วันเวลาปัจจุบัน 11 ต.ค. 2024, 06:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 75 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


พระราชบัญญิตคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕

มาตรา ๑๕ ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
(๒) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
(๓) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
(๔) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น

ที่รับเงินกันสนั่นหวั่นไหวน่ะคืออะไร นี่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างแค่สิกขาบทเดียวเท่านั้น เป็นหน้าที่ของใคร ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย

มาตรา ๒๗ เมื่อพระภิกษุรูปใดต้องด้วยกรณีข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องคำวินิจฉัยตามมาตรา ๒๕ ให้รับนิคหกรรมไม่ถึงให้สึก แต่ไม่ยอมรับนิคหกรรมนั้น
(๒) ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ
(๓) ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง
(๔) ไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม
พระภิกษุผู้ต้องคำวินิจฉัยให้สละสมณเพศตามวรรคสอง ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยนั้น

นี่ก็อีกรับเงินกันเป็นประจำ เข้ากับคำว่าอาจิณไหม ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย แล้วเป็นอำนาจหน้าที่ใคร
ถ้าจะปลงอาบัติให้ผ่านต้องเสียสละเงินก่อนแล้วจึงปลงอาบัติ จึงจะผ่าน ถ้าไม่เสียสละเงินก็ยังเป็น ผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ มีการงานปกปิดไว้ ไม่เป็นสมณะ ก็ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี ก็ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เป็นผู้เน่าในภายใน มีใจชุ่มด้วยกาม เป็นดุจขยะมูลฝอย

วิธีเสียสละรูปิยะ
ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษากว่านั่งกระหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้ารับรูปิยะไว้แล้ว. ของนี้ของข้าพเจ้า เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละรูปิยะนี้แก่สงฆ์.
ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ, ถ้าคนผู้ทำการวัดหรืออุบาสก เดินมาในสถานที่เสียสละนั้น พึงบอกเขาว่า ท่านจงรู้ของสิ่งนี้, ถ้าเขาถามว่าจะให้ผมนำของสิ่งนี้ไปหาอะไรมา อย่าบอกว่า จงนำของสิ่งนี้หรือของสิ่งนี้มา. ควรบอกแต่ของที่เป็นกัปปิยะ เช่น เนยใส น้ำมัน น้ำผึ้ง หรือน้ำอ้อย, ถ้าเขานำรูปิยะนั้นไปแลกของที่เป็นกัปปิยะมาถวาย เว้นภิกษุผู้รับรูปิยะ, ภิกษุนอกนั้นฉันได้ทุกรูป, ถ้าได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี; ถ้าไม่ได้,พึงบอกเขาว่า โปรดช่วยทิ้งของนี้, ถ้าเขาทิ้งให้ นั่นเป็นการดี; ถ้าเขาไม่ทิ้งให้, พึงสมมติภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ.

ท่านทั้งหลายท่านก็ดูออกว่ากฎหมายสงฆ์นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 16:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


อืม....ยังไม่จบอีกหรอเนี่ย...นี้มันยุคสมัยใหนแล้วคุณ....แกคงมีความทุกข์มากอ่ะนะที่เห็นพระรับเงิน..ชาวเว็บธรรมจักรทุกคนใครว่างๆๆๆๆก็ช่วยๆกันเผ่เมตตาส่งไปให้แกด้วยละ...เผื่อว่าแกจะดีขึ้น ผมกลัวเหลือเกินว่าเดียวแกจะตกนรกโดยไม่รู้ตัวอ่ะนะ เพราะแกเล่นเหมาหมดเลยว่าพระทุกรูปไม่เว้นแม้แต่พระอหรหันต์พากันรับเงินสนั่นหวั่นไหว เล่นมีอคติกับพระทุกรูปแบบนี้โดยไม่แยกแยะเนี่ยเดี่ยวนรกจะถามหานะคุณ อย่าลืมว่าพระที่ปฏิบัติดีปฏบัติชอบไม่จับปัจจัยก็ยังมีอีกมากมายนะ :b7:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


แก้ไขล่าสุดโดย อยู่กับความมืด เมื่อ 05 เม.ย. 2012, 17:57, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


tonnk เขียน:
พระราชบัญญิตคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕

มาตรา ๑๕ ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
(๒) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
(๓) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
(๔) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น

ที่รับเงินกันสนั่นหวั่นไหวน่ะคืออะไร นี่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างแค่สิกขาบทเดียวเท่านั้น เป็นหน้าที่ของใคร ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย

มาตรา ๒๗ เมื่อพระภิกษุรูปใดต้องด้วยกรณีข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องคำวินิจฉัยตามมาตรา ๒๕ ให้รับนิคหกรรมไม่ถึงให้สึก แต่ไม่ยอมรับนิคหกรรมนั้น
(๒) ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ
(๓) ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง
(๔) ไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม
พระภิกษุผู้ต้องคำวินิจฉัยให้สละสมณเพศตามวรรคสอง ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยนั้น

นี่ก็อีกรับเงินกันเป็นประจำ เข้ากับคำว่าอาจิณไหม ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย แล้วเป็นอำนาจหน้าที่ใคร
ถ้าจะปลงอาบัติให้ผ่านต้องเสียสละเงินก่อนแล้วจึงปลงอาบัติ จึงจะผ่าน ถ้าไม่เสียสละเงินก็ยังเป็น ผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ มีการงานปกปิดไว้ ไม่เป็นสมณะ ก็ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี ก็ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เป็นผู้เน่าในภายใน มีใจชุ่มด้วยกาม เป็นดุจขยะมูลฝอย

วิธีเสียสละรูปิยะ
ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษากว่านั่งกระหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้ารับรูปิยะไว้แล้ว. ของนี้ของข้าพเจ้า เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละรูปิยะนี้แก่สงฆ์.
ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ, ถ้าคนผู้ทำการวัดหรืออุบาสก เดินมาในสถานที่เสียสละนั้น พึงบอกเขาว่า ท่านจงรู้ของสิ่งนี้, ถ้าเขาถามว่าจะให้ผมนำของสิ่งนี้ไปหาอะไรมา อย่าบอกว่า จงนำของสิ่งนี้หรือของสิ่งนี้มา. ควรบอกแต่ของที่เป็นกัปปิยะ เช่น เนยใส น้ำมัน น้ำผึ้ง หรือน้ำอ้อย, ถ้าเขานำรูปิยะนั้นไปแลกของที่เป็นกัปปิยะมาถวาย เว้นภิกษุผู้รับรูปิยะ, ภิกษุนอกนั้นฉันได้ทุกรูป, ถ้าได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี; ถ้าไม่ได้,พึงบอกเขาว่า โปรดช่วยทิ้งของนี้, ถ้าเขาทิ้งให้ นั่นเป็นการดี; ถ้าเขาไม่ทิ้งให้, พึงสมมติภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ.

ท่านทั้งหลายท่านก็ดูออกว่ากฎหมายสงฆ์นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่



ก็อยากจะถามกลับว่าท่านทั้งหลาย...คิดว่ากฏหมายรัฐธรรมนูญมีความศักสิทธอยู่ใหม...แล้วที่นักการเมืองพากันคอรับชั่นสนั่นหวั่นไหวนี้คืออะไร นี้แค่ยกตัวอย่างเรื่องคอรับชั่นเท่านั้นนะ .....ท่านทั้งหลายโปรดช่วยๆกันพิจารณาด้วยเถิด... :b9: :b13:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ จขกท ผมขอถามด้วยความจริงใจว่าคุณเคยทำอะไรเพื่อพระศาสนาไหม เอาอะไรก้ได้ยกตัวอย่างมาให้ดูหน่อย แต่ถ้าให้ผมเดาคุณคงไม่ตอบผมหรอ เพราะคงคิดไม่ออกว่ากูเคยทำอะไรเพื่อพระศาสนาบ้าง

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่จริงผมไม่ได้ต่อต้านอะไรคุณหลอกนะแต่อยากให้แยกแยะหน่อยไม่ใช่อะไรๆๆก็เหมาหมด หัดเปิดใจให้กว้างอย่ามีอคติมาก คนเรานะก็มีทั้งด้านที่ดีและไม่ดี เวลามองคนอื่นอย่ามองแต่ด้านที่ไม่ดีให้มองในส่วนที่ดีด้วยการมองแบบนี้นะจะทำให้เรามองคนอื่นในมุงที่กว้างขึ้นนะ อย่าเป็นคนประเภทมองเห็นแต่ความชั่วของคนอื่นแต่กลับมองไม่เห้นความเลวของตัวเอง คนประเภทนี้นอกจากจับผิดคนอื่นแล้วตัวเองไม่มีความดีอะไรหลอก ถ้าเป็นคนดีนะเขาไม่ไปนั่งจับผิดคนอื่นหลอก เพราะคนดีน่ะเขาเห็นอะไรไม่ดีก็ช่วยๆกันลงมือแก่ไขแต่คนจันไรนะมักจะนั่งจับผิดคนนั้นคนนี้ ก็น่าสงสารนะคนประเภทนี้อ่ะผมเองก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากสวดมนต์เผ่เมตตาไปให้เท่านั่น ก้หวังว่าอานิสงค์ของการเผ่เมตตานี้จะทำให้คุณ มีจิตใจที่ประเสริฐขึ้นนะ :b9: :b9:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 19:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


tonnk เขียน:
พระราชบัญญิตคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕

มาตรา ๑๕ ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
(๒) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
(๓) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
(๔) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น

ที่รับเงินกันสนั่นหวั่นไหวน่ะคืออะไร นี่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างแค่สิกขาบทเดียวเท่านั้น เป็นหน้าที่ของใคร ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย

มาตรา ๒๗ เมื่อพระภิกษุรูปใดต้องด้วยกรณีข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องคำวินิจฉัยตามมาตรา ๒๕ ให้รับนิคหกรรมไม่ถึงให้สึก แต่ไม่ยอมรับนิคหกรรมนั้น
(๒) ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ
(๓) ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง
(๔) ไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม
พระภิกษุผู้ต้องคำวินิจฉัยให้สละสมณเพศตามวรรคสอง ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยนั้น

นี่ก็อีกรับเงินกันเป็นประจำ เข้ากับคำว่าอาจิณไหม ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย แล้วเป็นอำนาจหน้าที่ใคร
ถ้าจะปลงอาบัติให้ผ่านต้องเสียสละเงินก่อนแล้วจึงปลงอาบัติ จึงจะผ่าน ถ้าไม่เสียสละเงินก็ยังเป็น ผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ มีการงานปกปิดไว้ ไม่เป็นสมณะ ก็ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี ก็ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เป็นผู้เน่าในภายใน มีใจชุ่มด้วยกาม เป็นดุจขยะมูลฝอย

วิธีเสียสละรูปิยะ
ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษากว่านั่งกระหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้ารับรูปิยะไว้แล้ว. ของนี้ของข้าพเจ้า เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละรูปิยะนี้แก่สงฆ์.
ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ, ถ้าคนผู้ทำการวัดหรืออุบาสก เดินมาในสถานที่เสียสละนั้น พึงบอกเขาว่า ท่านจงรู้ของสิ่งนี้, ถ้าเขาถามว่าจะให้ผมนำของสิ่งนี้ไปหาอะไรมา อย่าบอกว่า จงนำของสิ่งนี้หรือของสิ่งนี้มา. ควรบอกแต่ของที่เป็นกัปปิยะ เช่น เนยใส น้ำมัน น้ำผึ้ง หรือน้ำอ้อย, ถ้าเขานำรูปิยะนั้นไปแลกของที่เป็นกัปปิยะมาถวาย เว้นภิกษุผู้รับรูปิยะ, ภิกษุนอกนั้นฉันได้ทุกรูป, ถ้าได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี; ถ้าไม่ได้,พึงบอกเขาว่า โปรดช่วยทิ้งของนี้, ถ้าเขาทิ้งให้ นั่นเป็นการดี; ถ้าเขาไม่ทิ้งให้, พึงสมมติภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ.

ท่านทั้งหลายท่านก็ดูออกว่ากฎหมายสงฆ์นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่


พระมีกฎพระวินัยของพระ ฆราวาสก็มีกฎหมาย
คุณว่าพระไม่เคารพวินัย แล้วคุณว่าฆราวาสเคารพกฎหมายหรือเปล่าล่ะ

บอกห้ามทิ้งขยะ ก็ทิ้ง
บอกห้ามฝ่าไฟแดง ก็ฝ่า
บอกห้ามรับใต้โต๊ะ ก็รับ
ห้างเล่นการพนัน ก็แอบเล่น พอโดนจับก็วิ่งซะผ้าหลุด

แบบนี้คุณคิดว่า พระ และ ฆราวาส ต่างกันตรงไหนล่ะ ต่างคนต่างแหกกฎ
อาจเป็นเพราะ กฎมีไว้แหกมั้งครับ

คุณก็ลองเอาไปคิดดูเล่นๆแล้วกันครับ

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมคิดว่ากฏหมายทางโลก ทั้งวินัยสงฆ์ทางพระถูกกำหนดมาเพื่อความผาสุขแห่งตนและส่วนรวม มีบทลงโทษผู้กระทำผิดทั้งหนักเบา

กฏหมายมีจุดมุ่งหมายเพื่อความผาสุขและความเจริญทางโลก ผู้ทำผิดกฏหมายย่อมมีความอยู่ไม่เป็นสุขหลบซ่อนหวาดกลัว ว่าความผิดนั้นจะปรากฏ ย่อมไม่เจริญทางอาชีพและย่ิอมถูกลงโทษเมื่อถูกจับได้

ส่วนธรรมมีจุดมุ่งหมายเพื่อความผาสุขและความเจริญทางจิต ผู้กระทำผิดย่อมเป็นอยู่ไม่ผาสุข จิตไม่มีความเจริญก้าวหน้าจากการกระทำของตน ถูกทุกข์เผาลนอยู่ โพธิจิตถูกทำลายย่อยยับจากการกระทำของตนนั้นเขาพลาดขุมทรัพย์ใหญ่คือความดับทุกข์อันเกษมอญู่ตลอดกาลเสียแล้ว จนกว่าเขาจะสำนึกและเลิกการกระทำนั้น

ผลนั้นมีแน่นอน :b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 00:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


tonnk เขียน:
พระราชบัญญิตคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕

มาตรา ๑๕ ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
(๒) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
(๓) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
(๔) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น

ที่รับเงินกันสนั่นหวั่นไหวน่ะคืออะไร นี่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างแค่สิกขาบทเดียวเท่านั้น เป็นหน้าที่ของใคร ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย

มาตรา ๒๗ เมื่อพระภิกษุรูปใดต้องด้วยกรณีข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องคำวินิจฉัยตามมาตรา ๒๕ ให้รับนิคหกรรมไม่ถึงให้สึก แต่ไม่ยอมรับนิคหกรรมนั้น
(๒) ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ
(๓) ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง
(๔) ไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม
พระภิกษุผู้ต้องคำวินิจฉัยให้สละสมณเพศตามวรรคสอง ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยนั้น

นี่ก็อีกรับเงินกันเป็นประจำ เข้ากับคำว่าอาจิณไหม ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย แล้วเป็นอำนาจหน้าที่ใคร
ถ้าจะปลงอาบัติให้ผ่านต้องเสียสละเงินก่อนแล้วจึงปลงอาบัติ จึงจะผ่าน ถ้าไม่เสียสละเงินก็ยังเป็น ผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ มีการงานปกปิดไว้ ไม่เป็นสมณะ ก็ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี ก็ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เป็นผู้เน่าในภายใน มีใจชุ่มด้วยกาม เป็นดุจขยะมูลฝอย

วิธีเสียสละรูปิยะ
ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษากว่านั่งกระหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้ารับรูปิยะไว้แล้ว. ของนี้ของข้าพเจ้า เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละรูปิยะนี้แก่สงฆ์.
ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ, ถ้าคนผู้ทำการวัดหรืออุบาสก เดินมาในสถานที่เสียสละนั้น พึงบอกเขาว่า ท่านจงรู้ของสิ่งนี้, ถ้าเขาถามว่าจะให้ผมนำของสิ่งนี้ไปหาอะไรมา อย่าบอกว่า จงนำของสิ่งนี้หรือของสิ่งนี้มา. ควรบอกแต่ของที่เป็นกัปปิยะ เช่น เนยใส น้ำมัน น้ำผึ้ง หรือน้ำอ้อย, ถ้าเขานำรูปิยะนั้นไปแลกของที่เป็นกัปปิยะมาถวาย เว้นภิกษุผู้รับรูปิยะ, ภิกษุนอกนั้นฉันได้ทุกรูป, ถ้าได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี; ถ้าไม่ได้,พึงบอกเขาว่า โปรดช่วยทิ้งของนี้, ถ้าเขาทิ้งให้ นั่นเป็นการดี; ถ้าเขาไม่ทิ้งให้, พึงสมมติภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ.

ท่านทั้งหลายท่านก็ดูออกว่ากฎหมายสงฆ์นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่


ดีครับ....

ที่คุณพุทธคุณยกมา..นี้ชัดเจนเลยนะว่า...เรื่องผิดเป็นอาจิณ

นอกจากรับเงินแล้วนี้.....ก็อยากให้คุณพุทธคุณช่วยดูข้ออื่น ๆ ด้วยนะครับ

เช่นพระทำผิดกฎหมาย...

พระไม่ปฏิบัติตามอุปัชฌาย์...

พระอวดธรรมที่ไม่มีในตน..

พระสอนผิดจากพระพุทธเจ้า...โอนบุญกันได้เหมือนโอนตังค์

พระที่มุ่งทำลายหมู่คณะ...

ถ้าศาลฎีกาตัดสินว่าผิดแล้วนี้...ควรสึกมั้ย

ยังมีอีกเยอะครับ...นอกจากเรื่องจับเงิน ๆ ทอง ๆ แล้วเนี้ย
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 06:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นไงบ้างครับ จขกท ดีขึ้นมาบ้างยัง เมื่อวานผมได้นั่งสมาธิแล้วกวดน้ำเผ่เมตตาไปให้แล้วนะ ถ้าว่างๆเดียวผมจะสวดมาติกาบังสกุลไปให้ด้วย อย่าเคียดมากละ ผมเป้นหว่างคุณนะ เพราะคนที่หวังดีต่อพุทธศาสนาแบบนี้หาอยากนะ เพราะฉะนั้นคนประเภทนี้เราควรช่วยกันอนุรักษ์ไว้ ช่วยๆกันเผ่เมตตาไปให้ :b13: :b9:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 06:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
tonnk เขียน:
พระราชบัญญิตคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕

มาตรา ๑๕ ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
(๒) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
(๓) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
(๔) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น

ที่รับเงินกันสนั่นหวั่นไหวน่ะคืออะไร นี่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างแค่สิกขาบทเดียวเท่านั้น เป็นหน้าที่ของใคร ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย

มาตรา ๒๗ เมื่อพระภิกษุรูปใดต้องด้วยกรณีข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องคำวินิจฉัยตามมาตรา ๒๕ ให้รับนิคหกรรมไม่ถึงให้สึก แต่ไม่ยอมรับนิคหกรรมนั้น
(๒) ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ
(๓) ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง
(๔) ไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม
พระภิกษุผู้ต้องคำวินิจฉัยให้สละสมณเพศตามวรรคสอง ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยนั้น

นี่ก็อีกรับเงินกันเป็นประจำ เข้ากับคำว่าอาจิณไหม ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย แล้วเป็นอำนาจหน้าที่ใคร
ถ้าจะปลงอาบัติให้ผ่านต้องเสียสละเงินก่อนแล้วจึงปลงอาบัติ จึงจะผ่าน ถ้าไม่เสียสละเงินก็ยังเป็น ผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ มีการงานปกปิดไว้ ไม่เป็นสมณะ ก็ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี ก็ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เป็นผู้เน่าในภายใน มีใจชุ่มด้วยกาม เป็นดุจขยะมูลฝอย

วิธีเสียสละรูปิยะ
ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษากว่านั่งกระหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้ารับรูปิยะไว้แล้ว. ของนี้ของข้าพเจ้า เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละรูปิยะนี้แก่สงฆ์.
ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ, ถ้าคนผู้ทำการวัดหรืออุบาสก เดินมาในสถานที่เสียสละนั้น พึงบอกเขาว่า ท่านจงรู้ของสิ่งนี้, ถ้าเขาถามว่าจะให้ผมนำของสิ่งนี้ไปหาอะไรมา อย่าบอกว่า จงนำของสิ่งนี้หรือของสิ่งนี้มา. ควรบอกแต่ของที่เป็นกัปปิยะ เช่น เนยใส น้ำมัน น้ำผึ้ง หรือน้ำอ้อย, ถ้าเขานำรูปิยะนั้นไปแลกของที่เป็นกัปปิยะมาถวาย เว้นภิกษุผู้รับรูปิยะ, ภิกษุนอกนั้นฉันได้ทุกรูป, ถ้าได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี; ถ้าไม่ได้,พึงบอกเขาว่า โปรดช่วยทิ้งของนี้, ถ้าเขาทิ้งให้ นั่นเป็นการดี; ถ้าเขาไม่ทิ้งให้, พึงสมมติภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ.

ท่านทั้งหลายท่านก็ดูออกว่ากฎหมายสงฆ์นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่


ดีครับ....

ที่คุณพุทธคุณยกมา..นี้ชัดเจนเลยนะว่า...เรื่องผิดเป็นอาจิณ

นอกจากรับเงินแล้วนี้.....ก็อยากให้คุณพุทธคุณช่วยดูข้ออื่น ๆ ด้วยนะครับ

เช่นพระทำผิดกฎหมาย...

พระไม่ปฏิบัติตามอุปัชฌาย์...

พระอวดธรรมที่ไม่มีในตน..

พระสอนผิดจากพระพุทธเจ้า...โอนบุญกันได้เหมือนโอนตังค์

พระที่มุ่งทำลายหมู่คณะ...

ถ้าศาลฎีกาตัดสินว่าผิดแล้วนี้...ควรสึกมั้ย

ยังมีอีกเยอะครับ...นอกจากเรื่องจับเงิน ๆ ทอง ๆ แล้วเนี้ย
:b12: :b12:


อย่าว่าผมเลยนะผมขอพูดตรงๆเลย ...ฆาราวาสโง่เองแล้วไปโยนความผิดให้พระ ถ้าฆาราวาสฉลาดรู้ในธรรมพระที่ใหนจะมาหลอกได้ ถ้าว่างมาด่าคนอื่นๆก็หัดเอาเวลานี้ไปศึกษาธรรมเผื่อจะฉลาดขึ้นจะได้ไม่ถูกพวกมิตฉาชีพหลอกเอาอีก

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่กับความมืด เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:


ดีครับ....

ที่คุณพุทธคุณยกมา..นี้ชัดเจนเลยนะว่า...เรื่องผิดเป็นอาจิณ

นอกจากรับเงินแล้วนี้.....ก็อยากให้คุณพุทธคุณช่วยดูข้ออื่น ๆ ด้วยนะครับ

เช่นพระทำผิดกฎหมาย...

พระไม่ปฏิบัติตามอุปัชฌาย์...

พระอวดธรรมที่ไม่มีในตน..

พระสอนผิดจากพระพุทธเจ้า...โอนบุญกันได้เหมือนโอนตังค์

พระที่มุ่งทำลายหมู่คณะ...

ถ้าศาลฎีกาตัดสินว่าผิดแล้วนี้...ควรสึกมั้ย

ยังมีอีกเยอะครับ...นอกจากเรื่องจับเงิน ๆ ทอง ๆ แล้วเนี้ย
:b12: :b12:


อย่าว่าผมเลยนะผมขอพูดตรงๆเลย ...ฆาราวาสโง่เองแล้วไปโยนความผิดให้พระ ถ้าฆาราวาสฉลาดรู้ในธรรมพระที่ใหนจะมาหลอกได้ ถ้าว่างมาด่าคนอื่นๆก็หัดเอาเวลานี้ไปศึกษาธรรมเผื่อจะฉลาดขึ้นจะได้ไม่ถูกพวกมิตฉาชีพหลอกเอาอีก


กราบนมัสการพระคุณเจ้า หลวงพี่"อยู่กับความมืด"เจ้าคะ ดิฉันขัดเคืองใจกับคำพูดคำนี้ของหลวงพี่
อยากให้หลวงพี่ยืนยันคำพูดนี้อีกครั้งว่าหลวงพี่แค่พูดเล่นๆแต่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ ใช่มั้ย
เจ้าคะ

หลวงพี่กล้าพูดได้อย่างไรคะ...ฆราวาสโง่เอง ถ้าฆราวาสรู้ธรรม พระที่ไหนก็หลอกไม่ได้...แบบนี้
แสดงว่าถ้าฆราวาสรู้ธรรม ในโลกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีพระสงฆ์ก็ได้ใช่หรือเปล่าคะ เพราะพระมีหน้าที่
สอนธรรมแก่ฆราวาส เพื่อให้ฆราวาสหายโง่มิใช่หรือคะแต่ถ้าฆราวาสรู้ในธรรมแล้ว จะมีพระสงฆ์ไว้
เลี้ยงให้เปลืองข้าวสุกทำไมคะ ขออภัยที่ใช้คำรุนแรงโดยไม่เจตนานะคะ แค่อยากสื่อถาพให้ชัดเจน
น่ะคะ ไม่มีเจตนาลบหลู่พระนะคะ

ถ้าหลวงพี่คิดแบบด้านบนนี้จริงๆ ดิฉันก็จะรู้สึกเสียใจมากจริงๆเจ้าค่ะที่หลวงพี่คิดเช่นนั้นและก็จะ
กราบเรียนหลวงพี่ว่า"หลวงพี่ตั้งชื่อUSER ได้เหมาะสมกับนิสันของหลวงพี่จริงๆเลยค่ะ จนดิฉันจินตนาการไม่ออกเลยค่ะ ว่าความมืดที่หลวงพี่ใช้ในการตั้งชื่อนั้น มืดดำขนาดไหน"

กราบนมัสการพระคุณเจ้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


หญิงไทย เขียน:
หลวงพี่กล้าพูดได้อย่างไรคะ...ฆราวาสโง่เอง ถ้าฆราวาสรู้ธรรม พระที่ไหนก็หลอกไม่ได้...แบบนี้
แสดงว่าถ้าฆราวาสรู้ธรรม ในโลกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีพระสงฆ์ก็ได้ใช่หรือเปล่าคะ เพราะพระมีหน้าที่
สอนธรรมแก่ฆราวาส เพื่อให้ฆราวาสหายโง่มิใช่หรือคะแต่ถ้าฆราวาสรู้ในธรรมแล้ว จะมีพระสงฆ์ไว้
เลี้ยงให้เปลืองข้าวสุกทำไมคะ



ไม่ขอแก้ตัวแต่ให้พิจารณาคำต่อไปนี้ด้วย

อยู่กับความมืด เขียน:
กำลังจะบอกว่าพระควรมกตัวอยู่แต่ในรูใช่ปะ ไม่ต้องไปสนใจพวกชาวบ้านใช่ปะ เพราะเดียวถ้ามันอยากรู้อะไรก็ไปอ่านพระไตรปิฏกก็ได้ใช่ปะ


โฮฮับ เขียน:
ถุๆๆถูกต้องแล้วคร้าบบบบ อยากเตือนหลวงพี่เลือกหารูตามเขาที่สูงๆนะครับ
เมืองไทยน้ำท่วมบ่อย เมื่อปีที่ผ่านมา แถวบ้านผมแย้มันวิ่งกันกระเจิงเลยครับ

แมงสาปวิ่งออกจากรูท่อระบาย มาเกาะตามแขนตามขายะแหยงมากครับ

หลวงพี่มืดครับถามครับ รู้จักกาละเทศะมั้ยครับ


เมื่อเป็นอย่างโฮฮับพูดแล้วจะมีพระไว้เปลืองข้าวสุขทำไม นี้ฆาราวาสพูดเองนะผมไม่ได้พูด

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


แก้ไขล่าสุดโดย อยู่กับความมืด เมื่อ 06 เม.ย. 2012, 08:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


หญิงไทย เขียน:
กราบนมัสการพระคุณเจ้า หลวงพี่"อยู่กับความมืด"เจ้าคะ ดิฉันขัดเคืองใจกับคำพูดคำนี้ของหลวงพี่อยากให้หลวงพี่ยืนยันคำพูดนี้อีกครั้งว่าหลวงพี่แค่พูดเล่นๆแต่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ ใช่มั้ย
เจ้าคะ


พูดจริงหรือไม่ก็ช่วยพิจารณาข้อความต่อไปนี้ ว่าเห็นอะไรในข้อความนี้ไหม

ปลงซะ เขียน:
นี่ก็เป็นอีกข้ออ้างที่นำมาใช้ต่อต้านคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น 1 ใน ข้ออ้างหลายๆข้อที่นำมาใช้หักล้างพระวินัย หรือแหกพระวินัย เพื่อให้ผู้อยู่ในสมณะเพศได้มีชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งขึ้น ปฏิบัติแบบสบ๊ายสาย กินนอนอย่างสุขสบาย มีชีวิตไม่ต่างจากฆราวาสมากนัก หรืออาจสบายกว่าฆราวาสด้วยซ้ำ ไม่ต้องศึกษา ปฏิบัติหรือขัดเกลาตนเองมากนัก

คำพูดแนวนี้ เป็นคำพูดที่เปรียบได้กับคำว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" เอาไว้พูดให้คนเกรงกลัวอำนาจลึกลับ เพื่อปิดหูปิดตาชาวบ้านให้ไม่กล้าศึกษาถึงหลักความเป็นจริง กดหัวชาวบ้านให้เชื่อและกลัวต่ออำนาจลึกลับอย่างงมงายต่อไป

บ๊ะๆๆ คำๆนี้มันร้ายจริงเชียว

ฮาฮาฮา เจ้ามะฮะ


คำถามคือ....พูดไปได้อย่างไงว่าพระเอาคำว่า...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่...มาขู่บ้านบ้านเพื่อว่าพระจะได้อยู่อย่างสุขสบาย...ในฐานะที่เป็นพระเห็นฆาราวาสพูดแบบนี้รู้สึกไม่สบายเหมือนกันนะ...แล้วถ้ามีกรณีแบบนี้จริงๆถามว่าผิดที่ใคร ถ้าฆาราวาสรู้ในธรรมมีหรอจะหลงเชื่ออะไรที่งมงาย... :b7: :b7:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


๑.หลวงพี่อย่าเหมารวมไปเองเลย ผมหมายถึงพวกที่รับเงินเท่านั้น

๒.ผมกระทำการป้องกันให้แล้ว แต่หลวงพี่ก็ยังต่อต้านกล่าวตู่ตถาคตอยู่ร่ำไป ถ้าหลวงพี่ยังรับเงินอยู่ถ้าตายไปหลวงพี่มีโอกาสไปนรกสูง และชาวบ้านที่ให้เงินพระนั้นก็ต้องตกนรกขุมเดียวกับพระด้วย

๓.หลวงพี่หรือใครจะด่าหรือว่าเสียดสีอย่างไรก็ตาม แต่ผมมีความปรารถนาดีต่อหลวงพี่และผู้คนที่ใช้เว็บนี้ หลวงพี่รีบแก้ไขเสียผมขอเตือน แต่ผมหาทางออกให้หลวงพี่อีกทางหนึ่ง อีกประมาณสามวันผมจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับภิกษุที่อาบัติแล้วแก้ไขไว้ให้ :b48:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 75 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร