วันเวลาปัจจุบัน 06 ต.ค. 2024, 11:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 10:51
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำถามที่ 1 คนที่ไปเกิดเป็นเทวดาเค้าจะระลึกชาติที่เป็นมนุษย์ได้มั้ย หรือเหมือนมนุษย์ที่เกิดมาแล้วจำชาติก่อนๆ ไม่ได้ มีอ้างอิงในอภิธรรม ตำราอะไร ปิฏกไหนมั้ย ตอบแบบอ้างที่มาด้วยนะครับ จะเอาไปศึกษาเพิ่ม

คำถามที่ 2 อย่างตอนเป็นมนุษย์ จะระลึกธรรมที่เคยฟังสมัยก่อนยังจำผิดจำถูก หรือดูละครทีวีชอบมากเรื่องนี้ ผ่านไปนานๆ ยังจำผิดจำถูก เทวดาเค้าจะจำเรื่องในโลกมนุษย์ได้ทุกเรื่องมั้ย และรtลึกชาติเองได้เลยโดยไม่ต้องดมกลิ่นจากต้นปาริชาติหรือเปล่า

คำถามที่ 3 มีเทวดาทั้งหมดกี่ชั้น ที่ระลึกชาติได้ พรหมด้วยมั้ย

คำถามที่ 3.1 มีเทวดาองค์ไหนที่ระลึกชาติไม่ได้บ้าง

คำถามที่ 3.2 ต้นปาริชาติมีไว้ทำไม ในเมื่อเทวดาระลึกชาติได้เอง บางคนว่าต้องดมถึงจะระลึกชาติได้

คำถามที่ 3.3 ตายแล้วจุติทันทีมั้ย หรือต้องรอให้ญาติอุทิศบุญจนครบ 100 วันแล้วค่อยเข้าประตูเกิด ต้องดื่มน้ำลืมชาติแล้วไปเกิดเป็นเทวดา พรหม อะไรงี้ปะ

ช่วยตอบให้ครอบคลุมทั้งคำถามที่เกิดมีขึ้นมาแล้วตอนนี้ และคำถามที่จะเป็นข้อสงสัยที่ยังไม่เกิดมีแต่จะเกิดในอนาคต และถ้าตอบได้บางข้อ ก็ใส่เลขหัวข้อก่อนตอบ ส่วนที่ท่านไม่ทราบคำตอบกรุณาอย่าใส่ความเห็นที่ไม่กระจ่างของตนลงมา ถ้าไม่เข้าใจคำถาม กรุณาอย่าถามผู้ตั้งกระทู้ และอย่าใส่ข้อธรรมอื่นลงมาในกระทู้เพื่อให้เกิดความยุ่งยากเลยครับ ขอบคุณครับ

:b8: ขอบคุณครับ+

.....................................................
พระมหากัจจายนเถระ พระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะ ทางด้านการเทศนาขยายความแห่งธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไว้โดยย่อ ให้พิสดาร โดยพระอรรถกถาจารย์ได้พรรณาไว้ว่า ท่านสามารถทำพระดำรัสโดยย่อของพระตถาคตให้บริบูรณ์ ทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะได้ ชื่อของท่านในพระไตรปิฎกบางแห่งพิมพ์เป็น พระมหากัจจานเถระ


แก้ไขล่าสุดโดย SammaSuk เมื่อ 19 ธ.ค. 2015, 09:32, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบข้อ ๓.๓ ก่อนค่ะว่า จุติแล้วปฏิสนธิทันทีไม่มีระหว่างคั่นค่ะ
วิถีจิตของคนเรานั้นเกิดขึ้นมากมายในลัดนิ้วมือเดียว คือในเวลาแค่ ๑ วินาทีเท่านั้น วิถีจิตคนเราเกิดขึ้นมากมายเป็นหลายล้านวิถี ในวิถีจิตหนึ่งวิถีจิตเท่านั้นที่มีการจุติเกิดขึ้น และในหนึ่งวิถีจิตหนึ่งเท่านั้นที่เป็นวิถีจิตสำหรับการปฏิสนธิ คือสิ้นสุดวิถีที่เป็นวิถีจุติจิต(ตาย)ก็เกิดวิถีจิตใหม่ขึ้นทันทีเป็นวิถีจิตที่เป็นปฏิสนธิ(เกิด) พูดง่ายคือไม่ว่าสัตว์ใดๆ ตายแล้วเกิดทันทีไม่มีอะไรมาคั่น

.........จุติ ปฏิสนธิ......
อยู่ติดกันแบบนี้ค่ะ คือจิตดวงหนึ่งเป็นปัจจัยให้จิตอีกดวงเกิดขึ้นค่ะ
จิตนั้นจะสืบต่อกันดวงต่อดวง จิตดวงเก่าดับไปก็เป็นปัจจัยให้จิตดวงใหม่เกิดขึ้นค่ะ
อยู่ในรูปของวิถีจิตที่สืบต่อกันไปเรื่อยๆ จนตาย ตายแล้วก็เกิด

ทีนี้ที่เราคิดว่าวิญญาณรอญาติทำบุญนั้น ก็ได้แค่พวกเปรตที่รับส่วนบุญได้ เปรตพวกนี้ตายจากมนุษย์แล้วผุดขึ้นมาเป็นเปรตทันที คือเกิดแล้ว เรียกว่าโอปปาติกกำเหนิด ไม่มีการผ่านท้องมารดา หรือเป็นฟองเป็นไข่ ดังนั้นตายแล้วเกิดทันที จะจำได้หมดว่าตนเองเป็นใครในชาติที่ตายจากมา จึงสามารถไปปรากฏตัวให้ญาติเห็นได้ เปรตมีทั้งหมด ๔ อย่าง มีแค่จำพวกเดียวเท่านั้นที่อนุโมทนาบุญจากญาติได้ อีกสามพวกนอกนั้นไม่สามารถ และเมื่อญาติทำบุญให้เปรตที่รับส่วนบุญได้ก็อาจจะเปลี่ยนชาติภพได้เช่นกันเมื่อได้รับผลบุญจากญาติที่อุทิศให้

คนเราทำบุญในงานศพทุกงานให้ญาติ ไม่ใช่ว่าญาติจะรับผลบุญได้เสมอไปค่ะ ถ้าญาติเกิดเป็นเปรตจำพวกที่รับผลบุญได้ก็โชคดีไปนะคะ

การที่ไปเกิดเป็นเทวดา ก็ไปผุดในสถานที่ๆ ที่ตนจะต้องอยู่นั่นทันที ไม่ต้องรอประตูเปิดไม่ต้องดื่มน้ำ

และเทวดาก็เช่นกัน เป็นโอปปาติกกำเหนิดเหมือนเปรต แต่คนละภพภูมิกัน
ดังนั้นเทวดาจึงสามารถจำทุกอย่างได้ว่าเคยเป็นใครมาก่อนตอนเป็นมนุษย์

ข้อ ๑ เทวดาระลึกชาติได้ค่ะ และมนุษย์ที่ระลึกชาติได้ก็พอมีอยู่บ้าง พวกที่จุติจากมนุษย์แล้วไปปฏิสนธิเป็นมนุษย์ต่อทันทีในขณะต่อไป พวกนี้บางคนจะระลึกชาติได้ค่ะ เพราะสืบต่อกันทันที ไม่มีภพชาติอื่นคั่น
ดังนั้นคุณต้องไปซื้อหนังสือ หรือหาโหลดหนังสือถ้ามี หรือดูยูทูป ของชั้นจูฬตรีและมัชฉิมตรี อชว.
(ดูยูทูปได้ในห้องพระอภิธรรมกระทู้แนะนำการเรียนพระอภิธรรมของดิฉันค่ะ เช่น
มัชฌิมอาภิธรรมิกะตรี ศึกษาในเรื่อง
ปริจเฉทที่ 4 วิถีสังคหะ
ศึกษาความหมาย โครงสร้างและกฏเกณฑ์ของวิถีจิต ปัญจทวารวิถี มโนทวารวิถี กามชวนมโนทวารวิถี
อัปปนาชวนมโนทวารวิถี การจำแนกวิถีจิตโดยภูมิและบุคคล
ปริจเฉทที่ 5 วิมุตตสังคหะ
ศึกษาความหมาย โครงสร้างและเนื้อหาของวิมุตตสังคหะ ภูมิจตุกกะ ปฏิสนธิจตุกกะ กัมมจตุกกะ
มรณุปปัตติจตุกกะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=46002)

ข้อ ๒ เทวดาจะจำได้ เพราะเทวดาก็มีสัญญาคือความจำ เพราะตายแล้วเกิดทันทีไม่ต้องผ่านการอยู่ในครรภ์มารดา และการที่คนจำอะไรไม่ได้นั้น เพราะว่าขาดการเสพคุ้นบ่อยๆ อันไหนท่องบ่อยๆ ดูบ่อยๆ ก็จะจำได้ใช่หรือไม่ ไม่อยากลืมอะไรก็เอามาดูทุกวันนะคะ เทวดาและมนุษย์ก็มีสัญญาเหมือนกัน เป็นรูปนามที่อยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์เหมือนกัน ดังนั้นจึงมีความไม่เที่ยง สัญญาก็ไม่เที่ยง จำได้ก็ลืมได้ค่ะ

กลิ่นปาริช้งปาริชาติไม่ต้องดมค่ะ ไม่เคยศึกษามาก่อนนะว่าเทวดาต้องดมกลิ่นปาริชาติ

ข้อ ๓ เทวดามี ๖ ชั้น. รูปพรหม ๑๖ ชั้น. อรูปพรหม ๔ ชั้น.

ข้อ ๓.๑ ระลึกชาติได้หมด ยกเว้น อสัญญสัตตพรหม ที่มีแต่รูป ไม่มีนาม ก็ระลึกชาติไม่ได้

ข้อ ๓.๒ นี้ไม่เคยมีเห็นในเนื้อหาในเรื่องภพภูมิที่เรียนในพระอภิธรรมค่ะ

ไปเรียนพระอภิธรรม จะคลายความสงสัยลงได้ค่ะ
หวังว่าการตอบครั้งนี้คงให้ความกระจ่างแก่คุณได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกใจผู้ถามก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 10:51
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes

ตอบได้ครอบคลุมมาก แปลง่ายๆ เทวดาเกิดเป็นตัวตนทันทีย่อมระลึกชาติก่อนๆได้นั่นเอง

Kiss

.....................................................
พระมหากัจจายนเถระ พระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะ ทางด้านการเทศนาขยายความแห่งธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไว้โดยย่อ ให้พิสดาร โดยพระอรรถกถาจารย์ได้พรรณาไว้ว่า ท่านสามารถทำพระดำรัสโดยย่อของพระตถาคตให้บริบูรณ์ ทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะได้ ชื่อของท่านในพระไตรปิฎกบางแห่งพิมพ์เป็น พระมหากัจจานเถระ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 18:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8206


 ข้อมูลส่วนตัว




imagesCAJ20BDT.jpg
imagesCAJ20BDT.jpg [ 3.1 KiB | เปิดดู 6911 ครั้ง ]
ขออนุโมทนากับคุณโสมครับ
อ้างคำพูด:
คำถามที่ 1 คนที่ไปเกิดเป็นเทวดาเค้าจะระลึกชาติที่เป็นมนุษย์ได้มั้ย หรือเหมือนมนุษย์ที่เกิดมาแล้วจำชาติก่อนๆ ไม่ได้ มีอ้างอิงในอภิธรรม ตำราอะไร ปิฏกไหนมั้ย ตอบแบบอ้างที่มาด้วยนะครับ จะเอาไปศึกษาเพิ่ม


ผู้ที่เกิดเป็นเทวดาเป็นผู้ที่ระลึกชาติที่แล้วได้ก็เพียงชาติเดียว เพราะเทวดาผุดเกิดขึ้นโตทันที
เรียกว่าตายปุ๊บเกิดปั๊บเป็นหนุ่มเป็นสาวเลย ไม่เหมือนเวลาเกิดเป็นมนุษย์กว่าจะเกิดเป็นมนุษย์
ได้ก็นอนในท้องมารดา ๙ เดือนแล้วและคลอดออกมาก็ใช้เวลาปีกว่าจึงจะรู้เรื่องจึงจำอะไรไม่ได้

ลองอ่านมัณฑูกเทวปุตตวิมาน
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=51

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8206


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คำถามที่ 2 อย่างตอนเป็นมนุษย์ จะระลึกธรรมที่เคยฟังสมัยก่อนยังจำผิดจำถูก หรือดูละครทีวีชอบมากเรื่องนี้ ผ่านไปนานๆ ยังจำผิดจำถูก เทวดาเค้าจะจำเรื่องในโลกมนุษย์ได้ทุกเรื่องมั้ย และรtลึกชาติเองได้เลยโดยไม่ต้องดมกลิ่นจากต้นปาริชาติหรือเปล่า


ไม่รู้ไปจำอะไรที่ไหนมาว่า ต้องดมกลิ่นจากต้นปาริชาติจึงจะระลึกชาติได้
ตามธรรมดาเทวดามีร่างกายที่ละเอียด เป็นผู้เสวยของทิพย์ ปสาทตา ปสาทหู จึงมีความใส
ละเอียดมากกว่ามนุษย์จึงสามารถเห็นอะไรได้ไกล และได้ยินเสียงที่ไกลๆได้เป็นอย่างดี
เป็นเรื่องปกติธรรมของเทวดา เป็นเพราะด้วยอำนาจของกรรมไม่ใช่อำนาจของอภิญญาแต่อย่างใด
เหมือนมนุษย์บางคนก็เห็นได้ในระยะไกล บางคนก็เห็นได้ระยะใกล้เป็นเรื่องกรรม
จำผิดจำถูกมันเป็นเรื่องของสัญญา เกิดมานานสัญญาก็เริ่มเสื่อมเป็นธรรมดาจึงหลงๆลืมไปบ้าง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8206


 ข้อมูลส่วนตัว




250944.jpg
250944.jpg [ 90.22 KiB | เปิดดู 6870 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
คำถามที่ 3 มีเทวดาทั้งหมดกี่ชั้น ที่ระลึกชาติได้ พรหมด้วยมั้ย

เทวดามี ๖ ชั้น ระลึกชาติได้ทุกชั้น แต่ถ้าเทวดาได้อภิญญาก็สามารถระลึกชาติทั้งในอดีตและอนาคต
พรหมมี ๒๐ ชั้น โดยแบ่งเป็นรูปพรหม ๑๖ ชั้น อรูปพรหม ๔ ชั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2015, 07:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8206


 ข้อมูลส่วนตัว




cats.jpg
cats.jpg [ 8.09 KiB | เปิดดู 6868 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
คำถามที่ 3.1 มีเทวดาองค์ไหนที่ระลึกชาติไม่ได้บ้าง

คำถามที่ 3.2 ต้นปาริชาติมีไว้ทำไม ในเมื่อเทวดาระลึกชาติได้เอง บางคนว่าต้องดมถึงจะระลึกชาติได้

คำถามที่ 3.3 ตายแล้วจุติทันทีมั้ย หรือต้องรอให้ญาติอุทิศบุญจนครบ 100 วันแล้วค่อยเข้าประตูเกิด ต้องดื่มน้ำลืมชาติแล้วไปเกิดเป็นเทวดา พรหม อะไรงี้ปะ

ช่วยตอบให้ครอบคลุมทั้งคำถามที่เกิดมีขึ้นมาแล้วตอนนี้ และคำถามที่จะเป็นข้อสงสัยที่ยังไม่เกิดมีแต่จะเกิดในอนาคต และถ้าตอบได้บางข้อ ก็ใส่เลขหัวข้อก่อนตอบ ส่วนที่ท่านไม่ทราบคำตอบกรุณาอย่าใส่ความเห็นที่ไม่กระจ่างของตนลงมานะครับ


คำถามที่ 3.1 เทวดาระลึกชาติได้ทุกองค์แต่มากน้อยต่างกัน
คำถามที่ 3.2 ต้นปาริชาติเป็นต้นไม้ประจำของเทวดาชั้นดาวดึงส์ การระลึกชาติมันไปเกี่ยวกับการดมต้นปาริชาติได้ยังไงล่ะ
คำถามที่ 3.3 ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรตายแล้วเกิดทันทีครับ (ยกเว้นพระอรหันต์)
การทำบุญ ๗ วัน ๑๐๐ วัน เป็นเรื่องที่กำหนดขึ้นมาเองเป็นความเชื่อของคน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2015, 08:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 10:51
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมาก เข้าใจง่ายครอบคลุมทุกคำถามจริงๆ กระจ่างเลย :b8:

แต่เหลือค้างอยู่แค่เรื่องเดียว เจตภูติ นี่มีในพระพุทธศาสนามั้ย

.....................................................
พระมหากัจจายนเถระ พระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะ ทางด้านการเทศนาขยายความแห่งธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไว้โดยย่อ ให้พิสดาร โดยพระอรรถกถาจารย์ได้พรรณาไว้ว่า ท่านสามารถทำพระดำรัสโดยย่อของพระตถาคตให้บริบูรณ์ ทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะได้ ชื่อของท่านในพระไตรปิฎกบางแห่งพิมพ์เป็น พระมหากัจจานเถระ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2015, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8206


 ข้อมูลส่วนตัว


SammaSuk เขียน:
ขอบคุณมาก เข้าใจง่ายครอบคลุมทุกคำถามจริงๆ กระจ่างเลย :b8:

แต่เหลือค้างอยู่แค่เรื่องเดียว เจตภูติ นี่มีในพระพุทธศาสนามั้ย


ที่จริงเจตภูติก็ไม่รู้แปลว่าอะไร แต่มีคนพูดกันเยอะ คงจะหมายถึงพวกผีที่ยังไม่ไปผุดไปเกิดมั้ง
มองตามคิดกันทั่วๆปแล้ว ก็คือคนที่ตายไปแล้วก็ไปเกิดเป็นเจตภูตินั่นเอง
ในพระพุทธศาสนาไม่ได้กล่าวชื่อนี้เลยจะมีก็แต่ เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน นรก เท่านั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2015, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 10:51
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ที่จริงเจตภูติก็ไม่รู้แปลว่าอะไร แต่มีคนพูดกันเยอะ คงจะหมายถึงพวกผีที่ยังไม่ไปผุดไปเกิดมั้ง
มองตามคิดกันทั่วๆปแล้ว ก็คือคนที่ตายไปแล้วก็ไปเกิดเป็นเจตภูตินั่นเอง
ในพระพุทธศาสนาไม่ได้กล่าวชื่อนี้เลยจะมีก็แต่ เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน นรก เท่านั้น


ขอบพระคุณนะครับ แต่ผิดกฏของกระทู้ของผมนะครับ อ่านข้างบนหัวข้อกระทู้ที่ผมถามไว้ 3 ข้อบรรทัดสุดท้ายนะครับ ผมได้ชี้แจงไว้ดังนี้:

SammaSuk เขียน:
ส่วนที่ท่านไม่ทราบคำตอบกรุณาอย่าใส่ความเห็นที่ไม่กระจ่างของตนลงมานะครับ
Onion_R

.....................................................
พระมหากัจจายนเถระ พระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะ ทางด้านการเทศนาขยายความแห่งธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไว้โดยย่อ ให้พิสดาร โดยพระอรรถกถาจารย์ได้พรรณาไว้ว่า ท่านสามารถทำพระดำรัสโดยย่อของพระตถาคตให้บริบูรณ์ ทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะได้ ชื่อของท่านในพระไตรปิฎกบางแห่งพิมพ์เป็น พระมหากัจจานเถระ


แก้ไขล่าสุดโดย SammaSuk เมื่อ 17 ธ.ค. 2015, 16:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2015, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 10:51
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครพอทราบบ้าง พรหมปาริสัชชา เค้ามีจมูก หรือไม่มีจมูก หรือ มีจมูกแต่ไม่รู้ฆานะ รบกวนด้วยครับ

.....................................................
พระมหากัจจายนเถระ พระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะ ทางด้านการเทศนาขยายความแห่งธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไว้โดยย่อ ให้พิสดาร โดยพระอรรถกถาจารย์ได้พรรณาไว้ว่า ท่านสามารถทำพระดำรัสโดยย่อของพระตถาคตให้บริบูรณ์ ทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะได้ ชื่อของท่านในพระไตรปิฎกบางแห่งพิมพ์เป็น พระมหากัจจานเถระ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2015, 22:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


SammaSuk เขียน:
ใครพอทราบบ้าง พรหมปาริสัชชา เค้ามีจมูก หรือไม่มีจมูก หรือ มีจมูกแต่ไม่รู้ฆานะ รบกวนด้วยครับ



รู้สึก จขกท ก็รู้รายละเอียดพอสมควรอยู่แล้ว

ผมถามกลับนะครับ

1-จมูกคืออะไร?
2-ฆานะคืออะไร?


ที่ถามอย่างนี้เพราะที่เข้าใจ ผมเข้าใจว่าคือ สังขารครับ

ถามถึงสังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ หรือถามว่าจมูกเป็นอะไรเหรอครับ?

และฆานะคือสฬายตนะ เพราะนามรูปมีจึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายะมีจึงมีผัสสะ

คือธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาครับ ไม่ใช่พยายามมองให้เป็นอัตตา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2015, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 10:51
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. แล้วไม่จมูกคืออะไร [อวัยวะส่วนหนึ่งที่ยื่นออกมา อยู่เหนือปาก มีรู 2 รู สำหรับดมกลิ่นและหายใจเข้าหายใจออก]
2. ฆาน??คนละฆานะกัน?? -> ฆานปสาทรูป หมายถึง กลาปที่มีจำนวนรูป 10 มี ฆานปสาท เป็นประธาน

Onion_R
SammaSuk เขียน:
ช่วยตอบให้ครอบคลุมทั้งคำถามที่เกิดมีขึ้นมาแล้วตอนนี้ และคำถามที่จะเป็นข้อสงสัยที่ยังไม่เกิดมีแต่จะเกิดในอนาคต และถ้าตอบได้บางข้อ ก็ใส่เลขหัวข้อก่อนตอบ ส่วนที่ท่านไม่ทราบคำตอบกรุณาอย่าใส่ความเห็นที่ไม่กระจ่างของตนลงมา ถ้าไม่เข้าใจคำถาม กรุณาอย่าถามผู้ตั้งกระทู้ และอย่าใส่ข้อธรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามลงมาในกระทู้ ขอบคุณครับ


หลักสภาวะของชีวิต : ปฏิจจสมุปบาท
•เพราะความไม่รู้การเกิดเป็นร่างกายตัวตนจิตใจดับ การปรุงแต่งเกิดขึ้นของความคิด ความรู้สึกจึงดับ
•เพราะการปรุงแต่งเกิดขึ้นของความคิด ความรู้สึกดับ สัมผัสในการรับรู้สิ่งต่างๆจึงดับ
•เพราะสัมผัสในการรับรู้สิ่งต่างๆดับ ร่างกายตัวตนจิตใจจึงดับ
•เพราะร่างกายตัวตนจิตใจดับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อวัยวะที่ใช้รับรู้ และตัวรับรู้รูป เสียง กลิ่น รส การรับสัมผัส รวมถึงอารมณ์ความนึกคิดที่เกิดทางใจจึงดับ
•เพราตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อวัยวะที่ใช้รับรู้ และตัวรับรู้รูป เสียง กลิ่น รส การรับสัมผัส รวมถึงอารมณ์ความนึกคิดที่เกิดทางใจดับ การรับรู้ทั้งหมดจึงดับ
• เพราะการรับรู้ทั้งหมดดับ สภาพของใจจึงดับ
•เพราะสภาพของใจดับ สภาวะติดแน่นในความพึงใจและความใฝ่ที่ทำให้จิตใจยึดติดอยู่ในโลกและสรรพสิ่งของโลกจึงดับ
•เพราะสภาวะติดแน่นในความพึงใจและความใฝ่ที่ทำให้จิตใจยึดติดอยู่ในโลกและสรรพสิ่งของโลกดับ ความยึดถือในสิ่งต่างๆจึงดับ
•เพราะความยึดถือในสิ่งต่างๆดับ ภาวะชีวิตของสัตว์หรือโลกอันเป็นที่อยู่ของสัตว์จึงดับ
•เพราะภาวะชีวิตของสัตว์หรือโลกอันเป็นที่อยู่ของสัตว์ดับ ความเกิดจึงดับ
•เพราะความเกิดดับ ความเสื่อม ความแปรปรวน ความสิ้น ความโศก ความคร่ำครวญ ความทุกข์ โทมนัส ความขุ่นจึงดับ กองทุกข์ทั้งมวลนี้มีการดับด้วยอาการอย่างนี้
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่ผู้แสวงหาทางหลุดพ้น
ผู้มีความเพียร เพ่งกระบวนการเกิดเป็นร่างกายตัวตนจิตใจ
เมื่อนั้น ผู้แสวงหาทางหลุดพ้น ย่อมกำจัดมารและเสนาเสียได้
ดุจพระอาทิตย์อุทัยขึ้นสาดส่องท้องฟ้าให้สว่างไสวฉะนั้นแล
โพธิกถา จบ. ที่มา พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง พระองค์นั้น. มหาขันธกะ โพธิกถา ปฏิจจสมุปบาทมนสิการ - - ผู้เรียบเรียง รุ่งโรจน์(ปวโร ภิกฺขุ)

.....................................................
พระมหากัจจายนเถระ พระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะ ทางด้านการเทศนาขยายความแห่งธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไว้โดยย่อ ให้พิสดาร โดยพระอรรถกถาจารย์ได้พรรณาไว้ว่า ท่านสามารถทำพระดำรัสโดยย่อของพระตถาคตให้บริบูรณ์ ทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะได้ ชื่อของท่านในพระไตรปิฎกบางแห่งพิมพ์เป็น พระมหากัจจานเถระ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2015, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2015, 10:51
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครพอทราบบ้าง พรหมปาริสัชชา เค้ามีจมูก หรือไม่มีจมูก หรือ มีจมูกแต่ไม่รู้ฆานะ รบกวนด้วยครับ :b8:

และอย่าใส่ข้อธรรมอื่นลงมาในกระทู้เพื่อให้เกิดความยุ่งยากเลยครับ ตอบเท่าที่ถามก็พอ อันอื่นเค้ารู้กันตั้งนานแล้วครับ ขอบคุณ

.....................................................
พระมหากัจจายนเถระ พระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะ ทางด้านการเทศนาขยายความแห่งธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไว้โดยย่อ ให้พิสดาร โดยพระอรรถกถาจารย์ได้พรรณาไว้ว่า ท่านสามารถทำพระดำรัสโดยย่อของพระตถาคตให้บริบูรณ์ ทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะได้ ชื่อของท่านในพระไตรปิฎกบางแห่งพิมพ์เป็น พระมหากัจจานเถระ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2015, 14:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


SammaSuk เขียน:
1. แล้วไม่จมูกคืออะไร [อวัยวะส่วนหนึ่งที่ยื่นออกมา อยู่เหนือปาก มีรู 2 รู สำหรับดมกลิ่นและหายใจเข้าหายใจออก]
2. ฆาน??คนละฆานะกัน?? -> ฆานปสาทรูป หมายถึง กลาปที่มีจำนวนรูป 10 มี ฆานปสาท เป็นประธาน

Onion_R
SammaSuk เขียน:
ช่วยตอบให้ครอบคลุมทั้งคำถามที่เกิดมีขึ้นมาแล้วตอนนี้ และคำถามที่จะเป็นข้อสงสัยที่ยังไม่เกิดมีแต่จะเกิดในอนาคต และถ้าตอบได้บางข้อ ก็ใส่เลขหัวข้อก่อนตอบ ส่วนที่ท่านไม่ทราบคำตอบกรุณาอย่าใส่ความเห็นที่ไม่กระจ่างของตนลงมา ถ้าไม่เข้าใจคำถาม กรุณาอย่าถามผู้ตั้งกระทู้ และอย่าใส่ข้อธรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามลงมาในกระทู้ ขอบคุณครับ


หลักสภาวะของชีวิต : ปฏิจจสมุปบาท
•เพราะความไม่รู้การเกิดเป็นร่างกายตัวตนจิตใจดับ การปรุงแต่งเกิดขึ้นของความคิด ความรู้สึกจึงดับ
•เพราะการปรุงแต่งเกิดขึ้นของความคิด ความรู้สึกดับ สัมผัสในการรับรู้สิ่งต่างๆจึงดับ
•เพราะสัมผัสในการรับรู้สิ่งต่างๆดับ ร่างกายตัวตนจิตใจจึงดับ
•เพราะร่างกายตัวตนจิตใจดับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อวัยวะที่ใช้รับรู้ และตัวรับรู้รูป เสียง กลิ่น รส การรับสัมผัส รวมถึงอารมณ์ความนึกคิดที่เกิดทางใจจึงดับ
•เพราตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อวัยวะที่ใช้รับรู้ และตัวรับรู้รูป เสียง กลิ่น รส การรับสัมผัส รวมถึงอารมณ์ความนึกคิดที่เกิดทางใจดับ การรับรู้ทั้งหมดจึงดับ
• เพราะการรับรู้ทั้งหมดดับ สภาพของใจจึงดับ
•เพราะสภาพของใจดับ สภาวะติดแน่นในความพึงใจและความใฝ่ที่ทำให้จิตใจยึดติดอยู่ในโลกและสรรพสิ่งของโลกจึงดับ
•เพราะสภาวะติดแน่นในความพึงใจและความใฝ่ที่ทำให้จิตใจยึดติดอยู่ในโลกและสรรพสิ่งของโลกดับ ความยึดถือในสิ่งต่างๆจึงดับ
•เพราะความยึดถือในสิ่งต่างๆดับ ภาวะชีวิตของสัตว์หรือโลกอันเป็นที่อยู่ของสัตว์จึงดับ
•เพราะภาวะชีวิตของสัตว์หรือโลกอันเป็นที่อยู่ของสัตว์ดับ ความเกิดจึงดับ
•เพราะความเกิดดับ ความเสื่อม ความแปรปรวน ความสิ้น ความโศก ความคร่ำครวญ ความทุกข์ โทมนัส ความขุ่นจึงดับ กองทุกข์ทั้งมวลนี้มีการดับด้วยอาการอย่างนี้
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่ผู้แสวงหาทางหลุดพ้น
ผู้มีความเพียร เพ่งกระบวนการเกิดเป็นร่างกายตัวตนจิตใจ
เมื่อนั้น ผู้แสวงหาทางหลุดพ้น ย่อมกำจัดมารและเสนาเสียได้
ดุจพระอาทิตย์อุทัยขึ้นสาดส่องท้องฟ้าให้สว่างไสวฉะนั้นแล
โพธิกถา จบ. ที่มา พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง พระองค์นั้น. มหาขันธกะ โพธิกถา ปฏิจจสมุปบาทมนสิการ - - ผู้เรียบเรียง รุ่งโรจน์(ปวโร ภิกฺขุ)


คุณยังไม่เข้าใจด้วยตนเองเลยครับเกี่ยวกับปฎิจจสมุปบาท ยังไปเอาคำเรียบเรียงของ รุ่งโรจน์(ปวโร ภิกขุ)มาพยายามอธิบายเนื้อหาของปฎิจจสมุปบาทในทางสายดับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น การดับลงของวงจร ต้องอาศัยเหตุปัจจัยครับ ไม่ใช่ (การรับรู้ทั้งหมดดับ สภาพใจจึงดับ) ไม่ได้อ้างถึงเหตุปัจจัยเลยครับ ทำไมคนที่หูตาบอด ยังคงทุรนทุรายอยู่ในความทุกข์ ทั้งๆที่หูตาบอด?

ทำไมเขาไม่สิ้นทุกข์? ทั้งๆที่ โสตดับลง จักษุดับลง ทำไมไม่สิ้นทุกข์?

การดับต้องอ้างอิงเหตุปัจจัยครับ ไม่ใช่ตัดความรู้สึกต่างๆแล้วเรียกดับลง อันนั้นดับตาม ไม่ใช่ครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 44 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร