วันเวลาปัจจุบัน 25 มิ.ย. 2025, 02:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 187 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 18:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 21:34
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทำไมพระจึงได้ประพฤติผิดศีลกันเต็มแผ่นดิน เช่นมีตำแหน่ง มีเงินเดือนให้ ค่าแรงในการทำงาน และพระบางท่านบอกว่าเงินสนับสนุนกิจการจากรัฐน้อยมากต่อปี เงินไม่พอใช้จ่ายในกิจการวัด อ่านในพระวินัยแล้ว ต้องเป็นหน้าทีของทายกวัดคนวัดเท่านั้น แต่พระกลับมีชื่อในการเซ็นอนุมัติเงินในบัญชีวัด มีบัญชีเงินฝากส่วนตัวมีรถเบนต์นั่ง มีค่าตัวเวลาไปเทศน์ ค่าตัวเวลาบวชให้ผู้ชาย


ก็เพิ่งจะรู้ครั้งแรกว่าพระมีเงินเดือน ส่วนตำแหน่งก็พอเข้าใจนิดหน่อย แต่เงินเดือน หนูก็ยิ่งงงหนักไปใหญ่ งงมากๆค่ะ :b23: :b23: แถลงไขปัญหานี้ให้ทีค่ะ พอดีสะกิดตาต้องใจไปหน่อยเลยอยากรู้อ่าค่ะ

.....................................................
๐ การเป็นผู้ฟังบ้างก็ไม่เสียหายอะไร จะได้รู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมากนั้นผิดหรือถูก ๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Bwitch เขียน:
อนุโมทนาสาธุค่ะอาจารย์ ดิฉันเองที่เขียนผิด :b15: :b32:


หรอครับ เขียนผิดที่ไหนไม่เคยสังเกต แต่ที่นำมาเอาจากข้อความที่คุณไม่สายเกินไปกล่าวไว้=>


ฯลฯ มีค่าตัวเวลาไปเทศน์ ค่าตัวเวลาบวชให้ผู้ชาย ใครผู้รู้ช่วยตอบให้หน่อยนะค่ะ แล้ว ๆ มีอีกนะคะ คนที่จบเปรียญ 9 , 3 ไม่เคยอ่านพระไตรปิฎกเลย .... แล้วที่บอกว่า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวท คือ อะไรค่ะ


รอคำตอบจากคุณไม่สายเกินไปก่อน ว่าปริยัติ คือ อะไร
ปฏิบัติ คือ อะไร
ปฏิเวธ คือ อะไร

คงได้คำตอบจากปากคำของเจ้าตัวเอง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ และ ปฏิเวธ ในไม่ช้า :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 06:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กฐิน เดิมทีเดียว พระที่จำพรรษาในวัดนั้นๆ หลังออกพรรษาแล้ว จะต้อง (พูดตามภาษาที่พอเข้าใจ) ทอผ้าแล้วนำมาเย็บมาย้อมกันเอง ฯลฯ

แต่ปัจจุบันบ้านเรา พระไม่ต้องทำอย่างนั้นแล้ว แต่อุบาสกอุบาสิกา นำผ้าสำเร็จแล้วไปถวายวัดที่ตนจองกฐินไว้อย่างนี้คนขวากโลก กับคุณไม่สายเกินไป มีความเห็นเป็นประการใดขอรรับ เขาทำร้ายพระพุทธศาสนาไหม ขอรับกระผม


ได้อย่างนี้ก็ สาธุหละครับ กระผม(หลักการเดิมมันมียังไงก็อย่าทิ้ง สิ่งที่นำเข้ามาเสริมก็อย่าขัด ก็ดีนี่ครับ)
ก็ไม่ได้ทำลาย ทำร้ายอะไร ขอรับกระผม :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 06:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ท่านแน่ใจเหรอ ว่าท่านมาเพื่อให้เพื่อนกัลยาณมิตร สะกิดบ้าง



ก็คิดว่า(เอาแบบในความคิดผมนะครับ) "เออกูรู้เห็นอย่างนี้ ก็ว่ามันต้องใช่แน่ๆ แล้วคนอื่นๆ หละ เค้าคิดเหมือนกันหรือเปล่าวะ ลองไปแย่ดูดีกว่า เผื่อว่าสิ่งที่รู้นี่อาจจะผิดก็ได้แต่ถ้ามันถูกหละก็อาจจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นได้บ้างนี่" ก็คิดอย่านี้แหละครับคุณบัวฯ ถึงได้มาแบบขวางบ้านขวางเมืองอย่างนี้คร๊าบบบบบ :b13:

ถ้าไม่แน่ก็ไม่มาวุ่นวายหรอกครับคุณบัวฯ คงจะนั่งอยู่คนเดียวโด่เด่อยู่อย่างงั้นแหละคร๊าบบบบบ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 07:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ได้อย่างนี้ก็ สาธุหละครับ กระผม(หลักการเดิมมันมียังไงก็อย่าทิ้ง สิ่งที่นำเข้ามาเสริมก็อย่าขัด ก็ดีนี่ครับ)
ก็ไม่ได้ทำลาย ทำร้ายอะไร ขอรับกระผม


มันมีปัญหาตรงที่มีเงินไปด้วยนี่สิ เพราะทางวัดต้องการจะเอาไปสร้างห้องน้ำ
มีอีก มีเสื่อ มีหมอน มีกล้วย มีสบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ ไปถวายพระด้วย อย่างนี้ทำร้ายศาสนาไหมขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 07:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประเด็นเดียวกัน "ไม่สายเกินไป" ว่าไงครับ ได้ไม่ได้ ผิดถูกประการใด พระไม่ทอผ้าเอง
น่าจะผิดนะ เพราะแบบมีว่า พระที่จำพรรษาในวัดนั้น จะต้องช่วยกันกรอด้าย ช่วยกันทอ ช่วยกันเย็บ ช่วยกันย้อมให้เสร็จภายในกำหนด


คุณไม่สายเกินไป กรุณาตอบคำถามที่ผ่านมาด้วยนะครับ เพื่อเป็นธรรมทานเป็นวิทยาทานแก่พุทธศาสนิกชน

ขออนุญาตเรียนถามอีกนิดนะครับ คุณไม่สายเกินไป ตอบปัญหาพระไตรปิฏกประจำเวปบอร์ดไหนอยู่ครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 14 ก.ค. 2009, 07:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 07:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุกับ คุณ ขวาง ครับ

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่คนมีความสามารถอย่างคุณ
ไม่ควรจะนั่ง อยู่คนเดียว หรือนั่งเกาอะไรอยู่คนเดียวที่บ้าน

ขอให้มีความสุขกับการเกาและการขวางโลกครับ ...............ท่านขวาง

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




2643605056711sb9.gif
2643605056711sb9.gif [ 3.96 KiB | เปิดดู 4089 ครั้ง ]
ขั้นด้วย :b16:

"ดาวมหาลัย"

http://www.imeem.com/people/YYSwFWz/mus ... kkd/?rel=1

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
รอคำตอบจากคุณไม่สายเกินไปก่อน ว่าปริยัติ คือ อะไร
ปฏิบัติ คือ อะไร
ปฏิเวธ คือ อะไร

คงได้คำตอบจากปากคำของเจ้าตัวเอง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ และ ปฏิเวธ ในไม่ช้า


:b8: ความรู้ไม่มีจึงไปคัดลอกมาจากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ และได้ความหมายดังนี้ค่ะท่านกรัชกาย


ปริยัติ (ปะริยัด) น. การเล่าเรียนพระไตรปิฎก. (ป. ปริยตฺติ).

ปฏิบัติ ก. ดําเนินการไปตามระเบียบแบบแผน เช่น ปฏิบัติราชการ, กระทําเพื่อให้เกิดความชํานาญ เช่น ภาคปฏิบัติ; กระทําตาม เช่น ปฏิบัติตามสัญญา; ประพฤติ เช่น ปฏิบัติสมณธรรม ปฏิบัติต่อกัน; ปรนนิบัติรับใช้ เช่น ปฏิบัติบิดามารดา ปฏิบัติครูบาอาจารย์. (ป. ปฏิปตฺติ).

ปฏิเวธ (-เวด) ก. เข้าใจตลอด, ตรัสรู้, ลุล่วงผลปฏิบัติ. (ป.).

และไม่ได้มีความรู้อะไรที่จะไปสามารถตอบธรรมะ อันลึกซึ้งได้หรอกค่ะ แค่เป็นคนที่ชอบกวนความรู้สึกของผู้แสวงหาไปนิพพานเท่านั้นแหละค่ะ ก็เป็นการทดสอบจิตเขาเหล่านั้นด้วยใช่หรือเปล่าคะว่า "สงบ" แล้วหรือยัง........เพราะตัวเองไม่มีความรู้จึงแสวงหาความรู้แต่ ....อ่าน ๆ กระทู้ ทุกบอร์ด ก็จะมีแต่การปรุงแต่งเสียส่วนใหญ่ เนื้อในใจความหาไม่ค่อยได้เท่าไหร่ จะเป็นการล้อเล่นลิ้นกันแทบทั้งนั้น จึงบอกว่าไม่ค่อยได้ความจริง และอย่างกระทู้นี้ก็กลายเป็นกระทู้ร้อนที่ถกเถียงกันโดยไม่เอาพระไตรปิฎกมาอ้างอิงว่าการที่ทำประเพณีแบบนี้คือ การชักชวนตักบาตด้วยการใส่ข้าวสาร อาหารแห้ง ดิบ และนำเงินถวายพระหรือใส่ไปในบาตด้วยนี้มันผิดหรือไม่ผิดอย่างไร การถวายของผิดวินัยพระเป็นบาปหรือเป็นบุญไปค้นกันดูในพระไตรปิฎกมาเทียบเคียงให้มันได้ความจริง แต่เห็นตอบมา ก็ดูเหมือนจะสมยอมกับพระที่ทำผิดวินัยอยู่เสมอ พระทำผิดวินัยคือต้องอาบัติ และพระต้องอาบัติจะยังเป็นพระอยู่ได้หรือเปล่าค่ะ ก็อย่างที่บอกมาแล้วว่า เรียนทางโลก มีตำแหน่ง มีเงินเดือนค่าตำแหน่ง มีค่าตัวในการนิมนต์ไปในพิธีต่าง ๆ อย่างนี้มันผิดวินัยหรือเปล่า และในพิธีต่าง ๆ ก็เช่นกัน ค่ะ ยกตัวอย่างมาแล้วคุณกรัชกายก็ตอบไปโน้น.......แน่ะ........เอ...หรือผู้ที่ตอบอยู่ในนี้เป็นพระหละค่ะ ........ตายหละ.....ค่ะ...อ้อ...และพอใจในคำตอบหรือยังค่ะท่านกรัชกาย

ก็เพิ่งจะรู้ครั้งแรกว่าพระมีเงินเดือน ส่วนตำแหน่งก็พอเข้าใจนิดหน่อย แต่เงินเดือน หนูก็ยิ่งงงหนักไปใหญ่ งงมากๆค่ะ แถลงไขปัญหานี้ให้ทีค่ะ พอดีสะกิดตาต้องใจไปหน่อยเลยอยากรู้อ่าค่ะ
อ้างคำพูด:
ทำไมพระจึงได้ประพฤติผิดศีลกันเต็มแผ่นดิน เช่นมีตำแหน่ง มีเงินเดือนให้ ค่าแรงในการทำงาน และพระบางท่านบอกว่าเงินสนับสนุนกิจการจากรัฐน้อยมากต่อปี เงินไม่พอใช้จ่ายในกิจการวัด อ่านในพระวินัยแล้ว ต้องเป็นหน้าทีของทายกวัดคนวัดเท่านั้น แต่พระกลับมีชื่อในการเซ็นอนุมัติเงินในบัญชีวัด มีบัญชีเงินฝากส่วนตัวมีรถเบนต์นั่ง มีค่าตัวเวลาไปเทศน์ ค่าตัวเวลาบวชให้ผู้ชาย


อ้างคำพูด:
ก็เพิ่งจะรู้ครั้งแรกว่าพระมีเงินเดือน ส่วนตำแหน่งก็พอเข้าใจนิดหน่อย แต่เงินเดือน หนูก็ยิ่งงงหนักไปใหญ่ งงมากๆค่ะ :b23: :b23: แถลงไขปัญหานี้ให้ทีค่ะ พอดีสะกิดตาต้องใจไปหน่อยเลยอยากรู้อ่าค่ะ


http://www.alittlebuddha.com/html/News% ... %2006.html

เวปนี้ไปหาอ่านได้ค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้คัดค้านเรื่องพระรับเงินรับทองเลยซักนิด (ให้ตายเถอะ ผับผ่าซิ :b14: )
แต่ จะให้ทำไงดีหนอ :b10: :b10: ในเมื่อตามหลักเกณฑ์มีมาแบบนี้ :b2:
ก็ต้องถามท่านที่ไม่เห็นด้วยกับการถวายเงินพระ เพราะผมยังนึกไม่ออกจริงๆ

ความเดิมที่ปรากฏในอรรถกถาของโกสิยวรรค สิกขาบทที่ ๘ ว่า

อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้ก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงิน
อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิคสัคคียปาจิตตีย์.


อธิบายเพื่อเข้าใจความเดิม

ทอง หมายถึง ทองคำ , เงิน หมายถึง วัตถุที่แลกเปลี่ยนมีค่าทางการค้า
รับ หมายถึงรับเอง , ให้ หมายถึง ให้ผู้อื่น , ให้รับ หมายถึง ให้ผู้อื่นรับแทน
ยินดี หมายถึง พอใจในเงินทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน


ลองมาดูอธิบายการรับที่จะเป็นอาบัติ อรรถกถาของโกสิยวรรค สิกขาบทที่ ๘

ฯลฯ วัตถุ ๔ อย่างคือ เงิน ทอง ทั้งหมดอย่างนี้ และ มาสกเงิน มาสกทอง
มีประเภทดังกล่าวแล้วทั้งหมด จัดเป็นวัตถุแห่งนิสสัคคียะปาจิตตีย์


ตรงนี้บอกชัดว่า เงิน ทอง เป็นวัตถุที่ต้องอาบัติ ต่อนะครับ ที่มาก็ที่เดิม

ฯลฯ บรรดานิสสัคคียะวัตถุและทุกกฏวัตถุนั้น ภิกษุจะรับนิสสัคคียะวัตถุ
เพื่อประโยชน์ตนเอง หรือเพื่อประโยชน์แก่สงฆ์ คณะบุคคลและเจดีย์
เป็นต้น ย่อมไม่ควร, เป็นนิคสัคคียปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รับเพื่อประโยชน์
แก่ตนเอง เป็นทุกกฏแก่ภิกษุผู้รับเพื่อประโยชน์แก่สิ่งที่เหลือ ฯลฯ


สรุปตรงนี้ ว่า เงิน ทอง รับเพื่อตนเองก็ไม่ได้ จะรับเพื่อผู้อื่นแม้กระทั้งสงฆ์ก็ไม่ได้
เพื่อคณะบุคคลก็ไม่ได้ แสดงว่า ผ้าป่าช่วยชาติก็คงไม่ถูกต้องตามวินัย
ผ้าป่าหรือกฐินที่สร้างโบสถ์สร้างศาลาก็ไม่ถูกต้องตามวินัย ผ้าป่าหรือกฐิน
ช่วยเหลือเด็กที่รับเชื้อเอดส์ก็ไม่ถูกต้องตามวินัย เพราะเหล่านี้เมื่อรับมาแล้ว
ส่งต่อไปตามองค์กรต่างๆ ก็จัดเป็นรับเพื่อบุคคลอื่นหรือคณะบุคคลอื่น นี่ยังไม่พูดถึง
เงินค่าน้ำค่าไฟที่ใส่ในตู้บริจาคนะครับ ล้วนไม่ถูกต้องตามวินัยทั้งสิ้นถ้าถือตามวินัย
ข้อนี้


เมื่อทราบความหมายแล้วอย่างย่อๆ สิ่งที่เป็นเงินและทอง จัดเป็นอกัปปิยะ คือ
ไม่สมควรแล้ว ลองมาดูว่าสิ่งที่ไม่สมควร(ในที่นี้คือ รูปียะ หมายถึงเงิน) ในอรรถกถา
ที่อธิบายไว้ อธิบายถึงปัจจัยหรือสิ่งของที่ได้จากรูปิยะ(เงิน ทอง) ว่าอย่างไร


ปัจจัยที่ได้จากรูปิยะที่ภิกษุรับ ไม่ควรแก่เธอผู้รับ

ฯลฯ คนทั้งหลาย เอาวัตถุนั้น จ่ายหาเตียงและตั่งเป็นต้นก็ดี สร้างอุโบสถาคารก็ดี
สร้างโรงฉันก็ดี จะบริโภคใช้สอยก็ไม่ควร, แม้ร่มเงาแห่งโรงฉันเป็นต้น อันแผ่ไปอยู่
ตามเขตของเรือน ก็ไม่ควร ฯลฯ จะเดินไปตามทางก็ดี สะพานก็ดี เรือก็ดี แพก็ดี ที่เขา
จำหน่ายวัตถุนั้นสร้างไว้ ไม่ควร ฯลฯ


ตรงนี้บอกอีกว่า ถ้าเอาวัตถุที่ไม่ควรที่ได้รับมา แล้วไปจำหน่ายเอาเงินไปสร้างสาธารณะ
ประโยชน์ ก็ไม่ควรใช้สอย


ผมสงสัยว่า จักทำอย่างไรเมื่อต้องการเกลี่ยทรัพย์เพื่อบำรุงพระศาสนา ในเมื่อ
ทุกกิจกรรมก็ว่าได้ ขัดต่อวินัยในหมวดนี้ และ ถาวรวัตถุเช่น วิหาร ลานเจดีย์
กุฏิสงฆ์ ศาลา (ก็ล้วนมาจากเงินกฐินผ้าป่า หรือการบริจาคที่ต้องผ่านกระบวน
การรับของภิกษุ ซึ่งโดนปิดประตูไม่ให้ยุ่งเกี่ยวแม้กระทั้งรับผ่านเพื่อบุคคลหรือสงฆ์)
ที่สร้างไปด้วยขัดกันตรงนี้ จักทำอย่างไร เพราะไม่สมควรใช้สอย


ช่วยผมหาทางออกหน่อย :b2: :b2: :b2:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมสงสัยว่า จักทำอย่างไรเมื่อต้องการเกลี่ยทรัพย์เพื่อบำรุงพระศาสนา ในเมื่อ
ทุกกิจกรรมก็ว่าได้ ขัดต่อวินัยในหมวดนี้ และ ถาวรวัตถุเช่น วิหาร ลานเจดีย์
กุฏิสงฆ์ ศาลา (ก็ล้วนมาจากเงินกฐินผ้าป่า หรือการบริจาคที่ต้องผ่านกระบวน
การรับของภิกษุ ซึ่งโดนปิดประตูไม่ให้ยุ่งเกี่ยวแม้กระทั้งรับผ่านเพื่อบุคคลหรือสงฆ์)
ที่สร้างไปด้วยขัดกันตรงนี้ จักทำอย่างไร เพราะไม่สมควรใช้สอย

ช่วยผมหาทางออกหน่อย


มันจะยากอะไรหละท่าน ก็แค่พระภิกษุทั้งหลายเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ซะ แล้วสิ่งต่างๆ นั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของอุบาสก อุบาสิกา ให้เขาคิดเขาทำกันเอง พระมีหน้าที่ของตนอยู่แล้วคือขัดเกลากิเลสของตนเองแล้วแนะนำสั่งสอนชาวบ้าน(ในพระไตรปิฎกก็บอกหน้าที่ของแต่ละคนไว้หมดแล้วนี่นา ก็เอามาใช่ซะสิครับ)

เช่น เมื่อชาวบ้านต้องการมีผู้นำทางจิตใจให้มาอยู่ใกล้ๆ ก็เป็นเรื่องของชาวบ้านที่จะจัดหาสถานที่สร้างวัดให้พระมาอยู่ ต่อไปถ้ามีคนมาวัดมากขึ้น ห้องน้ำไม่พอใช้ ก็เป็นหน้าที่ของโยมชาวบ้านว่าจะทำยังไง จะเรี่ยไรเงินมาสร้างยังไงโดยที่พระไม่เกี่ยวข้องด้วย สรุปแล้วเรื่องอย่างนี้ มันเป็นหน้าที่ของโยมเขา พระไม่เกี่ยวเพราะมันผิดวินัยมันเป็นบาปก็บอกชาวบ้านเขาสิว่าอย่าให้พระเข้ามาเกี่ยวข้องมันไม่ใช่หน้าที่ของพระ

ถ้ายังดื้อดึงอยู่ก็เอาพระวินัยมาบอกชาวบ้านให้รู้ ถ้ายังส่งเสิรมให้พระทำผิดอยู่อีกมันก็จะเป็นบาปไปด้วย
ก็บอกก็สอนเขาสิครับ เอาพระไตรปิฎกเป็นหลัก เมื่อชาวบ้านยังไม่ฟังอีกก็หนีไปอยู่ที่อื่นก็สิ้นเรื่อง อยู่ง่ายกินง่ายไม่ใช่เหรอครับที่พระพุทธองค์สอนเหล่าภิกษุ แต่ไม่ได้สอนให้ทำผิดวินัยนะครับ

เอาแค่นี้ละกัน ท่านก็ศึกษามาไม่ใช่น้อยเลยนะครับ คงไม่ยากที่จะหาทางออกอย่างเป็นธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าอยากสร้างกุฏิ วิหาร เจดีย์ ก็ชาวบ้านอีกนั่นแหละเป็นคนทำ ทำให้เสร็จก็ค่อยถวายให้เป็นของสงฆ์ ไม่ใช่ทำๆ กันอยู่ทุกวันนี้ คือ อะไรๆ ก็พระออกหน้าทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ หรือพระเป็นต้นคิดจะสร้าง(ความอยาก) ก็เสนอให้ชาวบ้านรู้แล้วก็อ้างเหตุผลบุญบารมีไปทั่ว จากนั้นก็วุ่นวายหาเรี่ยไรเงินทองชาวบ้านทั่วทุกสารทิศ(ให้ร่วมกันทำบาปแบบไม่รู้เรื่อง โดยอ้างบุญบังหน้าจนมิดเลย) แล้วจัดงานใหญ่โตก็สิ้นเปลืองเงินทองโดยใช่เหตุ(เอาเงินเหล่านั้นไปให้พวกยากจน พวกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะไม่ดีกว่าเหรอ) แล้ว........เอาเป็นว่า พระนั่นแหละตัวการใหญ่เลยที่ทำให้ชาวบ้านทำผิด เมื่อพระก็ทำผิดชาวบ้านก็ทำผิด ก็เลยไม่มีใครเตือนใครหละทีนี้ สุดท้ายก็สมยอมกันไป มั่วไปด้วยกันอย่างสนิทใจ อะไรจะอนุโลมได้ก็อนุโลมกันไปเพราะมันก็พอๆ กัน อนุโลมเอาตามชอบใจ ไม่ชอบธรรมก็ไม่เป็นไร

จนทุกวันนี้ ชาวบ้านหลงทางกันไปใหญ่แล้ว ทำผิดจนเคยชิน จนเห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ใครๆ ก็ทำ...นั่นแหละความเสื่อมที่แท้จริงหละ มันไม่ได้เสื่อมลงที่เดียวนี่นา มันจะเริ่มจากจุดเล็กๆ นี่แหละ.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่าวว คุณขวาง ถ้าทำแบบนั้นก็ดีจิ แต่มันไม่ไช่แล้ววว
ตอนนี้ที่รับกฐินผ้าป่านะ พระที่หลายคนเชื่อว่าเป็นผู้หลุดพ้นทั้งนั้น ตกลง
จะทำไงกับการที่ท่านรับท่านรับผ่านไปล่ะ โทษทีนะ แหม๋ กลัววิบากใจจะขาด
แต่ขอหน่อย เพื่อความกระจ่าง อย่างวัดอัมพวันอ่ะ (ขอขมาหลวงพ่ออย่างแรง)
ท่านเจ้าคุณก็รับกฐิน รับผ้าป่า ที่มีเงินติดมาด้วยอ่ะ สาธุกันทั้งศาลาเลย
หลวงตาบัวด้วย (กลัวจริงๆเลยรูปนี้) ก็รับผ่านส่งไปให้กระทรวงการคลังอีก แล้วไงดีเนี่ย

ตกลงจะเอาหลักไหนมาตัดสินตอนนี้ล่ะ แล้วที่สร้างทำไปแล้ว จะใช้สอยก็ผิดหลัก
ทุบทิ้งเลยเป็นไง เอ๊ะ ไม่ดีๆๆ เสียดาย ต๋ายยแร๋ววว จะทำไงดี ย้อนไปทำวิธีแบบคุณขวางว่า
โอ้ยย ไม่ทันการแล้ว

เอ สงสัยเลย แล้วสมมติว่าพระอาบัติอยู่เนี่ยเพราะว่ารับกฐินที่มีเงินพ่วงมาด้วยอ่ะ ปฏิบัติธรรม
จะบรรลุได้เหรอ เพราะเป็นอาณาวีติกฯ ห้ามมรรคอยู่ตราบที่ยังไม่สละ แถมใช้วัตถุเนื่องมาจากรูปิยะ
จัดเป็นอนาชีวะปาริสุทธิศีล

เรื่องนี้ต้องมีนัยอีก เพราะแม้แต่พระผู้ทรงคุณด้านวิปัสสนาจารย์ก็ยังรับกฐินหรือผ้าป่าที่มีเงินมาด้วย
นัยต้องมีมากกว่านี้แน่

จริงๆ วิธีที่คุณขวางพูดก็ถูกว่าต้องทำไง อันนี้รู้แล้ว แต่ว่าการที่จะทำแบบนั้น
คนที่เป็นอุบาสกอุบาสิกาจะเอาเวลาไหนไปนั่งเฝ้าทำ ต่างก็ทำมาหากินกัน แล้วสร้างออกมาก็
จะสมประโยชน์หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะส่วนมากไว้ใจพระก็มอบภาระให้ท่านดูแล ลำพังคนไปเรี่ยรายกัน
จะทำให้วัด ยากนักที่จะไว้ใจกันอีก จะทำคนเดียวปัจจัยก็ไม่พอ
บางคณะก็จะอาศัยพระผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย เรียกว่าอาศัยบารมี ทำผ้าป่าเพื่อช่วยเหลือผู้ยากต่างๆ
ข้อนี้ก็น่าคิด แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไร

คำตอบเรื่องนี้ผมมีในใจแล้ว คิดได้ตอนกำลังพิมพ์อยู่นี่เอง
แต่ชวนอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ทำไปแล้ว ตามวัดที่มีพระสุปฏิปันโนอยู่ เราจักทำอย่างไร

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ความรู้ไม่มีจึงไปคัดลอกมาจากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ และได้ความหมายดังนี้ค่ะท่านกรัชกาย
ปริยัติ (ปะริยัด) น. การเล่าเรียนพระไตรปิฎก. (ป. ปริยตฺติ).

ปฏิบัติ ก. ดําเนินการไปตามระเบียบแบบแผน เช่น ปฏิบัติราชการ, กระทําเพื่อให้เกิดความชํานาญ เช่น ภาคปฏิบัติ; กระทําตาม เช่น ปฏิบัติตามสัญญา; ประพฤติ เช่น ปฏิบัติสมณธรรม ปฏิบัติต่อกัน; ปรนนิบัติรับใช้ เช่น ปฏิบัติบิดามารดา ปฏิบัติครูบาอาจารย์. (ป. ปฏิปตฺติ).

ปฏิเวธ (-เวด) ก. เข้าใจตลอด, ตรัสรู้, ลุล่วงผลปฏิบัติ. (ป.).



ถามว่า พอใจในคำตอบไหม ?

... :b7: :b21: :b22:


แล้วเกี่ยวกับกฐินล่ะครับ เดี่ยวนี้วัดไหนๆ ก็ไม่เห็นพระกรอด้าย เย็บ ย้อมผ้ากันเอง ผิดไหมครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จริงๆ วิธีที่คุณขวางพูดก็ถูกว่าต้องทำไง อันนี้รู้แล้ว แต่ว่าการที่จะทำแบบนั้น
คนที่เป็นอุบาสกอุบาสิกาจะเอาเวลาไหนไปนั่งเฝ้าทำ ต่างก็ทำมาหากินกัน แล้วสร้างออกมาก็
จะสมประโยชน์หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะส่วนมากไว้ใจพระก็มอบภาระให้ท่านดูแล ลำพังคนไปเรี่ยรายกัน
จะทำให้วัด ยากนักที่จะไว้ใจกันอีก จะทำคนเดียวปัจจัยก็ไม่พอ
บางคณะก็จะอาศัยพระผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย เรียกว่าอาศัยบารมี ทำผ้าป่าเพื่อช่วยเหลือผู้ยากต่างๆ
ข้อนี้ก็น่าคิด แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไร


ก็วิถีพอเพียงไงครับ

พอมี พออยู่ พอกิน เมื่อมันอยู่แค่ไหนก็ทำไปครับ จะอยู่กุฏิหลังละล้านเลยเหรอ ต้องมีแอร์ พัดลม ตู้เย็น ฯลฯ อย่างนั้นเหรอ (เห็นว่า ท่านทรงอนุญาตให้สร้างได้แค่ไม่กี่วานี่นา อยู่อย่างสมถะ อยู่ง่ายไง ถ้าอยู่สบายๆ มากไป มันเอาชนะกิเลสยากนะ) สิ่งไหนมันไม่ใช่หน้าที่ของพระ เราผู้เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็ต้องรู้และใส่ใจศึกษา แล้วนำไปปฏิบัติให้ถูกต้อง แต่จะว่าไปแล้วนะ พระก็ผิดที่ไม่แนะนำสั่งสอนโยม และโยมก็ผิดที่ไม่ศึกษาเรียนรู้ให้ดีจนทำให้พระต้องมาทำผิด สรูปแล้ว มันก็ขี้หมูราขี้หมาแห้ง พอๆ กัน

ส่วนเรื่องพระสุปฏิปันโน นั้น ในพระไตรปิฎกก็กล่าวไว้แล้วว่า แม้แต่พระอรหันต์ถ้าไม่เรียนรู้พระธรรมวินัยอย่างรอบด้านก็มีโอกาสทำผิดได้ ต้องแยกให้ออกนะครับระหว่าง ท่านผู้เป็นอรหันต์กับความเป็นอรหันต์ของท่าน ฉะนั้นเรื่องบาปบุญนั้นมันจึงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับท่าน แต่ท่านคงไม่ได้คำนวณไปถึง บาปกรรมของผู้ที่มาร่วมทำผิดด้วยมั้งครับ ลองไปถามท่านดูสิครับ ผมว่าท่านต้องยึดพระธรรมวินัยเป็นแน่แท้ทีเดียวเชียวแหละ
(ข้อสังเกตุนะครับ ถ้าจะไปถามท่านจริงๆ ลองถามว่า "ที่หลวงตา(หลวงตามหาบัว) มักบ่นว่า บางทีร่างกายนี่มันก็ร้อน วูบๆ วาบๆ ยังไงไม่รู้นะ ร้อนมากยังกับไฟไหม้เลย นี่ข้างในเรานี่ บางทีก็ไม่เป็นนะ"

มันเป็นสัญญาณบาปที่ีส่งผลให้ถึงท่านในปัจจุบันหรือเปล่า เพราะว่าเมื่อท่านละสังขารเมื่อไหร่ก็จะดับสนิทเมื่อนั้น(นิพพาน) ทีนี้หละบาปไม่เกี่ยว บุญไม่เกี่ยวอีกแล้ว

แต่เราผู้เป็นศิษย์เมื่อตาย มันไม่ได้ดับเหมือนท่านนี่ มันดับเพื่อเกิดอีก บาปมันเลยยังเกี่ยวกับเราไง

เอาเป็นว่า ผมคงตอบได้ไม่เหมือนหลวงตาหรอกครับ(ผมมิบังอาจไปเสมอท่านหรอกครับ) ให้ไปถามท่านเองดีกว่านะครับ หลวงพ่อจรัญก็เช่นกันครับ ท่านก็เอาวินัยเป็นหลักแน่นอน ไปถามท่านดีแท้แน่นอนครับ

พระอรหันต์นั้น ท่านละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว บุญก็ไม่ต้องการอีกแล้ว บาปก็ไม่เกี่ยวข้องอีกแล้ว นิพพานแล้วก็แล้วกันไป ไม่มี ไม่เป็น ไม่อยู่ ไม่ไป ไม่มา ..... ดับสนิทแล้ว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 187 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร