วันเวลาปัจจุบัน 24 มิ.ย. 2025, 03:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 187 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เพราะคุณไม่ใช่ผู้กระทำนี่ ผู้กระทำเขากระทำอย่างไร ด้วยจิตเจตนาอย่างไร เขาย่อมได้ผล
ตามที่เขากระทำ ไม่ใช่คนอื่นๆ ไปรับผลแทนเขาซะเมื่อไหร่ ..


เข้าใจในเจตนาที่คุณหวังดีต่อผู้อื่น แต่ภาษาที่คุณนำมาใช้น่ะมีแต่ข้อติติงเขา
ส่วนมากคุณก็นำเอาความคิดของคุณเป็นตัวตัดสิน .. จริงไหม?


คุณวลัยพร(คงถูกแล้วเนาะ)
ใครทำคนนั้นก็ได้รับอย่างนั้นแหละครับ ถูกต้องเลยทีเดียวเชียวแหละ :b8:
เช่น คุณขายยาบ้า คุณไม่ได้กินก็ไม่เป็นไรแต่คนที่เขากินหละจะเป็นไงคุณก็รู้ไงแล้วยังจะดันทุรังขายต่อไปอยู่เหรอครับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 07:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เรื่องจริยะประเพณี เป็นต้นว่า ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปล่อยนก ปล่อยปลา ปิดทองฝังลูกนิมิต
ทำบุญตามประเพณี ฯลฯ เหล่านี้จำสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ สืบสานบอกต่อกันได้ แม้จะผิดพลาดบ้างก็ไม่สู้กระไรนัก



สวัสดียามเข้าครับ คนขวางโลก

ประเพณี ดังกล่าวมานั่น ตัวอย่างเช่น ทอดผ้าป่า สมัยพุทธกาลภิกษุแสวงหาผ้านุ่งผ้าห่มตามป่าช้า (ผ้าห่อศพที่เขาทิ้งตามป่าช้า ในประเทศอินเดีย เพราะพุทธศาสนามีกำเนิดมาจากประเทศนั้น) แล้วนำมาซักมาเย็บ

ชาวบ้านเห็นความยากลำบากของภิกษุจึงนำผ้าไปแขวนๆไว้ตามป่าช้า เพื่อที่ภิกษุเห็นแล้วจะชักเอาไปใช้
ก่อนจะชักผ้าก็ว่า อิมํ ปํสุกูลจีวรํ อสฺสามิกํ มยฺหํ ปาปุณาติ.

แต่ปัจจุบันบ้านเราผิดไปจากเดิม เช่น ทายก ทายิกา ทำบุญทอดผ้าป่า ก็ทำที่บ้านของตน โดยนำกิ่งไม้
ไปปักแล้วนำผ้านุ่งหรือผ้าห่มไปแขวนไว้ แล้วพระก็ไปชักเอามา ซึ่งก็ผิดไปจากเดิม เดิมต้องไปชักไปหากันตามป่าช้า แล้วก็ไปทำไปหากันที่ประเทศอินเดีย
ประเพณีอย่างนี้ ผิดไปจากเดิมบ้างก็ไม่เป็นไร ในความหมายที่กรัชกายกล่าวเป็นเช่นนี้แล :b16:



"ใครๆก็ไม่รักผม" :b32:

http://www.imeem.com/jayguza/music/WEUbSRaq//

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 10:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36
โพสต์: 532

แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี
ชื่อเล่น: เจ้านาง
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: กิเลสคุย :b44:

:b41: คุยเสียดี ที่แท้ แพ้กิเลส
น่าสมเพช เตือนเท่าไร ก็ไม่เห็น
ว่าเป็นทาส กิเลส อยู่เช้าเย็น
จะอวดเป็น ปราชญ์ไป ทำไมนา
:b41: ค้นธรรมะ หาทางออก อุ้มกิเลส
น่าสมเพช จริงๆ เที่ยววิ่งหา
ตำรานี่ ตำรานั่น สรรหามา
ได้เป็นข้า กิเลสไป สมใจเอยฯ :b41: :b41: :b41:

:b41: ชอบค่ะ..อ่านแล้วเพลินดี..เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ :b41:

.....................................................
...รู้จักทำ รู้จักคิด รู้ด้วยจิต รู้ด้วยศรัทธา...
..................ศรัทธาธรรม..................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
="เจ้านาง"กิเลสคุย

คุยเสียดี ที่แท้ แพ้กิเลส
น่าสมเพช เตือนเท่าไร ก็ไม่เห็น
ว่าเป็นทาส กิเลส อยู่เช้าเย็น
จะอวดเป็น ปราชญ์ไป ทำไมนา
ค้นธรรมะ หาทางออก อุ้มกิเลส
น่าสมเพช จริงๆ เที่ยววิ่งหา
ตำรานี่ ตำรานั่น สรรหามา
ได้เป็นข้า กิเลสไป สมใจเอยฯ

ชอบค่ะ..อ่านแล้วเพลินดี..เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ



ชอบกิเลสคุย

หรือชอบความคิดเห็นงับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36
โพสต์: 532

แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี
ชื่อเล่น: เจ้านาง
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
อ้างคำพูด:
="เจ้านาง"กิเลสคุย

คุยเสียดี ที่แท้ แพ้กิเลส
น่าสมเพช เตือนเท่าไร ก็ไม่เห็น
ว่าเป็นทาส กิเลส อยู่เช้าเย็น
จะอวดเป็น ปราชญ์ไป ทำไมนา
ค้นธรรมะ หาทางออก อุ้มกิเลส
น่าสมเพช จริงๆ เที่ยววิ่งหา
ตำรานี่ ตำรานั่น สรรหามา
ได้เป็นข้า กิเลสไป สมใจเอยฯ

ชอบค่ะ..อ่านแล้วเพลินดี..เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ



ชอบกิเลสคุย

หรือชอบความคิดเห็นงับ



:b41: ชอบความคิดเห็นของแต่ละท่านค่ะ ทุกท่านก็ล้วนแล้วแต่มีมุมมองที่ต่างกันไป การที่ได้แสดงออกมาทำให้รู้สึกดีว่า ศาสนา ยังอยู่ในใจของท่าน เพียงแต่สิ่งที่ปฏิบัติหรือทางที่เดินนั้นต่างกัน แต่จุดหมายปลายทางเราล้วนแล้วแต่เหมือนกันมิใช่หรือคะ :b41:
:b41: ในส่วนของคำกลอนที่นำมาฝากนั้นก็เพียแค่ฝากไว้เตือนใจค่ะ เป็นคำสอนของ "ท่านพุทธทาสภิกขุ" ว่าสุดท้ายแล้ว อย่าแพ้กิเลสนะคะ :b41: :b41: :b41:

.....................................................
...รู้จักทำ รู้จักคิด รู้ด้วยจิต รู้ด้วยศรัทธา...
..................ศรัทธาธรรม..................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เรื่องจริยะประเพณี เป็นต้นว่า ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปล่อยนก ปล่อยปลา ปิดทองฝังลูกนิมิต
ทำบุญตามประเพณี ฯลฯ เหล่านี้จำสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ สืบสานบอกต่อกันได้ แม้จะผิดพลาดบ้างก็ไม่สู้กระไรนัก


:b8: ก็คิดกันเสียแต่อย่างนี้แหละค่ะ พระพุทธองค์จึงบอกว่าอย่างนี้ค่ะ

เล่ม ๓๖ หน้า ๔๔๖ - ๔๔๗ (ปัญจมปัณณาสก์ - กิมพิลสูตร)
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓
ว่าด้วยเหตุปัจจัยทำให้ศาสนาเสื่อม
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันใกล้เมืองกิมิลา
ครั้งนั้น ท่านพระกิมพิละได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับถวายบังคมแล้ว
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแล
เป็นเหตุ เป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในศาสดา
เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในธรรม เป็นผู้ไม่มีความเคารพ
ไม่มีความยำเกรงในสงฆ์ เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในสิกขา
เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงกันและกัน ดูก่อนกิมพิละ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย
เครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.”
กิม. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ได้นาน
ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.
พ. ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในศาสดา เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในธรรม
เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในสงฆ์ เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในสิกขา
เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงกันและกัน

เพราะฉะนั้นพระที่ออกมาเรียกร้องว่า มีภัยพระพุทธศาสนา มา กว่าหลายสิบปีแล้ว นั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล หรือคนศาสนาอื่นมาทำลายได้เลย ผู้ที่เป็นหัวหน้าทำให้พระศาสนาเสื่อมถอยคือภิกษุ นี่แหละค่ะ และก็ตามด้วยอุบาสก อุบาสิกา เพราะสอนกันแต่เรื่องจิต และให้ละให้วางให้ปล่อย ทั้งที่ผู้คนยังมีกิเลสหนาปัญญาทึบ กันเต็มบ้านเต็มเมือง (ไม่ได้ดูถูกหรือหมิ่นเหยียดหยามใครหรอกนะค่ะ) วัดได้จากสังคมรอบข้าง คนประมาณ10,000 คน จะมีสักกี่คนที่สนใจรับรู้เรื่องพระศาสนาให้ได้ถึงการจะไปหลุดไปพ้นจากวัฎฏะ มีแต่ไปวัดไปเอาวัตถุรุ่นนั้นรุ่นนี้จะมาช่วยกิจการชีวิตตัวเองให้ร่ำรวยได้อย่างไร และไปหาเลขเด็ดมาเล่นหวยกันทั้งนั้นเช่นการถวายกฐินผ้าป่า ก็นับเอาเงินเลขสุดท้าย และมีการต่อยอดเท่านั้นเท่านี้ (คือเงินที่ถวายพระ)แต่ไม่สนใจหรือรู้เลยว่าเงินทองถวายพระนั้นเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง ต้องอาบัติ และจำเป็นต้องสละออก ไปให้พ้นจึงจะพ้นโทษได้ ........แต่ผู้คนในเวปนี้บอกว่าไม่เป็นไร ก็เลยงงค่ะว่าที่อ่านพระไตรปิฎกมากับการกระทำของภิกษุ อุบาสก อุบาสิกานั้นทำไมตรงข้ามกัน มีอนุโลมได้ด้วยหรือค่ะ จึง งง :b25: คือดิฉันไม่ได้ความรู้อะไรมากมายแค่เป็นคนที่ชอบอ่านพระไตรปิฎกเท่านั้น พอไปเจอเรื่องพระวินัย ก็เลยสงสัยว่าทำไมพระจึงได้ประพฤติผิดศีลกันเต็มแผ่นดิน เช่นมีตำแหน่ง มีเงินเดือนให้ ค่าแรงในการทำงาน และพระบางท่านบอกว่าเงินสนับสนุนกิจการจากรัฐน้อยมากต่อปี เงินไม่พอใช้จ่ายในกิจการวัด อ่านในพระวินัยแล้ว ต้องเป็นหน้าทีของทายกวัดคนวัดเท่านั้น แต่พระกลับมีชื่อในการเซ็นอนุมัติเงินในบัญชีวัด มีบัญชีเงินฝากส่วนตัวมีรถเบนต์นั่ง มีค่าตัวเวลาไปเทศน์ ค่าตัวเวลาบวชให้ผู้ชาย ใครผู้รู้ช่วยตอบให้หน่อยนะค่ะ แล้ว ๆ มีอีกนะคะ คนที่จบเปรียญ 9 , 3 ไม่เคยอ่านพระไตรปิฎกเลย .... :b24: แล้วที่บอกว่า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวทคืออะไรค่ะ :b26:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แต่ปัจจุบันบ้านเราผิดไปจากเดิม เช่น ทายก ทายิกา ทำบุญทอดผ้าป่า ก็ทำที่บ้านของตน โดยนำกิ่งไม้ไปปักแล้วนำผ้านุ่งหรือผ้าห่มไปแขวนไว้ แล้วพระก็ไปชักเอามา ซึ่งก็ผิดไปจากเดิม เดิมต้องไปชักไปหากันตามป่าช้า แล้วก็ไปทำไปหากันที่ประเทศอินเดียประเพณีอย่างนี้ ผิดไปจากเดิมบ้างก็ไม่เป็นไร ในความหมายที่กรัชกายกล่าวเป็นเช่นนี้แล


อย่างนี้ก็ไม่ผิดหลักการนี่ครับแต่วิธีอาจจะยุ่งยากไปหน่อยก็เท่านั้น

พระพุทธองค์ก็สอนให้เราทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรให้วุ่นวาย เพียงแค่ทำให้ถูกต้อง

ก่อนทำ ระหว่างทำ หลังทำ (ต้องให้เข้าใจตรงนี้มากกว่าที่จะมาเน้นพิธีให้วุ่นวายจนหาแก่นไม่เจอ)

ผ้าป่า กับ ผ้าบังสุกุล มันก็ต้องดูที่ความหมายของผ้าด้วย :b20:

เมื่อรู้ความหมายแน่ชัดก็ทำไปตามนั้น อย่าเอาอะไรที่ไม่เกี่ยวข้อง มาเกี่ยวข้อง ก็เท่านั้นครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เจ้านาง"กิเลสคุย

คุยเสียดี ที่แท้ แพ้กิเลส
น่าสมเพช เตือนเท่าไร ก็ไม่เห็น
ว่าเป็นทาส กิเลส อยู่เช้าเย็น
จะอวดเป็น ปราชญ์ไป ทำไมนา
ค้นธรรมะ หาทางออก อุ้มกิเลส
น่าสมเพช จริงๆ เที่ยววิ่งหา
ตำรานี่ ตำรานั่น สรรหามา
ได้เป็นข้า กิเลสไป สมใจเอยฯ

ชอบค่ะ..อ่านแล้วเพลินดี..เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ



ชอบครับ ก็ถูกต้องอีกนั่นแหละครับ ก็สมเพชเวทนาตนเองอยู่เหมือนกันครับ

ถ้าเป็นปราชน์จริงๆ ผมก็คงไม่มาพร่ามอยู่อย่างนี้หรอกครับ ก็คงไม่สนใครแล้ว

แต่ที่พร่ามอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อจะได้รู้ว่า กิเลส ของตนเองมันแรงขนาดไหน ตัวเองอาจจะดู

ไม่ทั่วถึงครับเลย วิ่งมาให้เพื่อนๆ กัลญาณมิตร ในนี้ให้เขาได้ ช่วยสะกิตบ้างครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36
โพสต์: 532

แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี
ชื่อเล่น: เจ้านาง
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


คนขวางโลก เขียน:
อ้างคำพูด:
เจ้านาง"กิเลสคุย

คุยเสียดี ที่แท้ แพ้กิเลส
น่าสมเพช เตือนเท่าไร ก็ไม่เห็น
ว่าเป็นทาส กิเลส อยู่เช้าเย็น
จะอวดเป็น ปราชญ์ไป ทำไมนา
ค้นธรรมะ หาทางออก อุ้มกิเลส
น่าสมเพช จริงๆ เที่ยววิ่งหา
ตำรานี่ ตำรานั่น สรรหามา
ได้เป็นข้า กิเลสไป สมใจเอยฯ

ชอบค่ะ..อ่านแล้วเพลินดี..เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ



ชอบครับ ก็ถูกต้องอีกนั่นแหละครับ ก็สมเพชเวทนาตนเองอยู่เหมือนกันครับ

ถ้าเป็นปราชน์จริงๆ ผมก็คงไม่มาพร่ามอยู่อย่างนี้หรอกครับ ก็คงไม่สนใครแล้ว

แต่ที่พร่ามอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อจะได้รู้ว่า กิเลส ของตนเองมันแรงขนาดไหน ตัวเองอาจจะดู

ไม่ทั่วถึงครับเลย วิ่งมาให้เพื่อนๆ กัลญาณมิตร ในนี้ให้เขาได้ ช่วยสะกิตบ้างครับ :b8:



:b41: อย่าสมเพชเวทนาตนเองเลยค่ะ ไม่มีใครเป็นปราชญ์ที่แท้จริงหรอกค่ะ นอกจากเราจะยกย่องเขา เพราะทุกคนบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่ต้องใฝ่หาในเรื่องที่ตนต้องการศึกษาให้รู้ เรียนได้ไม่มีวันจบ ศึกษาได้ไม่มีวันหมด เพียงแต่อย่าไปมองว่าตัวเรานั้นด้อยค่า เพราะทุกคนย่อมมีดีในตนเองค่ะ ได้เพิ่มมาก็เติมเข้าไป รู้ในสิ่งที่ไม่รู้ก็คือกำไร ไม่รู้แล้วยิ่งถามเป็นสิ่งดี แต่อย่าหลงไปกับคำตอบนะคะ เพราะจะทำให้เราหลงทางไปเรื่อยๆ จำให้ได้ว่า "เราต้องการรู้สิ่งใด" :b41: :b41: :b41:

.....................................................
...รู้จักทำ รู้จักคิด รู้ด้วยจิต รู้ด้วยศรัทธา...
..................ศรัทธาธรรม..................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 17:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนขวางโลก กับไม่สายเกินไปวิจารณ์ผ้าป่าแล้วต่อไปกฐินบ้าง :b16:

กฐิน เดิมทีเดียว พระที่จำพรรษาในวัดนั้นๆ หลังออกพรรษาแล้ว จะต้อง (พูดตามภาษาที่พอเข้าใจ) ทอผ้าแล้วนำมาเย็บมาย้อมกันเอง ฯลฯ

แต่ปัจจุบันบ้านเรา พระไม่ต้องทำอย่างนั้นแล้ว แต่อุบาสกอุบาสิกา นำผ้าสำเร็จแล้วไปถวายวัดที่ตนจองกฐินไว้
อย่างนี้คนขวากโลก กับคุณไม่สายเกินไป มีความเห็นเป็นประการใดขอรรับ เขาทำร้ายพระพุทธศาสนาไหม
ขอรับกระผม :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวทคืออะไรค่ะ



นั่นสิขอรับ คุณไม่สายเกินไป ช่วยบอกเค้าทีสิขอรับ ว่า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธคืออะไร
เอาเลยขอรับบอกเค้าทีว่า ปริยัติ คือ ...
ปฏิบัติคือ ...
ปฏิเวธ คือ ...

(ปฏิเวท เขียนอย่างนี้ขอรับ => ปฏิเวธ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b27: อนุโมทนาสาธุค่ะอาจารย์ ดิฉันเองที่เขียนผิด :b15: :b32:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ถวายกฐินผ้าป่า ก็นับเอาเงินเลขสุดท้าย และมีการต่อยอดเท่านั้นเท่านี้ (คือเงินที่ถวายพระ)แต่ไม่สนใจ หรือ รู้เลยว่า เงินทองถวายพระ นั้นเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง ต้องอาบัติ และจำเป็นต้องสละออก ไปให้พ้นจึงจะพ้นโทษได้ แต่ผู้คนในเวปนี้บอกว่าไม่เป็นไร


สาธุขอรับ คุณไม่สายเกินไป แล้วเวปอื่นจากนี้ เขาว่ากันยังไงหรอขอรับ มีลิงค์ไหมกรัชกายจะได้เข้าไป
แสวง ความรู้เพิ่มเติมขอรับ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านแน่ใจเหรอ ว่าท่านมาเพื่อให้เพื่อนกัลยาณมิตร สะกิดบ้าง



คนขับรถจักรยานมือใหม่ ก็จะตั้งใจเขม็ง มือไม้เกร็ง
ประคองตนเต็มที่บนรถจักรยาน เพื่อส่งรถไปให้วิ่งตรงทาง

พอผ่านเวลา เริ่มคุ้นเคย และเป็นขึ้นบ้างแล้ว
มือไม้ที่จับแฮนบังคับ และการวางตัวบนรถจักรยานก็ผ่อนคลาย สบายขึ้น
ไม่เกร็ง ไม่แข็งขืน ไม่ต้องออกแรงบังคับมาก เพราะเริ่มรู้หลักจึงฉลาดประคอง
โดยแทบไม่ต้องบังคับ รถก็ยังวิ่งตรงทาง และวิ่งได้ดีขึ้น มั่นคงขึ้น

ผ่านเวลานานมาอีก ก็สามารถปล่อยมือได้ เล่นผาดโผนได้
และฉลาดในการบังคับรถให้เป็นไปดั่งใจได้ แม้ที่เป็นท่วงท่าซึ่งไม่น่าเป็นไปได้
แต่ก็อาจเป็นไปได้ เมื่อมีการฝึกฝนเป็นพิเศษ


การเจริญภาวนา ใหม่ก็ตึงเปรี๊ยะ แทบทุกส่วนของการกระทำ
แข็งขืนในหลายอย่าง พยายามเก็บหมดแทบทุกรายละเอียด
และไม่สามารถจะปล่อยผ่าน แม้เรื่องเล็กน้อย

ผ่านการปฏิบัติมานานเข้า ก็จะรู้จักวางในส่วนที่ควรวาง
รู้จักรักษามั่นในสิ่งที่ควรรักษา รู้จักเพิ่มพูนในเฉพาะส่วนที่จำเป็นต้องเพิ่มพูน
การปฏิบัติก็จะรู้สึกสบายขึ้น ตรงเป้าหมายมากขึ้น
ไม่กราดสุ่มหยิบจับไปทั่วระวังทุกอย่างกระทำทุกสิ่งเหมือนระยะแรกๆ

แต่จะรู้ว่า ควรเลือกหยิบจับอะไรมาปฏิบัติ รู้ว่าอย่างไหนคือสาระที่ไม่ควรเว้น
อย่างไหนเป็นแค่สิ่งไร้สาระไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ
เหมือนดังผู้ฉลาดต้องการแก่นไม้ เขาก็จะเลือกตัดเอาเฉพาะส่วนที่เป็นแก่นถือมา

หากบุคคลที่ยังไม่รู้จักแก่นไม้ แต่ต้องการแก่นไม้ เขาก็จะเอาต้นไม้มาทั้งต้น
หรือกวาดมาทั้งป่า ถึงที่สุดแล้วหากเขาจะได้แก่นเขาก็ต้องริดใบทิ้ง เลาะเปลือกออก
แซะกระพี้ออกอยู่ดี จึงจะเจอแก่น

หลายสิ่งหลายอย่างในธรรมวินัยนี้ที่เป็นเหมือนส่วน ใบ เปลือก กระพี้
ใหม่ๆผู้ปฏิบัติทุกคนก็ต้องผ่านสิ่งเหล่านี้เพื่อเข้าไปถึงแก่น
เขาอาจจริงจังมั่นหมายในใบเมื่อจิตเขายังอยู่ตรงใบ
เขาอาจจริงจังมั่นหมายในเปลือก เมื่อจิตเขาเลื่อนมาอยู่ตรงเปลือก
และเขาอาจจริงจังมั่นหมายในกระพี้ เมื่อจิตเขาอยู่ตรงกระพี้

แม้ที่สุดเข้ามาถึงแก่นเขาก็ยังอาจจริงจังมั่นหมายในแก่น

แต่ในทุกลำดับของการปฏิบัติ สภาวะการปฏิบัติและสภาพที่เลื่อนหลุดจากการมั่นหมายใน
สภาวะธรรมก็จะเกิดขึ้นของมันเองตามธรรมชาติ

จิตเมื่อพัฒนามาถึงเปลือก ก็จะทิ้งการมั่นหมายในใบ
เมื่อพัฒนามาถึงกระพี้ ก็จะทิ้งการมั่นหมายในเปลือก
เมื่อพัฒนามาถึงแก่น ก็จะทิ้งการมั่นหมายในกระพี้
เมื่อถึงที่สุดแห่งธรรม ก็จะทิ้งการมั่นหมายทุกสิ่ง แม้แต่แก่น และบรมธรรมที่เข้าถึง


การสนทนาธรรม จิตบางคนที่ยังอยู่ตรงใบ เขาก็จะมั่นหมายในใบ
เห็นความสำคัญของใบ เป็นเรื่องใหญ่โต

และถ้าหากมีบางคน ที่เขาผ่านเลย ใบไปแล้ว เขาก็จะรู้สึกต่อใบว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
เพราะเขาเจอสิ่งใหม่จุดใหม่ที่รู้สึกว่าสำคัญกว่า

ด้วยเหตุดังนี้ การถก วาทะ จึงเกิดขึ้น ความเห็นไม่ตรงกันจึงเกิดขึ้น
ซึ่งต่างฝ่ายก็ถูกด้วยกันทั้งสิ้น แต่ถูกกัน บนบรรทัดฐานของภูมิจิตที่ต่างกัน


ใครที่มีภูมิจิตอยู่ในระดับเดียวกัน ก็จะเห็นตรงตามกัน เห็นดีตามกัน
ดังนั้นจึงเกิดกลุ่มบุคคลผู้สนับสนุน กลุ่มที่มองต่าง
จากบุคคล ก็กลายเป็นกลุ่ม ซึ่งตอนนี้แม้กระทู้นี้ก็เริ่มมีกลุ่ม


:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 18:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: :b9: :b9: :b9: :b13: :b13: :b13:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 187 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร