วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 06:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 20:04
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกวันนี้ดิฉันไม่ค่อยสบายใจเลย เพราะไม่นานมานี้ หมอดูเคยดูดิฉันกับสามีว่าสองคนนี้จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า
แล้วไม่นานมานี้สามีได้ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตก แต่ยังไม่เสียชีวิตอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน สามีมาเสียชีวิตลง หมอดูเคยพูดว่าถ้าสามีเสียชีวิตแล้วภายใน 3 ปีหลัง ดิฉันจะต้องเสียชีวิตตาม ทุกวันนี้ดิฉันเป็นอันต้องคิดมาก เพราะดิฉันจะอยู่ได้อีกไม่นาน ลูกๆก็ยังศึกษาอยู่ 2 คน ดิฉันปวดหัว คิดมาก จนถึงทุกวันนี้ ดิฉันอยากจะเห็นลูกๆได้เรียนสำเร็จก่อน ดิฉันจะต้องทำอย่างไรดี ดิฉันกลุ้มใจมาก มีใครบ้างที่จะช่วยดิฉันสบายใจได้บ้างค่ะ ให้คำปรึกษาและแนะนำด้วยนะคะ ดิฉันขอขอบคุณมากๆค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 12:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว


กามาวจรโสภณจิต คือ จิตที่ดีงามเป็นไปในกามภูมิ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1 :b8: กามาวจรโสภณกุศลจิต :b42: หรือเรียกว่า มหากุสลจิต มี 8 ดวง
2 :b8: กามาวจรโสภณกุศลจิต :b42: หรือเรียกว่า มหาวิปากจิต มี 8 ดวง
3 :b8: กามาวจรโสภณกุศลจิต :b42: หรือเรียกว่า มหากิริยาจิต มี 8 ดวง


:b8: มหากุศลจิต คือ จิตที่เป็นความดี มีจำนวนมากที่ใหญ่กว่ากุศลทั้งหลาย ยิ่งทำยิ่งเพิ่มพูนขึ้น มีธรรมชาติประหานอกุศล มีประโยชน์มาก กว่ากุศลอื่นๆ เพราะพระอริยเจ้าเหล่าใด ได้มีแล้วในอดีตกาล และจะมีในอนาคตกาล และปรากฎอยู่ในปัจจุบันนี้ ย่อมอาศัยมหากุศลจิต 8 ดวง นี้เป็นมูลเป็นบันใด แล้วเข้าสู่พระนิพพาน ดังจะแสดงชื่อดังต่อไปนี้

ดวงที่ 1 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณสมฺปยุตํ อสงฺขาริกเมกํ
แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความดีใจ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง
ดวงที่ 2 ชื่อว่า โสมมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ
แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยดีใจ ประกอบด้วย ปัญญา โดยชักนำ 1 ดวง
ดวงที่ 3 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ
แปลว่า ชื่อว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความดีใจ ไม่ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง
ดวงที่ 4 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความดีใจ ไม่ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง
ดวงที่ 5 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง
ดวงที่ 6 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า
จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมความเฉยๆ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง
ดวงที่ 7 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความวางเฉยๆไม่ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง
ดวงที่ 8 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความวางเฉยๆไม่ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง

:b42: :b42: เทพบุตร :b43: :b25:

:b8: ขอทุกท่านมีดวงตาเห็นธรรมทุกท่านเทอญ :b42:

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 14:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


บุญอยู่ที่ใจ.... :b39: :b40:
ทำจิตให้มีความสุข
องค์สมเด็จพระตถาคตเจ้านั้น
ทรงแสดงเหตุผลชัดเจน
มาสร้างความดีจะไปสวรรค์
...ต้องมาที่โลกมนุษย์ ที่อิจฉากัน
เราต้องทนต่อปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปัญหา
ต้องต่อสู้ปัญหา
---อย่าหนีปัญหา
การสู้ปัญหาไม่หนีปัญหา
ได้มาจากการกำหนดจิต(ให้เข้มแข็ง พร้อมจะยอมรับทุกอย่างที่เกิดการเปลี่ยนแปลง)

ดั่งสำนวนที่ว่า ไม้ใหญ่ต้องสู้ลม ลมพัดอย่างไรก็ไม่มีหัก ต้องสู้ลมตลอดรายการนั้นคือ
"ขันติธรรม....ความอดทน" จะเกิดอะไรขึ้นย่อมผ่านปัญหาใหญ่น้อยไปได้ตามลำดับ
ด้วยดีนั่นเอง :b48 ขอฝากไว้นะครับ กับ จขกท. ที่เจอปัญหาใหญ่ๆอยู่ตอนนี้(แต่เราไปหนัก
อกหนักใจกับมันมากเกินไปนี่แหละ ค่อยๆคิดไปแบบวันต่อวันนะอย่าไปคิดข้ามวันข้ามเดือนละ
จะเครียดเกินไปอะ :b16: )

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41:

:b43: ทำดีนั่นแหละเป็นยอดฤกษ์ ทำดีเมื่อไรดวงดีเมื่อนั้น :b43:

:b48: :b48: :b48: การพยากรณ์ตัวบุคคลมีตัวแปรสำคัญคือ กฏของกรรมของแต่ละบุคคลในอดีตชาติภพเดิม และในอดีตชาติปัจจุบัน สำหรับประการแรก ไม่มีปุถุชนทราบได้ ยกเว้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น พระองค์ตรัสถึงเรื่องกรรม เป็นเรื่องอจินไตย (ไม่ควรคิด) พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนให้ทำกรรมปัจจุบันให้ดีที่สุด คือ เพิ่มพูลบุญกุศล ละเว้นการทำบาป ไม่เบียดเบียนข่มเหงรังแกผู้อื่น มีความคิดชอบ ปฏิบัติชอบ อย่าไปมัวหลงเชื่อหมอดูคู่หมอเดาเลย ฤกษ์งามยามดีในทรรศนะพุทธศาสนา มีกล่าวในสุปุพพัณหสูตร ...สัตว์ทั้งหลายประพฤติชอบในเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ขณะดี ยามดีและบูชาดี.....และในนักขัตตชาดก ว่าด้วยประโยชน์คือฤกษ์.....ประโยชน์ได้ล่วงเลยคนโง่เขลา ผู้มัวคอยฤกษ์อยู่ ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวจักทำอะไรได้....

:b48: :b48: :b48: ศึกษาเรื่องกรรมดีกรรมชั่วที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ให้ลึกซึ้งเป็นดีที่สุด คนเราพออุ่นใจกับความรู้ สบายใจกับกรรมดีในปัจจุบันของตน ก็จะไม่หวาดกลัวอนาคตเลย การไม่ถือมงคลตื่นข่าวยังเป็นคุณสมบัติของอุบาสกที่ดีในพุทธศาสนา มีมาในอังคุตตรนิกาย เรื่องลักษณะอุบาสกที่ดี ๕ ประการ มีข้อหนึ่งกล่าวว่า “เป็นผู้ไม่ถือมงคลตื่นข่าว เชื่อกรรมไม่เชื่อมงคล” และนอกจากนี้ ในมงคลชาดกทรงตรัสว่า “ผู้ใดไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ถืออุกกาบาต ไม่ถือความฝัน ไม่ถือลักษณะดีหรือชั่ว ผู้นั้นชื่อว่าล่วงพ้นโทษแห่งการถือมงคลตื่นข่าว ครอบงำกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพที่เป็นคูกั้น ย่อมไม่กลับมาเกิดอีก” สรุปได้ว่าการถือมงคลตื่นข่าวเป็นการขวางกั้นทางพระนิพพาน เห็นได้ว่าทรงให้ความสำคัญกับความประพฤติดี มากกว่าฤกษ์ทางนักษัตรที่ดี การประพฤติสุจริตทั้งทางกาย วาจา ใจ เป็นเครื่องประกันได้ว่านั่นเป็นฤกษ์ที่ดีอยู่ในตัว ไม่ต้องอาศัยดวงดาว

ครับ...ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ทำจิตใจให้แจ่มใส อย่าไปกังวลกับเรื่องดวงเลย ขอเอาใจช่วยครับ :b4:

เจริญในธรรมครับ
:b8: :b8: :b8:

:b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 15:36
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บอกวันเดือนปีเกิด เวลาเกิดหน่อยค่ะ
จะบอกให้ว่า เป็นอย่างไร

o_ngeun@hotmail.com


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูดวงแบบนี้ มันแทงกั๊ก...

บอกจะอยู่จนแก่จนเฒ่า แต่กั๊กไว้หน่อยว่า ถ้าตายก็จะตายตาม หมอดูแทงกั๊กแบบนี้ อย่าเอาเป็นจริงเป็นจังมากเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว


(ห้ามยื่นอาหารด้วยมือให้ชีเปลือยและนักบวช)

ขนมเกิดขึ้นแก่สงฆ์ (เหลือเฟือ) พระผู้มีพระภาคจึงทรงโปรดให้พระอานนท์แจกทานแก่คน อดอยาก พระอานนท์จึงแจก มีนักบวชนอกศาสนาที่เป็นผู้หญิงมารับแจกด้วย เผอิญให้เกินไป 1 ก้อน แก่นักบวชหญิงนั้น ด้วยเข้าใจผิด พวกเขาเองจึงล้อกันว่า พระอานน์เป็นชู้ของหญิงนั้น และภิกษุรูปหนึ่งฉันเสร็จก็เอาข้าวสุกคลุกเนยใสให้แก่อาชีวกผู้หนึ่ง มีผู้เห็นว่าไม่เหมาะสม (เพราะการยื่นให้ด้วยมือแสดงคล้ายเป็นศิษย์ หรือคฤหัสถ์ประเคนของพระ จะกลายเป็นเหยียดหยามตัวเองลงเป็นคฤหัสถ์) พระผู้มีพระภาคจึงทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามให้อาหารแก่ชีเปลือย แก่ปริพพาชก ด้วยมือของตน ทรงปรับอาบัติปาจิตีย์แก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิด


ขออำนาจกุศลที่ข้าพเจ้าแผยแพร่ธรรมนี้บูชา คุณครูอาจารย์ด้วยความเคารพนอบน้อมตลอดทั้งบูชามารดาบิดาด้วยบุญนี้หนอ และขอให้กัญญามิตรมีดวงเห็นธรรมทุกท่านเทอญ
( หากมีข้อความผิดพลาดกลาบขออภัยในความผิดนี้ด้วยจิตที่นอบน้อมครับ )


:b42: :b42: เทพบุตร :b43: :b43:

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาดูผิดไปรอบนึงแล้วนี่คับ
รอบสองยังมาบอกว่าเราจะตายในสามปี
จะไปเอาอะไรกับหมอดู

ทายผิดก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรเราสักสลึงนึงอยู่แล้ว
ทายถูกนู่น ถึงจะมาอ้างว่าวิเศษ

อย่าไปเอาแน่เอานอนเลยคุณ


ไปหาหนังสือเรื่องสบตากับความตาย
ของหลวงน้า ว.วชิรเมธีมาอ่านดีกว่านะคับ

แ้ล้วต่อแต่นี้อย่าไปดูหมออีก
ถ้าอยากให้คนมาทายว่าเราจะตายเมื่อไหร่ให้ได้ มาบอกผม ผมจะทายให้

แต่ผมมีเมตตานะ กลัวว่าคุณจะจิตตก
ผมจึงจะถนอมความรู้สึกคุณ จึงจะทายว่าตายภายในร้อยปี

หมอดูมันไม่มีเมตตา มันก็ว่า 3 วัน 7 วัน ให้เราดิ้นเร่าๆ
คนจิตตกกลัวตาย อะไรก้ยอม อะไรก็ให้ ก็เสร็จหมอดู

สัตว์ที่ว่าร้ายทึ่สุด มันจะทำร้ายเราก้ต่อเมื่อเราไปกวนมัน ไม่รุกล้ำมัน
ไปทำให้มันตกใจ เพราะมันกลัวเรา มันถึงทำร้ายเรา

แต่สัตว์มนุษย์นี่ร้ายที่สุด สามารถทำร้ายเพื่อนมนุษย์อย่างร้ายกาจ
เพียงเพราะต้องการบำเรอความอยากทั้งหลายของตัวเองนะ จำไว้นะ
อยากเงินทอง อยากชื่อเสียง อยากได้ลาภสักการะ อยากได้หน้า อยากมีคนชม
สารพัดความอยาก
ฆ่าเราทั้งเป็นด้วยคำพูดไม่กี่คำนะ ปล่อยให้เราดิ้นพราดๆเป็นเดือนเป็นปีโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ดูเอานะว่ามันใจดำขนาดนั้น จะไปเอาอะไรกับมันอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 20:04
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมแสดงความเห็น ทำให้ดิฉันได้รับรู้อะไรๆเพิ่มเติมอีกมากมาย
ขอให้ทุกคนมีความประสบโชคดี มีความสุข ปราศจากโรคภัยทั้งปวง ด้วยเทอญ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
หมอดูเคยดูดิฉันกับสามีว่าสองคนนี้จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า
แล้วไม่นานมานี้สามีได้ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตก แต่ยังไม่เสียชีวิตอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน สามีมาเสียชีวิตลง หมอดูเคยพูดว่า ถ้าสามีเสียชีวิตแล้วภายใน 3 ปีหลัง ดิฉันจะต้องเสียชีวิตตาม



จรรยาบรรณหมอดูจะต้องดูเพื่อให้คนเขาสบายใจ มิใช่ดูเพื่อทำร้ายจิตใจคน หมอเดาคนนี้ขาดจรรยาบรรณ
หมอดู จะหลอกคนหรือว่าไปตามตำราก็เถอะ สมมุติตำราว่า พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกก็ว่าไปตาม
ตำราสถิติ แต่จะต้องบอกเขาให้ไหว้พระสวดมนต์ ถวายสังฆทาน ปล่อยนกปล่อยปลาปล่อยเต่า อะไรก็
ว่าไป เพื่อให้เขามีทางออกทางด้านจิตใจ มีที่พึ่งทางใจ


ครั้งแรกที่หมอทายว่า จะอยู่กันจนแก่จนเฌ่า แต่คุณวิตกว่า ลูกยังเรียนไม่จบ ก็แสดงว่ายังไม่เฌ่า
หมอดูๆผิดแล้วข้อหนึ่ง

เมื่อสามีป่วยไปหาอีก หมอดูซึ่งขาดจรรยาบรรณ ก็กระหน่ำด้วยคำขู่...ดังกล่าวอีก
เลวร้ายมากหมอดูคนนี้ อาศัยเหตุการณ์ที่เห็นๆทาย

เมื่อจิตใจผู้ฟังอ่อนแอก็คิดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ปวดหัวปวดหูไปเลย
ที่เป็นอย่างนี้ เพราะคิดมากจากคำพูดของหมอ หากคุณเลิกคิดมากอาการดังกล่าวก็หาย ก็จะอายุยืน

ขอแนะนำให้คุณไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนทุกๆ คืน มีโอกาสก็ซื้อเต่าหรือปลาที่เขาจะนำไปฆ่าปล่อย
แม่น้ำเสียคุณก็จะอายุมั่นขวัญยืน ไม่ถึงที่ตายไม่วายชีวาวาต์
เมื่อกำลังใจเข้มแข็งแล้ว ก็จะฟันฟ่าอุปสรรคอยู่ดีมีสุขได้แล :b4:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 13 ก.ค. 2009, 21:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: :b14: :b5: :b6: จุ๊ๆๆๆๆๆๆ จารย์คะ เอาเต่าไปปล่อยแม่น้ำเหรอคะ :b14: :b5: :b9: :b32: :b28:
:b8: เต่าว่ายน้ำไม่เป็นนะคร้าบบบบบๆๆๆๆๆๆ :b13:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b12: :b16: แนะนำให้ปล่อยเป็นคู่นะคะ

เขียนชื่อบนหลังเต่าว่า อายุมั่น กะ ขวัญยืน หรือบุญมี-บุญมั่น(เอาเคล็ดซักนิดนึง)

แล้วเอาไปปล่อยริมตลิ่งให้ไกลๆๆๆๆๆ พวกพ่อค้าแม่ค้านะคะ จะได้ปลอดภัยค่ะ

:b8: สาธุค่ะ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 21:25
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: สวัสดีคร้า

อย่าทุกข์ไปเลยนะคร้า

น้องนุ่นขอแนะนำว่า ให้ เราหยุดอยู่กับปัจจุบันดีกว่าค่ะ
ปัณหาทุกปัญหาย่อมมีทางแก้นะค่ะ :b8: :b8:

ขอแนนำว่าให้สวดมนต์เยอะๆ รำลึกถึงคุณความดีที่สั่งสมมาคร้า


น้องนุ่นเป็นกำลังช่วยนะคร้า :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ศัตรูของคนเราที่แท้จริงแล้ว คือ โลภ โกรธ หลง
ต้องแก้ด้วยมี ศีล สมาธิ ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 02:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


ดอกบัวทอง เขียน:
ทุกวันนี้ดิฉันไม่ค่อยสบายใจเลย เพราะไม่นานมานี้ หมอดูเคยดูดิฉันกับสามีว่าสองคนนี้จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า
แล้วไม่นานมานี้สามีได้ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตก แต่ยังไม่เสียชีวิตอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน สามีมาเสียชีวิตลง หมอดูเคยพูดว่าถ้าสามีเสียชีวิตแล้วภายใน 3 ปีหลัง ดิฉันจะต้องเสียชีวิตตาม ทุกวันนี้ดิฉันเป็นอันต้องคิดมาก เพราะดิฉันจะอยู่ได้อีกไม่นาน ลูกๆก็ยังศึกษาอยู่ 2 คน ดิฉันปวดหัว คิดมาก จนถึงทุกวันนี้ ดิฉันอยากจะเห็นลูกๆได้เรียนสำเร็จก่อน ดิฉันจะต้องทำอย่างไรดี ดิฉันกลุ้มใจมาก มีใครบ้างที่จะช่วยดิฉันสบายใจได้บ้างค่ะ ให้คำปรึกษาและแนะนำด้วยนะคะ ดิฉันขอขอบคุณมากๆค่ะ



ชีวิตมีที่สิ้นสุดคือตายจะเอาอะไรมากมาย

สุดท้ายสิ้นสูญ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลักธรรมที่เรียกว่า อธิษฐาน ๔ ประการคือ

1.ปัญญา ใช้ปัญญา คือ ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา ทำกิจการต่างๆด้วยความคิด เมื่อประสบเหตุใดๆ ก็ไม่ วู่วามตามอารมณ์หรือหลงไปตามสิ่งที่เย้ายวน ศึกษาสิ่งต่างๆ ให้มีความรู้ชัด หยั่งเห็นเหตุผล เข้าใจภาวะของสิ่งทั้งหลายจนเข้าถึงความจริง

2.สัจจะ รักษาสัจจะ คือ สงวนรักษาดำรงตนมั่นในความจริงที่รู้ชัด เห็นชัดด้วยปัญญา

3.จาคะ เพิ่มพูนจาคะ คือ คอยเสริมหรือทวีความเสียสละ ให้เข้มแข็งมีกำลังแรงยิ่งขึ้นอยู่เสมอ เพื่อป้องกันหรือทัดทานตนไว้มิให้ตกไปเป็นทาสของลาภสักการะ อันคอยล่อเร้าเย้ายวนให้เกิดความยึดติด ลำพอง และลุ่มหลงมัวเมา

4.อุปสมะ รู้จักสงบใจ คือรู้จักหาความสุขสงบทางจิตใจ ฝึกตนให้สามารถระงับความมัวหมองดับความขัดข้องวุ่นวายอันเกิดจากกิเลสได้ ทำจิตใจให้สงบผ่องใสรู้จักรสแห่งสันติ

เรื่องดูดวง อันฤกษ์ดียามดีแต่ก็มีคนตายทุกวัน และอันฤกษ์ไม่ดียามไม่ดีแต่ก็มีคนเกิดทุกวันเช่นกัน
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ท่านสอนไว้ว่าให้เราทำดี ถึงดี ยามนี้เวลานี้เป็นมงคล ..ให้เราเชื่อ เรื่องผลของการกระทำ ไม่ให้เชื่อเรื่องบุญบันดาล เพราะ กัมมุนา วัตตะตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร