญาครุฑ เพราะฉะนั้น
เมื่อจะประกาศเหตุที่ตนประสบมาแล้วจึงได้กล่าวว่า เราได้เห็นมาแล้ว ดังนี้.

ในเรื่องที่ ๓ นี้ พระอรรถกถาจารย์นำเรื่องพิสดารมาสาธกไว้ว่า ใน-
อดีตกาล พระเจ้าพรหมทัตปลงพระชนม์พระเจ้าโกศลราช ทรงริบเอาราชสมบัติ
แล้ว พาพระอัครมเหสีของพระเจ้าโกศลไปสู่เมืองพาราณสี แม้ทรงทราบอยู่ว่า
นางนั้นมีครรภ์ ก็ยังทรงตั้งนางนั้นเป็นพระอัครมเหสี ครั้นนางมีครรภ์แก่แล้ว

ก็ประสูติพระราชบุตรอันงดงามดุจดังทองคำ นางจึงดำริว่า เมื่อกุมารนี้เติบโต
พระเจ้าพาราณสีก็จักให้ฆ่าทิ้งเสีย ด้วยทรงเห็นว่าเป็นบุตรของข้าศึก ไม่ต้อง
พระประสงค์จะเลี้ยงไว้ อย่าให้บุตรของเราตายด้วยมือคนอื่นเลย. นางดำริ

แล้วจึงสั่งนางนมว่า เจ้าจงเอาผ้าเก่า ๆ ห่อทารกนี้แล้ว จงนำไปทิ้งเสียที่ป่าช้า
ผีดิบ นางนมทำตามสั่งอาบน้ำชำระเกล้าแล้วจึงกลับมา.

ฝ่ายพระเจ้าโกศลราชทิวงคตแล้วไปเกิดเป็นรุกขเทวดา จึงบันดาล
ด้วยอานุภาพของตนให้คนเลี้ยงแพะต้อนแพะไปสู่ประเทศนั้น นางแพะตัวหนึ่ง
ไปพบทารกนั้นเข้าก็เกิดความสิเนหา จึงให้ทารกนั้นดื่มกินน้ำนมแล้ว ก็เที่ยว
ไปแล้วกลับมาให้กินอีก ๓-๔ ครั้ง. คนเลี้ยงแพะเห็นกิริยาของนางแพะนั้น

จึงเข้าไปดู เห็นทารกนั้นแล้วก็เกิดความรักใคร่เหมือนบุตร จึงอุ้มมาให้ภรรยา
ของตน. ภรรยาของคนเลี้ยงแพะไม่มีบุตร ก็ไม่มีนมจะให้กิน จึงให้ทารก


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 08:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
กินนมแพะตัวนั้น. แต่วันนั้นมา นางแพะก็ตายลง ๒ ตัว ๓ ตัวทุกวัน คน
เลี้ยงแพะจึงคิดว่า ถ้าเรายังเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ นางแพะก็คงจะตายหมดแน่ จะ
เลี้ยงมันไว้ทำไม จึงเอาทารกนั้นวางลงในภาชนะดินใบหนึ่ง แล้วเอาอีกใบหนึ่ง
คว่ำปิดลง เอาแป้งถั่วมายาปิดปากไม่ให้มีช่องแล้ว ปล่อยให้ลอยน้ำไป. มีคน
จัณฑาลผัวเมียซึ่งเป็นคนซ่อมของเก่าในพระราชนิเวศน์ ลงไปล้างปอที่ท่า

ข้างใต้ เห็นภาชนะลอยมาก็รีบว่ายไปพาขึ้นมาบนฝั่ง พอเปิดขึ้นก็ได้เห็นทารก
รูปงดงาม. ภรรยาของคนจัณฑาลไม่มีบุตรก็มีความรักใคร่ทารกเหมือนดังบุตร
จึงนำไปเลี้ยงไว้ที่เรือน พอทารกนั้นเจริญวัยได้ ๗ ปี เมื่อบิดามารดาไปสู่
ราชตระกูล ก็พากันไปด้วย พอทารกนั้นเจริญวัยได้ ๑๖ ปี ก็ได้ไปช่วยทำ

การปฏิสังขรณ์ของเก่าในราชตระกูล ก็พระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตนั้น
มีพระราชธิดาพระองค์หนึ่ง พระนามว่า กุรุงคเทวี มีรูปร่างงดงาม ตั้งแต่
นางกุรุงคเทวีได้เห็นกุมารนั้น ก็มีจิตผูกพันรักใคร่ ไม่ยินดีในผู้อื่น. นาง-
เสด็จไปสู่ที่ทำการของกุมารนั้นเนือง ๆ เมื่อพบกันบ่อย ๆ เข้า ทั้งสองก็มีจิต

ผูกพันรักใคร่กัน ลอบประพฤติสังวาสกันในที่ลับในราชตระกูลนั่นเองนาน ๆ
เข้า พวกเหล่าบริจาริกาก็รู้เรื่องนั้น จึงนำความกราบทูลพระเจ้าพรหมทัต
พระเจ้าพรหมทัตทรงพระพิโรธ จึงให้ประชุมอำมาตย์ทั้งหลาย ตรัสปรึกษา

โทษว่า ลูกคนจัณฑาลทำอย่างนี้ ท่านทั้งหลายจงวางบทกำหนดโทษตามควร
แก่โทษเถิด. อำมาตย์ทั้งหลายก็กราบทูลว่า โทษผิดใหญ่หลวงควรทำโทษ
ทรมานก่อนแล้ว จึงฆ่าในภายหลัง.

ในขณะนั้น รุกขเทวดาผู้เป็นบิดาของกุมารนั้น จึงมาเข้าสิงนาง
อัครมเหสีผู้เป็นมารดา นางก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าพรหมทัต ด้วยอานุภาพแห่ง
เทวดาแล้วทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า กุมารนี้ไม่ใช่ลูกคนจัณฑาล กุมารนี้เกิด
ในครรภ์ของหม่อมฉัน เป็นบุตรพระเจ้าโกศลราช หม่อมฉันได้ทูลมุสาวาท

แก่พระองค์ว่า พระโอรสตายแล้ว ด้วยคิดว่าเป็นบุตรของพระราชาผู้เป็นข้าศึก
ของพระองค์ จึงมอบให้นางนมเอาไปทิ้งเสียในป่าช้าผีดิบ คนเลี้ยงแพะคนหนึ่ง
จึงรับปฏิบัติต่อมา ครั้นเกิดเหตุแม่แพะตายขึ้นหลายตัว คนเลี้ยงแพะก็เอา


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 08:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ไปลอยน้ำเสีย. คนจัณฑาลซึ่งเป็นผู้ซ่อมของเก่าในราชตระกูลของพระองค์
พบกุมารนี้ลอยน้ำมาจึงเอามาเลี้ยงไว้ ถ้าพระองค์ไม่ทรงเชื่อจงให้หาเขาเหล่านั้น
มาตรัสถามดูเถิด. พระเจ้าพรหมทัตตรัสให้หาคนเหล่านั้น ตั้งต้นแต่นางนม
เข้ามาตรัสถาม เขาเหล่านั้นก็ทูลความตั้งแต่ต้นจนอวสาน. พระเจ้าพรหมทัตก็
ทรงยินดีว่า กุมารประกอบด้วยชาติ จึงให้สรงสนานแต่งเครื่องอลังการแล้ว

พระราชทานราชธิดาให้ และคนทั้งหลายขนานนามว่า เอฬกกุมาร ถือเอาเหตุ
ที่แพะตาย ต่อมาพระเจ้าพรหมทัตจึงพระราชทานเสนา พาหนะแก่เอฬกกุมาร
แล้วส่งให้ไปปกครองราชสมบัติของบิดา เอฬกกุมารก็พานางกุรุงคเทวีไป
ครองราชสมบัติ ภายหลังพระเจ้าพรหมทัตทรงดำริเห็นว่า เอฬกกุมารมิได้
ศึกษาศิลปศาสตร์ จึงทรงตั้งฉฬังคกุมารเป็นเสนาบดี ด้วยเห็นว่าเป็นอาจารย์
ของพระองค์.

ต่อมาภายหลัง นางกุรุงคเทวีลอบลักประพฤติอนาจารกับฉฬังคกุมาร.
ฉฬังคกุมารมีคนใช้คนหนึ่งชื่อธนันเตวาสี ฉฬังคกุมารเคยใช้ให้นำสิ่งของเป็น
ต้นว่า ผ้าและเครื่องประดับไปให้นางกุรุงคเทวี นางกุรุงคเทวีก็ประพฤติลามก
กับคนใช้นั้นอีก.

เมื่อพญานกกุณาละนำเอาเหตุนี้มาแสดง จึงได้กล่าวว่า เราได้เห็น
มาแล้ว. คำว่า นางขนงาม ในพระบาลีนั้น ท่านกล่าวหมายถึงนางผู้มีท้อง
อันประดับด้วยขนเป็นแถว ๆ. คำว่า กับ ฉฬังคกุมารเสนาบดีและธนันเตวาสี
อธิบายว่า แม้นางปรารถนาอยู่กับเอฬกกุมาร ก็ได้กระทำกรรมอันลามกกับ

ฉฬังคกุมารเสนาบดีและธนันเตวาสีคนใช้ของเสนาบดีนั้นอีกด้วย พญานก
กุณาละกล่าวว่า หญิงทั้งหลายมีความประพฤติเลวทรามอย่างนี้ เป็นผู้ทุศีล
มีธรรมอันลามกด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่สรรเสริญหญิงเหล่านั้นเลย พระมหาสัตว์
นำอดีตนิทานนี้มาแสดงแล้ว ก็ในกาลนั้น เธอได้เป็นฉฬังคกุมาร เพราะฉะนั้น
จึงนำเหตุที่ตนเห็นมากล่าวให้ฟัง.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 08:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
แม้ในเรื่องที่ ๔ พระอรรถกถาจารย์นำเรื่องพิสดารมาสาธกไว้ว่า ใน
กาลอันล่วงมาแล้ว พระเจ้าโกศลราชยึดราชสมบัติเมืองพาราณสีได้ จึงทรงตั้ง
พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี ซึ่งทรงครรภ์อยู่แล้ว ให้เป็นอัครมเหสี
ของพระองค์ ต่อมาไม่ช้านัก พระอัครมเหสีนั้นก็ประสูติพระราชโอรส ส่วน
พระเจ้าโกศลราชก็ทรงเลี้ยงไว้ด้วยความรักใคร่ เหมือนโอรสของพระองค์
เหตุพระองค์หาพระโอรสมิได้ ครั้นพระกุมารนั้นทรงเจริญก็ให้ศึกษาศิลปศาสตร์
แล้ว ส่งไปให้ครองเมืองพระชนก พระราชกุมารก็ไปเสวยสมบัติอยู่ในเมือง
พาราณสี.

ต่อมาภายหลัง พระมารดาของพระเจ้าพาราณสีจึงเข้าไปทูลลา
พระเจ้าโกศลราชว่าจะไปเยี่ยมพระราชบุตร แล้วนางก็พาบริวารเป็นอันมาก
ไปสู่เมืองพาราณสี หยุดพักอาศัยในนิคมหนึ่งอันอยู่ในระหว่างแคว้นทั้งสอง
มีพราหมณ์กุมารคนหนึ่งชื่อปัญจาลจัณฑะ รูปร่างสะสวยอยู่ที่นิคมนั้น ได้นำ
เครื่องบรรณาการมาถวายพระนาง. พระนางพอเห็นก็มีจิตปฏิพัทธ์รักใคร่ลอบ

ทำลามกกับพราหมณ์ผู้นั้น พักอยู่ ๒-๓ วันแล้วจึงไปยังเมืองพาราณสี พบ
กับพระราชบุตรแล้วก็รีบกลับมาพักที่นิคมนั้นอีก ลอบประพฤติอนาจารกับ
พราหมณ์นั้นอีก ๒-๓ วันแล้ว จึงไปยังเมืองโกศล ตั้งแต่นั้นมาไม่ช้านานนัก
นางก็เข้าไปทูลลาพระเจ้าโกศล อ้างเหตุไปเยี่ยมพระราชโอรสอีก เวลาไป
และกลับก็ไปพักประพฤติอนาจารกับพราหมณ์ที่นิคมนั้นอยู่ตั้งครึ่งเดือน.

ดูก่อนสหายปุณณมุขะเอ๋ย ขึ้นชื่อว่าหญิงเหล่านี้ เป็นผู้ทุศีล มีปกติ
ชอบกล่าวคำเท็จ. พระมหาสัตว์แสดงอดีตนิทานเรื่องนี้ จึงกล่าวคำเป็นต้นว่า
เป็นความจริงเราเห็นมาอย่างนี้ พระอรรถกถาจารย์กล่าวคำอธิบายในพระบาลี
นั้นว่า คำว่า พระมารดาของพระเจ้าพรหมทัต หมายถึงพระชนนีของ

พรหมทัตกุมาร ซึ่งได้เสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี ได้ยินว่า ในกาลนั้น
พญานกกุณาละได้เป็นพราหมณ์ ชื่อปัญจาลจัณฑะ เพราะฉะนั้น เมื่อจะ
แสดงเหตุที่ตนได้รู้มานั้น จึงได้กล่าวอย่างนี้.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
คำว่า หญิงที่กล่าวมาแล้วนี้ อธิบายว่า ดูก่อนสหายปุณณมุขะเอ๋ย
ก็หญิงทั้ง ๕ คนนี้ ได้กระทำกรรมอันลามกแล้ว ท่านจงอย่าได้สำคัญว่า
หญิงเหล่าอื่นจะไม่กระทำ หญิงเหล่านี้ก็ดี หญิงเหล่าอื่นอีกมากมายก็ดี ได้
กระทำกรรมอันลามกในกาลทุกเมื่อแล เราอยู่ในที่นี้ จะพึงกล่าวถึงเรื่องของ
หญิงที่ประพฤตินอกใจได้ทั้งโลก. คำว่า สัตวโลก อธิบายว่า แผ่นดิน

เมทนีดล วสุนธรา ปฐพี กล่าวคือโลกย่อมรับรองทั้งสิ่งดีและชั่ว ฉันใด.
คำว่า สรรพแก้วยินดีเสมอกัน อธิบายว่า ชื่อว่า ยินดีเสมอกัน
ในสิ่งทั้งหมดด้วยภาวะแม้รับรอง ด้วยว่า แผ่นดินนั้นเป็นที่รับรองทุกสิ่ง
ทุกอย่างทั้งดีและชั่ว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าเป็นที่รับรองสิ่งที่สูงที่สุดและต่ำ

ที่สุด แม้หญิงทั้งหลายก็เหมือนกัน ย่อมเป็นที่รับรองของสิ่งที่ดีที่สุดและชั่ว
ที่สุดทุกชนิดด้วยอำนาจกิเลส จริงอยู่ หญิงทั้งหลายเมื่อได้โอกาส ชื่อว่า
จะไม่กระทำกรรมอันลามกกับบุรุษไร ๆ ย่อมไม่มีเลย. คำว่า ทนทานได้หมด
อธิบายว่า ธรรมดาว่า แผ่นดินย่อมทนทานได้ทั้งหมดทีเดียว คือไม่สะทก

สะท้าน ไม่ดิ้นรน ไม่หวั่นไหว ฉันใด หญิงทั้งหลายก็เหมือนกัน ย่อมทนทาน
ได้ในบุรุษทั้งหมด ด้วยอำนาจความยินดีในโลก ถ้าหากว่า ชายคนใดเป็นที่
ถูกใจนาง นางย่อมไม่ดิ้นรนและไม่กระทำความโกลาหล เพราะจะรักษาชายนั้น
อนึ่ง แผ่นดินย่อมไม่สะเทือนไม่หวั่นไหว ฉันใด แม้หญิงทั้งหลายก็ฉันนั้น

ย่อมไม่สะเทือน ไม่หวั่นไหวด้วยเมถุนธรรม คือไม่อาจที่จะให้เต็มด้วย
เมถุนธรรมนั้นได้. คำว่า พาฬมฤค หมายถึงเนื้อร้าย คำว่า มีอาวุธ ๕
อย่างนี้ ท่านกล่าวหมายถึงปากและเล็บเท้าทั้ง ๔ คำว่า ร้ายกาจ คือ
หยาบช้าโหดร้ายทารุณ. คำว่า หญิงเหล่านั้นก็เหมือนกัน อธิบายว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ราชสีห์มีอาวุธ ๕ อย่าง คือ ปาก ๑ และมีเท้าอีก ๔ ฉันใด หญิงทั้งหลาย
ก็เหมือนกัน มีอาวุธ ๕ อย่าง คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ราชสีห์นั้น
เมื่อจะถือเอาอาหารของตน ย่อมถือเอาด้วยอาวุธ ๕ อย่างนั้น ฉันใด แม้
พวกหญิงเหล่านั้นก็เหมือนกัน เมื่อจะถือเอาอาหารคือกิเลส ย่อมประหารด้วย
อาวุธมีรูปเป็นต้น แล้วจึงถือเอา ราชสีห์นั้นดุร้าย ข่มขี่สัตว์จับกินเป็นอาหาร

ฉันใด แม้หญิงเหล่านี้ก็เหมือนกัน หยาบช้า ข่มขี่กิน จริงอย่างนั้น หญิง
ทั้งหลายย่อมกระทำอาการคือความข่มขี่ในบุรุษผู้มีศีลอย่างเคร่งครัดด้วยกำลัง
ของตน ให้ถึงความพินาศแห่งศีลเสียได้ ราชสีห์ย่อมยินดีแต่ที่จะเบียดเบียน
สัตว์อื่นฉันใด แม้หญิงเหล่านั้นก็เหมือนกัน ยินดีในการเบียดเบียนผู้อื่นด้วย

อำนาจกิเลส. คำว่า หญิงเหล่านั้น อธิบายว่า หญิงผู้ไม่ประกอบด้วยคุณ-
สมบัติอย่างนี้ นรชนไม่ควรวิสาสะเลย. คำว่า สัญจร หมายถึงหญิงโสเภณี
มีคำกล่าวอธิบายว่า ดูก่อนสหายปุณณมุขะเอ๋ย ชื่อของหญิงทั้งหลายเป็นต้นว่า
แพศยาเหล่านี้เป็นชื่อเดิมของพวกนางก็หาไม่ หญิงเหล่านี้มีชื่อว่า แพศยา ชื่อ

ว่านารี ชื่อว่าสัญจร ชื่อว่าเกี่ยวพันธ์ก็หาไม่ แต่หญิงเหล่านี้โดยชื่อเดิมแล้ว
เรียกว่าผู้ฆ่า หญิงเหล่านั้นเรียกกันต่าง ๆ ว่า แพศยา นารี สัญจร. คำว่า
ผู้ฆ่า หมายความว่า ฆ่าสามี ข้อความอันนี้ บัณฑิตพึงแสดงด้วยเรื่องมหา-
หังสชาดก. จริงอยู่ ท่านกล่าวไว้ในชาดกนั้นว่า.

อนึ่ง หญิงนี้มีมารยาเหมือนพยับแดด เป็นวัตถุ
ที่ตั้งแห่งความเศร้าโศก โรคและอุปัทวันตราย และ
หญิงนี้เป็นคนหยาบนัก เป็นเครื่องผูกมัด เป็นบ่วง
เป็นถ้ำ และเป็นที่อยู่ของพญามัจจุราช บุรุษใดระเริง
ใจในหญิงเหล่านั้น บุรุษนั้นนับว่าเป็นคนอธรรมใน
นรชนทั้งหลาย.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 12:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
คำว่า เกล้ามวยผม คือ มีมวยผมเกล้าไว้แล้ว จริงอยู่ พวกโจร
ที่อยู่ในดง ย่อมผูกมวยผมแล้วจึงแย่งชิงทรัพย์ฉันใด แม้พวกหญิงเหล่านี้ก็
เหมือนกัน นำเอาพวกบุรุษไปสู่อำนาจกิเลสแล้วปล้นทรัพย์ คำว่า ประทุษร้าย
ให้เป็นพิษเหมือนสุราเจือยาพิษ คือ เหมือนสุราที่เจือด้วยยาพิษ ฉะนั้น
อธิบายว่า สุราที่เจือยาพิษแสดงอาการที่แปลก ๆ ฉันใด แม้หญิงเหล่านี้ก็

เหมือนกัน เป็นผู้มีความกำหนัดในบุรุษทั้งหลายอื่น ไม่รู้จักกิจน้อยใหญ่ เมื่อ
กระทำกิจในบุรุษอื่นแล้วกระทำกะบุรุษอื่นต่อไปอีก ชื่อว่าย่อมแสดงอาการ
แปลก ๆ. คำว่า พูดโอ้อวด อธิบายว่า คนขายของย่อมกล่าวอวดคุณภาพ
แห่งสินค้าของตน ฉันใด แม้หญิงเหล่านี้ก็เหมือนกัน ปิดบังโทษอันมิใช่คุณ

ของตนเสียแล้ว ประกาศแต่คุณอย่างเดียว. คำว่า ตลบตะแลง อธิบายว่า
เขาของเนื้อบิดไปบิดมา ฉันใด พวกหญิงเหล่านี้ ก็ตลบตะแลงพลิกไปพลิกมา
เพราะความที่ตนมีจิตเบาฉันนั้นเหมือนกัน. คำว่า เหมือนงู อธิบายว่า
หญิงทั้งหลายชื่อว่ามีสองลิ้นเหมือนงู เพราะเป็นคนมักกล่าวเท็จเสมอ ๆ คำว่า

เหมือนบ่อคูถ อธิบายว่า บ่อคูถย่อมถูกปิดด้วยไม้กระดานฉันใด แม้หญิง
ทั้งหลายก็ปกปิดร่างกายด้วยผ้าและเครื่องอาภรณ์เที่ยวไปฉันนั้นเหมือนกัน
อีกอย่างหนึ่ง บ่อที่ปกปิดด้วยหยากเยื่อเป็นต้น เมื่อเหยียบลงไปย่อมให้เกิด
ความลำบากแก่เท้าฉันใด แม้หญิงเหล่านั้นก็เหมือนกัน เมื่อใครเข้าไปคบหา

ด้วย ก็ให้เกิดทุกข์แก่ผู้นั้น. คำว่า เหมือนบาดาล อธิบายว่า บาดาลใน
มหาสมุทร ย่อมทำให้เต็มได้ยากฉันใด แม้หญิงเหล่านี้ก็เหมือนกัน ย่อมทำ
ให้เต็มได้ยากด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ ด้วยเมถุน ๑ ด้วยการคลอด ๑ ด้วย
การแต่งตัว ๑ เพราะเหตุนั้นแล สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ

ทั้งหลาย หญิงทุกคนไม่อิ่มด้วยธรรม ๓ ประการ คือ ด้วยเมถุนธรรม ๑ ด้วย
การคลอด ๑ ด้วยการแต่งตัว ๑ ย่อมกระทำกาละดังนี้เป็นต้น. คำว่า เหมือน
รากษส อธิบายว่า ธรรมดาว่ารากษส ใคร ๆ ไม่อาจจะให้ยินดีด้วยทรัพย์ได้


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เพราะตนอยากกินเนื้ออย่างเดียว รากษสนั้น ย่อมห้ามทรัพย์แม้เป็นจำนวน
มากเสียแล้ว ปรารถนาแต่เนื้ออย่างเดียว ฉันใด แม้หญิงเหล่านี้ก็เหมือนกัน
ย่อมไม่ยินดีด้วยทรัพย์แม้มาก เพราะตนปรารถนาเมถุน หญิงเหล่านั้นย่อม
ไม่รับทรัพย์ ปรารถนาเมถุนอย่างเดียว. คำว่า เหมือนพระยม อธิบายว่า

พระยมมีแต่นำไปโดยส่วนเดียว มิได้ยกเว้นใคร ๆ ไว้เลย ฉันใด แม้หญิง
เหล่านี้ก็เหมือนกัน ย่อมไม่เหลือใคร ๆ ไว้เลย ในบรรดาบุคคลที่สมบูรณ์
ด้วยชาติเป็นต้น นางย่อมให้ถึงความพินาศแห่งศีลด้วยอำนาจกิเลสทั้งหมด
ในวาระแห่งจิตดวงที่ ๒ ก็ย่อมนำไปสู่นรก. คำว่า เปรียบเหมือนไฟ
อธิบายว่า ธรรมดาว่าเปลวไฟย่อมกินสิ่งทั้งหมด แม้สะอาดหรือไม่สะอาด

ฉันใด แม้หญิงเหล่านั้นก็เหมือนกัน ย่อมเสพสิ่งทั้งหมดตั้งแต่เลวจนถึงดีที่สุด
แม้ในข้อความที่เปรียบด้วยแม่น้ำ ก็มีนัยเหมือนกันทีเดียว. คำว่า ตามใจตัว
อธิบายว่า หญิงเหล่านี้ ย่อมมีความรักใคร่ในสถานที่ใด ก็ย่อมวิ่งไปในสถาน
ที่นั้นทันที. คำว่า เหมือนเขาพระสุเมรุ อธิบายว่า ในป่าหิมพานต์มี

ภูเขาทองอยู่ลูกหนึ่ง แม้กาซึ่งมีสีดำแก่พอเข้าไปใกล้ภูเขานั้น ก็กลับกลายเป็น
สีทอง ภูเขานั้นมีอุปมาฉันใด แม้หญิงเหล่านั้นก็เหมือนกัน มิได้กระทำสิ่งใด
ให้วิเศษเลย ย่อมมองเห็นชายที่เข้าไปใกล้ตนเหมือนเป็นคนเดียวกันหมด.
คำว่า เหมือนต้นไม้มีพิษ อธิบายว่า ต้นไม้ที่มีผลสุก เช่นกับมะม่วงนั้น

ย่อมผลิตผลเป็นนิจ และย่อมเป็นผลที่ไม่สมบูรณ์ด้วยสีเป็นต้น บุคคลไม่มี
ความสงสัยบริโภคผลไม้นั้น ย่อมตายฉันใด แม้หญิงเหล่านั้นก็เหมือนกัน ย่อม
ปรากฏเหมือนเป็นที่น่ารื่นรมย์ด้วยอำนาจรูปเป็นต้น เพราะผลิตผลเป็นนิจ
ก็เมื่อผู้ใดเสพอยู่ ย่อมนำผู้นั้นให้เกิดความประมาทแล้ว ฉุดให้ตกลงไปในอบาย
เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ผู้ใดเสพกามเพราะไม่รู้จักโทษ กามก็ย่อมฆ่า
ผู้นั้นเสีย เหมือนบริโภคผลไม้ที่มีพิษ ฉะนั้น.
อีกอย่างหนึ่ง ต้นไม้มีพิษย่อมนำความพินาศมาให้ในกาลทุกเมื่อ
เพราะมีผลเป็นนิจ ฉันใด แม้หญิงเหล่านั้นก็เหมือนกัน ย่อมนำความฉิบหาย
มาให้ในกาลทุกเมื่อ ด้วยอำนาจความพินาศแห่งคุณมีศีลเป็นต้น. อีกอย่างหนึ่ง
ราก เปลือก ใบ ดอก ผลของต้นไม้มีพิษนั้นย่อมเป็นพิษ เพราะฉะนั้น

จึงชื่อว่ามีผลเป็นนิจฉันใด แม้รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส แม้ทั้ง ๕ อย่าง
ของหญิงเหล่านั้น ก็เป็นพิษเหมือนกันฉันนั้น เพราะฉะนั้น หญิงเหล่านั้น
จึงชื่อว่าเผล็ดผลเป็นนิจ ประหนึ่งต้นไม้มีพิษ ฉะนั้น. คำว่า มีคาถากล่าว
ความนี้ไว้อีกส่วนหนึ่ง อธิบายว่า พญานกกุณาละกล่าวอย่างนี้ เพื่อจะ

กระทำเนื้อความนั้นให้ปรากฏยิ่งขึ้น ด้วยคำอันประพันธ์ขึ้นเป็นคาถา. คำว่า
หญิงทั้งหลาย เป็นผู้กอบกำเอารัตนะไว้ในมือจนนับไม่ถ้วน อธิบายว่า
หญิงทั้งหลาย เป็นผู้กระทำอันตรายแก่รัตนะทั้งหลายที่สามีหามาได้ ด้วยความ
เหนื่อยยาก นำเอารัตนะแม้เหล่านี้ไปให้ชายเหล่าอื่น ย่อมประพฤติอนาจาร.

เบื้องหน้าแต่นี้ไป พญานกกุณาละเมื่อจะแสดงกถาอันสละสลวยของ
ตนโดยประการต่าง ๆ จึงกล่าวว่า ดูก่อนสหายปุณณมุขะเอ๋ย ทรัพย์ ๔ อย่างนี้
คือ โคผู้ โคนม ยาน ภริยา ไม่ควรให้อยู่ในตระกูลอื่น ผู้เป็นบัณฑิต
ย่อมไม่ยอมให้ทรัพย์ ๔ อย่างนี้อยู่พรากจากเรือน.

พญานกกุณาละ กล่าวคาถาแสดงถึงเหตุผลแห่งทรัพย์ ๔ อย่างนั้น
ต่อไปว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 12:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
คนฉลาด ย่อมไม่ให้ทรัพย์ ๔ อย่างอยู่ในตระกูล
ญาติ คือ โคผู้ ๑ โคนม ๑ ยานพาหนะ ๑ ภริยา ๑
เพราะเหตุว่า คนทั้งหลายที่ไม่มียานย่อมใช้รถที่ฝากไว้
ย่อมฆ่าโคตัวผู้เสีย เพราะใช้ลากเข็ญเกินกำลัง และ
ย่อมฆ่าลูกโคเพราะรีดนมแม่โคจนหมด ภริยาย่อม
ประทุษร้ายตระกูลญาติ.

ดูก่อนสหายปุณณมุขะเอ๋ย ของ ๖ อย่างนี้ เมื่อเกิดธุระจำเป็นขึ้นแล้ว
ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย อันได้แก่
ธนูไม่มีสาย ๑ ภริยาอยู่ในตระกูลญาติ ๑ เรืออยู่
ฝั่งโน้น ๑ รถเพลาหัก ๑ มิตรอยู่ไกล ๑ สหายชั่ว ๑
ทั้ง ๖ ประการนี้ เมื่อเกิดธุระขึ้นแล้ว ใช้ประโยชน์
อะไรไม่ได้เลย.

ดูก่อนสหายปุณณมุขะเอ๋ย หญิงย่อมดูหมิ่นสามีด้วยฐานะ ๘ อย่างคือ
ดูหมิ่นเพราะความจน ๑ เพราะความเจ็บกระเสาะกระแสะ ๑ เพราะความชรา ๑
เพราะเป็นนักเลงสุรา ๑ เพราะโง่เซอะ ๑ เพราะมัวเมา ๑ เพราะหมุนตาม
การงานไม่ทัน ๑ เพราะทำให้ทรัพย์เกิดขึ้นไม่ได้ ๑ ต่อไปนี้เป็นคาถาอีก
ส่วนหนึ่ง อันแสดงถึงเหตุแห่งวัตถุทั้ง ๘ นั้นว่า

หญิงทั้งหลาย ย่อมดูหมิ่นสามีด้วยเหตุ ๘ ประการ
คือ ความจน ๑ เจ็บกระเสาะกระแสะ ๑ แก่ชรา ๑
เป็นนักเลงสุรา ๑ โง่เซอะ ๑ มัวเมา ๑ หมุนตาม
การงานไม่ทัน ๑ ทำทรัพย์ให้เกิดขึ้นเพื่อให้สำเร็จ
ความปรารถนาทั้งหมดไม่ได้ ๑.

ดูก่อนสหายปุณณมุขะเอ๋ย หญิงทั้งหลายย่อมนำความประทุษร้ายมาให้
สามีด้วยฐาน ๙ อย่าง คือมักไปเที่ยวสถานที่รื่นรมย์ ๑ มักไปเที่ยวอุทยาน ๑
มักไปเที่ยวตามท่าน้ำ ๑ มักไปหาตระกูลญาติ ๑ มักไปหาตระกูลผู้อื่น ๑
มักใช้กระจกและประดับด้วยผ้า ๑ มักดื่มน้ำเมา ๑ มักเยี่ยมมองหน้าต่าง ๑ มัก
ยืนแอบประตู ๑ ต่อไปนี้เป็นคาถาประพันธ์อีกส่วนหนึ่ง แสดงฐานะทั้ง ๙
นั้นว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
หญิงทั้งหลาย ย่อมนำความประทุษร้ายมาด้วย
ฐานะ ๙ ประการเหล่านี้ คือ มักไปเที่ยวตามสถาน
รื่นรมย์ ๑ ไปเที่ยวสวน ๑ ไปสู่แม่น้ำ ๑ ไปหาตระกูล
ญาติ ๑ ไปหาตระกูลอื่น ๑ มักประดับด้วยผ้า ๑ มัก
ดื่มน้ำเมา ๑ มักมองหน้าต่าง ๑ มักแอบประตู ๑.

ดูก่อนสหายปุณณมุขะเอ๋ย หญิงย่อมยั่วยวนชายด้วยฐานะ ๔๐ อย่าง
คือ ทำดัดกาย ทำท่าก้ม ทำกรีดกราย ทำอาย ทำทีแกะเล็บ ทำท่าเอาเท้า
เหยียบกัน ทำท่าเอาไม้ขีดแผ่นดิน ทำท่ากระโดดเอง ทำท่าให้เด็กกระโดด
ทำท่าวิ่ง ให้เด็กวิ่ง เล่นกับเด็ก ให้เด็กเล่น จูบเด็ก ให้เด็กจูบ กินเอง
ให้เด็กกิน ให้ของแก่เด็ก ทำทีขอคืน ทำท่าวอนขอ เลียนแบบเด็ก ทำ

เสียงสูง ทำเสียงต่ำ ทำพูดเปิดเผย ทำพูดกระซิบ ทำซิกซี้ ฟ้อน ขับ เป่า
ร้องไห้ คร่ำครวญ กรีดกราย แต่งกาย ทำปึ่ง ทำยักเอว ทำส่ายผ้าที่ปิด
ของลับ ทำเลิกขา ทำปิดขา ทำท่าให้เห็นนม ทำให้เห็นรักแร้ ทำให้เห็น
ท้องน้อย ทำหลิ่วตา ทำเลิกคิ้ว ทำเม้มปาก ทำแลบลิ้น ทำขยายผ้าและ
กลับนุ่งผ้า ทำสยายและมุ่นผม.

ดูก่อนสหายปุณณมุขะเอ๋ย นักปราชญ์พึงทราบเถิดว่า หญิงเป็นคน
ประทุษร้ายด้วยฐานะ ๒๕ อย่าง คือ ย่อมพรรณนาการไปแรมคืนของสามี
ย่อมไม่แสดงความยินดีต่อสามีที่กลับมาถึง ย่อมกล่าวโทษสามี ย่อมไม่กล่าว
คุณงามความดีแห่งสามี ย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่สามี ย่อมไม่

ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสามี ย่อมกระทำกิจที่ไม่สมควรแก่สามี ย่อมไม่
ทำกิจที่สมควรแก่สามี ย่อมคลุมหัวนอนเบือนหน้าหนี ย่อมนอนพลิกกลับไป
กลับมา ย่อมนอนถอนใจยาวทำวุ่นวาย ย่อมทำระทมทุกข์ ย่อมไปถ่ายอุจจาระ
ปัสสาวะบ่อย ๆ ย่อมประพฤติตรงกันข้าม ย่อมเงี่ยหูฟัง เพราะได้ยินคนอื่นพูด

ย่อมล้างผลาญทรัพย์สมบัติ ย่อมทำทอดสนิทชิดชมกับชายผู้คุ้นเคย ย่อมออก
นอกบ้านเสมอ ย่อมประพฤติผิดจากความดี ย่อมประพฤตินอกใจไม่เคารพใน


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สามีและคิดประทุษร้าย ย่อมยืนที่ประตูเนือง ๆ ย่อมทำให้ชายอื่นเห็นรักแร้
ย่อมทำให้ชายอื่นเห็นนม ย่อมไปเพ่งมองดูทิศต่าง ๆ ดูก่อนสหายปุณณมุขะ
บัณฑิตพึงทราบเถิดว่า หญิงเป็นคนประทุษร้ายด้วยฐานะ ๒๕ อย่างเหล่านี้
มีคาถาประพันธ์กล่าวฐานะ ๒๕ อย่างเหล่านี้ไว้อีกส่วนหนึ่งว่า

หญิงย่อมเป็นคนประทุษร้ายด้วยฐานะ ๒๕ อย่าง
คือ ย่อมพรรณนาการไปแรมทางไกลของสามี เมื่อ
สามีไปแล้วก็ไม่เศร้าโศกถึง ครั้นเห็นสามีกลับมาก็ไม่
แสดงความยินดี ย่อมไม่กล่าวถึงคุณงามความดีของ
สามีในกาลไหน ๆ เลย เหล่านี้เป็นลักษณะของหญิง
ผู้ประทุษร้ายสามี หญิงเป็นผู้ไม่สำรวม ย่อมประพฤติ

สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่สามี ย่อมทำประโยชน์ของ
สามีให้เสื่อม ย่อมกระทำกิจที่ไม่สมควรแก่สามี ย่อม
คลุมหัวนอนเบือนหน้าไปทางอื่น เหล่านี้เป็นลักษณะ
ของหญิงผู้ประทุษร้ายสามี ย่อมนอนพลิกกลับไป
กลับมา นอนถอนหายใจทำวุ่นวาย ย่อมทำระทมทุกข์
ย่อมไปอุจจาระปัสสาวะบ่อย ๆ เหล่านี้เป็นลักษณะ

ของหญิงผู้ประทุษร้ายสามี ย่อมประพฤติตรงกันข้าม
ไม่กระทำกิจที่สมควรทำแก่สามี ย่อมเงี่ยหูฟังเมื่อผู้อื่น
พูด ล้างผลาญทรัพย์สมบัติ กระทำความสนิทสนม
กับชายอื่น เหล่านี้เป็นลักษณะของหญิงผู้ประทุษร้าย
สามี ย่อมกระทำทรัพย์สมบัติที่สามีได้มาโดยความยาก

ลำบาก ทำมาได้โดยฝืดเคือง เก็บสะสมไว้ได้ด้วย
ความยากแค้นให้พินาศไป อนึ่ง ย่อมกระทำความ
สนิทสนมกับชายอื่นที่คุ้นเคยกัน เหล่านี้เป็นลักษณะ
ของหญิงผู้ประทุษร้ายสามี ย่อมออกนอกบ้านเสมอ


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ประพฤติผิดจากความดี มีจิตคิดประทุษร้ายในสามีอยู่
เป็นนิตย์ เป็นผู้ประพฤตินอกใจไม่เคารพ เหล่านี้
เป็นลักษณะของหญิงผู้ประทุษร้ายสามี นางย่อมยืนอยู่
ที่ใกล้ประตูเนือง ๆ แสดงนมบ้าง รักแร้บ้าง มีจิต
วอกแวกเพ่งดูทิศต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นลักษณะของ
หญิงผู้ประทุษร้ายสามี แม่น้ำทั้งปวงมีทางไปอัน

คดเคี้ยว และป่ารกเรี้ยวด้วยต้นไม้ ฉันใด หญิงทั้งปวง
เมื่อได้ช่องที่ลับ ก็ย่อมทำกรรมอันลามกได้ฉันนั้น
ถ้าว่าได้โอกาส ได้ที่ลับ หรือได้ช่องเช่นนั้นแล้ว ที่
หญิงทั้งปวงจะไม่ทำลามกไม่มีเลย ไม่ได้คนอื่นก็ทำ
กับคนเปลี้ย ในจำพวกนารีที่หลายใจ ไม่มีใครข่มขี่ได้

เป็นผู้กระทำให้เกิดความยั่วยวนแก่ชายทั้งหลาย หาก
นารีพวกใดถึงจะทำให้เกิดปีติได้โดยประการทั้งปวงก็ดี
ก็ไม่ควรระเริงด้วย เพราะว่านารีเหล่านั้นเสมอด้วย
ท่าน้ำ.

พระอรรถกถาจารย์กล่าวอธิบายไว้ว่า คำว่า โคผู้ โคนม ท่าน
กล่าวไว้ด้วยอำนาจลิงควิปลาส. คำว่า ภริยาย่อมประทุษร้ายตระกูลญาติ
อธิบายว่า นางเป็นผู้ไม่มีความกลัว ย่อมประพฤติอนาจารแม้กับพวกทาส
เป็นต้นที่คุ้นเคยกัน ในตระกูลญาตินั้นจำเดิมแต่กาลที่ตนเป็นเด็กทีเดียว ถึง

พวกญาติจะรู้ ก็มิได้กระทำการข่มขี่ ปิดบังเสียซึ่งโทษอันมิใช่เกียรติของตน
ย่อมทำเป็นเหมือนไม่รู้. คำว่า ใช้ประโยชน์ไม่ได้ อธิบายว่า หวัง
ประโยชน์ไม่ได้ ไม่พึงได้ประโยชน์เลย คือกระทำกิจไม่ได้. คำว่า ไม่มีสาย
คือธนูที่ปราศจากสาย. คำว่า สหายลามก หมายถึงมิตรชั่ว คำว่า เพราะ

ความจน คือ เพราะความขัดสน แม้ในบททั้งหมดก็มีนัยเหมือนกัน อธิบาย
ความในคาถานั้นว่า สามีที่ยากจน ย่อมไม่อาจที่จะช่วยเหลือตนได้ด้วยกิเลส
เพราะเครื่องประดับเป็นต้นไม่มี เพราะฉะนั้น ภรรยาจึงดูหมิ่นสามีด้วยประการ
ฉะนี้ แม้สามีที่เจ็บป่วย ก็ไม่อาจจะช่วยเหลืออะไรได้ด้วยวัตถุกามและกิเลส

กาม สามีที่แก่เฒ่าชรา ก็ไม่สามารถที่จะหยอกเย้าและทำความยียวนให้เกิดขึ้น
ได้ทั้งทางกายและทางจิต สามีที่เป็นนักเลงสุรา ก็มักพาเอาเครื่องประดับมี


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 106, 107, 108, 109, 110, 111, 112 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร