วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 12:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายซัง จังไมเจ็งๆ

เอ้าอ่านซะ แล้วกรัชกายซังดูซิว่า เช่นนั้นขาดศีลข้อไหน
ในศีล 5 ศีล 8 ศีล10 หรือศีล227

อ้างคำพูด:
การนั่งกรรมฐาน เป็นการปฏิบัติธรรม เพื่ออบรมกาย อบรมวาจา ให้เป็นศีล มีความสำรวมอินทรีย์เป็นจุดมุ่งมุ่งหมาย มีศีลเป็นปธาน เพื่อก่อให้เกิดกุศลธรรมอื่นๆ ตามมา


การอบรมกาย อบรมวาจาให้เป็นศีล ด้วยอาการสำรวมอินทรีย์ โดยนัยยะแห่งพระสูตร

Quote Tipitaka:
อธิศีลสิกขา เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมแล้วด้วยการสำรวม
ในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร เห็นภัยในโทษมีประมาณเล็กน้อย สมาทานศึกษา
อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ศีลขันธ์น้อย ศีลขันธ์ใหญ่ ศีล ที่ตั้ง เบื้องต้น เบื้องบาท ความ
สำรวม ความระวัง ปาก ประธาน แห่งความถึงพร้อมด้วยกุศลธรรมทั้งหลาย นี้เรียกว่าอธิศีล-
*สิกขา.


ตัวอย่างผู้เป็นพระอรหันต์ เกี่ยวกับ ไตรสรณคมน์
Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
ตีณิสรณาคมนียเถราปทานที่ ๓ (๒๓) (อปทานของท่านพระตีณิสรณคมนิยเถระ)
ว่าด้วยผลแห่งการรับสรณะ ๓
......ท่านทั้งหลายจงรับไตรสรณคมน์ จงรักษาศีล ๕ ยังจิตให้เลื่อมใสใน
พระพุทธเจ้าแล้ว จักทำที่สุดทุกข์ได้ ท่านทั้งหลายจงยกเราเป็นตัวอย่าง
รักษาศีลแล้ว แม้ทุกท่านก็จัก ได้บรรลุอรหัตโดยไม่นานเลย.


กรัชกาย เดินคิด นี่ ถึงไม่ได้เป็นผู้มีศีลหรือเปล่าน๊ะ .....

กามสัญญา ...... กรัชกายซังยังไม่ไปเติมคำ เลย :b13: :b13:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 15 ก.ย. 2009, 12:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


แหม คุณเช่นนั้นนี่ก็ไม่เลิกนิสัยเดิมๆสักที

กำลังพูดถึงศีล ก็ไปยกเอาอธิศีลมาแก้

แถวบ้านเรียกว่าหาเรื่องไปวันๆ


ภาวนาไม่เป็น ก้อยู่เฉยๆดีกว่านะ
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 14:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
แหม คุณเช่นนั้นนี่ก็ไม่เลิกนิสัยเดิมๆสักที
กำลังพูดถึงศีล ก็ไปยกเอาอธิศีลมาแก้
แถวบ้านเรียกว่าหาเรื่องไปวันๆ
ภาวนาไม่เป็น ก้อยู่เฉยๆดีกว่านะ


ท่านชาติสยาม
หากไม่สำรวมกาย วาจาให้เป็นศีล ท่านชาติสยาม สำรวมกายวาจา อย่างไรจึงเรียกว่า สำรวมอินทรีย์?

ท่านชาติสยาม ภาวนาอย่างไร ? ด้วยจิตอะไร?

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 14:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
สวัสดีค่ะ cool

คุณเอปฏิบัติกรรมฐานมานานเท่าไหร่แล้วคะ :b16:
อ่านจากกระทู้อื่นของคุณเหมือนปฏิบัติมาได้ระยะหนึ่งแล้ว



:b9: :b9: :b9: ต้องบอกว่าพยายามนั่งมาได้สักระยะหนึ่งแล้วค่ะแต่เหมือนกับลองผิดลองถูก
พอนั่งแล้วก็นั่งไม่ค่อยได้ จนได้เข้ามาในลานธรรมจักร (มีผู้แนะนำมาค่ะ) และก็ได้บุคคลหลาย ๆ ท่านให้คำแนะนำ มีประโยชน์มากเลย และก็ปฏิบัติตามคำแนะนำตอนนี้สามารถนั่งกรรมฐานได้นานขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนแค่ 10 - 15 นาทีก็แย่แล้ว แต่เมื่อคืนนี้ (แฮ่ะๆๆๆ :b32: :b32: ขอคุยซะหน่อย)สามารถนั่งได้ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ความกลัวก็ลดน้อยลง แต่ยังไม่เห็นนิมิตอะไรนะคะ :b12: :b12:

:b18: :b18: :b18: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 14:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



กามสัญญา ...... กรัชกายซังยังไม่ไปเติมคำ เลย




คุณเช่นนั้นอะโป๊ะ แบกท่อนซุงทั้งดุน แล้วคิดเองเออเองว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

โดยไม่เข้าใจความหมายศัพท์ หรือภาษานั้นๆเลย เหมารวมเอาตามที่ตนคิดว่าเป็นนั่นเป็นนี่ :b32:


ถามอีกทีนะครับ

คำว่า กาม ได้แก่อะไร ตามความเข้าใจของคุณ

สัญญา มีกี่อย่าง อะไรบ้าง ตามที่คุณรู้มา

รวมสองศัพท์เข้าด้วยกัน "กามสัญญา" คุณเข้าใจว่า....ขอคำอธิบาย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายซัง ซุงท่อนนี้ มีประโยชน์ ทั้งแก่น ทั้งกะพี่
กรัชกายซัง ไม่จำแนก แจกแจง เอง กรัชกายซัง คงเอาท่อนซุงหนุนศรีษะนอนอะนะ

เช่นนั้น ชี้ท่อนซุงให้กรัชกายซัง ไปผ่าเอาส่วนต่างๆ มาใช้ประโยชน์ กรัชกายซัง มัวแต่ถาม แล้วเมื่อไหร่
กรัชกายซัง จะ เข้าใจ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธธรรม ถ้ารู้แจ้งเข้าใจจริงแล้ว เมื่อพูดชี้แจงอธิบาย แม้จะไม่ใช้คำศัพท์ธรรมคำบาลี

สักคำเดียวก็เป็นพุทธธรรม

แต่ตรงข้าม ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือรู้ผิดเข้าใจผิด แม้จะพูดออกมาทุกคำล้วนศัพท์บาลี

ก็หาใช่พุทธธรรมไม่ กลายเป็นแสดงลัทธิอื่นที่ตนสับสนหลงผิดไปเลีย



อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รู้เข้าใจด้วยกันแล้ว คำศัพท์กลับเป็นเครื่องหมายรู้ที่ช่วยสื่อถึงสิ่งที่

เข้าใจได้โดยสะดวก พูดกันง่าย เข้าใจทันที หรือ แม้สำหรับผู้ศึกษาประสงค์จะเข้าใจ

หากอดทนเรียนรู้ คำศัพท์สักหน่อย คำศัพท์เหล่านั้นแหละจะเป็นสื่อแห่งการสอนที่ช่วยให้เข้าใจ

พุทธธรรมได้รวดเร็ว


หากจะชี้แจงสั่งสอนกันโดยไม่ใช้คำศัพท์เลย ในที่สุดก็จะต้องมีศัพท์ธรรมภาษาอื่น รูปอื่น ชุดอื่น

เกิดขึ้นใหม่อยู่ดี แล้วข้อนั้นอาจจะไปสู่ความสับสนยิ่งขึ้น


โดยนัยนี้ คำศัพท์ อาจเป็นเครื่องสื่อนำไปสู่ความเข้าใจพุทธธรรมก็ได้

เป็นกำแพงกั้นไม่ให้เข้าถึงพุทธธรรมก็ได้

เมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้ว พึงนำศัพท์ธรรมมาใช้ประโยชน์อย่างรู้เท่าทัน คือ รู้เข้าใจ ใช้ถูกต้อง

รู้กาลควรใช้ไม่ควรใช้ ให้สำเร็จประโยชน์ แต่ไม่ยึดติดถือคลั่ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ชาติสยาม เขียน:
แหม คุณเช่นนั้นนี่ก็ไม่เลิกนิสัยเดิมๆสักที
กำลังพูดถึงศีล ก็ไปยกเอาอธิศีลมาแก้
แถวบ้านเรียกว่าหาเรื่องไปวันๆ
ภาวนาไม่เป็น ก้อยู่เฉยๆดีกว่านะ


ท่านชาติสยาม
หากไม่สำรวมกาย วาจาให้เป็นศีล ท่านชาติสยาม สำรวมกายวาจา อย่างไรจึงเรียกว่า สำรวมอินทรีย์?

ท่านชาติสยาม ภาวนาอย่างไร ? ด้วยจิตอะไร?



อย่ามาๆ
ทีเราถามยังไม่ตอบเลย แอบมุดดำดินลงข้างทาง
ทีงี้ทำมาถาม




อ้างคำพูด:
ไม่ต้องบริกรรมพุทโธ ไม่ตัองตามลมหายใจ ไม่ต้องตามอาการพอง ยุบ ไม่ต้องตามดูจิต ไม่ต้องตามดูการเกิดดับของจิต ไม่ต้องใส่ใจว่าจะเข้าภวังค์ หรือตกภวังค์.

สติมี กาย เวทนา จิต ธรรม สักแต่ว่าเป็นที่ระลึกอาศัยเท่านั้น.


เนียะ อ่านแล้วก็ตกใจ
รู้ไส้รู้พุงคนพูดหมดเลย ว่าเป้นพวกเอาพระไตรปิฏกมาชงน้ำชา
ตกค่ำจะนอนก็เอาไปหนุนหัว ด้วยความหวังว่ามันจะซึมเข้าไปในหัวใจ

ทำไปเท้อ เวรกรรมของใครของมัน
เมื่อไหร่ยอมโง่ เมื่อนั้นถึงจะฉลาด

ถ้าเต็มๆล้นๆแบบนี้ ไปคุยกับ -`suparuek `นู่นไป๊
พวกเดียวกัน คงคุยกันได้
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 19:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ชาติสยาม เขียน:
แหม คุณเช่นนั้นนี่ก็ไม่เลิกนิสัยเดิมๆสักที
กำลังพูดถึงศีล ก็ไปยกเอาอธิศีลมาแก้
แถวบ้านเรียกว่าหาเรื่องไปวันๆ
ภาวนาไม่เป็น ก้อยู่เฉยๆดีกว่านะ


ท่านชาติสยาม
หากไม่สำรวมกาย วาจาให้เป็นศีล ท่านชาติสยาม สำรวมกายวาจา อย่างไรจึงเรียกว่า สำรวมอินทรีย์?

ท่านชาติสยาม ภาวนาอย่างไร ? ด้วยจิตอะไร?



อย่ามาๆ
ทีเราถามยังไม่ตอบเลย แอบมุดดำดินลงข้างทาง
ทีงี้ทำมาถาม




อ้างคำพูด:
ไม่ต้องบริกรรมพุทโธ ไม่ตัองตามลมหายใจ ไม่ต้องตามอาการพอง ยุบ ไม่ต้องตามดูจิต ไม่ต้องตามดูการเกิดดับของจิต ไม่ต้องใส่ใจว่าจะเข้าภวังค์ หรือตกภวังค์.

สติมี กาย เวทนา จิต ธรรม สักแต่ว่าเป็นที่ระลึกอาศัยเท่านั้น.


เนียะ อ่านแล้วก็ตกใจ
รู้ไส้รู้พุงคนพูดหมดเลย ว่าเป้นพวกเอาพระไตรปิฏกมาชงน้ำชา
ตกค่ำจะนอนก็เอาไปหนุนหัว ด้วยความหวังว่ามันจะซึมเข้าไปในหัวใจ

ทำไปเท้อ เวรกรรมของใครของมัน
เมื่อไหร่ยอมโง่ เมื่อนั้นถึงจะฉลาด

ถ้าเต็มๆล้นๆแบบนี้ ไปคุยกับ -`suparuek `นู่นไป๊
พวกเดียวกัน คงคุยกันได้
:b32:





อ่ะจึ๋ย!!!!!!! ..... :b32:

ทั้งชงกิน ทั้งอาบ หรือลงไปนอนแช่ทั้งตัวด้วยจะดีกว่ามั๊ย? smiley

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 15 ก.ย. 2009, 19:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b14: :b14: :b10: :b10: :b14: :b14:

:b6: :b6: :b6: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




007.jpg
007.jpg [ 40.7 KiB | เปิดดู 3063 ครั้ง ]
สมาธินั้น มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ
มีความกำจัดความฟุ้งซ่านเป็นรส
มีความไม่หวั่นไหวเป็นเครื่องปรากฏ
มีความสุขความเจริญเป็นปทัฏฐาน


แม้ถ้าบุคคลประดับแล้ว
พึงประพฤติสม่ำเสมอ
เป็นผู้สงบ ฝึกแล้ว เที่ยงธรรม
มีปกติประพฤติประเสริฐ
วางเสียซึ่งอาชญาในสัตว์ทุกจำพวก,
บุคคลนั้น เป็นพราหมณ์ เป็นสมณะ เป็นภิกษุ
.


บุคคลไม่ชื่อว่าทรงธรรมเพราะเหตุที่พูดมาก
ส่วนบุคคลใด ฟังแม้นิดหน่อย ย่อมเห็นธรรมด้วยนามกาย
บุคคลใด ไม่ประมาทธรรม, บุคคลนั้นแลเป็นผู้ทรงธรรม



เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 14:32
โพสต์: 874

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b55: สามารถทำได้ทุกท่า ทุกที่ ทุกเวลา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
อ่ะจึ๋ย!!!!!!! .....
ทั้งชงกิน ทั้งอาบ หรือลงไปนอนแช่ทั้งตัวด้วยจะดีกว่ามั๊ย?


พระธรรมเทศนา นั้นผ่องใส ควรดื่ม

น้ำเน่า ยาพิษ นอกพระธรรมเทศนา เป็นโทษทั้งสิ้น

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
มหาวรรค มัณฑเปยยกถา
[๕๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้ในพระศาสดาซึ่งมีอยู่เฉพาะ
หน้า เป็นพรหมจรรย์อันผ่องใสควรดื่ม ความผ่องใสในพระศาสดาซึ่งมีอยู่
เฉพาะหน้ามี ๓ ประการ คือ
ความผ่องใสแห่งเทศนา ๑
ความผ่องใสแห่งการรับ ๑
ความผ่องใสแห่งพรหมจรรย์ ๑ ฯ


อ้างคำพูด:
ไม่ต้องบริกรรมพุทโธ ไม่ตัองตามลมหายใจ ไม่ต้องตามอาการพอง ยุบ ไม่ต้องตามดูจิต ไม่ต้องตามดูการเกิดดับของจิต ไม่ต้องใส่ใจว่าจะเข้าภวังค์ หรือตกภวังค์.


สติมี กาย เวทนา จิต ธรรม สักแต่ว่าเป็นที่ระลึกอาศัยเท่านั้น

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณเช่นนั้นอะโป๊ะ

อะไรขอรับพรหมจรรย์ ที่ว่า พรหมจรรย์ ๆ ได้แก่ อะไรหรอขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 17:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณเช่นนั้นอะโป๊ะ
อะไรขอรับพรหมจรรย์ ที่ว่า พรหมจรรย์ ๆ ได้แก่ อะไรหรอขอรับ :b1:


กรัชกายซัง เป็นไปได้หรือเนี่ย
แก้อารมณ์ค้าง ของคนอื่น ได้อย่างไรกัน :b12: :b12: ไม่รู้จัก พรหมจรรย์ ได้แก่อะไร :b19: :b19:

แต่เอ ถามว่า พรหมจรรย์ที่ว่า ได้แก่อะไร :b10: :b10:
แสดงว่า นิยาม พรหมจรรย์ มีอยู่ในสมองแระสิ :b32: :b32:

กรัชกายซัง ผู้ไม่อ่านพระไตรปิฏก บอกมา สิ ่"พรหมจรรย์" ที่อยู่ในสมองหมายความว่าอะไร

แล้ว เช่นนั้น จะได้บอกต่อได้ ว่า ได้แก่ อะไร ไม่อย่างนั้นความหมายของ "พรหมจรรย์" อาจจะไม่ตรงกันก็ได้ นิ


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
มหาวรรค มัณฑเปยยกถา
[๕๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้ในพระศาสดาซึ่งมีอยู่เฉพาะ
หน้า เป็นพรหมจรรย์อันผ่องใสควรดื่ม ความผ่องใสในพระศาสดาซึ่งมีอยู่
เฉพาะหน้ามี ๓ ประการ คือ
ความผ่องใสแห่งเทศนา ๑
ความผ่องใสแห่งการรับ ๑
ความผ่องใสแห่งพรหมจรรย์ ๑ ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร