วันเวลาปัจจุบัน 29 ก.ค. 2025, 13:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2024, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว




buddhist-monk-meditation-mountaintop-beautiful-sunset-sunrise_778980-2851.jpg
buddhist-monk-meditation-mountaintop-beautiful-sunset-sunrise_778980-2851.jpg [ 47.79 KiB | เปิดดู 779 ครั้ง ]
๑๐. ปุเรชาตปัจจัย

ปุเรชาตปัจจัยนี้ จำแนกได้เป็น ๒ คือ
ก. วัตถุที่เกิดก่อน และยังไม่ทันดับไป ได้ช่วยอุปการะให้ปัจยุบบันนธรรมได้เกิดขึ้น
อย่างนี้ได้ชื่อว่า วัตถุปุเรชาตปัจจัย

ข. อารมณ์ เฉพาะแต่ที่เป็นรูปธรรม อย่างที่เรียกว่าปัจจุบันนนิปมันนรูป ที่เกิดก่อน
และยังไม่ทันดับไป ได้ช่วยอุปการะให้ปัจยุบบันนธรรมได้เกิดขึ้น อย่างนี้เรียกว่า อารัมมณ
ปุเรชาตปัจจัย

วัตถุปุเรชาตปัจจัย

วัตถุปุเรชาตปัจจัยนี้ คำอธิบายตลอดจนองค์ธรรมต่าง ๆ ทั้งหมดเหมือนกับวัตถุ
ปุเรชาตนิสสยปัจจัยทุกประการ ฉะนั้นขอให้ดูว่าที่วัตถุปุเรชาตนิยปัจจัยนั้น

อารัมมณปุเรชาตปัจจัย

๑. อารัมมณปุเรชาต หมายความว่า อารมณ์เฉพาะที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น และ
เกิดก่อนปัจจยุบบันนธรรมด้วย
๒. ประเภท รูปเป็นปัจจัย นามเป็นปัจจยุบบัน
๓. ชาติ เป็นอารัมมณชาติ หมายความว่า ปัจจัยนั้นได้แก่อารมณ์ และใน
ที่นี้เฉพาะอารมณ์ที่เป็นนิปผันนรูปเท่านั้น
๔. กาล เป็นปัจจุบันกาล หมายความว่า แม้อารมณ์นั้นจะเกิดก่อน แต่ก็ยัง
คงมีอยู่ ยังไม่ทันดับไป คือยังอยู่ใน ฐิติขณะ จึงจะเป็นปัจจัยได้
๕. สัตติ มีทั้ง ชนกสัตติ และ อุปถัมภกสัตดิ
๖. องค์ธรรมของปัจจัย ได้แก่ อารมณ์ ๖ ที่เป็น นิปผันนรูป ๑๘ และยังอยู่ใน
ระหว่าง ฐีติขณะ
องค์ธรรมของปัจจยุบบัน ได้แก่ กามจิต ๕๔ อภิญญาจิต ๒ เจตสิก ๕๐
(เว้นอัปปมัญญา) ที่เกิดจาก ปัจจุบันนิปผัปผันรูป ๑๘
องค์ธรรมของปัจจนึก ใต้แก่ จิต ๗๖ (วันทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ มโนราตุ ๓) ที่ไม่ได้
เกิดจาก อารมณ์ ๖ ที่เป็นปัจจุบันนนิปผันรูป ๑๘ และรูปทั้งหมด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2024, 05:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


๗.ความหมายโดยย่อ อารัมมณปุเรชาตปัจจัยนี้มี ๓ วาระ
(๑) อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ อารมณ์ ๖ คือ ปัจจุบันนนิปผันนรูป ๑๘
เป็นอารัมมณปุเรชาตปัจจัย กามวิบากจิต ๒๓ กามกิริยา ๑๑ กิริยาอภิญญา ๑ เจตสิก
๓๕ (เว้นวิรติ) เป็นอารัมณปุเรชาตปัจจยุบบัน เช่น

รูปารมณ์ สัททรามณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ ที่เป็นปัจจุบันเป็น
อารัมมณปุเรชาตปัจจัย ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ มโนธาตุ ๓ เป็นอารัมมณปุเรชาติปัจจุบัน
ปัจจุบันนนิปผันนรูป ๑๘ เป็นอารัมมปุเรชาตปัจจัย มโนทวาราวัชชนจิต ๑ กาม
กิริยาชวนะ ๙, ตทาลัมพนะ ๑๑ เป็นอารัมมณปุเรชาศปัจยุบบัน

พระอรหันต์พิจารถนา จักขุ โสคะ ฆานะ ชิวหา กาย รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
และ หทยวัตถุ โดยความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รูปเหล่านี้ที่เป็นปัจจุบัน เป็นอารัมมณ
ปุเรชาตปัจจัย มหากิริยาจิต ๘ ที่พิจารณารูปเหล่านี้ เป็นอารัมมณปุเรชาตปัจจุบัน

พระอรหันต์เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ได้ยินเสียงด้วยทิพพโสต รูปและเสียงนั้น เป็น
อารัมมณะปุเรซาตปัจจัย กิริยาอภิญญาจิตรองพระอรหันต์ ที่เห็นรูปนั้น ที่ได้ยินเสียงนั้น
เป็นอารัมมณปุเรชาตปัจจยุบบัน

(๒) อพยากตะเป็นปัจจัยแก่กุสล อารมณ์ ๖ คือ ปัจจุบันนนิปผันนรูป ๑๘ เป็น
อารัมณปุเรชาตปัจจัย มหากุสุล ๘, กุสลอภิญญา ๑ เจตสิก ๓๖ (เว้นอัปปมัญญา) เป็น
อารัมมณปุเรชาตปัจจยุบบัน เช่น

พระเสกขบุคคลและปุถุชนทั้งหลาย พิจารณา จักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ หทยวัตถุ โดยความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รูป
เหล่านี้ที่เป็นปัจจุบัน เป็นอารัมมปุเรชาตบัจจัย มหากุสลจิต ๘ ที่พิจารถนารูปเหล่านี้
เป็นอารัมมณปุเรชาตปัจจยุบบัน

พระเสกขบุคลและปุถุชนทั้งหลาย เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ได้ยินเสียงด้วยทิพพโสต
รูปและสียงนั้นเป็นอารัมมณปุเรชาตปัจจัย กุสลอภิญญาจิตที่เห็นรูปนั้น ที่ได้ยินเสียงนั้น เป็น
อารัมมณปุเรชาตปัจจยุบบัน

(๓) อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อกุสล อารมณ์ ๖ คือปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘
เป็นอารัมมณปุเรชาตปัจจัย อกุสลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗ เป็นอารัมมณปุเรชาติปัจจยุบบัน เช่น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2024, 06:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ยินเพลิดเพลินต่อ จักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ
หทยวัตถุ เมื่อนึกถึงรูปเหล่านี้แล้ว มี ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ และ โทมนัส
เกิดขึ้น รูปเหล่านี้ที่เป็นปัจจุบัน เป็นอารัมมณปุเรชาตปัจจัย ราคะ ทิฏฐิ เป็นต้น ที่
เกิดขึ้น อันได้แก่ อกุสลจิต ๑๒ นั้น เป็นอารัมมณปุเรชาตปัจยุบบัน

๘. ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้ รวม ๘ ปัจจัย คือ
๑. อารัมมณปุเรชาตปัจจัย ๒. อารัมมณปัจจัย
๓. อารัมมณาธิปติปัจจัย ๔. วัตถารัมมณปุเรชาตนิสสยปัจจัย
๕. อารัมมณูปนิสสยปัจจัย ๖.วัตถารัมมณปุเรชาตวิปปยุตตปัจจัย
๗. อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย ๘. อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร