วันเวลาปัจจุบัน 14 ส.ค. 2025, 23:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2024, 05:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว




Photoroom-20241117_095229.png
Photoroom-20241117_095229.png [ 1009.68 KiB | เปิดดู 1821 ครั้ง ]
๒๔. อวิคตปัจจัย

อวิคตะ แปลว่า ไม่ปราศจากไป จึงมีความหมายว่า ปัจจัยธรรมซึ่งเป็นสิ่งอุป-
การะช่วยเหลือแก่ปัจจยุบบันนธรรมนั้น ยังไม่ปราศจากไป ยังไม่ดับไป คือ ยังคงมีอยู่
และปัจจยุบบันนธรรม ซึ่งปืนสิ่งที่รับความอุปการะช่วยเหลือนั้น ก็ยังไม่ปราศจากไป ยัง
คงมีอยู่เช่นเดียวกัน
ทั้งปัจจัยธรรมและปัจจยุบบันนรรรม ยังไม่ปราศจากไปทั้งคู่ และต่างก็อุปการะ
เกื้อหนุนกัน จึงเรียกว่า อวิตตปัจจัย
อวิตตปัจจัย มีคำอธิบายและองค์ธรรมหมือนกับอัตถิปัจจัยทุกอย่างทุกประการ
ดังนั้น อวิตตปัจจัย จึงจำแนกออกได้เป็น ๖ ปัจจัย หรือ ๕ ปัจจัยนัยเดียวกับ อัตถิ
ปัจจัย ผิดกันที่ชื่อนิดเดียว คือเปลี่ยนคำว่า อัตถิ เป็น อวิตตะ ดังต่อไปนี้
๑.สหชาตอวิคตปัจจัย ๒. อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย
๓.วัตถุปุเรชาตอวิคตปัจจัย ๔. ปัจฉาชาดอวิคตปัจจัย
๕. อาหารอวิคตปัจจัย ๖. อินทริยอวิคตปัจจัย
ดังนั้นจึงไม่ต้องอธิบายซ้ำในที่นี้ เป็นแต่จะแสดงให้ทราบว่าปัจจัยใดเหมือนกับปัจจัย
อะไร คือ
สหชาตอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ สหชาตัตถิปัจจัย ดังนั้นนั้นก็เหมือนกับ สหชาตปัจทุกประการ จึงขอ
ให้ดูที่สหชาตปัจจัย
อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ อารัมมณะปุเรชาตัตถิปัจจัย ดังนั้นก็เหมือนกับ อารัมมณปุปเรชาต
ปัจจัยทุกประการ จึงขอให้ดูที่ อารัมมณปุเรชาตปัจจัย

วัตถุปุเรชาตอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย ดังนั้นก็เหมือนกับวัตถุปุเรชาตปัจจัยทุกประการ
จึงขอให้ดูที่ วัตถุปุเรชาตปัจจัย

ปัจฉาชาตอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ ปัจฉาชาตัตถิปัจจัย ดังนั้นก็หมือนกับ ปัจฉาชาตปัจจัย ทุกประการ
จึงขอให้ดูที่ ปัจฉาชาตปัจจัย

อาหารอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ อาหารัตถิปัจจัย ดังนั้นก็หมือนกับ รูปอาหารปัจจัยทุกประการ จึง
ขอให้ดูที่ รูปอาหารปัจจัย

อินทริยอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ อินทริยัตถิปัจจัย ดังนั้นก็เหมือนกับ รูปชีวิตินทริยปัจจัยทุกประ
จึงขอให้ดูที่ รูปชีวิตินทริยปัจจัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2024, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


วัตถุปุเรชาตอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย ดังนั้นก็เห็นกับวัตถุปุเรชาตปัจจัยทุกประการ
จึงขอให้ดูที่ วัตถุปุเรชาตปัจจัย

ปัจฉาชาตอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ ปัจฉาชาตัตถิปัจจัย ดังนั้นนั้นก็หมือนกับ ปัจฉาชาตปัจจัย ทุกประการ
จึงขอให้ดูที่ ปัจฉาชาดปัจจัย

อาหารอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ อาหารัตถิปัจจัย ดังนั้นก็เหมือนกับ รูปอาหารปัจจัยทุกประการ
ขอให้ดูที่ รูปอาหารปัจจัย

อินทริยอวิคตปัจจัย

เหมือนกับ อินทริยัตถิปัจจัย ดังนั้นก็เหมือนกับ รูปชีวิตินทริยปัจจัยทุกประการ
จึงขอให้ดูที่ รูปชีวิตินทริยปัจจัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2025, 08:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


อุทเทส อวิคตปจฺจโย เพราะความที่ปราศจากกันไม่ได้ เป็นปัจจัย
อวิคต แปลว่า ไม่ปราศจากไป หมายความว่า ปัจจัยธรรมที่เป็น
อุปการะแก่ปัจจยุบบันธรรมนั้นยังมีอยู่ คือยังไม่ปราศจากไป หรือยังไม่ดับ
ไป ก็เทำกับยังมีอยู่นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ความเป็นปัจจัยนี้จึงเหมือนกับอัตถิ
ปัจจัยทุกประการ คือ อัตถิปัจจัยเป็นปัจจัยด้วยการมีสิ่งหนึ่งจึงทำให้มีอีกสิ่ง
หนึ่งขึ้นมาในขณะอุปาทะ ฐีติ ภังคขณะ ของจิตและเจตสิก ส่วนอวิคตปัจจัย
เป็นปัจจัยด้วยอำนาจการปราศจากกันไม่ได้ ในขณะ อุปาทะ ฐีติ ภังคะ
ของจิตและ เจตสิกเหมือนกัน ฉะนั้นอวิคตปัจจัยจึงเป็นการกำชับอัตถิปัจจัย
ให้แน่นอนอีกทีหนึ่งว่า การที่สิ่งหนึ่งมีขึ้นแล้วอีกสิ่งหนึ่งเป็นผลก็ต้องมีขึ้นด้วย
การที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ธรรมที่เป็นเหตุเป็นผลนั้น จะต้องเป็นธรรมมี
อยู่ด้วยกัน จะปราศจากกันโดยต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ โดยเหตุนี้ธรรมที่เป็น
เหตุเกิดขึ้นจึงเป็นอัตถิปัจจัย และการที่เป็นอัตถิปัจจัย ก็เพราะเหตุว่าธรรม
เหล่านั้นเป็นอวิคตปัจจัย จึงจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันปราศจากกันไม่ได้อุปมา
เหมือนปลากับน้ำซึ่งจะต้องอยู่ด้วยกัน ปลาจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าน้ำไม่มีปลา
ก็อยู่ไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าธรรมใดที่ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ด้วยกัน ธรรมเหล่า
นั้นก็ไม่เป็น อัตถิปัจจัย อวิคตปัจจัย
ฉะนั้น อัตถิปัจจัย อวิคตปัจจัย ทั้ง ๒ ปัจจัยนี้ จึงต้องเป็นปัจจัย
เนื่องกันและอุปการะซึ่งกันและกัน ถ้าปัจจัยหนึ่งมี อีกปัจจัยหนึ่งก็ต้องมี
อยู่ด้วย โดยเหตุนี้องค์ธรรมและปัญหาวาระของปัจจัยทั้ง ๒ จึงเหมือนกัน
อีกนัยหนึ่ง ท่านแสดงอัตถิปัจจัย กับอวิคตปัจจัยว่า ถึงแม้องค์
ธรรมจะเหมือนกันก็จริง แต่ว่าอำนาจแห่งการเป็นอุปการะนั้นย่อมมีแตกต่าง
กันบ้างคือ อำนาจที่เป็นอุปการะของอัตถิปัจจัยนั้น หมายเอาตรงสภาธรรม

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2025, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ยังปรากฏมีอยู่ ย่อมปรากฏชัดใน ฐิติขณะ มากกว่าขณะอื่น ที่ส่วน
อวิคตปัจจัย หมายเอาตรงสภาวธรรมที่ยังไม่ปราศจากไปนั้น ย่อมปรากฏ
ตั้งแต่ อุปาทะถึงภังคขณะที่ใกล้จะดับไป คือ ยังไม่ปราศจากไป
ขณะทั้ง ๓ นั่นเอง

พระบาลีนิทเทสของอวิคตปัจจัย : ก็เหมือนกับอัตถิปัจจัย
จตฺตาโร ขนฺธา อญฺญมญฺญํ อวิคตปจฺจเยน ปจฺจโย (นามขันธ์ ๔
ย่อมเป็นปัจจัยช่วยอุปการะซึ่งกันและกัน ด้วยอำนาจอวิคตปัจจัย เป็นต้น
ซึ่งมีตั้งแต่ข้อ ๑ ถึงข้อ ๑๗ ที่แสดงแล้วในอัตกิปัจจัย)

วจนัตถะของอวิคตปัจจัย
อวิคตภาเวน นิโรธสฺส อปฺปตฺติยา ตาทิสสฺเสว ธมฺมมสฺส
อุปถมฺภกตฺเถน อุปการโก ธมฺโม = อวิคตปจฺจโย
(ธรรมที่เป็นผู้อุปการะ
โดยอรรถว่าเป็นผู้อปถัมภ์แก่ปัจยุบบันธรรม (ที่ยังมีอยู่) เช่นเดียวกับตนโดย
ภาวะที่ยังไม่ปราศจากไป คือยังไม่ถึงซึ่งความดับไป เรียกว่า อวิคตปัจจัย)

องค์ธรรมสหชาตอวิคตปัจจัย
ปัจจัย จิต๘๙ เจ.๕๒ มหาภูต. ๔ ปฏิ.หทยวัตถุ ๑
ปัจจยุบบัน จิต ๘๙ เจ.๕๒ รูป ๒๘
ปัจจนิก ไม่มี
อวิคตปัจจัย ย่อมแจกปัจจัยได้ ๗ ปัจจัย เหมือนอัตถิปัจจัย โดย
แจกเป็น ๒ ปัจจัยก็ได้ คือแจกเป็น สหชาตอวิคต กับ ปุเรชาตอวิคต
หรือแจกเป็น ๕ ปัจจัยก็ได้ คือ แจกเป็น สหชาตอวิคต
ปุเรชาตอวิคต ปัจฉาชาตอวิคต รูปอาหารอวิคต รูปอินทรียอวิคต
หรือแจกเป็น ๗ ปัจจัยก็ได้ โดยเอาปุเรชาตอวิคต มาแจกเป็น
๓ ปัจจัย คือแจกเป็น วัตถุปุเรชาตอวิคต อารัมมณปุเรชาตอวิคต
ถารัมมณปุเรชาตอวิคต แล้วก็ไปรวมกับ สหชาตอวิคต ปัจฉาชาตอวิต
รูปอาหารอวิคต รูปอินทริยอวิคต ก็เป็น ๗ ปัจจัย โดยเอาองค์ธรรมของ
อวิคตปัจจัยมาแจก โดยไม่ส่วนเหลือเพื่อให้จำแจกปัญหาวาระได้
ครบสมบูรณ์
ส่วนปัญหาวาระและสภาคะปัจจัยก็เหมือนกับอัตถิปัจจัย
ทุกประการ คือได้ปัญหาวาระ ๑๓ ได้สภาคปัจจัยที่เป็นสหชาตชาติ ๑๔ ปัจจัย
ได้วัตถุปุเรชาตชาติ ๕ ปัจจัย ได้อารัมมณชาติ ๑๑ ปัจจัย ได้ปัจฉาชาตชาติ
๓ ปัจจัย ได้รูปอาหารชาติ ๒ ปัจจัย ได้รูปอินทรียชาติ ๒ ปัจจัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร