วันเวลาปัจจุบัน 06 ต.ค. 2024, 11:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2011, 09:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2011, 09:02
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากจะขอคำแนะนำคะ คือจะจัดงานบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อ และบวชหลานด้วยที่ต่าง จว. คิดว่าจะได้ปรชุมญาติๆๆกันเร็วๆนี้ แต่ในความคิดเราไม่อยากจะให้มีการล้มวัวล้มหมูในงานนี้ เลยอยากหาข้อมูลแนวทาง ความคิดเห็นต่างๆ เพื่อเขาเข้าในการปรึกษาหารือกัน อยากจะปริ้นแจกให้ญาติๆอ่านถึงจุดปรสงค์ของหนู ทำไมไม่อยากทำอย่างนั้น ทำบุญอย่างไรให้ได้ถึงผลที่มาก....
ส่วนเรื่องอาหารการกิน คิดว่าอยากจะจ้างร้านที่เขาทำอาหารเจ ไม่รุ้เป็นอย่างไร อาจจะมีปลามีไก่บ้าง แต่อยากละเว้นสัตว์ใหญ่คะ
พี่ๆมีคำแนะนำบ้างใหม ช่วยด้วยคะ คิดว่าทำบุญด้วยกัน..หนูจะ coppy เอาไปปริ้นให้เขาดู.. เพราะ ตจว (ภาคอีสานคะ) ชอบล้มวัว ล้มหมู ทานลาบเลือด แกล้มเหล้ากัน หากเราไม่มีข้อมูลวิธีการใ้ห้เขาอ่าน คงลำบาก
รบกวนด้วยนะคะ
นิดหน่อย tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2011, 11:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5112

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องบอกจุดยืนเขาเลยค่ะว่าเราทำงานบุญ เราจะไม่ฆ่าสัตว์ เมนูเนื้อๆทั้งหลายจะซื้อเอาจากตลาด
เราต้องบอกเลยเพราะพ่อเราใช่ไหมคะ เราต้องเสียงดังสุด ไม่ต้องพยายามโน้มน้าวกันตอนนี้หรอกค่ะ ไม่ทันการณ์ ต้องห้ามเด็ดขาดไปเลยสำหรับงานนี้

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2011, 12:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2011, 09:02
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


งานจะจัด กลางเดือนมีนาคะ... คิดว่าจะเริ่มทำเอกสารไว้ แล้วส่งให้ญาติๆทุกคนพิจารณา หากเห็นด้วย ก็จะเริ่มขั้นตอนต่อไปว่าเราจะทำอาหารอย่างไร จ้างร้านเจดีใหม อย่างไรดี...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2011, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโทนากับการที่จะไม่ ล้มหมู ล้มวัว ในงาน บุญ ทำบุญให้เป็นบุญครับ จะได้อุทิศส่วนกุศลให้ญาติๆที่ล่วงลับไปแบบ สบายใจ ไม่เบียดเบียนสัตว์ หรือไม่ผิดศีล แต่คงไม่ถึงกับ เจ หรอกนะครับ อาจจะไปสั่งอาหารทั่วๆไป แบบชาวบ้านๆ อาหารเย็น ร้อน ลาบ แกง ขนมหวาน ๔ ๕ อย่าง ธรรมดานี่แหละ เน้นพอที่จะไป ถวายพระ และพอเลี้ยงแก่ญาติมิตรแขกเหรื่อ ไม่เน้นเอาความเอร็ดอร่อยของเจ้าภาพ หรือ แขก ญาติ มิตร ทำแบบ สมถะ เรียบง่าย พอได้กรวดน้ำ ก็ถึง ผู้ที่เราจะอุทิศไปให้แล้วครับ ขออนุโมทนา
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 23:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ประกาศ..ดัง ๆไปเลย..

จะทำบุญที่บริสุทธิ์..อุทิศไปให้พ่อ..

มีใครจะคัดค้านไหม???..ให้ยกมือขึ้น


(คิดว่าคงไม่มีใครค้านนะ..) :b12:

อาจมีคนถามว่า..บุญบริสุทธิ์..ทำยังงัย??
ก็บุญที่อยู่ในศีลในธรรม...ไม่มีการจงใจไปเบียดเบียนคนและสัตว์ให้เดือดร้อน..นะซิ

เนื้อสัตว์ก็ซื้อจากตลาดเอา...หากแพงก็ทำตามที่มีงบก็พอ..ทำบุญให้คนตายนะไม่ใช่ทำบุญเลี้ยงคนเป็น...

หากใครไม่เห็นด้วย...ก็บอกว่าฉันจะทำของฉันอย่างนี้..ใครอยากได้แบบไหนก็ไปทำกันเอาเอง

ผมก็คนอิสาณ...เดียวนี้หลาย ๆ ที่เขาทำบุญ..ไม่มีสุรา..ไม่มีการฆ่า..กันแล้ว..เพราะเขาเจตนาให้ได้บุญแรง..ๆ ..เพื่ออุทิศให้กับคนที่เขารักเคารพกัน...บางที่เขาตกลงเป็นประชามติของชุมชนกันเลยนะ..อาทิตย์ที่แล้วก็มีงานศพหนึ่งเขาก็ทำ..หลาย ๆ ที่เขาพัฒนาแล้วเด้อ..จะบอกไห่ :b12: :b12:

สาธุ.. :b8: :b8: :b8: ที่มีเจตนาไม่เบียดเบียนชีวิตของผู้อื่น..ครับ

ขอให้ทำสำเร็จอย่างใจหวังนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2011, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เรือ่งแผ่เมตตา

อยากให้เพื่อน ได้เข้าดูเวป ที่แนบมา

ชีวิตที่ร่ำไห้
เจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ผลิต คือ สำนักพิมพ์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
เพื่อให้เราตระหนักถึงคำที่พระพุทธตรัสว่า.. เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
พาไปดูเบื้องหลังของชีวิตสัตว์ที่เรา-ท่านทั้งหลายบริโภคกัน ตั้งแต่ถูกเลี้ยงมา กระทั่งถูกลำเลียงมา ฆ่า

มองให้เห็นถึงใจเขาใจเรา โดยเอาใจเราไปใส่ใจเขา รับรู้และรู้สึกเหมือนเขา นำมาเปรียบกับเราอีกที

เป็นความจริงว่า.. สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเขา จะเราก็ย่อมรักตัว กลัวตายทั้งสิ้น

ทุกเหล่าสรรพสัตว์มีวิญญาณ การรับรู้ เจ็บเป็น กลัวเป็น

เราท่านซึ่งเป็นมนุษย์(แปลว่าผู้ที่มีใจสูง)ที่ยังคงบริโภคสัตว์อื่นอยู่ด้วยความสะใจ จะสะท้อนคิดไหม ว่าหากเราโดนกระทำเช่นนั้นบ้าง หรืออาจจะกับพ่อแม่และคนที่เรารัก เราจะรู้สึกอย่างไร

กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับกรรม

กินตามใจปาก ตามความอยากจนเคยตัว โดยขาดปัญญา ไม่คำนึงถึงที่มา ว่าทุกชิ้น-เนื้อที่เข้าปาก มันคือชีวิตที่สูญเสียไป

ว่ากันว่า "ป่าช้าที่ใหญที่สุดในโลกนี้ อยู่ที่ท้องคน" เป็นความจริง เพราะเติบโตมาจนบัดนี้จะมีใครสักกี่คนรู้ได้ว่า มีกี่ศพ กี่ชีวิตแล้ว ที่ต้องสังเวยให้แก่เรา นั้นเพราะว่ามันมากมายมหาศาล

กระแสแห่งกรรมย่อมทำหน้าที่ของมันโดยเที่ยงธรรม

ก่อนจะสายเกินไป มากู้เมตตาธรรมที่มันแอบอยู่ในหลืบใจเรากลับคืนมาซิครับ

ใครที่ผ่านการเข้าค่ายคุณธรรมมาบ้างแล้ว อาจจะได้ดูบ้างแล้ว ก็ถือว่าเป็นการมาย้ำสำนึก เพื่อนสมาชิกอื่น ๆ ยิ่งต้องดูครับ

เวปลิงค์ ที่เข้าไปดูได้

http://www.youtube.com/watch?v=RxTnxG4Hzmk


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2011, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากให้เพื่อน ได้ดู ได้รับรุ้ความเป็นจริงของเนื้อสัตว์จานอร่อย
ความจริงที่อยู่เบื้องหลังอาหารของคุณ


http://al.godsdirectcontact.org/your_food/Thai.htm


กลอนสะกิดใจ




สัพเพ สัตตา เสียงร้องขอ ชีวิตจิตหวั่นไหว

เสียงห่ำหั่น เข่นฆ่า น่าสยอง

เสียงซวบซาบ ดาบคมเชือด เลือดไหลนอง

เสียงกรีดร้อง สะท้านจิต สะกิดใจ

เสียงสัพเพ สัตตา พาให้คิดว่าชีวิตนี้ มีค่า กว่าสิ่งไหน

อเวรา อย่ามีเวร อย่ามีภัย
ชีวิตใคร ใครก็หวง อย่าล่วงเกิน

ท่องสัพเพ สัตตา มาแต่ไหน ยังเข้าใจ ในเนื้อแท้ ้แค่ผิวเผิน

ยังฆ่าบ้าง กินบ้าง อย่างเพลิดเพลิน ยังใช้เงิน ซื้อชีวิต อนิจจา

สัตว์เกิดกาย มาใช้กรรม ที่ทำไว้ เป็นเป็ดไก่ กุ้งปลา ูและหมูหมา

ตามเหตุต้น ผลกรรม ที่ทำมา มิใช่ฟ้า ประทานมา ให้คนกิน

มีปัญญา แต่ไฉน จึงไม่คิด
มองชีวิต กลับเห็น เป็นทรัพย์สิน

เสียงกรีดร้อง ก่อนตาย ใครได้ยิน น้ำตาริน เมื่อถูกเฉือด เลือดกระเซ็น

พูดว่าเขา เกิดมา เป็นอาหาร เขาลนลาน หนีตาย ใครมองเห็น

เขาจนใจ พูดไม่ได ้เถียงไม่เป็น ช่างเลือดเย็น เข่นฆ่า ไม่ปราณี

มีพืชผัก มากมาย นับไม่ถ้วน ทุกกลิ่นรส สดใส หลายหลากสี

ธรรมชาติ วางไว้ อย่างดิบดี สัตว์วิ่งหนี พืชเต็มใจ ให้กินมัน

เพราะเรากิน เขาจึงฆ่า เอามาขาย เราสบาย แต่สัตว์โลก ต้องโศกศัลย์

ท่องสัพเพ สัตตา มาทุกวัน
เมตตากัน โปรดอย่าฆ่า และอย่ากิน




ประพันธ์โดย
คุณประวิทย์ ชัยศิริสัมพันธ์
รูปขนาดเล็ก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2011, 15:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กลอนสะกิดใจ







ให้โลกเราสวยพวกเราต้องช่วยกันไม่เบียดเบียนกันแล้วโลกนี้จะสดใส

-----------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิงจากเวป

ชีวิตในวฎสงสาร ต่างเวียนว่าย วัฏฏะชาติ อนาถภพ " แด่ชีวิตเพื่อนร่วมโลก ต่างเวียนว่าย วัฏฏะชาติ อนาถภพ
บ้างประสบ ถูกเขาฆ่า บ้างฆ่าเขา
ยุติธรรม คือกรรม ที่ตามเรา
วิบากเก่า ไม่ลืมชาติ ไม่ขาดอายุความ

ชีวิต ในวฎสงสาร

ต่างเวียนว่าย วัฏฏะชาติ อนาถภพ
บ้างประสบ ถูกเขาฆ่า บ้างฆ่าเขา
ยุติธรรม คือกรรม ที่ตามเรา
วิบากเก่า ไม่ลืมชาติ ไม่ขาดอายุความ อ่านจากเวปข้างล่าง น่าสนใจ


http://www.watsai.net/webb/view.php?No=126&visitOK


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2011, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์? โดยท่านพุทธทาสภิกขุ
Tagged with: พุทธทาสภิกขุ เนื้อสัตว์
[แปล] autoTranslator.Please have discretion in reading.


ข้อคิดพิจารณาธรรม
ท่านพุทธทาสภิกขุแห่งสวนโมกข์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์?
เพราะเป็นการปฏิบัติเพื่อยึดเอาประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นทางก้าวหน้าของสัมมาปฏิบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ผลมาก โดยลงทุนทางวัตถุน้อยที่สุดแต่ให้ผลมากทางใจ
ประโยชน์ทางฝ่ายธรรม
ข้อที่ ๑ เป็นการเลี้ยงง่ายยิ่งขึ้น
เพราะพวกพืชผัก เป็นของหาง่ายในหมู่คนยากจนเข็ญใจ ซึ่งมีการปรุงอาหารด้วยผักเป็นพื้น นักกินผักย่อมไม่มีเวลาไปกระวนกระวายเพราะอาหารไม่ค่อยจะถูกปากถูกลิ้นนักเลย ในขณะที่นักกินเนื้อมักต้องเลียบๆ เคียงๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งภัตตาหารเนื้อบ่อยๆ ญาติโยมเสียไม่ได้ในท่าทีก็พยายามหามาถวายศรัทธาญาติโยมที่มีใจเป็นกลาง เคยปรารภกับข้าพเจ้าหลายต่อหลายครั้งว่า เขาสามารถจะเลี้ยงพระได้ถึง ๕๐ รูป โดยไม่รู้สึกลำบากอะไรเลย หากเป็นอาหารที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อกับปลา แต่ที่ผ่านมาต้องฝืนใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างมากๆ ไม่ใช่ว่าจะคิดว่า เนื้อมีราคาแพงกว่าผักแต่เป็นเพราะรู้ว่าสัตว์ถูกฆ่าตาย เพื่อการทำบุญเลี้ยงพระของเรามีอีกหลายคน ที่ทีแรกค้านว่าการทำอาหารมังสวิรัติวุ่นวายลำบาก แต่เมื่อได้ทดลองทำไป ๒-๓ ครั้ง กลับสารภาพว่าเป็นการง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย เพราะบางคราวไม่ต้องไปติดไฟเลยก็มี ตัณหาของนักกินผักกับกินเนื้อมีความแตกต่างกันอย่างไร จะกล่าวในข้อหลังเฉพาะข้อนี้ขอจงทราบไว้ว่า
“คนกินเนื้อสัตว์ เพราะแพ้รสตัณหา
กินเพราะตัณหา ไม่ใช่เพราะเลี้ยงง่าย”
ข้อที่ ๒. เป็นการฝึกในส่วน “สัจธรรม”
คนเราห่างไกลจากความพ้นทุกข์ก็เพราะมีนิสัยเหลวไหลต่อตัวเอง สัจจะในการกินผักนั้นเป็นแบบฝึกหัดที่น่าเพลินบริสุทธิ์ ได้ผลสูงเกินกว่าที่คนไม่เคยทดลองจะคาดถึง พืชผักเป็นอาหารที่จะหล่อเลี้ยง “ดวงธรรมแห่งสัจจะ”ในใจของเราให้สมบูรณ์แข็งแรงดังนั้นการฝึกกินผัก อาหารพืชผักจึงเป็นแบบฝึกหัดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ที่ยอดเยี่ยมกว่าแบบฝึกหัดอย่างอื่นๆ เพราะแบบฝึกหัดบางอย่างค่อนข้างง่าย แต่บางอย่างก็ยากเกินจะฝึกทำให้ไม่สามารถนำมาเป็นเกมฝึกหัดประจำทุกๆวัน แต่เราผู้ปฏิบัติธรรมต้องฝึกทุกวันจึงจะได้ผลเร็ว เหตุฉะนี้การฝึกใจด้วยเรื่องอาหารอันเป็นสิ่งที่เราต้องบริโภคอยู่ทุกวันจึงเหมาะมาก อย่าลืมพระพุทธภาษิตที่มีใจความว่า
“สัจจะเป็นคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์”
ข้อที่ ๓.เป็นการฝึกในส่วน“ทมะ”ธรรม
“ทมะ” คือ การข่มใจให้อยู่ในอำนาจ คนเราเป็นทุกข์เพราะตัณหาอันได้แก่ ความอยากที่ข่มใจไว้ไม่อยู่ มีข้อพิสูจน์เฉพาะเรื่องผักกับเนื้อง่ายๆ เช่นข้าพเจ้าเคยเห็นชาวบ้านที่มาจากป่าดอนสูงๆ อุตสาห์หาบเอาพวกพืชผักลงมาแลกปลาแห้งๆ จากชาวบ้านแถบริมทะเลขึ้นไปกินทั้งๆ ที่ต้องเสียเวลาเป็นวันๆ ในขณะที่กลางบ้านของเขาก็มีอาหารพวกพืชผัก เผือก มัน ฟัก มะพร้าวฯลฯ อย่างอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งอาหารเหล่านี้ยังเป็นของสด สามารถบำรุงร่างกายได้มากกว่าปลาแห้งๆ และขึ้นราที่พวกเขาสู้อุตส่าห์ลงมาหามหิ้วขึ้นไปเก็บไว้กินเป็นไหนๆดังนั้น… ผู้ที่ไม่มีการข่มรสตัณหาจักต้องเป็นทาสของความทุกข์ และถอยหลังต่อการปฏิบัติธรรม เหตุนี้การข่มจิตด้วยเรื่องอาหารการกินจึงเหมาะมาก เพราะจะมีการข่มได้ทุกวันการข่มจิตอยู่เสมอเป็นของคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์เช่นกัน
โปรดทราบ! ว่ามันเป็นการยากยิ่งที่คนแพ้ลิ้นจะข่มตัณหา โดยพยายามเลือกกินแต่ผักจากจานอาหารที่เขาปรุงด้วยเนื้อ และผักปนกันมาจงยึดเอาเกมกีฬาฝึกข่มจิต ที่เป็นเครื่องชนะตนอันนี้เถิดการเลี้ยงพระในงานต่างๆ ข้าพเจ้าเคยเห็นเคยได้ยินเสียงเอ็ดตะโร เรียกเอาแต่อาหารเนื้อส่วนอาหารผักล้วนดูเหมือนว่าเป็นการยากที่จะถูกเลือกกับเขา มิหนำซ้ำยังเหลือกลับไปอีก แมกระทั่งอาหารที่ปรุงระคนกันมาก็หายไปแต่ชิ้นเนื้อคงเหลือแต่ผักติดจานกลับไป และยิ่งไปกว่านั้น ก็คือควรรู้ไว้ด้วยว่าบรรดาพ่อครัวแม่ครัวและเจ้าภาพเขารู้ตัวก่อนด้วยซ้ำไป จึงปรุงอาหารเนื้อสัตว์เอาไว้ให้มากกว่าอาหารผักหลายเท่านัก ทั้งนี้ก็เพราะตัณหาทั้งของฝ่ายแขกเหรื่อชาวบ้าน และฝ่ายบรรพชิตทั้งหลายร่วมมือกัน “แบ่งอิทธิพล”
ข้อที่ ๔. เป็นการฝึกในส่วน “สันโดษ”
สันโดษ คือ ความพอใจเฉพาะสิ่งที่มีอยู่ตามฐานะของตน โดยทั่วไปชีวิตของผู้ออกบวชย่อมดำรงอยู่ด้วยอาหารชั้นเลว ทว่าข้าพเจ้าเคยเห็นบรรพชิตบางรูป เว้นไม่ยอมรับอาหารจากคนจนเพราะเห็นว่าเลวเกินไป คือเป็นเพียงผักหรือผลไม้ชั้นต่ำ และถึงแม้จะรับมาก็เพื่อทิ้ง นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่เคยมีความสันโดษหรือถ่อมตนดังนั้น… การฝึกเป็นนักกินผัก กินอาหารอย่างง่ายๆ จะแก้ได้หมด “สันโดษเป็นทรัพย์อย่างเอกของบรรพชิต”
ข้อที่ ๕. เป็นการฝึกในส่วน “จาคะ”
จาคะ คือ การสละสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความสงบหรือความพ้นทุกข์ นักกินผักที่แท้จริงมีดวงจิตบริสุทธิ์ผ่องใส เกินกว่าที่จะมีใจนึกอยากในเรื่องจะบริโภคอาหารที่มีรสหลากหลาย เพราะผักไม่ยั่วในการบริโภคมากไปกว่ากินเพื่ออย่าให้ตาย ซึ่งต่างไปจากเนื้อสัตว์ที่ยั่วให้ติดรสและมัวเมาอยู่เสมอ
ความอยากในรสที่เกินจำเป็นของชีวิตความหลงใหลในรส ความหงุดหงิด เมื่อไม่มีเนื้อที่อร่อยมาเป็นอาหาร ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ารับรองได้ว่า ไม่มีดวงจิตของนักกินผักเลย ส่วนนักกินเนื้อนั้น ท่านจะทราบของท่านได้เองเป็นปัจจัตตัง เช่นเดียวกับธรรมะอย่างอื่นๆ
ข้อที่ ๖. เป็นการฝึกในส่วน “ปัญญา”
ปัญญา คือ ความรู้เท่าทันดวงจิตที่กลับกลอก การใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นโทษของการยึดมั่น และให้ใจละวางความยึดมั่นในการกินอาหาร แบบฝึกหัดที่ยากและเป็นก้าวที่ใหญ่ของการปฏิบัติธรรมเช่นนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกบริโภคอาหารผัก ที่จะเป็นอารมณ์อันบังคับให้ท่าน ต้องใช้พิจารณาตัวเองอยู่เสมอทุกมื้อเพราะเนื้อทำให้หลงในรส ส่วนผักทำให้ยกใจขึ้นไป ซึ่งเหมาะแก่สันดานของสัตว์ผู้มีกิเลสย้อมใจจนจับแน่นเป็นน้ำฝาดมาแต่เดิมปัญญาของท่านต้องรู้อยู่เสมอว่า ไม่ใช่จะไปนิพพานได้เพราะกินผัก เป็นแต่การกินผักจะช่วยขัดเกลากิเลสทุกๆ วัน
แท้จริงแล้วข้าพเจ้าไม่ได้มีความเห็นว่าฝ่ายที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจต้องเป็นผักความจริงอาจจะถือว่า ผักเป็นอาหารชั้นเลวหรือไม่ประณีตก็พอแล้ว แต่เมื่อมาพิจารณาใคร่ครวญให้ดีแล้วมันมาตรงกับอาหารผัก เพราะจะทำอย่างไร เนื้อก็เป็นของชวนกินเพียงแต่ต้มเฉย ๆ พอได้กลิ่นมันก็ยั่วตัณหาอยู่ดี!เพราะฉะนั้นฝ่ายที่จะปราบตัณหา จึงกลายเป็นเกียรติยศของผักไป อาหารผักเป็นอาหารที่ข่มตัณหาได้และมีแต่ความบริสุทธิ์จึงเหมาะสม สำหรับผู้ที่ระแวงภัย และตั้งอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ
ผลดีในฝ่ายโลก อาหารผักมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายยิ่งกว่าเนื้อสัตว์หรือไม่? เรื่องนี้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ก็บอกแก่เราชัดแจ้งอยู่แล้วว่าอาหารผัก จะทำให้ผู้บริโภคมีกำลังแข็งแรงโรคน้อย ดวงจิตสงบ ช่วยให้ความกระหาย ในความอยาก ความโกรธ ความมัวเมา บรรเทาลงเป็นอันมาก
************************************
อย่ากินผมเลย ! กลอนสะกิดใจ



สัพเพ สัตตา เสียงร้องขอ ชีวิตจิตหวั่นไหว

เสียงห่ำหั่น เข่นฆ่า น่าสยอง

เสียงซวบซาบ ดาบคมเชือด เลือดไหลนอง

เสียงกรีดร้อง สะท้านจิต สะกิดใจ

เสียงสัพเพ สัตตา พาให้คิดว่าชีวิตนี้ มีค่า กว่าสิ่งไหน

อเวรา อย่ามีเวร อย่ามีภัย
ชีวิตใคร ใครก็หวง อย่าล่วงเกิน

ท่องสัพเพ สัตตา มาแต่ไหน ยังเข้าใจ ในเนื้อแท้ ้แค่ผิวเผิน

ยังฆ่าบ้าง กินบ้าง อย่างเพลิดเพลิน ยังใช้เงิน ซื้อชีวิต อนิจจา

สัตว์เกิดกาย มาใช้กรรม ที่ทำไว้ เป็นเป็ดไก่ กุ้งปลา ูและหมูหมา

ตามเหตุต้น ผลกรรม ที่ทำมา มิใช่ฟ้า ประทานมา ให้คนกิน

มีปัญญา แต่ไฉน จึงไม่คิด
มองชีวิต กลับเห็น เป็นทรัพย์สิน

เสียงกรีดร้อง ก่อนตาย ใครได้ยิน น้ำตาริน เมื่อถูกเฉือด เลือดกระเซ็น

พูดว่าเขา เกิดมา เป็นอาหาร เขาลนลาน หนีตาย ใครมองเห็น

เขาจนใจ พูดไม่ได ้เถียงไม่เป็น ช่างเลือดเย็น เข่นฆ่า ไม่ปราณี

มีพืชผัก มากมาย นับไม่ถ้วน ทุกกลิ่นรส สดใส หลายหลากสี

ธรรมชาติ วางไว้ อย่างดิบดี สัตว์วิ่งหนี พืชเต็มใจ ให้กินมัน

เพราะเรากิน เขาจึงฆ่า เอามาขาย เราสบาย แต่สัตว์โลก ต้องโศกศัลย์

ท่องสัพเพ สัตตา มาทุกวัน
เมตตากัน โปรดอย่าฆ่า และอย่ากิน



ประพันธ์โดย
คุณประวิทย์ ชัยศิริสัมพันธ์







ใครๆ ก็ไม่รักผม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2011, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


อันตรายอาหารเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งร้ายหลาย ๆ ชนิด


> ----ยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ และ
> ทีมคณะแพทย์ชื่อดังระดับโลกที่ทำการศึกษาวิจัยจากผู้ ป่วยกว่า 500000 คนท่วโลก
> ใช้เวลากว่า 7 ปี โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ กว่า 12000 คน
> น่ากลัวคาดว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่ ๆ เพิ่มอีกกว่า
> เนื้อสัตว์ เป็นบ่อเกิด ต้นตอของนานาโรคร้ายหลากหลายชนิด
> เช่นโรคมะเร็ง เต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
> และจากการวิจัยล่าสุดโดยมหาวิทยาลัยแพทย์ ฮาวาด์ แห่งสหรัฐ และ
> มหาลัยแพทย์ ลีด แห่ง ประเทศอังกฤษ เนื้อสัตว์ ยังเป็นต้นเหตุหลัก ๆ ของ
> มะเร็งต่อมลูกหมาก และ มะเร็งรังไข่
> ข้อมูลโดยมหาลัยแพทย์ชื่อดังระดับโลก
> มหาลัยเทกซัส สหรัฐ
> มหาลัยชิคาโก สหรัฐ
> มหาลัยฮาวาย สหรัฐ
> มหาลัยฮาววาด สหรัฐ
> มหาลัยแพทย์ แห่งออสเตอเรีย
> มหาลัยคิวเบค แห่งแคนาดา
> มหาลัยออกฟอร์ด แห่งอังกฤษ
> มหาลัยลีด แห่งอังกฤษ
> มหาลัยแฟงค์เฟิต แห่งเยอรมัน
> โดยการสนับสนุนสถาบันวิจัย โรคมะเร็ง แห่งสหรัฐ
> National Cancer Research Institue - USA
> สถาบันโรคมะเร็ง แห่ง WHO
> The World Cancer Research Fund ( WCRF )
> และวารสารสุขภาพชื่อดังระดับโลกกว่า 100 ฉบับรวมถึง
> เอกสารทางการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้องโลก
> ไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเราจะตายหรือไม่ (พุทธศาสตร์+วิทยาศาสตร์
> มุมมองความเห็นจากพระสงฆ์ไทย
> และจากพระ อาจารย์ บัญฑิต พระฝรั่งชาวอังกฤษ
> อดีตผู้อุปถาฐพระอาจารย์ สุเมโท พระฝรั่งตะวันตกพระลูกศิษย์ รุ่นบุกเบิก
> พระอาจารย์ ชา แห่งวัดป่านานาชาติ
> ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ประเทศอังกฤษ ประชากรกว่า40% หรือเกือบ 30 ล้านคน
> ได้ละเลิกการบริโภคเนื้อสัตว์ มาเป็นอาหารมังสะวิรัติ
> ปลอดเนื้อสัตว์ เพื่อสุขภาพ และ หวั่นเกรงมหันตภัยโรคร้าย
> จากเนื้อสัตว์ ที่เคยคุกคามฆ่าชีวิตชาวอังกฤษเป็นจำนวนมากจากโรคมะเ ร็ง
> ไขมันอุดตัน โรคหัวใจ ปีละจำนวนมาก ๆ
> ต่อเนื่องด้วยโรควัวบ้าระบาด เมื่อ 6 ปีก่อน และอีก 3 ปีถัดมาโรคไข้หวัดนกระบาด
> ทำให้ชาวอังกฤษหวาดผวาภัยจากเนื ้อสัตว์
> ข้อมูลที่น่าสนใจในเวปข้างล่าง
>
> http://www.watisan.com/showdetail.asp?boardid=1080
>
>


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 13:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2011, 09:02
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ขอบคุณมากๆๆๆๆครับ ผมเริ่ม coppy เพื่อพิมพ์ เป็นตัวอย่างแล้ว หากใครมีข้อความ คำแนะนำเพิ่มเติม ช่วยหน่อยนะครับ
ตอนนี้เพลนเรื่องอาหารไว้บางส่วนหากเลี่ยงไม่ได้อาจ เช่นขนมจีน น้ำยาปลาทู...ส่วนอาหารจานหลักยังคิดๆ อยู่ หากเป็นพวกข้าวผัด ทางบ้านผมอาจไม่นิยมมากนัก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 14:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ม.ค. 2011, 06:04
โพสต์: 48


 ข้อมูลส่วนตัว


เจริญพร อนุโมทนาบุญคุณโยมมากๆที่มีเจตนาดี ที่จะไม่เบียดเบียนสัตว์อาตมาอยากเเนะนำต่อ
เลยว่าห้ามมีสุราด้วย ทำได้เพราะว่าอาตมาทำเเล้วที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตอนที่อาตมาทำบุญอุทิศให้โยมพ่อโยมเเม่
คือติดป้ายประกาศเลย ว่างานบุญนี้ไม่มีเหล้า เจริญพร พระจิรวัฒน์ ญาณวโร
โทร0860152130


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อมูลอีกมากมายนับไม่ถ้วน อาจมากกว่า 100 บทความ

ที่มีการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางทั้งในยุโรป อเมริกา แคนาดา และออสเตอเรีย
ถึงผลร้ายของการบริโภคเนื้อสัตว์ในเชิง สุขภาพ และการระบาดของโรคมะเร็งร้าย
นอกจากโรคไขมันอุดตัน โรคหัวใจ อันเป็นผลจากเนื้อสัตว์



ที่แน่ ๆ การบริโภคเนื้อสัตว์ นอกจากผลดีต่อสุขภาพ ยังเป็นการละบ่วงเวรกรรม
จากการร่วมทำลายล้าง สัตว์อื่น ๆ

โรคมะเร็ง ต้นเหตหลักที่แท้จริงจากงานศึกษา วิจัยโรคมะเร็ง สาเหตุหลัก ของการก่อตัวของโรคร้ายต่อมนุษย์

จากงานศึกษา วิจัยโรคมะเร็ง สาเหตุหลัก ของการก่อตัวของโรคร้ายต่อมนุษย์
โดยคณะนักวิทยาศาสตร์ ทีมคณะแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากหลายหลาย
มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้องโลก

โดยทุนสนับสนุนจาก

สถาบันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งโลก
(The World Cancer Research Fund (WCRF)

รายละเอียดหาอ่านได้จากข้อมูลในเวป

www.dhammajak.net:80/board/viewtopic.php?t=14583

www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17241




www.board.palungjit.com/showthread.php?t=145201


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


บริโภคเนื้อสัตว์เสี่ยงมะเร็งลำไส้ .วั

บริโภคเนื้อสัตว์เสี่ยงมะเร็งลำไส้

การบริโภคเนื้อสัตว์ กับการเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ นอกจากโรคหัวใจก็มีเจ้าโรคมะเร็งนี้แหละที่คนส่วนใหญ่กลัวกัน เพราะเมื่อเป็นแล้วมีข้อจำกัดมากมายในการดูแลรักษาเป็นอย่างมาก ดังนั้นวิธีการรักษามะเร็งที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งนี่แหละเป็นวิธีที่ดีที่สุด

คงเข้าทำนองที่ว่า "กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะแย่แล้วจะแก้ไม่ทัน" และที่สำคัญการป้องกันนั้นง่ายกว่าการรักษามากเลยทีเดียว ที่ง่ายที่สุดก็คือ เรื่องอาหารการกิน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญตัวหนึ่งที่เพิ่มโอกาส เสี่ยงการเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร

เนื้อสัตว์ไม่ว่า จะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อเป็ด-ไก่ มีผลจากการวิจัยของศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยโลมา-ลินดา แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยมีรายงานการวิจัยว่า เนื้อสัตว์ทั้งหลายไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องอัตราเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ ล้วนมีความเสี่ยงพอ ๆ กัน โดยมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งมากกว่าพวกที่กินมังสวิรัติที่ไม่กินเนื้อเลยถึง 55 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งกินบ่อย และปริมาณมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น รวมถึงการกินเนื้อสัตว์ที่มีการปิ้งย่าง เนื้อที่มีส่วนไหม้เกรียม ตัวอย่างจากผลการวิจัยผู้ที่กินเนื้อสัตว์สัปดาห์ละ 4 มื้อ จะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งสูงกว่าปกติถึงร้อยละ 200 ในคนที่ทานเนื้อสัตว์ 1-2 มื้อต่อสัปดาห์มีโอกาสเสียงกว่าปกติร้อยละ 38

ผู้วิจัยเชื่อว่าการกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์มาก ๆ มีความถี่มากเท่าใด และไม่ว่าชนิดใด จะเป็นสาเหตุสำคัญในการเพิ่มโอกาสต่อการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารมากขึ้น ยิ่งในรายที่มีอาการท้องผูกร่วมด้วยจะยิ่งไปเพิ่มโอกาสการหมักหมมของซากโปรตีนจากสัตว์ในลำไส้ใหญ่ ทำให้มีโอกาสเพิ่มและตกค้างของสารพิษซึ่งเป็นตัวหนึ่งที่มีโอกาสกระตุ้นให้เกิดโอกาสเกิดมะเร็งสูงขึ้นด้วย ในกรณีที่หลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ไม่ได้ อย่างน้อยควรพยายามอย่าให้มีกากโปรตีน จากเนื้อสัตว์ค้างในลำไส้ อย่าพยายามทำให้เกิดท้องผูก

พยายามขจัดกากออกให้เร็วที่สุดเป็นประเด็นหนึ่งในระบบชีวจิตที่มีการเน้นให้มีการทำ ดีท็อกซิฟิ-เคชั่น หรือการขจัดสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ วิธีการขจัดสารพิษออกจากร่างกายมีหลายวิธี ยากง่ายให้ผลมากน้อยแตกต่างกันไป ตามความสะดวก พฤติกรรมการบริโภคที่มีผลต่อความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ในบ้านเราตามปกติแล้วจะชินกับการทานอาหาร 3 มื้อมาตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อขาดการทานมื้อใดมื้อหนึ่งไป เมื่อถึงเวลาด้วยความเคยชินก็จะหลั่งน้ำย่อยออกมา เมื่อไม่มีอาหารให้ย่อย ผนังกระเพาะ และลำไส้ก็มีส่วนถูกย่อยด้วยกรดจากน้ำย่อย

ดังนั้น ควรทานอาหารให้ครบมื้อและตรงเวลา การฝึกในการลดอาหารหรือลดจำนวนมื้อในแต่ละวันควรเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ร่างกาย มีปรับตัวได้ทันและไม่ทำอันตรายต่อระบบย่อยอาหารของเราเอง คนที่มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อบ่อย เป็นเพราะมีการทานอาหารในแต่ละมื้อนั้น
มากเกินไปหรือเคี้ยวไม่ละเอียด ทำให้สัดส่วนของอาหารและน้ำย่อยไม่เพียงพอ ทำให้เหลืออาหารที่ไม่ถูกย่อยหรือย่อยไม่หมดเหลือมาก เพียงลองลดอาหารในแต่ละมื้อลง เปลี่ยนมาทานให้บ่อยขึ้นหรือเคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากขึ้น จะช่วยให้การย่อยอาหารสมบูรณ์ขึ้น กระเพาะและลำไส้ไม่ต้องทำงานหนัก

ปริมาณอาหารที่พอดีในแต่ละคนมีวิธีสังเกตง่าย ๆ คือ คนที่อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปมีส่วนสูงประมาณ 165 ซม. ในผู้ชายควรมีน้ำหนักมาตรฐาน 63 +/- 5 กิโลกรัม ในผู้หญิงควรมีน้ำหนักประมาณ 56 +/- 5 กิโลกรัม ถ้ามีน้ำหนักน้อยหรือมากกว่ามาตรฐานแสดงว่าการรับประทานในแต่ละวันไม่สมดุล โดยอาจไม่ถูกสัดส่วนกับความต้องการของร่างกาย

คนที่มีอาการเบื่ออาหาร อาจมีสาเหตุมาจากความเครียด ทำให้กินอาหารไม่ตรงเวลา การกินในปริมาณมากเกินไปในขณะที่กระเพาะลำไส้ไม่ทำงาน บางคนกระเพาะลำไส้ทำงานมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการกินอาหารไม่ทันใด ก็ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ

การดื่มชากาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเยอะ จะไปกระตุ้นให้กรดออกมาเยอะ การสูบบุหรี่จัดมีผลให้กระเพาะบีบตัวได้ไม่ดี หูรูดของกระเพาะที่ต่อกับหลอดอาหารและกระเพาะกับลำไส้เปิด-ปิดได้ไม่ดี เกิดอาการกรดในกระเพาะล้นพ้นขึ้นมาบริเวณหลอดอาหารได้ทำให้รู้สึกหน้าอกแสบร้อนได้
ดังนั้นการลดกาแฟหรือบุหรี่ลง กินอาหารรสไม่จัด สักประมาณ 1 อาทิตย์ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์ การปล่อยให้เป็นลักษณะนี้ไปนานๆอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งได้

นิตยสาร Medical Upgrade ฉบับ 010


www.meedee.net/magazine/med/foods-security/1493


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร