วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 07:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 15:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 20:56
โพสต์: 12


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ธรรมจักรทุกท่านค่ะ

ตอนนี้ดิฉันกำลังเศร้า เพราะอัตตาถูกกระทบสะเทือนทลาย
กับการงานที่ทำได้ไม่ดี เป็นงานแปลหนังสือ โดนติมาว่าแปลงานมีประโยคแปลกๆ หลายจุด
พร้อมกับให้ทำการรีไรท์ใหม่...เลยเกิดความเศร้าและเกิดการตำหนิตัวเองจนถึงที่สุด

ทำมาสี่ห้าเล่มแล้วยังไม่เคยพอใจตนเองสักที ไม่โกรธที่เขาวิจารณ์
กลับยิ่งทำให้ตำหนิตัวเองจนไม่กำลังใจที่จะทำงาน

รู้ข้อเสียของตัวเองค่ะ..และตั้งใจที่จะปรับปรุง แต่ตอนนี้หดหู่มากเหลือเกิน
รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า พาลทำให้นึกถึงข้อด้อยอื่นๆ ของตัวเองขึ้นมา คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรื่องแล้วเรื่องเล่าที่ผ่านเข้ามา จนเหมือนทำร้ายตัวเองอยู่ร่ำไป

เคยมีคนปลอบใจว่าเราก็มีดีหลายอย่าง แต่ยังอดไม่ได้ที่จะคิด
ตอนนี้วันนี้เกิดอาการขึ้นมาอีก เลยเข้ามาระบายค่ะ...

อาการตอนนี้ซับซ้อนมากค่ะ..

หดหู่ เศร้าซึม รู้สึกตัวเองห่วยแตก แม้แต่งานที่คิดว่าทำได้ดีที่สุดกลับยังทำได้ไม่ดี
อยากได้การยอมรับ อยากมีชื่อเสียงในสายงาน อยากหารายได้จากตรงนี้..
เครียด กดดัน กลัวคำวิจารณ์ คนอื่นว่าว่าทำไม่สำเร็จ กลัวที่สุด กลัวพ่อแม่พี่น้องผิดหวัง
เลยมักพาลพาโลกับพวกเขาอยู่ร่ำไป...ฯลฯ มากมายบอกไม่ถูก

จนตอนนี้เกลียดตัวเอง เพราะนิสัยแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่ากำลังทำร้ายตัวเอง
แต่ยังปล่อยวางไม่ได้ แก้งานยังไม่ได้ เกลียดตัวเองมากๆ รู้สึกตัวเองไม่มีค่าเลยค่ะ

ระบายเท่าไรก็ยังไม่หมดสักที ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่
ต้องทำใจยังไง ต้องทำอะไรบ้าง เราทำอะไรผิดไป อยากให้ใจสงบนิ่ง มั่นคง เข้มแข็ง
เพื่อที่จะทำงานและพัฒนาตนเองให้ดีต่อไป

ทำอย่างไรดีคะ เป็นอย่างนี้มาทั้งชีวิต จนเป็นทุกข์มากเหลือเกิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่ามองแต่ส่วนที่ไม่ดีของตน จนเกิดความน้อยอกน้อยใจ
ทำแบบนี้บ่อย ๆ เป็นการทำร้ายตนเอง ฆ่าตัวตายได้นะ .. :b7:

มองส่วนที่ดีของตนบ้างนะ เช่น เกิดเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ
สามารถเลือกได้ว่า ชาติหน้าอยากจะเป็นอะไร เป็นต้น ฯลฯ

งานที่คิดว่าทำได้ไม่ดีนะ แค่ขาดประสบการณ์เท่านั้นแหละ
ให้พยายามสะสมความรู้ เพิมพูนประสบการณ์ให้มาก
น้อมนำเอาคำวิพากวิจารณ์ มาปรับปรุงแก้ไขตนเอง ให้ดีขึ้น


เพราะผู้ที่ผ่านการเคี่ยวกรำอย่างหนักเท่านั้น ที่จะเป็นครู
เป็นอาจารย์ เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ .. :b4:

ขอให้มีความมุ่งมั่น (อธิษฐาน) ในงานที่ตนทำ
เอาสัจจะ ขันติ เอาวิริยะความพยายาม เป็นที่ตั้ง
ความสำเร็จก็มองเห็นอยู่ข้างหน้า ... :b53:


rolleyes rolleyes

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 17:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


jittarose เขียน:
สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ธรรมจักรทุกท่านค่ะ

ตอนนี้ดิฉันกำลังเศร้า เพราะอัตตาถูกกระทบสะเทือนทลาย
กับการงานที่ทำได้ไม่ดี เป็นงานแปลหนังสือ โดนติมาว่าแปลงานมีประโยคแปลกๆ หลายจุด
พร้อมกับให้ทำการรีไรท์ใหม่...เลยเกิดความเศร้าและเกิดการตำหนิตัวเองจนถึงที่สุด



คุณแปลงานทางด้านอะไรล่ะ... :b16:

เอกอนเป็นคนที่ชอบอ่านงานแปลนะ

เอกอน ชอบคนแปลงานเขียนนี้นะ
"ควอนตั้มกับดอกบัว"
กับการอ่านทั้งเล่ม เอกอนไม่รู้สึกว่าเหมือนกำลังอ่านงานแปล
เขาถ่ายทอดภาษาออกมาได้ค่อนข้างเนียน
และเอกอนก็ถือว่างานเขียนนี้เป็นงานเขียนที่มีคุณค่าและมีความหมาย ได้ใจมากสำหรับเอกอน
และก็พลอยรู้สึกชื่นชมผู้แปลที่ได้ทุ่มเทกับแปลงานเขียนนี้ออกมา ได้ดี
(จุ๊ฟฟ์ จุ๊ฟฟ์ อิอิ ไม่รู้ใครแปลแต่ขอเหน๋อหน้าชมไว้ที่นี่ล่ะ
เพราะใครจะไปรู้ เขาอาจจะอวตารมาอยู่ในนี้นั่งคุยกะเราอยู่ด้วยก็ได้ :b3: :b3: :b4: )
และก็พลอยรู้สึกชื่นชมผู้ที่ผลิตผลงานแปลทุกคน ที่ขยันตั้งใจผลิตผลงานออกมาเผยแพร่

และเอกอนก็รู้สึกรักพวกคุณ ที่เฝ้าผลิตผลงานแปลดี ๆ ออกมา
และเมื่อรู้ว่า กว่าที่พวกคุณจะผลิตผลงานดี ๆ ออกมาได้
พวกคุณต้องพบกับความยากลำบากเช่นไร ก็พลอยรู้สึกเห็นใจไปด้วย

:b17: :b17: :b17:

หากคุณรักงานนี้
เอกอนก็ขอเป็นกำลังใจให้
ขอให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้อใจนี้ไปให้ได้
ขอให้คุณสร้างผลงานที่ดีออกมา

ในวันนี้คุณอาจจะถูกตำหนิ
แต่เขาตำหนิ ก็เพื่อให้คุณ นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดออกมา
ผลงานคุณจะได้เป็นที่ยอมรับ และคุณจะได้เป็นที่รักและชื่นชมของผู้คน
และ
สิ่งนั้นล่ะ เมื่อมันไปถึงสายตาผู้อ่านแล้ว มันได้ใจของผู้อ่านไป
และ
เขาก็จะ รัก และ กลายเป็น แฟนคลับคุณ

:b4: ..สู้..สู้.. :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 06 พ.ย. 2012, 17:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 17:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


jittarose เขียน:
อาการตอนนี้ซับซ้อนมากค่ะ..

หดหู่ เศร้าซึม รู้สึกตัวเองห่วยแตก แม้แต่งานที่คิดว่าทำได้ดีที่สุดกลับยังทำได้ไม่ดี
อยากได้การยอมรับ อยากมีชื่อเสียงในสายงาน อยากหารายได้จากตรงนี้..
เครียด กดดัน กลัวคำวิจารณ์ คนอื่นว่าว่าทำไม่สำเร็จ กลัวที่สุด กลัวพ่อแม่พี่น้องผิดหวัง
เลยมักพาลพาโลกับพวกเขาอยู่ร่ำไป...ฯลฯ มากมายบอกไม่ถูก


จนตอนนี้เกลียดตัวเอง เพราะนิสัยแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่ากำลังทำร้ายตัวเอง
แต่ยังปล่อยวางไม่ได้ แก้งานยังไม่ได้ เกลียดตัวเองมากๆ รู้สึกตัวเองไม่มีค่าเลยค่ะ

ระบายเท่าไรก็ยังไม่หมดสักที ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่
ต้องทำใจยังไง ต้องทำอะไรบ้าง เราทำอะไรผิดไป อยากให้ใจสงบนิ่ง มั่นคง เข้มแข็ง
เพื่อที่จะทำงานและพัฒนาตนเองให้ดีต่อไป

ทำอย่างไรดีคะ เป็นอย่างนี้มาทั้งชีวิต จนเป็นทุกข์มากเหลือเกิน


ทำความซับซ้อนให้ลดลง

ด้วยการตัดความคิดที่จะทำเพื่ออะไร ๆ นั้นออกไปให้หมด

และให้เหลือแค่ว่า คุณจะทำงานเขียนให้
คนที่คุณรัก ที่เมื่อเขาอ่านแล้วเขาจะมีความสุขไปกับมัน สิ่

อิอิ :b4: :b4: :b4: ... สู้สู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 18:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ นี่ก็เป็นนักเขียน(งานแปล)อีกท่านที่เอกอน :b20: :b20: ช๊อบ ชอบ

ดร. ประพนธ์ ผาสุขยืด

:b32: :b32: ...และก็รู้แระ ว่าท่านก็อ่าน ควอนตัมกับดอกบัว เหมี๋ยนกาน
และ ความเห็นที่ท่านกล่าวนี้ :b4: :b4: :b4:
ก็น่าจะ โดนใจ นักเขียน

เพราะ เท่าที่อ่าน คงไม่ใช่แต่คุณแล้วหล่ะ ที่เจอการถูกกระแทกอัตตา

อ้างคำพูด:
. . . อ่านแล้วก็ได้แต่อึ้ง นึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบทั้งจากในหนังสือและจากการสัมมนาที่ถือว่าชัดเจนจนน่าตกใจ . . .

สองวันที่ผ่านมา (พฤหัส-ศุกร์) ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงานมหกรรมความรู้การพัฒนาจิตที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ (มสส.) ที่ศูนย์ประชุม ไบเทค บางนา เป็นการมาเข้าร่วมในฐานะ “ผู้เรียน” ไม่ได้มาเป็นวิทยากรหรือ “ผู้สอน” ก็เลยสบายใจ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร เปิดใจรับรู้ เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ แต่มีบาง Session ที่ผมรู้สึก "โดนใจ" อย่างยิ่ง อาทิเช่น ในช่วงที่ท่านอาจารย์วิจารณ์ดำเนินรายการมีผู้ถามคำถามว่า “จะรู้ได้อย่างไรว่าการพัฒนาจิตปัญญาของเรามีความก้าวหน้าไปเพียงใด เราจะใช้อะไรเป็นตัวชี้วัด?” คำตอบที่ได้รับจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ (วัดนาป่าพง) นั้นช่างกระชับสั้นแต่ตรงประเด็นยิ่งนัก ท่านได้ยกพุทธวัจน์ในเรื่องนี้ที่กล่าวไว้ว่า “ให้ดูว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นดับได้เร็วไหม?” เคยมีคนถามพระพุทธเจ้าว่า “แล้วจะต้องเร็วขนาดไหน?” พระองค์ตรัสว่าต้องใช้เวลาแค่ “กระพริบตาเดียว” ผมลองใช้ตัวชี้วัดนี้กับตัวเอง เพราะยังคงเห็นความทุกข์ (ใจ) ผ่านมาผ่านไปอยู่ตลอดเวลา ลองถามตัวเองว่า. . . เวลาที่ทุกข์ใจ ใช้เวลานานไหมกว่ามันจะผ่านไป . . . พบว่าปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอัตตาตัวตน โดยเฉพาะเวลาที่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียม "มีการใช้สองมาตรฐาน" มีการให้อภิสิทธิ์กับบางท่าน อะไรทำนองนั้น. . . ซึ่งมัีนมักจะทำให้ผมขุ่นเคืองใจไปนานพอสมควรเลยทีเดียว

ในงานนี้ผมได้ซื้อหนังสือที่เป็นผลงานของโครงการจิตตปัญญาศึกษามาหนึ่งเล่ม ชื่อว่า “ควอนตัมกับดอกบัว (The Quantum and the Lotus)” เป็นการถ่ายทอดบทสนทนาระหว่าง มาติเยอ ริการ์ กับ ตริน ซวน ตวน ซึ่งแปลโดย กุลศิริ เจริญศุภกุล และ บัญชา ธนบุญสมบัติ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สวนเงินมีมา ผมดูเนื้อหาคร่าวๆ แล้วเห็นว่าหัวข้อการสนทนานี้น่าสนใจมาก เป็นเรื่องที่ผมสนใจอยู่พอดี พออ่านมาถึงหน้าที่ 27 (บรรทัดที่ 4 – 9) ก็เหมือนถูกตรึงไว้กับข้อความที่ท่านมาติเยอเหมือนกำลังตอบคำถามเดียวกันนี้ในเรื่องตัวชี้วัดการพัฒนาจิตวิญญาณ ท่านกล่าวไว้ว่า “มีสัญญาณหลายอย่างที่บ่งบอกถึงความสำเร็จสำหรับนักปฏิบัติภาวนา แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากเวลาผ่านไปเป็นเดือนหรือเป็นปี ตัวตนของเราควรลดน้อยลง และเราควรคิดถึงคนอื่นมากขึ้น ถ้าความยึดมั่นถือมั่น ความเกลียดชัง ความหยิ่งยโส และความอิจฉาริษยายังรุนแรงเหมือนเดิม ก็เท่ากับเสียเวลาเปล่า ถอยหลังเข้าคลองแล้วยังหลอกคนอื่นด้วย . . .”

อ่านแล้วก็ได้แต่อึ้ง นึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบทั้งจากในหนังสือและจากการสัมมนาที่ถือว่าชัดเจนจนน่าตกใจ . . . ที่ตกใจคงไม่ต้องบอกนะครับว่าเป็นเพราะอะไร ไม่อยากจะซ้ำเติมตัวเองไปให้มากกว่านี้ และก็ไม่ขอรับข้อความให้กำลังใจใดๆ เพราะมันรังแต่จะทำให้อีโก้ของผมเติบใหญ่ต่อไป . . . พูดได้แต่ว่า "ขอขอบคุณในความปรารถนาดีของท่านครับ"


http://www.gotoknow.org/blogs/posts/296747


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 06 พ.ย. 2012, 19:04, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 18:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

อ้างคำพูด:
ผมดูเนื้อหาคร่าวๆ แล้วเห็นว่าหัวข้อการสนทนานี้น่าสนใจมาก เป็นเรื่องที่ผมสนใจอยู่พอดี พออ่านมาถึงหน้าที่ 27 (บรรทัดที่ 4 – 9) ก็เหมือนถูกตรึงไว้กับข้อความที่ท่านมาติเยอเหมือนกำลังตอบคำถามเดียวกันนี้ในเรื่องตัวชี้วัดการพัฒนาจิตวิญญาณ ท่านกล่าวไว้ว่า “มีสัญญาณหลายอย่างที่บ่งบอกถึงความสำเร็จสำหรับนักปฏิบัติภาวนา แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากเวลาผ่านไปเป็นเดือนหรือเป็นปี ตัวตนของเราควรลดน้อยลง และเราควรคิดถึงคนอื่นมากขึ้น ถ้าความยึดมั่นถือมั่น ความเกลียดชัง ความหยิ่งยโส และความอิจฉาริษยายังรุนแรงเหมือนเดิม ก็เท่ากับเสียเวลาเปล่า ถอยหลังเข้าคลองแล้วยังหลอกคนอื่นด้วย . . .”




ดร.ประพนธ์ ก็เป็นนักเขียน งานแปล

....... ก็เหมือนถูกตรึงไว้กับข้อความที่ท่านมาติเยอเหมือนกำลังตอบคำถาม......

นี่คือ สิ่งที่สำคัญ คือการถ่ายทอด
ความนัยที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอ จากภาษาหนึ่ง ไปสู่อีกภาษาหนึ่ง
แล้ว ภาษาที่ใช้ยังคงสามารถเข้าถึง ใจของผู้อ่านได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 18:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


และก็มีนะ
งานแปลที่ เอกอนอยากจะอ่านให้ได้
แต่ทุกวันนี้ ยังทนอ่านไม่ได้เรย

:b32: :b32: :b32:

ชื่อเรื่องก็ประมาณว่า

งานเขียนที่ไม่มีการถูกนำมาแผยแพร่ของ...ใครสักคน จำชื่อไม่ได้

ขนาดทนอ่านยังไม่ได้ แต่ก็ยังเก็บไว้ เพื่อว่าสักวัน
ที่เผื่อว่ามันอาจจะมีสักวันนะ...ที่เราจะทนอ่านมันจนได้.... :b14: :b5: :b32: :b32: :b32:

คือเขาให้เหตุผลที่งานเขียนนี้ไม่มีการนำมาเผยแพร่ เพราะว่า
มันเป็นประมาณว่า เป็นกึ๋นขั้นสุดยอดของนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง
ที่อยู่ในยุคเดียวกับไอนสไตน์ น่ะมั๊ง ประมาณนั้น
เป็นสิ่งที่ สุดยอด น่ะ
สุดยอดจนไม่มีใครอ่านแล้วทำความเข้าใจเข้าถึงมันได้น่ะ
...

ซึ่งอ่านไป เอกอนก็ ok นะ
ก็คิดว่า "สงสัยคนแปล ท่าจะแปลได้ดีจริง ๆ" .. :b9: .. ใช่ม๊า
น่าจะเป็นงั๊นเน๊อะ เอกอนคิดว่างั๊นนะ
เพราะขนาดเจ้าของภาษายังว่างั๊น...นี่
คือ ว่าเป็นงานเขียนที่อ่านยาก จึงไม่เคยนำออกมาเผยแพร่ ...น่ะ :b6: :b6:

:b32: :b32: :b32: :b32:

555 ทุกวันนี้เห็นสันมันบนชั้นหนังสือแล้วยังไม่คิดอยากจะแตะเรยยยย 555

:b9: :b9: :b9:

อิอิ แต่ไม่ต้องห่วงน๊ะจ๊ะ ถ้านักเขียนท่านนั้นอวตารมาอยู่แถวนี้แล้วบังเอิญรู้ตัว
ไม่ต้องงอนน๊ะจ๊ะ เอกอนสัญญาว่าจะพยายามทนอ่านให้ได้จร้าาาาา
ให้สมกับที่ท่านเองก็ได้พยายามทนแปล.....5555
เพราะเอกอนเชื่อว่า ที่ท่านทนแปลจนจบได้ มันต้องมีอะไรดี ๆ สิ่ จริงมั๊ย

5555 จริง ๆ แล้วมันก็เป็นความสงสัยน่ะ ว่า
คนแปลทนแปลจนจบได้ยังไง...ฟร๊ะ... :b32: :b32:

:b41: :b55: :b55: :b41:


:b4: :b4: :b4: :b4:



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 18:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


jittarose เขียน:
สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ธรรมจักรทุกท่านค่ะ

ตอนนี้ดิฉันกำลังเศร้า เพราะอัตตาถูกกระทบสะเทือนทลาย
กับการงานที่ทำได้ไม่ดี เป็นงานแปลหนังสือ โดนติมาว่าแปลงานมีประโยคแปลกๆ หลายจุด
พร้อมกับให้ทำการรีไรท์ใหม่...เลยเกิดความเศร้าและเกิดการตำหนิตัวเองจนถึงที่สุด

ทำมาสี่ห้าเล่มแล้วยังไม่เคยพอใจตนเองสักที ไม่โกรธที่เขาวิจารณ์
กลับยิ่งทำให้ตำหนิตัวเองจนไม่กำลังใจที่จะทำงาน

รู้ข้อเสียของตัวเองค่ะ..และตั้งใจที่จะปรับปรุง แต่ตอนนี้หดหู่มากเหลือเกิน
รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า พาลทำให้นึกถึงข้อด้อยอื่นๆ ของตัวเองขึ้นมา คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรื่องแล้วเรื่องเล่าที่ผ่านเข้ามา จนเหมือนทำร้ายตัวเองอยู่ร่ำไป

เคยมีคนปลอบใจว่าเราก็มีดีหลายอย่าง แต่ยังอดไม่ได้ที่จะคิด
ตอนนี้วันนี้เกิดอาการขึ้นมาอีก เลยเข้ามาระบายค่ะ...

อาการตอนนี้ซับซ้อนมากค่ะ..

หดหู่ เศร้าซึม รู้สึกตัวเองห่วยแตก แม้แต่งานที่คิดว่าทำได้ดีที่สุดกลับยังทำได้ไม่ดี
อยากได้การยอมรับ อยากมีชื่อเสียงในสายงาน อยากหารายได้จากตรงนี้..
เครียด กดดัน กลัวคำวิจารณ์ คนอื่นว่าว่าทำไม่สำเร็จ กลัวที่สุด กลัวพ่อแม่พี่น้องผิดหวัง
เลยมักพาลพาโลกับพวกเขาอยู่ร่ำไป...ฯลฯ มากมายบอกไม่ถูก

จนตอนนี้เกลียดตัวเอง เพราะนิสัยแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่ากำลังทำร้ายตัวเอง
แต่ยังปล่อยวางไม่ได้ แก้งานยังไม่ได้ เกลียดตัวเองมากๆ รู้สึกตัวเองไม่มีค่าเลยค่ะ

ระบายเท่าไรก็ยังไม่หมดสักที ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่
ต้องทำใจยังไง ต้องทำอะไรบ้าง เราทำอะไรผิดไป อยากให้ใจสงบนิ่ง มั่นคง เข้มแข็ง
เพื่อที่จะทำงานและพัฒนาตนเองให้ดีต่อไป

ทำอย่างไรดีคะ เป็นอย่างนี้มาทั้งชีวิต จนเป็นทุกข์มากเหลือเกิน


โถๆ คุณน้องน่าสงสารจังเลยนะคะ รู้ข้อบกพร่องของตนเองก็เป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่อย่าตำหนิตัวเองเลย
นะคะ เมื่อรู้แล้วก็ค่อยๆแก้ไขไป ใจเย็นๆ ค่อยๆแก้ปัญหาไปนะคะ ทุกคนล้วนมีข้อบกพร่องด้วยกันทั้ง
นั้นนะคะ ไม่มีใครดีทุกอย่างหรอกค่ะ ทำใจให้สบายๆ หากไม่สบายใจก็ลองมองด้านดีของตัวเองนะคะ
จะได้มีกำลังใจค่ะ อย่ามองแต่ด้านไม่ดี คนเราต้องรู้จักให้กำลังใจตนเองบ้างนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 20:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 20:56
โพสต์: 12


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกความเห็นที่ให้กำลังใจ...ขอเรียกแทนตนเองว่า จิตตาโรส (Jittarose) แล้วกันนะคะ..
คิดไม่ผิดเลยที่เข้ามาที่นี่ แอบมาอ่านบ้าง แต่ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรเลย...

ต้องขอบคุณมากจริงๆ นะคะ _/\_

จริงๆ เรื่องราวของเรามันก็ยาวอยู่ กับอาการและความรู้สึกที่เกิดขึ้น
แต่ขอไม่เล่าอะไรมากดีกว่า เพราะจะยิ่งตอกย้ำอาการของตนเอง

อันที่จริง ทาง สนพ. เขาก็ไม่ได้ติอะไรรุนแรงหรอกค่ะ
แต่เป็นการติเพื่อก่อ และขอให้เรารีไรท์ให้ใหม่ เราก็ตกลงและตั้งใจจะรีไรท์ให้ดีที่สุด
พยายามแก้ไขไปเรื่อยๆ พัฒนาตนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะคิดและตั้งเป้าจะมาสายนี้แล้วนี่นะ

งานแปลของจิตตาโรสเป็นงานแปลนิยายค่ะ
ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่คนอ่านนิยายเลย แต่ต่อไปคงต้องอ่านให้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ
ชอบอ่านหนังสือแนวจิตวิทยาพัฒนาตนมากกว่า
แต่ไม่รู้สิคะ งานแปลหนังสือเป็นงานที่เราอยากทำมากที่สุด
(เราเรียนจบสายภาษาจีนนะคะ)

แต่ด้วยความที่ว่าอยากลอง อยากทำ นักแปลคือความฝัน ก็เลยสมัครงานตาม สนพ. เจอที่ไหนเขารับ
ก็ร่อนใบสมัครไปเรื่อย งานแปลเอกสารต่างๆ ก็เคยทำ (ตอนตกงานประจำ)

งานประจำที่ทำอยู่ คือ งานแปลเกมออนไลน์ ทำจนได้ความรู้ใหม่ๆ มากมาย
ทำจนกลายเป็นความเคยชิน ฟอร์มทีมขึ้นมา งานเข้าแค่ไหน เป็นล้านคำก็ไม่เคยท้อ
กลับค่อนข้างมั่นใจด้วยซ้ำ

แต่ทำไมกับงานแปลหนังสือของตัวเองที่เราอยากทำ มันถึงได้เป็นแบบนี้ก็ไม่รู้
คงเป็นเพราะวางใจผิดที่ มีความอยากมากเกินไปมั้งคะ เคยมีคนคนหนึ่งซึ่งทำงานเป็นบรรณาธิการ
บอกเราว่า เขาเชื่อว่าเรามีศักยภาพแต่ขาดแค่ประสบการณ์เท่านั้น...แต่เราก็ไม่เชื่อเขา

จนผ่านมาอีกสองปี ได้มาทำหนังสือที่แห่งนี้ ก็เป็นแบบนี้อีก
เลยรู้สึกยิ่งขึ้นไปอีกว่าต้องได้เวลาเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ จังๆ แล้ว

อยากโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ อยากมีความมั่นคงทางจิตใจมากกว่านี้ค่ะ :b8:




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2012, 05:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
อิอิ นี่ก็เป็นนักเขียน(งานแปล)อีกท่านที่เอกอน :b20: :b20: ช๊อบ ชอบ

ดร. ประพนธ์ ผาสุขยืด

:b32: :b32: ...และก็รู้แระ ว่าท่านก็อ่าน ควอนตัมกับดอกบัว เหมี๋ยนกาน
และ ความเห็นที่ท่านกล่าวนี้ :b4: :b4: :b4:
ก็น่าจะ โดนใจ นักเขียน

เพราะ เท่าที่อ่าน คงไม่ใช่แต่คุณแล้วหล่ะ ที่เจอการถูกกระแทกอัตตา


เอกอน ไปยกตัวอย่างอะไรมาก็ไม่รู้ จขกทเขาแปลนวนิยายจีนไม่ใข่หรือ
อยากแนะนำ นักแปลนวนิยายจีนที่ผมชื่นชมตั้งแต่เด็ก ก็คือ..จำลอง พิศนาคะ
ผมอ่านนวนิยายแปลเรื่องมังกรหยกของท่าน แล้วทำให้อยากรู้จักเจ้าของบทประพันธ์ที่แท้
คืออยากรู้จัก ท่านเล่าซือ กิ้มย้ง ครับ
การเป็นนักแปลที่ดี จะต้องทำให้ผู้อ่านอยากรู้จัก เจ้าของบทประพันธ์
ไม่ใช่ทำให้ผู้อ่านชื่นชมแต่ตัวเอง และจำใส่ใจไว้เสมอว่า ที่เขาชมเขาไม่ได้ชมเรา
แต่เขาชมเจ้าของบทประพันธ์ คิดแบบนี้ คุณก็จะเข้าใจเข้าถึง อัตตา


เรื่องความชื่นชมเจ้าของบทประพันธ์ ขอนอกเรื่องหน่อย ผมชื่นชมนวนิยายมังกรหยก
ชื่นชม ก๊วยเจ๋งมันมากเสียจนทำให้ผมต้องไปขอผู้ใหญ่เพื่อไปเรียนภาษาจีน
แต่กลับได้รับคำตอบว่า ภาษาไทยยังเอาตัวไม่รอด ไม่เจียมบอดีเลย :b32:

ไม่เป็นไรเด็กไม่ได้เรียน ตอนนี้เริ่มเรียนเองจากคอมฯ พอได้มาคำสองคำแล้ว

" 月亮yuè liàng" พระจันทร์แทนใจ แม้เราจะห่างไกลเป็นพันลี้ แต่เราก็สื่อ
ภาษารักกันได้ ด้วยการส่งผ่านพระจันทร์.....
แล้วก็ตะโกนว่า我爱你 wǒ ài nǐ "ผมรักคุณ"ได้ยินมั้ย :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2012, 06:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 22:25
โพสต์: 59

แนวปฏิบัติ: รักษาศีลให้แน่นหนามั่นคง
ชื่อเล่น: Soduku
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากเป็นไปตามที่คุณจิตตาโรสเล่า เห็นได้ว่าคุณเป็นผู้ที่มีความตั้งใจในการที่จะผลิตผลงานที่ดีและสู้งานคนหนึ่งนะครับและการที่คุณรู้ว่าตนยังด้อยประสบการณ์ในบางสิ่ง ผลงานก็เลยออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แสดงว่าคุณได้รู้ข้อบกพร่องของตนเองแล้วอย่างน้อยก็หนึ่งละ ก็ลองหาเหตุปัจจัยไปเรื่อย ๆ เพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป เพราะในวิถีชีวิตคนๆหนึ่งย่อมมีทั้งช่วงสำเร็จและช่วงล้มเหลวเป็นธรรมดา ขอเป็นกำลังใจ สู้ต่อไปนะครับ แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ หากไม่ท้อถอย สักวันหนึ่งก็จะมาถึงวันของคุณอย่างแน่นอน

ในวัยเด็กผมจำได้ว่า รู้สึกทึ่งกับนักประดิษฐ์ชื่อโทมัสเอวาเอดิสันซึ่งเป็นชาวอเมริกันที่สามารถคิดค้นทำหลอดไฟฟ้าคนแรกของโลกให้เราได้ใช้จนถึงทุกวันนี้ ประวัติเรื่องราวของท่าน ทำให้ผมได้แรงบันดาลใจจนถึงปัจจุบัน ทุกครั้งเมื่อผมมีการทำกิจการงานใดแล้วรู้สึกมีเรื่องทำให้เกิดท้อถอย หรือมีความเพียรถดถอยจากปัญหาอุปสรรคใด ๆ นอกจากธรรมะเรื่องการบำเพ็ญขันติบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แนวคิดของท่านเอดิสันเป็นอีกหนึ่งของแม่แบบ idol ตัวอย่างที่ดีเยี่ยมอยู่ในใจผม ท่านได้ให้แนวคิดที่เป็นหลักการสำคัญแก่ผู้ต้องทำงานยาก ๆ ทั้งหลาย กล่าวคือท่านไม่ได้มองว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งเลวร้ายแต่อย่างใด แต่ท่านกลับดีใจว่าในที่สุด ท่านได้พบลายแทงขุมทรัพย์ที่จะไปสู่ความสำเร็จของงานตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เร็วขึ้นอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งงานหลายอย่างของท่านบางครั้งกว่าจะสำเร็จได้ผลเป็นที่พอใจ ท่านต้อง ผ่านการลองผิดลองถูก เป็นจำนวนหลายพันวิธี ถือเป็นเรื่องปกติ (เทียบกับงานส่วนใหญ่ของเราแม้มีการแก้ไขทำใหม่แค่ ไม่ถึง 10 เที่ยวก็เริ่มรู้สึกท้อแล้ว) และท่านเห็นว่าทุกอย่างที่เราคิดว่ายากมักจะหมอบราบกับความมานะพยายามของผู้ที่มีการวางใจได้ถูกต้อง

สิ่งที่คุณได้ประสบพบทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะดีหรือเลวชอบหรือไม่ชอบหากคุณได้นำมาพิจารณาด้วยสติรู้ตัวรู้ใจอยู่ทุกขณะจิต จะช่วยหล่อหลอมให้จิตคุณเป็นผู้ใหญ่และมีหมายหลักที่คุณสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงในชีวิตนี้โดยอัตโนมัติครับ

ขอให้ความตั้งใจและความเพียรที่คุณได้สั่งสมมาจงเป็นพละปัจจัยเสริมส่งให้คุณประสบความสำเร็จในผลงานที่มุ่งหวัง :b44: :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2012, 08:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เอกอน ไปยกตัวอย่างอะไรมาก็ไม่รู้ จขกทเขาแปลนวนิยายจีนไม่ใข่หรือ
อยากแนะนำ นักแปลนวนิยายจีนที่ผมชื่นชมตั้งแต่เด็ก ก็คือ..จำลอง พิศนาคะ
ผมอ่านนวนิยายแปลเรื่องมังกรหยกของท่าน แล้วทำให้อยากรู้จักเจ้าของบทประพันธ์ที่แท้
คืออยากรู้จัก ท่านเล่าซือ กิ้มย้ง ครับ
การเป็นนักแปลที่ดี จะต้องทำให้ผู้อ่านอยากรู้จัก เจ้าของบทประพันธ์
ไม่ใช่ทำให้ผู้อ่านชื่นชมแต่ตัวเอง และจำใส่ใจไว้เสมอว่า ที่เขาชมเขาไม่ได้ชมเรา
แต่เขาชมเจ้าของบทประพันธ์ คิดแบบนี้ คุณก็จะเข้าใจเข้าถึง อัตตา


เรื่องความชื่นชมเจ้าของบทประพันธ์ ขอนอกเรื่องหน่อย ผมชื่นชมนวนิยายมังกรหยก
ชื่นชม ก๊วยเจ๋งมันมากเสียจนทำให้ผมต้องไปขอผู้ใหญ่เพื่อไปเรียนภาษาจีน
แต่กลับได้รับคำตอบว่า ภาษาไทยยังเอาตัวไม่รอด ไม่เจียมบอดีเลย :b32:

ไม่เป็นไรเด็กไม่ได้เรียน ตอนนี้เริ่มเรียนเองจากคอมฯ พอได้มาคำสองคำแล้ว

" 月亮yuè liàng" พระจันทร์แทนใจ แม้เราจะห่างไกลเป็นพันลี้ แต่เราก็สื่อ
ภาษารักกันได้ ด้วยการส่งผ่านพระจันทร์.....
แล้วก็ตะโกนว่า我爱你 wǒ ài nǐ "ผมรักคุณ"ได้ยินมั้ย :b9:


:b32: :b32: :b9: :b9:

555

:b17: :b17: :b17:

ก็เอกอนไม่ได้อ่านนวนิยายจีนนี่ ...

ไม่มีประสบการณ์ทางด้านงานแปลนวนิยายจีนมากนัก

แต่คำพูดท่านโฮตรงนี้

การเป็นนักแปลที่ดี จะต้องทำให้ผู้อ่านอยากรู้จัก เจ้าของบทประพันธ์
ไม่ใช่ทำให้ผู้อ่านชื่นชมแต่ตัวเอง และจำใส่ใจไว้เสมอว่า ที่เขาชมเขาไม่ได้ชมเรา
แต่เขาชมเจ้าของบทประพันธ์ คิดแบบนี้ คุณก็จะเข้าใจเข้าถึง อัตตา


:b17: :b17: :b17:

ว่าแต่มันเข้าถึงอัตตายังไงหรือท่านโฮ :b24:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2012, 08:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

" 月亮yuè liàng" พระจันทร์แทนใจ แม้เราจะห่างไกลเป็นพันลี้ แต่เราก็สื่อ
ภาษารักกันได้ ด้วยการส่งผ่านพระจันทร์.....
แล้วก็ตะโกนว่า我爱你 wǒ ài nǐ "ผมรักคุณ"ได้ยินมั้ย :b9:


5555

รับมุขอีกสักหน่อย.... :b13: :b13: :b13:

จร้า....รู้กันสองคนน๊ะจ๊ะ... :b4: :b4: :b4:

จุ๊ฟฟ์ จุ๊ฟฟ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2012, 08:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
" 月亮yuè liàng" พระจันทร์แทนใจ แม้เราจะห่างไกลเป็นพันลี้ แต่เราก็สื่อ
ภาษารักกันได้ ด้วยการส่งผ่านพระจันทร์.....
แล้วก็ตะโกนว่า我爱你 wǒ ài nǐ "ผมรักคุณ"ได้ยินมั้ย :b9:


:b32: :b9: :b9: :b32:

จร้า...ได้ยิน... :b4: :b4:

แค่ รัก คำเดียวก็แทบอยากจะทำจักรวาลให้หยุดหมุน

55555555


:b13: :b13: :b13:

จริง ๆ อย่าเที่ยวตะโกนข้ามดวงดาวอย่างนั้นบ่อย ๆ น๊ะจ๊ะ พี่เจ๋ง
แบบว่า คนอื่นที่เขาต้องมาพลอยได้ยินได้ฟังไปด้วย เขาอาจจะรำคาญน่ะ


:b3: :b3: :b3:

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2012, 21:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 20:56
โพสต์: 12


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกกำลังใจอีกครั้งนะคะ...

วันนี้ทำใจแข็งใจกล้า เปิดงานที่่โดนแก้แล้ว มาเป็นตัวอย่าง เพื่อรีไรท์ในเล่มที่สอง
(เป็นนิยายชุด) ปรับสำนวนให้ตรงกับที่เขารีไรท์มาแล้ว ปรากฏว่า...

จิตตาโรสรู้สึกว่า เท่าที่ดูผ่านๆ ตาหน้าสองหน้าเหมือนว่าเบาใจขึ้นนิดหน่อย
งานที่เราโดนแก้ไป ไม่ได้เยอะแยะมากมายอย่างที่คิดไว้ ปรับแก้แล้วลื่นไหลขึ้น
เก็บไว้ศึกษา กะอ่านเทียบกันไป แล้วจำศัพท์ สำนวนมาเก็บไว้ในคลังสมอง
ค่อยสะสมซึมซับกันต่อไป

อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกถูกแก้สำนวนไปจากเดิมมากนัก คงเป็นเพราะ สนพ. มักให้เกียรตินักแปลเสมอ
แต่ที่อ่านผ่านตาดู ก็ลองดูประโยคต่อประโยค เป็นการปรับแก้ให้กระชับ ใช้คำให้ดีขึ้น

ประโยคไหนผิด ทางกองบรรณาธิการแก้ไขให้เรียบร้อย...
มีการแก้ไขคำบางคำ ซึ่งไม่ถูกไม่ผิดไปจากเดิม ซึ่งก็แล้วแต่ดุลยพินิจของทางกองฯ อยู่แล้ว

ปัญหาคือ...ไม่แน่ใจว่าจะได้ทำต่อเล่มที่สามหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ทำคงเสียใจแย่เลย
แต่ถ้าได้ทำ ก็จะตั้งใจมากขึ้น ปรับแก้ข้อเสียของตัวเอง เพราะนอกจากประสบการณ์แล้ว

ลักษณะนิสัยกับสุขภาพจิตใจส่วนตัวนั้น ก็เป็นปัจจัยสำคัญมากทีเดียว... :b1:

ไว้ยังไงจะมาสารภาพความผิดนิสัยส่วนตัวแย่ๆ ของจิตตาโรสให้ทุกท่านได้ทราบ (ถ้ายังได้คุยกันต่อ)
และช่วยชี้แนะ สั่งสอน อบรม บ่มนิสัยด้วยนะคะ :b8:


ปล.เข้ามาที่นี่แล้วมีความสุขเย็นใจดีค่ะ ไม่เหมือนเว็บบอร์ดอื่นที่เคยเล่น เพราะบางที่มักเล่นของแข็ง
กระทบกระแทกผู้มีปัญหาระบายทุกข์จนแทบสลายกันเลยทีเดียว (โอเวอร์ไปมั้ยนะเรา :b9: )


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร