ผมมักจะชมในสิ่งที่เห็นว่าดี สิ่งที่ผมเห็นว่าไม่ควร(ผมเห็น)ผมก็เฉยๆไม่กล้าวินิจฉัยก็เท่านั้นครับ

ขออภัยที่เข้ามาตอบช้า

เท่าที่เห็น ผมไม่เห็นว่ามีสำนักไหนสอนให้คนเปลี่ยนแปลงจากที่หลงใหลในอบายมุข ไม่มีศิล
มาเว้นขาดจากอบายมุข ถือศีลปฏิบัติธรรม มีมรรคมีผลอย่างเป็นรูปธรรมเห้นได้ชัดเจนเหมื่อนที่นี่

ถึงคำสอนจะแตกต่างจากทุกสำนัก แต่ถ้าพิจารณาดูอย่างไม่มีอคติจะเห็นว่าสอดรับกับพระไตรปิฎกได้ทุกสูตร
เอาหลักตัดสินธรรมวินัย และหลักอื่นๆมาตรวจพิสูจน์ได้

การเข้าไปยุ่งกับการเมืองก็ไม่ใช่ทำไปเพราะความอยาก แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องทำแม้ว่าจะเสียฟอร์ม เสีย-
ความนิยม เสียทุน กำลัง เวลามาก ก็ต้องยอมสละ เพื่อประโยชน์ และเพื่อความสุขแก่ชนหมู่มาก (พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย)
เพื่ออนุเคราะห์โลก (โลกานุกมฺปาย) เพื่อประโยชน์ เกื้อกูล และความสุขแก่มนุษย์เทพ (อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ ข้อที่ ๓๒

การกินการอยู่ ตรวจดุ จรณธ๑๕ ข้อ ๒,๓,๔ หรือจรณะข้อ ๑(ศีล)ก็เข้ากันได้
เพียงแต่ว่าใครจะทำได้เท่าใด หรือถ้ายังทำไม่ได้ก็ต้องฝึกฝนทนทำ(เพียรทำสิ่งที่ดี)เพื่อให้ได้

ซึ่งจะไปได้สุดทางหรือไม่นั้นอยู่ที่ ฉันทะ วิริยะ จิตต วิมังสาของเรามีเต็มบริบูรณ์แค่ใหน
เพราะทาง พระพุทธองค์ทรงชี้ให้เห็นแจ่มชัดแล้ว ว่าต้องไปทางมรรค ๘ ตาม มหาจัตตาริสกสูตร

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0

ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาออกป่าขึ้นเขาเข้าถ้ำ แต่ปฏิบัติอยู่กับผัสสะที่ตื่นเต็ม แล้วล้างตัณหา อุปปาทาน-
ออกไป..จนกว่าจะหมด

กาลเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ผลให้เห็นได้ แต่ถ้าอยากรู้ก่อนก็ต้องปฏิบัติพิสูจน์ดู(เอหิปัสสิโก)

เท่าที่เห็น ผมไม่เห็นว่ามีสำนักไหนสอนให้คนเปลี่ยนแปลงจากที่หลงใหลในอบายมุข ไม่มีศีล
มาเว้นขาดจากอบายมุข ถือศีลปฏิบัติธรรม มีมรรคมีผลอย่างเป็นรูปธรรมเห็นได้ชัดเจนเหมือนที่นี่


อันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

ขออนุญาต ถาม คุณ dhama ว่าเคยไปอยู่ที่นั่นมาหรือยัง เคยเข้าไปร่วมกินร่วมนอนที่นั่นมาบ้างหรือยัง
ขอรับ

ขออนุญาต ถาม คุณ dhama ว่าเคยไปอยู่ที่นั่นมาหรือยัง เคยเข้าไปร่วมกินร่วมนอนที่นั่นมาบ้างหรือยัง
ขอรับ


ถ้าถามผมนะที่ไหนต่อที่ไหนถ้าจะหาความไม่ดีน่ะมีเยอะครับยังไงก็หาเจอ สิ่งที่ดีเขามีอันไหนดีอันไหนไม่ดีเราเป็นนผู้รู้ก็เก็บเกี่ยวเอา พระพุทธองค์ในสมัยนั้นก็มีหลายศาสนาก็มีดีและไม่ดี ก็มิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรมากนัก ถ้าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ผมว่าก็เฉยๆน่าจะ โอ นะ เพราะสิ่งที่ทุกคนทำก็เพื่อความดีและคิดว่าดี มันจะผิดจะถูกอยู่ที่คนเข้าไปตัดสินว่ามันผิดหรือถูก เขาก็ว่าของเขาดีเราก็ว่าของเราดี ถ้ามีเรามีเขามันก็ต้องมีดีและไม่ดี ถ้าปล่อยเราปล่อยเขาก็ไม่มี ดีและไม่ดี (ความเห็นส่วนตัวครับ)

ทำไม....ทำไม..... หือ.... อร่อยจัง....

ขอบคุณ คุณ wic ครับ
ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร




มีคำถามเล็กน้อยขอรับ
-คุณเข้าใจการนั่งหลับตาตามที่คุณกล่าวนั่นว่า ยังไงขอรับ
ทำไมจะต้องเข้าไปหลับตาในป่าในถ้ำด้วย ขอความชัดเจนหน่อยขอรับ

ขอทราบวิธีล้างตัณหา อุปาทาน ที่คุณพูดถึง เพื่อเป็นวิทยาทานแก่พุทธบริษัทขอรับ




เอหิปัสสิโก ตามความเข้าใจของคุณ ยังไงขอรับ เอหิปัสสิโก




มรรคผลที่คุณพูดถึงได้แก่อะไรขอรับ ต้องทำยังไง จึงจะมีมรรคมีผล

ส่วนประเด็นนี้เกี่ยวกับการเมืองด้วย เรียนเชิญคุณไม่สนทนากันที่นี่ขอรับ =>


http://www.free-webboard.com/home.php?n ... hammachati


แต่คำบาลีตอบตรงนี้ก่อนก็ได้ เช่นที่ว่า (พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย)(อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ)

ตามความเห็นของคุณต้องยังไงขอรับ ความหมายกินความถึงไหน(ตามศัพท์)
ตอบพอเป็นแนวทางสักนิดหน่อยก่อนได้ แล้วเราจะไปสนทนากันเต็มๆลิงค์นั้น

มีการโปรยยาหอมด้วยแฮะ ต้องการชมเอาใจทีมเว็บมาสเตอร์ หรือต้องการมาโปรโมทเว็ปแห่งนี้หรอ.... จริงๆ ก็ดีหลายเว็ปนะ เพียงแต่เว็ปนี้เขาคุยกันแบบสไตล์กันเองๆ มากกว่าเว็ปอื่นๆ มากกว่า ...............................................................................
สงสัยต้องให้ทำความรู้จักกับผู้รู้ชื่อ k พลศักดิ์ บ้างซะแล้ว ถ้า K พลศักดิ์เขารู้เขาคงจะ

พวกที่ยังมีกิเลส..จะมารักษา..ของบริสุทธิ์..ได้ดี..นั้น..มันเป็นไปไม่ได้..

ถ้าเป็นพวกกิเลสหนา..ปัญญาทราม..ด้วยแล้ว..อย่ามาดีกว่า..ของดีเสียหมด..

ถ้าอยากเสนอหน้ามารักษา..ก็เอาเจ้าตัว..โลภ..โกรธ..หลง..ออกจากใจซะซิ..

เอาออกได้มากเท่าไร..ก็จะรักษาได้ดี..เท่านั้น
เอาออกหมดไม่มีเหลือ..จึงจะเรียก..เป็นการรักษาพระศาสนาได้อย่างแท้จริง..

ทำได้..ก็ขออนุโมทนาสาธุ..สาธุ..ด้วย..

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ถึงแม้จะจะดูเป็นเรื่องที่อยาก กับการที่จะเอาคน(ธรรมดา)ออกจากผ้าเหลืองที่สูงส่ง เพราะมีเกลื่อนซะเหลือเกิน ถ้ารื้อกันจริงๆ อีกหน่อยพระคงไม่พอสวดธรรมงานศพ หรือ มาตามงานทำบุญบ้าน (ทุกวันนี้ก็คิวเต็มต้องจองอยู่แล้ว) เอาใจช่วยและดีใจที่มีคำถามพวกนี้ขึ้นมา ทุกวันนี้ก็พยายามคิดว่ากราบไว้ผ้าเหลือง(ในบางครั้งบางรูป) หรือบางทีก็กราบไหว้พระพุทธรูปและรูปหล่อพระอริยะรุ่นๆเก่าๆที่ล่ะสังขาลไปแล้วในห้องพระที่บ้านยังสบายใจและสงบกว่าค่ะ

เห็นดี ก็รีบคว้า
เห็นชั่ว ก็รีบผลัก

มีแต่หลงไปในโลภกับโกรธ

ดีชั่วเป็นของปกติ วางใจยอมรับมันทั้งดีทั้งชั่ว
ชั่วก้ช่างชั่ว ดีก็ช่างดี ยึดอะไรก็เป้นเหตุให้ไม่สบายใจอยู่ดี
อยากเห็นผ้าเหลืองดีแต่ไม่เห็นสักทีก็หงุดหงิด
ไม่อยากเห็นผ้าเหลืองชั่วแต่ดันมาให้เห็นก็หงุดหงิด

เห้นผ้าเหลืองดี เจอผ้าเหลืองดี ก้หลงไหลเอาแต่"ดี"ของผ้าเหลือง
ยิ่งเห็นยิ่งหิว กินไม่อิ่มสักที


ผ้าเหลืองดี ก็"ดี"ของเขา หลงไหลยังไง ก็แค่นั้น ได้แค่เห็น
ผ้าเหลืองชั่ว มันก้"ชั่ว"ของเขา ก็ไม่ต้องไปเอา



ทำตัวทำใจให้เป็นผ้าเหลืองเสียเอง จะได้พึ่งตัวเองได้

แต่มีบางสำนักสอนให้ทำดี เมตตา กรุณาให้กับสัตว์ที่คนโดยทั่วไปมองไม่เห็นแต่มีคนบางพวกมองเห็น หรือคนเอากล้องเลนส์ดีๆส่อง ก็มองเห็นตัวมันได้ แต่สัตว์เหล่านั้นมันมีอานุภาพสามาถทำลายชีวิตคนได้ฉับพลันทั้ง ๆที่ตัวมันเล็กมาก ๆ ชีวิตผู้คนทุกข์ อย่างแสนสาหัสและเป็นทุกข์ในขณะนี้ที่เป็นข่าว(จะเรียกก็ได้ว่าเป็นพวกมงคลตื่นข่าว).. หรือสัตว์ที่ชาวบ้านโจทย์ขานกันหนักหนาในความสงสัยว่ามีหรือไม่มี...ใช่หรือไม่ใช่....ต่าง ๆ นา ๆ สำนักนี้สอนผู้คนตั้งแต่รากหญ้า(พวกที่หาที่พึ่ง).....ไปจนถึงพวกไฮโซ(พวกที่หานิพพาน) กำลังถูกสังคม...ชาวพุทธที่......กล่าวขานว่าสอนผิดบิดเบือน ....หลักพระธรรมวินัย......แต่สำนักนี้มีตำราอ้างอิงได้คือพระไตรปิฎกทุกพระสูตรที่ใช้อ้างอิงในการสอนเรื่องต่าง ๆ .....แต่กลับโดนสำนักที่ผลิตตำราพระไตรปิฎก.....และหลายพวกโจมตี...ว่าสอนเพี้ยน ...ว่าเป็นวิปัสนูกิเลส....แส่......แต่ไม่เห็นมีใครสักคนที่มีความรู้ เป็นนักปราชญ์ เป็นบัณฑิต...เป็นพระเถระ...เชิญพระอาจารย์ผู้นี้มาตรวจสอบในเรื่องใด ๆ โดยวิธีการต่าง ที่จะต้องทำตามแบบอย่างอของหลักพระธรรมวินัยถ้าผิดจริง ...กลับเอาเรื่องทางโลกไปเป็นตัวเชิด......กล่าวหาท่าน.........ให้ขึ้นศาล....และเรื่องก็เงียบไปแล้ว.........ขอท่านชาติสยามอธิบายได้หรือเปล่าว่า....มันเกิดอะไรขึ้น และพระอาจารย์ท่านนี้ผิดอย่างไร สอนผิดอย่างไร .....และขอเอาเป็นตามหลักพระธรรมวินัยก็แล้วกันค่ะ....อีกอย่างถ้าท่านชาติสยามมีบารมีมากพอ...ขอให้ท่านไปเชิญพระอาจารย์องค์นี้มา....สนทนาธรรมกันกลางประชุมชนทั่วไป (ออกทีวีก็ได้เพราะมีผู้ออกค่าเวลาให้) จะเป็นการดีค่ะเพราะอยากรู้ความจริง.....ว่าคืออะไรกันแน่...ในประเทศไทยนี้....แล้วจะเหลืออะไรไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้นับถือกัน .....เหมือนรุ่นเราๆ ได้อ่านพระไตรปิฎกแล้วรู้เรื่องราว "พุทธะ"....ว่าเป็นมาอย่างไร.....ดีอย่างไร...ขอความกรุณาท่านชาติสยามตอบด้วยค่ะ....เพราะสงสัยจริง ๆ .....

สังเกตข้อความสองบรรทัดนี้=>




เปรียบเทียบ คห. สองบรรทัดนี้ =>




คห.เกือบจะไม่ต่างกัน ที่ต่างกันชัดๆ คือ ชื่อ
ข้างบนใช้ชื่อ dhama
ส่วนที่อ้างอิงสองบรรทัดลาง ใช้ชื่อ wic

ชื่อนี้ใช้บ่อย dhama
แต่ชื่อนี้ wic นานๆใช้ที

ผมไม่เข้าใจจริงๆช่วยอธิบายหน่อย เอาตรงๆครับ อ้อ!ผมเริ่มเข้าใจแล้ว คิดว่าเป็นคนเดียวกันใช่หรือเปล่าถ้าผมผิดก็ขออภัย