วันเวลาปัจจุบัน 13 ก.ย. 2025, 18:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 149, 150, 151, 152, 153, 154, 155 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 13:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
วิธีชื่อว่ายัญสูตร. บทว่า เอตญฺเจ สจจํ ความว่า หากจะพึงมีความจริงไซร้
ก็จะพึงมีเป็นต้นว่า นั่นเป็นสิ่งประเสริฐ ด้วยการที่ท่านอ้างเอาเอง. บทว่า
นาติขตฺติโย ความว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ไม่ใช่กษัตริย์ จะครองรัฐไม่ได้ แม้
ผู้ที่ไม่ใช่พราหมณ์ ก็ศึกษาบทมนต์ไม่ได้. บทว่า มุสวิเม ตัดเป็น มุสาว อิเม.
บทว่า โอทริยา ความว่า พวกคนหาเลี้ยงท้อง หรือเพราะเหตุจะให้เต็มท้อง

บทว่า ตทปฺปญฺา ความว่า เขากล่าวไว้ว่าคนพวกนั้น คือคนไม่มีปัญญา.
บทว่า อตฺตนาว ความว่า ส่วนบัณฑิตทั้งหลาย ย่อมเห็นด้วยตนเองคำของพวก
นั้นเป็นคำมีโทษ จึงไม่หลงเชื่อ. บทว่า ตํ ตาทิสํ ได้แก่ คำนั้นคือเห็นปานนั้น.
บทว่า สํขุภิตํ ความว่า เพราะเหตุไร พระพรหมของท่านนั้น จึงไม่ทำโลก
อันกำเริบแตกต่างกันที่ตั้งทำลายมารยาทที่พรหมตั้งไว้ให้ตรง. บทว่า อลกฺขึ

ความว่า เพราะเหตุไร พระพรหมของท่านจึงสร้างโลกทั้งปวงให้เป็นทุกข์. บทว่า
สุขํ ความว่า เพราะเหตุไร พระพรหมของท่าน จึงไม่สร้างโลกทั้งปวงให้รับแต่
ความสุขโดยส่วนเดียว พระพรหมของท่านเห็นจะเป็นโจรผู้ทำให้โลกพินาศ
บทว่า มายา ได้แก่ มารยา. บทว่า อธมฺเมน กิมตฺถการี ความว่า เพราะ
เหตุไร พระพรหมของท่านจึงทำโลกทั้งปวงให้พินาศ คือประกอบไว้ในทาง

ไร้ประโยชน์ ด้วยอรรถมีมารยาเป็นต้นนี้. บทว่า อริฏฺ€ ความว่า ดูก่อน
อริฏฐะ ผู้เป็นใหญ่ของท่านไม่ประกอบด้วยธรรม ซึ่งเมื่อกุศลธรรม ๑๐ ประการ
มีอยู่ ไม่จัดแจงธรรมเลย จัดแจงแต่อธรรม. คำในบทว่า กีฏา เป็นต้น
เป็นปฐมาวิภัติ ใช้ในอรรถแห่งทุติยาวิภัติ. คนฆ่าสัตว์มีตั๊กแตนเป็นต้นเหล่า

นั้น ย่อมบริสุทธิ์ ย่อมไปสู่สวรรค์ ก็ธรรมเหล่านั้นเป็นของคนมาก ผู้ไม่ใช่
พระอริยะ มีชาวแคว้นกัมโพชเป็นต้น. แต่ธรรมเหล่านั้นไม่แท้ ไม่เป็นธรรม
กล่าวว่าเป็นธรรม ธรรมเหล่านั้นเป็นของที่พรหมของท่านสร้างขึ้น.
บัดนี้ พระภูริทัตเมื่อจะแสดงความไม่จริงแห่งธรรมเหล่านั้น
จึงกล่าวเป็นคาถาว่า


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ถ้าแหละคนฆ่าเขาแล้วย่อมบริสุทธิ์ และผู้ถูก
ฆ่าย่อมเข้าถึงแดนสวรรค์ พวกพราหมณ์ก็พึงฆ่าพวก
พราหมณ์ด้วยกันเสียซิ หรือพึงฆ่าพวกที่หลงเชื่อถ้อย
คำ ของพราหมณ์ด้วยกันเสียซิ พวกเนื้อ ปศุสัตว์
และโคตัวไหน ๆ ไม่ได้อ้อนวอนเพื่อให้ฆ่าตนเลย
ล้วนแต่ดิ้นรนต้องการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ชนทั้งหลาย

ย่อมนำเอาสัตว์และปศุสัตว์เข้าผูกที่เสายัญ พวกคน
พาล ย่อมยื่นหน้าเข้าไปที่เสาบูชายัญ เป็นที่ผูกสัตว์
ด้วยการพรรณนาต่าง ๆ ว่า เสายัญนี้จะให้สิ่งที่น่าใคร่
แก่ท่าน ในโลกหน้า จะเป็นของยั่งยืนในสัมปรายภพ
ถ้าว่าบุคคลพึงได้แก้วมณี สังข์ มุกดา ข้าวเปลือก

ทรัพย์ เงิน ทอง ที่เสายัญ ในไม้แห้ง และไม้สดไซร้
อนึ่ง เสายัญจะพึงให้ สิ่งที่น่าใคร่ทั้งปวงในไตรทิพย์
ได้ พราหมณ์เท่านั้นพึงบูชายัญ ผู้ที่ไม่ใช่พราหมณ์
ก็จะไม่พึงให้พราหมณ์บูชายัญอะไร ๆ เลย แก้วมณี
สังข์ มุกดา ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงิน ทอง จักมีที่

เสายัญ ที่ไม้แห้ง ที่ไม้สด ที่ไหน เสายัญจะพึงให้
สิ่งที่น่าใคร่ทั้งปวง ในไตรทิพย์ที่ไหน พราหมณ์
เหล่านี้เป็นคน โอ้อวด หยาบช้า โง่เขลา โลภจัด
ยื่นหน้าเข้าไปด้วยการพรรณนาต่าง ๆ ว่า จงถือเอา
ไฟมา และจงให้ทรัพย์แก่เรา แต่นั้นท่านให้สิ่งที่น่า

ใคร่ทั้งปวงแล้ว จักมีความสุข พวกที่โกนผม
โกนหนวดและตัดเล็บ พาพระราชาหรือมหาอำมาตย์


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เข้าไปในโรงบูชาไฟ ยื่นหน้าเข้าไปด้วยการพรรณนา
ต่าง ๆ ย่อมถือเอาทรัพย์ด้วยเวท พวกพราหมณ์ผู้
โกหก พอหลอกลวงได้คนหนึ่งก็มาประชุมกินกันเป็น
อันมากเหมือนฝูงกาตอมนกเค้า หลอกเอาจนเกลี้ยง
แล้ว เก็บไว้ที่บริเวณบูชายัญ พวกพราหมณ์ลวงผู้นั้น
ได้คนหนึ่งอย่างนี้แล้ว ก็พากันมาเป็นอันมาก ใช้

ความพยายามล่อหลอกพรรณนา ด้วยสิ่งที่ไม่แลเห็น
ปล้นเอาทรัพย์ที่แลเห็นไป เหมือนพวกราชบุรุษที่พระ
ราชาสอนให้เก็บส่วย เก็บเอาทรัพย์ของพระราชาไป
ฉะนั้น ดูก่อนอริฏฐะ พราหมณ์เช่นนั้นเป็นเหมือน
โจร ไม่ใช่สัตบุรุษ เป็นผู้ควรจะฆ่าเสีย แต่ไม่มีใคร

ฆ่าในโลก พวกพราหมณ์กล่าวว่า ไม้ทองหลางเป็น
แขนขวาของพระอินทร์ จึงตัดเอาไม้ทองหลางมาใช้
ในยัญนี้ ถ้าคำนั้นเป็นคำจริง พระอินทร์ก็แขนขาด
ทำไมพวกพระอินทร์จึงชนะพวกอสูร ด้วยกำลังแขน
นั้นได้ คำนั้นเป็นคำเท็จ พระอินทร์ยังมีแขนพร้อม

เป็นเทวดาชั้นดีเลิศ ไม่มีใครฆ่าได้ กำจัดอสูรได้
มนต์ของพราหมณ์เหล่านี้เหลวเปล่า หลอกลวงกันให้
เห็นได้เฉพาะในโลกนี้ ภูเขามาลาคิรี ขุนเขาหิมวันต์
ภูเขาวิชฌะ ภูเขาสุทัสสนะ ภูเขานิสภะ ภูเขากากเวรุ
ภูเขาเหล่านี้และภูเขาใหญ่อื่น ๆ ที่กล่าวกันว่า พวก

พราหมณ์ผู้บูชายัญก่อสร้างไว้ ที่กล่าวกันว่า พวก
พราหมณ์ผู้บูชายัญเอาอิฐเช่นใดมาสร้างภูเขา อิฐเช่น
นั้นก็ไม่ใช่ธรรมชาติของภูเขา ภูเขาเป็นอย่างอื่น ไม่
หวั่นไหว เห็นได้ชัด ๆ ว่าเป็นหิน ไม่ใช่อิฐ เป็น
หินมานมนาน เหล็กและโลหะย่อมไม่เกิดในอิฐ ที่
พวกพราหมณ์สรรเสริญยัญกล่าวไว้ว่า ผู้บูชายัญก่อ


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สร้างไว้ ชนทั้งหลายเรียกพราหมณ์ผู้ทรงเวท ผู้เข้า
ถึงคุณแห่งมนต์ ผู้มีตบะในโลกนี้ว่า ผู้ประกอบใน
การขอ มหาสมุทรซัดท่วมพราหมณ์นั้น ผู้กำลังตระ-
เตรียมน้ำอยู่ที่ฝั่งมหาสมุทร เพราะเหตุนั้น น้ำใน
มหาสมุทรจึงดื่มไม่ได้ แม่น้ำพัดเอาพราหมณ์ ผู้เรียน
เวท ทรงมนต์ ไปเกินกว่าพัน เหตุไรน้ำในแม่น้ำจึง
มีรสไม่เสีย มหาสมุทรเท่านั้นดื่มไม่ได้ บ่อน้ำทั้งหลาย

ในมนุษย์โลกนี้ ที่เขาขุดไว้เกิดเป็นน้ำเค็มก็มี แต่ไม่
ใช่เค็มเพราะท่วมพราหมณ์ตาย น้ำในบ่อเหล่านั้นดื่ม
ไม่ได้ เป็นน้ำรู้รสสองอย่าง ครั้งดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่
ปฐมกัป ใครเป็นภรรยาใคร ใครได้ให้มนุษย์เกิดขึ้น
ก่อน โดยธรรมแม้นั้น ใคร ๆ ไม่เลวไปกว่าใคร

ท่านกล่าวจำแนกส่วนไว้อย่างนี้ แม้ลูกคนจัณฑาลก็
พึงเรียนเวท สวดมนต์ได้ (ถ้า) เป็นคนฉลาด มีความ
คิด หัวของเขาก็ไม่พึงแตกเจ็ดเสี่ยง มนต์เหล่านี้พวก
พรหมสร้างไว้เพื่อฆ่าตน เป็นการสร้างแต่ปาก เป็น
การสร้างยึดถือไว้ด้วยความโลภ เปลื้องได้ยาก เข้า

ถึงคลอง ด้วยคำของพวกพราหมณ์ ผู้แต่งกาพย์กลอน
จิตของพวกคนโง่ ยังหลงใหลในทางลุ่ม ๆ ดอน ๆ คน
ไม่มีปัญญาเชื่อเอาจริงจัง ราชสีห์ เสีอโคร่ง เสือ-
เหลือง มีกำลังอย่างลูกผู้ชาย พราหมณ์ไม่มีกำลังเช่น
นั้นเลย ความเป็นมนุษย์ของพราหมณ์เหล่านั้น พึง

เห็นเหมือนของโค ชาติของพรหมณ์เหล่านั้นเท่านั้น
ไม่มีใครเสมอ สิ่งอื่น ๆ เสมอกันหมด ถ้าแหละพระ
ราชาทรงชำนะหมู่ศัตรูได้ โดยลำพังพระองค์เอง
ประชาราษฏร์ของพระราชานั้นพึงมีสุขอยู่เสมอ มนต์


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ของกษัตริย์ และไตรเพทเหล่านี้ มีความหมายเสมอ
กัน ถ้าไม่วินิจฉัยความแห่งมนต์ และไตรเพทนั้นก็
ไม่รู้ เหมือนทางที่น้ำท่วม มนต์ของกษัตริย์และไตร
เพทเหล่านี้ มีความหมายเสมอกัน ลาภ ไม่มีลาภ
ยศ ไม่มียศ ทั้งหมดเทียวเป็นธรรมดาของวรรณะทั้ง ๔
นั้น พวกคฤหบดี ใช้คนจำนวนมากให้ทำการงานใน

แผ่นดิน เพราะเหตุแห่งทรัพย์และข้าวเปลือก ฉันใด
แม้พวกพราหมณ์ผู้ทรงไตรเพท ก็ฉันนั้น ย่อมใช้คน
เป็นจำนวนมาก ให้ทำการงานในแผ่นดิน ในวันนี้
พราหมณ์เหล่านั้นเสมอกันกับคฤหบดี มีความขวน
ขวายประกอบในกามคุณเป็นนิตย์ ใช้คนจำนวนมาก
ให้ทำการงานในแผ่นดินเหมือนกัน พราหมณ์เหล่านั้น
เป็นผู้รู้รสสองอย่าง หาปัญญามิได้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โภวาที ได้แก่พวกพราหมณ์. บทว่า
โภวาทินมารเภยฺยุํ ความว่า พึงฆ่าแต่พวกพราหมณ์เท่านั้น บทว่า เยวาปิ
ความว่า ก็หรือว่า พวกใดพึงเชื่อถ้อยคำของพวกพราหมณ์พวกพราหมณ์พึงฆ่า
แต่พวกผู้อุปัฏฐากนั้นเท่านั้น ส่วนพราหมณ์ไม่ฆ่าพวกพราหมณ์และพวก

อุปัฏฐาก ฆ่าแต่สัตว์ดิรัจฉาน ซึ่งมีประการต่าง ๆ เท่านั้น ดังนั้น คำของพวก
พราหมณ์เหล่านั้นจึงผิด. บทว่า เกจิ ความว่า พวกไหน ๆ ที่จะร้องขอว่า
ขออย่าฆ่าพวกเราเลย พวกเราจักไปสวรรค์ ย่อมไม่มีในยัญทั้งหลาย. บทว่า
ปาเณ ปสุมารภนฺติ ความว่า ย่อมฆ่าพวกเนื้อเป็นต้น และปศุสัตว์ซึ่ง
กำลังดิ้นรนอยู่ เลี้ยงชีพ. บทว่า มุขํ นยนฺติ ความว่า คนพาลทั้งหลาย

ย่อมนำเอาสัตว์และปศุสัตว์ สิ่งของทั้งหมด เช่น แก้วมณี สังข์ แก้วมุกดา
ทรัพย์ ข้าวเปลือก เงินทอง ที่จัดแจงไว้ทั้งหมด ยื่นหน้าไปกล่าวคำนั้น ๆ
ถือผิด ๆ ด้วยเห็นเข้าใจไปว่า สิ่งนี้จักให้สิ่งที่น่าใคร่แก่ท่านในโลกหน้า และ
จักนำมาซึ่งความเป็นของเที่ยงแท้แน่นอน. บทว่า สเจ จ ความว่า ถ้าพึง


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ได้แก้วมณีเป็นต้นนี้ที่เสาหรือที่ไม้นอกนั้นหรือว่าเสาเป็นต้นนั้น พึงให้ไตร-
ทิพย์หรือสิ่งที่น่าใคร่ทั้งปวง หมู่พวกที่ไตรวิชาเป็นอันมาก จะพึงบูชายัญ
เพราะมีทรัพย์มากและใคร่ต่อสวรรค์ ไม่พึงให้พราหมณ์อื่นบูชา, ก็เพราะเหตุ
ที่หวังแต่ทรัพย์เพื่อตนจึงไม่ให้ผู้อื่นบูชา ฉะนั้นพึงทราบว่า อภูตวาทิโน ผู้
กล่าวสิ่งซึ่งไม่มีจริงเป็นจริง. บทว่า กุโต จ ความว่า สิ่งทั้งปวงมีแก้วมณีเป็น
ต้นนี้ไม่มีที่เสา หรือที่ไม้นอกนั้นเลย จักรีดเอาไตรทิพย์อันเป็นสิ่งให้ความ

ใคร่ทั้งปวงได้แต่ที่ไหน คำของพวกนั้น ไม่จริงทั้งนั้นแม้โดยประการทั้งปวง.
บทว่า ส€า จ ลุทฺทา ปลุทฺธพาลา ความว่า ดูก่อนอริฏฐะ ขึ้นชื่อว่า
พราหมณ์เหล่านี้เป็นผู้หลอกลวง ไร้กรุณาปราณี คนพาลเหล่านั้น ล่อลวงโลก
ตลบตะแลงยื่นหน้าไปด้วยเหตุต่าง ๆ. บทว่า สพฺพกาเม ความว่า ท่านจง
เอาไฟบูชา และให้สิ่งเครื่องปลื้มใจแก่เรา. บทว่า ตโต สุขี ความว่า
ท่านจงให้สิ่งซึ่งน่าใคร่ทั้งปวงแล้วจงมีความสุข. บทว่า ตมคฺคิหุตฺตํ สรณํ

ปวิสฺส ความว่า จงพาพระราชา หรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชา. เข้าไปโรงบูชา
ไฟ เข้าไปยังที่มิใช่เรือน. บทว่า โอโรปยิตฺวา ความว่า พรรณนาเหตุ
ต่าง ๆ โกนผมโกนหนวดตัดเล็บ. บทว่า อติคาฬฺหยนฺติ ความว่า อาศัย
เวท ๓ ตามที่กล่าวแล้ว พลางกล่าวว่า สิ่งนี้ควรให้ สิ่งนี้ควรทำ ปราบปราม
ทำให้พินาศ คือกำจัดทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันเป็นของผู้นั้น. บทว่า อนฺนานิ

โภตฺวา กหุกา กุหิตฺวา ความว่า ผู้หลอกลวงเหล่านั้น กระทำกรรมคือ
การหลอกลวงมีประการต่าง ๆ มาประชุมร่วมกันพรรณนายัญ หลอกลวงผู้ให้
บริโภคโภชนะดี ๆ มีรสเลิศ อันเป็นของผู้นั้น ครั้นแล้วทำผู้นั้นให้เป็นคนโล้น
แล้วปล่อยเข้าไปในทางยัญ อธิบายว่า พาไปยังหลุมยัญในภายนอก. บทว่า
โยคโยเคน ความว่า พราหมณ์เหล่านั้นประชุมกันเป็นอันมากแล้ว หลอก


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 13:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ลวงผู้นั้นได้คนหนึ่ง ด้วยความพยายามนั้น ๆ คือการประกอบนั้น ๆ พรรณนา
หลอกลวงทรัพย์ของผู้นั้นที่เห็นประจักษ์ และเทวโลกที่ไม่เห็น ด้วยเทวโลกที่
ไม่เห็น ทำให้เป็นสถานเทวดา. บทว่า อกาสิยา ราชูหิ วานุสิฏฺ€า
ความว่า ถูกพระราชาหรืออำมาตย์ของพระราชา พร่ำสอนว่า พวกท่านจงถือ
เอาพลีกรรมของเรานี้และนี้ เป็นเหมือนราชบุรุษ กล่าวคือคนผู้เก็บส่วย

บทว่า ตทสฺส ความว่า ได้ถือเอาทรัพย์ของผู้นั้นไป. บทว่า โจรสฺมา
ความว่า ผู้ถือเอาพลีที่ไม่เป็นจริง เป็นเหมือนโจรตัดที่ต่อ. บทว่า วชฺฌา
ความว่า บาปธรรมเห็นปานนี้ควรฆ่า แต่ไม่ถูกฆ่าในโลกเหล่านี้. บทว่า
พาหารสิ ตัดเป็นพาหา อสิ ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ว่า ดูก่อนอริฏฐะ ท่านจงดู
มุสาวาทของพราหมณ์แม้นี้ เล่ากันมาว่า พราหมณ์เหล่านั้น กล่าวกำใบไม้ใหญ่

ในยัญทั้งหลาย ว่าท่านเป็นแขนขวาของพระอินทร์จึงตัดเสีย หากคำของ
พราหมณ์เหล่านั้น นั้นเป็นความจริง เมื่อเป็นเช่นนั้น จะเป็นมีผู้แขนขาด
พระอินทร์ชนะอสูร เพราะกำลังแขนได้อย่างไร. บทว่า สมงฺคี ความว่า
ผู้พรั่งพร้อมด้วยแขน ไม่ขาดแขนไม่มีโรคเลย. บทว่า หนฺตฺวา ได้แก่ ฆ่าพวก
อสูร. บทว่า ปรโม ความว่า เป็นผุ้สูงสุด คือประกอบด้วยบุญฤทธิ์ ไม่

ฆ่าคนเหล่าอื่น. บทว่า พฺราหฺมณา ได้แก่มนต์ของพราหมณ์ทั้งหลาย.
บทว่าตุจฺฉรูปา ได้แก่ ความว่างเปล่า คือไม่มีผล. บทว่า วญฺจนา ได้แก่
ความล่อลวงที่เห็นกันได้ในโลกนี้ ชื่อว่าเป็นมนต์ของพราหมณ์เหล่านั้น. บทว่า
ยถาปการานิ ความว่า พราหมณ์บูชายัญถือเอาอิฐอย่างใดอย่างหนึ่งก่อสร้าง

กระทำไว้. บทว่า ทิฏฺ€เสลา ความว่า จริงอยู่ ภูเขาทั้งหลาย ไม่หวั่นไหว
เห็นได้เองไม่มีใครก่อสร้างขึ้น เป็นแท่งทึบ และล้วนแล้วด้วยหิน ไม่กลาย
เป็นอย่างอื่น อิฐทั้งหลายหวั่นไหว ไม่เป็นแท่งทึบ ไม่ล้วนแล้วแต่หิน.
บทว่า ปริวณฺณยนฺตา ความว่า พราหมณ์ทั้งหลายพรรณาถึงยัญนี้. บทว่า
สมนฺตเวเท ได้แก่พวกพราหมณ์ผู้มีเวทบริบูรณ์. บทว่า วหนฺติ ความว่า


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 13:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ย่อมพัดผู้ที่ตกไปในกระแสน้ำก็ดี ในแม่น้ำวนก็ดีไปสู่แม่น้ำ ให้จมลง ให้ถึง
ความสิ้นชีวิต. น อักษร ศัพท์หนึ่งในบทว่า น เตน พฺยาปนฺนรสูทกานิ
นี้ เป็นนิบาต ใช้ในอรรถว่าเข้าไปตัด. จริงอยู่เมื่อถามท่านว่า แม่น้ำมีน้ำมีรส
วิบัติเพราะเหตุนั้นมิใช่หรือจึงกล่าวอย่างนั้น. บทว่า กสฺมา ความว่า ดูก่อน
เพราะเหตุไร น้ำในมหาสมุทรจึงทำให้ดื่มไม่ได้ มหาพราหมณ์ไม่สามารถจะทำ

น้ำในแม่น้ำทั้งหลายมีแม่น้ำยมุนาเป็นต้นให้ดื่มไม่ได้เท่านั้นหรือ หรือว่าสามารถ
แต่ในมหาสมุทรเท่านั้น. บทว่า ทิรสญฺราหุ ความว่า เป็นน้ำรู้รส ๒ อย่าง.
บทว่า ปเร ปุรตฺถ ความว่า ก่อนแต่นี้ คือประโยชน์ในเบื้องหน้าเขาทั้งปวง
ได้แก่ ในกาลแห่งปฐมกัป. บทว่า กา กสฺส ภริยา ความว่า เป็นภรรยา
ของใครชื่อไร ? จริงอยู่ในกาลนั้น ไม่มีเพศหญิงและเพศชายเลย ภายหลัง

เกิดชื่อว่ามารดาและบิดา ด้วยอำนาจอสัทธรรม. บทว่า มโน มนุสฺสํ ความ
ว่า ก็ในกาลนั้นให้เกิดเป็นมนุษย์ อธิบายว่า สัตว์ทั้งหลายสำเร็จด้วยใจบังเกิด
ขึ้น. บทว่า เตนาปิ ธมฺเมน ความว่า ด้วยเหตุแม้นั้นคือโดยสภาวะนั้น
ใคร ๆ ชื่อว่า เลวโดยชาติย่อมไม่มี จริงอยู่ในกาลนั้นความต่างแห่งกษัตริย์
เป็นต้น หามีไม่ เพราะเหตุนั้น พราหมณ์ทั้งหลายกล่าวคำใดไว้ว่า พราหมณ์

เท่านั้นประเสริฐโดยชาติ คนนอกนั้นเลว เพราะเหตุนั้นคำนั้นจึงชื่อว่าผิด.
บทว่า เอวมฺปิ ความว่า เมื่อโลกเป็นไปอย่างนี้ กษัตริย์เป็นต้นจึงแบ่งเป็น
๔ ส่วนด้วยอำนาจละวัตรอันเป็นของโบราณ ภายหลังจึงกำหนดตัดขาดกระทำ
ด้วยตนเอง. บทว่า เอวํปิ โวสฺสคฺควิภงฺคมาหุ ความว่า พราหมณ์กล่าว
จำแนกไว้อย่างนี้ว่า ด้วยการสละกรรมที่ตนกระทำไว้บรรดาสัตว์เหล่านั้น


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บางพวกเกิดเป็นกษัตริย์ บางพวกเป็นพราหมณ์เป็นต้น เพราะฉะนั้นคำว่า
พวกพราหมณ์เท่านั้นประเสริฐจึงผิดทีเดียว. บทว่า สตฺตธา ความว่า ถ้าว่า
มหาพรหมให้ไตรเพทแก่พวกพราหมณ์เท่านั้น ไม่ให้แก่พวกอื่น ศีรษะของ
จัณฑาลผู้กล่าวมนต์จะพึงแตก ๗ เสี่ยง แต่ก็ไม่แตก เพราะฉะนั้น พราหมณ์
เหล่านี้ สร้างมนต์ขึ้นเพื่อฆ่าตนเอง ประกาศความที่ตนกล่าวมุสาแก่พวกนั้น

จึงชื่อว่า กระทำการฆ่าคุณ. บทว่า วาจา กตา ความว่า ชื่อว่ามนต์เหล่า
นี้อันพวกพราหมณ์คิดทำด้วยมุสาวาท. บทว่า คิทฺธิ กตา คหิตา
ความว่า ชื่อว่าอันพวกพราหมณ์ยึดถือ โดยความเป็นผู้ติดอยู่ในลาภ. บทว่า
ทุมฺโมจยา ความว่า เปลื้องได้ยาก เหมือนปลาติดเบ็ดฉะนั้น. บทว่า
กาพฺยาปถานุปนฺนา ความว่า ดำเนินตามคือเข้าถึงทางแห่งถ้อยคำของพวก

พราหมณ์ผู้แต่งกาพย์กลอน พวกพราหมณ์เหล่านั้นกล่าวมุสาผูกขึ้นโดยประการ
ที่ตนปรารถนา. บทว่า พาลานํ ความว่า ก็จิตของคนโง่เหล่านั้น ยังตั้งไว้ผิด
ลุ่ม ๆ ดอนๆ พวกไม่มีปัญญาเหล่าอื่นย่อมเชื่อคำของคนโง่นั้น.บทว่า โปริสยพเลน
ความว่า ด้วยกำลังกล่าวคือความเป็นบุรุษ ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ว่า ราชสีห์เป็น
ต้น ผู้ประกอบด้วยกำลังซึ่งเป็นของบุรุษ กล่าวคือเรี่ยวแรงแห่งบุรุษ ย่อมไม่มี

แก่พราหมณ์. คนพาลทั้งหมดเลวกว่า แม้กว่าพวกเดียรัจฉานเหล่านี้ทีเดียว.
บทว่า มนุสฺสภาโว จ ควํว เปกฺโข ความว่า ก็อีกอย่างหนึ่งภาวะแห่ง
ความเป็นมนุษย์ของพวกพราหมณ์เหล่านั้นพึงเห็นเหมือนฝูงโค. ถามว่า เพราะ
เหตุอะไร ? แก้ว่า เพราะชาติของพราหมณ์เหล่านั้นไม่เสมอกัน อธิบายว่า
ชาติของผู้เสมอกับพวกพราหมณ์เหล่านั้นไม่เสมอกัน เพราะพวกพราหมณ์


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เหล่านั้นมีปัญญาทราม ความจริง สัณฐานของพวกโคก็อย่างหนึ่ง ของพวก
พราหมณ์เหล่านั้นก็อย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น ท่านจึงไม่กระทำพราหมณ์เหล่า
นั้นแม้ให้เสมอกัน ในจำพวกเดียรัจฉานมีสีหะเป็นต้น กระทำให้เสมอกันกับ
โคเท่านั้น. บทว่า สเจ ราชา ความว่า ดูก่อนอริฏฐะ ถ้าว่า
กษัตริย์เท่านั้น ปกครองแผ่นดิน โดยภาวะที่มหาพรหมให้ไซร้. บทว่า

สชีววา ความว่า ประกอบด้วยอำมาตย์เป็นอยู่ร่วมกัน. บทว่า อสฺสวา
ปาริสชฺโช ความว่า พึงเป็นผู้ใช้คนผู้ทำตามโอวาทของตน เมื่อเป็นเช่นนั้น
บริษัทของพระราชา ชื่อว่าพึงรบแล้วให้ราชสมบัติแก่พระราชา ไม่พึงมี. พระ
ราชาพระองค์นั้นผู้เดียวเท่านั้นพึงชนะหมู่ศัตรูด้วยพระองค์เท่านั้น เมื่อการรบ

มีอยู่อย่างนี้ ประชาราษฏร์ของพระองค์ พึงมีความสุขเป็นนิตย์ เพราะไม่มี
ความทุกข์ และข้อนั้นไม่เป็นความจริง แม้เพราะเหตุนั้น คำของพวก
พราหมณ์เหล่านั้น ย่อมผิด. บทว่า ขตฺติยมนฺตา ความว่า ราชศาสตร์และ
ไตรเพทเหล่านั้นที่เป็นไปตามอำนาจราชอาณาตามความชอบใจของตนว่าสิ่งนี้
เท่านั้นควรทำ ย่อมมีความหมายเสมอกัน. อวินิจฺฉินิตฺวา ความว่า กษัตริย์

ไม่วินิจฉัยความหมายของมนต์แห่งกษัตริย์เหล่านั้น และความหมายของเวท
ทั้งหลาย ถือเอาด้วยอำนาจอาชญาเท่านั้นย่อมหยั่งรู้ถึงความหมายนั้น เหมือน
ทางที่ถูกห้วงน้ำตัดขาดฉะนั้น. บทว่า อตฺเถน เอเต ความว่า ราชศาสตร์
และเวทเหล่านั้น ย่อมเสมอกันด้วยความหมายว่า หลอกลวง. เพราะเหตุไร ?

เพราะพวกพราหมณ์กล่าวว่า พวกพราหมณ์เท่านั้นเป็นผู้ประเสริฐ วรรณะ
เหล่าอื่นเลว ก็โลกธรรมมีลาภเป็นต้นเหล่านั้นใด ทั้งหมดนั้นเป็นธรรมของ
วรรณะทั้ง ๔ ทั้งหมด จริงอยู่ แม้สัตว์ตนหนึ่งชื่อว่าพ้นไปจากโลกธรรมเหล่านี้


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 16:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ย่อมไม่มี. ดังนั้น พวกพราหมณ์จึงกล่าวมุสาวาทว่า เราผู้ไม่พ้นไปจากโลก
ธรรมนั่นแลประเสริฐ. บทว่า อิพฺภา ได้แก่คฤหบดี. บทว่า เตวิชฺชสํฆาปิ
ความว่า ฝ่ายพวกพราหมณ์ ย่อมทำกรรมเป็นอันมากมีกสิกรรมและโครักข-
กรรมเป็นต้นอย่างนั้นเหมือนกัน. บทว่า นิจฺจุสฺสุกา ความว่า เกิดความ
ขวนขวายความพอใจเป็นนิตย์. บทว่า ตทปฺปปญฺา ทิรสญฺญุรา เต

ความว่า ดูก่อนน้องชายผู้รู้รสทั้ง ๒ เพราะเหตุนั้น พวกพราหมณ์ผู้รู้รส๒อย่าง
เป็นผู้ไม่มีปัญญา พราหมณ์เหล่านั้นเป็นผู้ไกลจากธรรม ก็ธรรมของพวก
พราหมณ์แต่โบราณ ย่อมปรากฎในสุนัขในบัดนี้แล.

พระมหาสัตว์ ครั้นทำลายวาทะของพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว ให้ตั้ง
วาทะของพระองค์ด้วยประการฉะนี้ นาคบริษัททั้งหมดนั้น ได้ฟังธรรมกถา
ของพระมหาสัตว์แล้ว ก็พากันเกิดโสมนัส ฝ่ายพระมหาสัตว์จึงสั่งให้นาค
บริษัท นำพราหมณ์เนสาทออกไปจากนาคพิภพ แม้เพียงการบริภาษก็มิได้
กระทำแก่พราหมณ์นั้น.
จบยัญญเภทกัณฑ์

ฝ่ายพระเจ้าสาครพรหมทัต มิได้ล่วงเลยวันที่ทรงกำหนดไว้ เสด็จไปยัง
พระตำหนักของพระราชบิดา พร้อมด้วยจตุรงคเสนา ส่วนพระมหาสัตว์ก็สั่งให้ตี
กลองร้องประกาศว่า เราจะไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าลุง และพระเจ้าตาของเรา
แล้วก็เสด็จขึ้นจากแม่น้ำยมุนาด้วยสิริอันงามเลิศ มุ่งไปยังอาศรมบทนั้น พี่

น้องนอกนั้นกับชนกชนนี ก็ติดตามไปเบื้องหลัง ในขณะนั้น พระเจ้าสาคร
พรหมทัต ทอดพระเนตรเห็นพระมหาสัตว์ ผู้มากับนาคบริษัทเป็นอันมาก
ทรงจำไม่ได้ เมื่อจะทูลถามพระราชบิดา จึงตรัสว่า
กลอง ตะโพน สังข์ บัณเฑาะว์ และมโหรทึก
ของใคร มาข้างหน้า ทำให้พระราชา จอมทัพทรง

หรรษา ใครมีสีหน้าสุกใส ด้วยแผ่นทองคำอันหนา
มีพรรณดังสายฟ้า ชันษายังหนุ่มแน่น สอดสวมแล่ง
ธนู รุ่งเรืองด้วยสิริมาอยู่ นั่นเป็นใคร ใครมีพักตร์
ผ่องใสเพียงดังทองคำ เหมือนถ่านไฟไม้ตะเคียนซึ่ง


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ลุกโชนอยู่ที่ปากเบ้า รุ่งเรืองด้วยสิริมาอยู่ ใครนั่นมี
ฉัตรทองชมพูนุชมีซี่น่ารื่นรมย์ใจ สำหรับกันรัศมีพระ
อาทิตย์ รุ่งเรืองด้วยสิริมาอยู่ ใครนั่นมีปัญญาประเสริฐ
มีพัดวาลวิชนีอย่างยอดเยี่ยม อันคนใช้ประคอง ณ
เบื้องบนเศียรทั้งสองข้าง คนทั้งหลายถือกำหางนักยูง
อันวิจิตร อ่อนสลวย มีด้ามล้วนแล้วด้วยทอง และ

แก้วมณี จรลีมาทั้งสองข้าง ข้างหน้าของใคร กุณฑล
อันกลมเกลี้ยง มีรัศมีดังสีถ่านไม้ตะเคียนซึ่งลุกโชน
อยู่ปากเบ้า งดงามอยู่ทั้งสองข้าง ข้างหน้าของใคร
เส้นผมของใครต้องลมอยู่ไหว ๆ ปลายสนิทละเอียด
ดำ งามจดนลาต ดังสายฟ้าพุ่งขึ้นจากท้องฟ้า ใครมี
เนตรซ้ายขวากว้างและใหญ่ งาม มีพักตร์ผ่องใส ดัง

คันฉ่องทอง ใครมีโอฐสะอาดเหมือนสังข์อันขาวผ่อง
เมื่อเจรจา (แลเห็น) ฟันขาวสะอาด งามดังดอกมณ-
ฑารพตูม ใครมีมือและเท้าทั้งสองมีสีเสมอด้วยน้ำครั่ง
ตั้งอยู่ในที่สบาย มีริมฝีปากเปล่งปลั่ง ดังผลมะพลับ
งามดังดวงอาทิตย์ ใครนั่นมีเครื่องปกคลุมขาวสะอาด

ดังหนึ่งต้นสาละใหญ่ ดอกบานสะพรั่ง ข้างเขาหิม-
วันต์ในฤดูหิมะตก งามปานดังพระอินทร์ผู้ได้ชัย-
ชนะ ใครนั่น นั่งอยู่ท่ามกลางบริษัท คล้องพระแสง
ขรรค์คร่ำทอง วิจิตรด้วยด้ามแก้วมณีที่อังสา ใคร
นั่นสวมรองเท้าทอง อันวิจิตร เย็บเรียบร้อย สำเร็จ
เป็นอันดี ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อท่านผู้แสวงหาคุณ
อันยิ่งใหญ่.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปฏิปนฺนานิ ความว่า ดนตรีเหล่านี้
เป็นของใคร ดำเนินมาข้างหน้า. บทว่า หาสยนฺตา ความว่า ทำให้พระ
ราชานี้ทรงหรรษา. บทว่า กสฺส กาญฺจนปฏฺเฏน ความว่า พระราชาตรัส
ถามว่า ใครมีสีหน้าโชติช่วงด้วยแผ่นกรอบหน้าที่นลาต เหมือนก้อน
เมฆโชติช่วงด้วยสายฟ้าฉะนั้น. บทว่า ยุวา กลาปสนฺนทฺโธ แปลว่า ยัง
เป็นหนุ่ม สอดสวมแล่งธนู. บทว่า อุกฺกามุเข ปหฏฺ€ํว ความว่า

เหมือนทองคำที่ลุกโชน ที่เตาไฟของช่างทอง. บทว่า ขทิรงฺคารสนฺนิภํ
แปลว่า เสมือนถ่านไม้ตะเคียนที่ลุกโชน. บทว่า ชมฺโพนทํ ความว่า ล้วน
แล้วด้วยทองคำมีสีสุกปลั่ง. บทว่า องฺคปริคฺคยฺห ความว่า อันคนใช้ถือ
แส้จามรประคองมาอยู่. บทว่า วาลวีชนึ แปลว่า พัดวาลวีชนีอันแล้วด้วย
แก้วมณี. บทว่า อุตฺตมํ แปลว่า อันยอดเยี่ยม. บทว่า เปกฺขุณหตฺถานี

แปลว่า ต่างถือกำหางนกยูง. บทว่า จิตฺรานิ แปลว่า วิจิตรด้วยแก้ว ๗
ประการ. บทว่า สุวณฺณมณิทณฺฑานิ ความว่า มีด้ามขจิตด้วยทองที่
สุกปลั่ง และด้วยแก้วมณี. บทว่า อุภโต มุขํ ความว่า เที่ยวไปข้างหน้า
ทั้งสองข้าง. บทว่า วาเตน ฉุปิตา แปลว่า อันลมรำเพยพัด. บทว่า
สินิทฺธคฺคา แปลว่า มีปลายสนิท. บทว่า นลาตนฺตํ ความว่า เส้นผม

เห็นปานนี้ นี่ของใครงดงามจดที่สุดนลาต. บทว่า นภา วิชฺชุริวุคฺคตา
ความว่า ดุจดังสายฟ้าขึ้นจากท้องฟ้า ฉะนั้น. บทว่า อุณฺณชํ ความว่า
บริสุทธิ์ ดุจคันฉ่องทองคำ. บทว่า ลปนชาตา แปลว่า ปาก. บทว่า
กุปฺปิลสาทิสา แปลว่า เสมือนดอกมณฑารพตูม. บทว่า สุเข €ิตา


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ความว่า ยิ้มแย้มได้สบาย. บทว่า ชยํ อินฺโทว ความว่า ดุจดังพระอินทร์
ได้ชัยชนะ. บทว่า สุวณฺณปีลกากิณฺณํ แปลว่า เกลื่อนไปด้วยไฝทอง.
บทว่า มณิทณฺฑวิจิตฺตกํ ความว่า วิจิตรไปด้วยแก้วมณีอังสา. บทว่า
สุวณฺณขจิตา แปลว่า ขจิตไปด้วยทอง. บทว่า จิตฺรา ได้แก่ วิจิตรไป
ด้วยแก้ว ๗ ประการ. บทว่า สุกตา ความว่า สำเร็จเรียบร้อยแล้ว. บทว่า
จิตฺรสิพฺพินี แปลว่า เย็บอย่างสวยงาม. ด้วยบทว่า ปาทา นี้ ท่านถามว่า
ใครนั่นสวมรองเท้าทอง เห็นปานนี้โดยเท้า.

พระดาบสผู้มีฤทธิ์ ได้อภิญญา ถูกพระเจ้าสาครพรหมทัต ผู้เป็น
โอรสทูลถามอย่างนี้ เมื่อจะบอกว่า ดูก่อนพ่อ ผู้ที่มาเหล่านั้น คือนาคลูก
ท้าวธตรฐ หลานของเจ้า จึงกล่าวคาถาว่า
ผู้ที่มาเหล่านั้น เป็นนาคที่มีฤทธิ์เรืองยศ เป็น
ลูกของท้าวธตรฐ เกิดแต่นางสมุททชา นาคเหล่านี้มี
ฤทธิ์มาก.

เมื่อพระราชฤาษี และพระเจ้าสาครพรหมทัต ตรัสอยู่อย่างนี้ นาค
บริษัททั้งหลาย จึงพากันถวายบังคมบาทพระดาบส แล้วนั่ง ณ ที่อันสมควร
ส่วนข้างหนึ่ง. ฝ่ายนางสมุททชาก็ถวายบังคมพระราชบิดา และพระราชภาดา
แล้ว ก็ปริเทวนากรรแสงไห้ แล้วก็พานาคบริษัทกลับไปยังนาคพิภพ. ฝ่าย
พระเจ้าสาครพรหมทัตประทับ ณ ที่นั้นนั่นเอง สองสามวันจึงถวายบังคมลา
ขมาพระราชบิดาแล้วก็กลับยังกรุงพาราณสี. นางสมุททชาเทวีก็สิ้นชีพในนาค
พิภพนั้นนั่นเอง.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2019, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ฝ่ายพระโพธิสัตว์ ก็รักษาศีลอยู่จนตลอดชีวิต ในที่สุดแห่งชนมายุ
ก็ได้ดำเนินไปในทางสวรรค์ กับนาคบริษัท.
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อน
อุบาสกทั้งหลาย โบราณบัณฑิต เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติขึ้น. ก็ยัง
ทรงสละนาคสมบัติเห็นปานนี้ กระทำอุโบสถกรรมดังนี้ จึงประชุมชาดกว่า
มารดาบิดา (ของพระภูริทัต) ในกาลนั้น ได้มาเป็นสากยราชตระกูล พราหมณ์
เนสาทมาเป็นพระเทวทัต โสมทัตมาเป็นพระอานนท์ นางอัจจิมุขี มาเป็นนาง
อุบลวรรณา สุทัสสนะเป็นพระสารีบุตร สุโภคะมาเป็นพระโมคคัลลานะ
กาณาริฏฐะ มาเป็นสุนักขัตตลิจฉวี ภูริทัตมาเป็นเราผู้ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง.
จบอรรถกถาภูริทัตชาดกที่ ๖

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 149, 150, 151, 152, 153, 154, 155 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร