วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 02:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 16:39
โพสต์: 4

โฮมเพจ: http://www.tjorchid.com
งานอดิเรก: ปลูกต้นไม้ กล้วยไม้
สิ่งที่ชื่นชอบ: ชอปปิ้งบุญ
ชื่อเล่น: มด
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว www


คือผมมีปัญหาอย่างหนึ่งครับ เช่น เห็นพระ เหรียญพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ผมจะคิดไงใจว่า "ขี้หมา...." ปกติผมใช้คำว่าขี้หมา หน้าสิ่งที่ผมเรียกเช่น ลูกสาว ลูกหมาของผมเช่น ขี้หมาโฮบบาย ขี้หมาตุ๊มุ๊

ทีนี้เดินผ่านหิ้งพระผมจะเผลอเรียก ขี้หมา.... แล้วก็พูดขึ้นในใจขัดไปว่า ขี้หมามดเอ็กซ์

บางครั้งเห็นพระพุทธรูปก็คิดถึงการที่เราเอาเท้าไปเหยียบ

มีเพื่อนคนหนึ่ง เวลาเรียกพระในใจจะคิดว่า ไอ้(ชื่อพระ)

ทั้งที่เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น แต่ใจเราคิดแบบนั้น อยากถามว่าเราบ้าหรือว่าเราเป็นมารครับ?

ช่วยตอบทีครับ สงสัยมานานแล้ว ถามเพื่อนที่เดินทางสายวิปัสนากรรมฐาน
เค้าบอกว่าผม เป็นบ้า...

ได้มาเจอเว็บนี้จากคีย์เวิร์ด ทำบุญวันเกิด เห็นมีคนเข้าเป็นแสน ๆ ต่อเดือน รู้สึกดีใจแทนจริง ๆครับที่คนไทยเราสนใจในพระุพุทธศาสนาอย่างมาก...


แก้ไขล่าสุดโดย คนไร้สาระ เมื่อ 25 ก.ย. 2009, 05:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 12:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


"เจริญสติ" คุณยึดคีย์เวิร์ดคำนี้ไว้นะ แล้วลองศึกษาดู
มันจะแก้ไขสิ่งที่คุณต้องการได้ทั้งหมดเลย

ผมแนะนำครูบาอาจารย์ให้นะ
อาจารย์ให้ลองโหลดเทศน์ไปฟังนะ ท่านสอนเจริญสติ
http://www.wimutti.net ชื่อหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย คนไร้สาระ เมื่อ 25 ก.ย. 2009, 05:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


imodxlstep เขียน:
คือผมมีปัญหาอย่างหนึ่งครับ เช่น เห็นพระ เหรียญพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ผมจะคิดไงใจว่า "ขี้หมา...." ปกติผมใช้คำว่าขี้หมา หน้าสิ่งที่ผมเรียกเช่น ลูกสาว ลูกหมาของผมเช่น ขี้หมาโฮบบาย ขี้หมาตุ๊มุ๊

ทีนี้เดินผ่านหิ้งพระผมจะเผลอเรียก ขี้หมา.... แล้วก็พูดขึ้นในใจขัดไปว่า ขี้หมามดเอ็กซ์

บางครั้งเห็นพระพุทธรูปก็คิดถึงการที่เราเอาเท้าไปเหยีบ

มีเพื่อนคนหนึ่ง เวลาเรียกพระในใจจะคิดว่า ไอ้(ชื่อพระ)

ทั้งที่เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น แต่ใจเราคิดแบบนั้น อยากถามว่าเราบ้าหรือว่าเราเป็นมารครับ?

ช่วยตอบทีครับ สงสัยมานานแล้ว ถามเพื่อนที่เดินทางสายวิปัสนากรรมฐาน
เค้าบอกว่าผม เป็นบ้า...

ได้มาเจอเว็บนี้จากคีย์เวิร์ด ทำบุญวันเกิด เห็นมีคนเข้าเป็นแสน ๆ ต่อเดือน รู้สึกดีใจแทนจริง ๆครับที่คนไทยเราสนใจในพระุพุทธศาสนาอย่างมาก...


ไมใช่ปัญหาดอกขอรับ แต่เป็นความต้องการที่ได้รับการขัดเกลาทางสังคม ของตัวคุณขอรับ
คำอื่นนอกเหนือจาก ขี้หมา ไม่มีแล้วหรือขอรับ ถ้ามีก็แก้ไขได้เลยขอรับ เห็นอะไร ก็นึกในใจเป็นคำใหม่ขอรับ เอาคำ ที่สละสลวย ที่พอตัวคุณคิดในใจแล้วสบายอกสบายใจ ทำได้เลยขอรับ ง่ายๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 13:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue พบเห็นสิ่งอันเป็นมงคล ปกติสาธุชนจะกล่าวคำว่า...สาธุ ค่ะ
เหมือนกับที่คุณสอนลูกให้ไหว้พระนั่นแหละค่ะ

ก็ลองสอนตัวคุณเองในใจดูสักตั้งสิคะ

เวลาผ่านวัด...เห็นพระภิกษุสงฆ์ท่านเดินบิณฑบาตร ก็ยกมือไหว้พร้อมกล่าวคำว่าสาธุ
ปฏิบัติบ่อยๆ น้อมนำใจให้เป็นนิสัย...กุศลจิตเกิด ใจก็ผ่องใสค่ะ

สาธุ... :b8:

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ปกตินี่ครับ

อกุศลจิตเกิดขึ้นได้ ตลอดเวลา

ต้องหาอุบายแก้ครับ

สร้า่งศรัทธาให้มากขึ้น ก็น่าจะช่วยได้นะครับ

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ปกติผมใช้คำว่าขี้หมา หน้าสิ่งที่ผมเรียกเช่น ลูกสาว ลูกหมาของผมเช่น ขี้หมาโฮบบาย ขี้หมาตุ๊มุ๊


อนุโมทนาครับท่านชาติสยาม, ท่านณ มรณา :b8:

เพราะการสั่งสมอุปนิสสัยสันดานมายาวนานสืบเนื่องในสังสารวัฏจึง"มีปกติ"เรียกใครๆด้วยคำที่ไม่เป็นมงคลว่าขี้หมา
..แม้ในสมัยพระพุทธเจ้าก็ยังมีพระอรหันต์ที่เรียกใครๆว่า"คนถ่อย"ติดปาก คือพระปิลินทวัจฉเถระ ..จนมีภิกษุไปฟ้องพระพุทธเจ้า ความว่า...

๐ พระเถระแม้เป็นพระอรหันต์แล้วยังเรียกผู้อื่นว่า คนถ่อย

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล ท่านพระเถระเมื่อท่านบรรลุพระอรหัตแล้ว แต่เมื่อพูด กับคฤหัสถ์ก็ดี ภิกษุก็ดี ใช้โวหารว่าถ่อยทุกคำ เช่น “มาซิเจ้าถ่อย ไปซิเจ้าถ่อย นำไปซิเจ้าถ่อย ถือเอาซิเจ้าถ่อย”

ภิกษุเป็นอันมาก ภิกษุเหล่านั้นเห็นพระเถระร้องเรียกเช่นนั้น เมื่อไม่รู้ว่า พระเถระเป็นพระอรหันต์ และที่ท่านมักกล่าวอย่างนั้นเพราะท่านยังละวาสนาไม่ได้ จึงคิดว่า พระเถระนี้เห็นจะเป็นผู้มุ่งร้ายจึงร้องเรียกอย่างนี้ จึงกราบทูลแด่พระผู้มีพระ ภาคเจ้า เพื่อจะให้พระเถระออกจากความเป็นผู้มุ่งร้ายนั้น ก็นำไปทูลถามพระตถาคตว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ธรรมดาพระอริยะย่อมไม่กล่าวคำหยาบ

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุรูปหนึ่งว่า ดูกรภิกษุ เธอจงไปเรียกปิลินทวัจฉภิกษุมาตามคำของเราว่า ดูกรอาวุโสวัจฉะ พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน ภิกษุนั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้วเข้าไปหาท่านพระปิลินทวัจฉะถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านปิลินทวัจฉะว่า ดูกรอาวุโส พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน ท่านพระปิลินทวัจฉะรับคำภิกษุนั้นแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านพระปิลินทวัจฉะว่า ดูกรปิลินทวัจฉะ ได้ยินว่า เธอย่อมร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่าคนถ่อยจริงหรือ ท่านพระปิลินทวัจฉะทูลรับว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเมื่อทรงรำพึงว่า วัจฉะนี้ ไม่สละวาทะว่าคนถ่อย เพราะวาสนาอันเศร้าหมองในอดีตที่เธอได้เกิดในชาติพราหมณ์ หรือหนอ จึงทรงมนสิการถึงขันธสันดานที่เธอเคยอยู่ในอดีตชาติ ด้วยบุพเพนิวาสญาณ และสัพพัญญุตญาณ คือ กระทำไว้ในพระทัยของพระองค์ โดยกระทำให้ประจักษ์ แล้วตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ายกโทษวัจฉภิกษุเลย วัจฉภิกษุ ย่อมไม่มุ่งโทษ เรียกภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่าคนถ่อย วัจฉภิกษุเกิดในสกุลพราหมณ์ ๕๐๐ ชาติ โดยไม่เจือปนเลย วาทะว่าคนถ่อยนั้นวัจฉภิกษุประพฤติมานาน จริงอยู่ พราหมณ์ทั้งหลายเป็นผู้กระด้างด้วยมานะ (ความถือตัว) ว่าอยู่ในวรรณะอันสูงสุดยิ่งกว่าวรรณะอื่น จึงร้องเรียก ผู้อื่นด้วยวาทะว่าคนถ่อย เพราะเหตุนั้น วัจฉภิกษุนี้ย่อมร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่าคนถ่อย ฯ


[url]http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7564[/url]

ดังนั้น คุณimodxlstep จึงไม่ใช่คนบ้าและไม่ใช่มารด้วยคำพูดเช่นนั้น หากคุณบ้าและเป็นมารแล้ว คงไม่คิดตั้งคำถามนี้ได้แน่..

สิ่งที่คุณแก้ไขปรับปรุงคือการพยายาม เลิกละการเรียกใครๆด้วยคำว่าขี้หมาเสีย..หาคำใหม่ที่เหมาะแก่การเรียกขานอะไรๆให้เป็นสิริมงคลดู .. คงมีหลายคำให้เลือกใช้ได้อย่างจุใจ เช่นเรียกลูกๆว่า"ลูกรัก" เรียกหมาว่า"เพื่อนยาก" เห็นพระ เหรียญพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆก็นึกในใจว่่า พุทธังธัมมังสังฆัง สรณังคัจฉามิ..

พยายามใช้คำมงคลให้เป็นปกติไว้จะเป็นมงคลแก่ตนและผู้เกี่ยวข้อง หากจิตใจเสพคุ้นกับ"ขี้หมา" เมื่อถึงมรณกาลจะได้ไปเกิดในกองขี้หมาหรือใกล้เคียงกัน ไม่เชื่อลองไปส่องดูขี้หมาสักกองหนึ่งจะเห็นหนอนหรือสัตว์แมลงสารพัดชอนไชไต่ตอมอยู่ ถามว่าอะไรพาสัตว์เหล่านี้ให้ไปชิดชมขี้หมาเล่า? ก็ความเสพข้องนั่นแหละ ดังนั้น พึงระมัดระวังกายวาจาใจให้เสพคุ้นแต่สิ่งอันเป็นไปกับกุศลดีที่สุด

ขอให้สามารถเปลี่ยนนิสัยวาสนาได้ครับ
:b41: :b46: :b47: :b48: :b41:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 14:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เป็นไรมากหรอกนะผมว่า


แค่มันติดปาก

นิสัยแก้ได้นะ ถ้าตั้งใจจริงๆ

ก็เหมือนความคิดที่ไม่ดี เราจะถมมันด้วยความคิดที่ดี หรือความคิดบวก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




A050.jpg
A050.jpg [ 39.25 KiB | เปิดดู 5572 ครั้ง ]
ธมฺมปีติ สุขํ เสติ วิปฺปสนฺเนน เจตสา
อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม สทา รมติ ปณฺฑิโต



ผู้มีปีติในธรรมมีใจผ่องใสแล้วย่อมอยู่เป็นสุข
บัณฑิตย่อมยินดีในธรรมที่พระอริยะเจ้าประกาศแล้วในกาลทุกเมื่อ



สัพพังระสัง ธัมมะรโส ชินาติ

รสแห่งพระธรรมย่อมชนะรสทั้งปวง

สัพพังระติง ธัมมะระตี ชินาติ

ความยินดีในธรรมย่อมชนะความยินดีทั้งปวง




เจริญในธรรมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย มหาราชันย์ เมื่อ 24 ก.ย. 2009, 16:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 02:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
คือผมมีปัญหาอย่างหนึ่งครับ เช่น เห็นพระ เหรียญพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ผมจะคิดไงใจว่า "ขี้หมา...." ปกติผมใช้คำว่าขี้หมา หน้าสิ่งที่ผมเรียกเช่น ลูกสาว ลูกหมาของผมเช่น ขี้หมาโฮบบาย ขี้หมาตุ๊มุ๊
ทีนี้เดินผ่านหิ้งพระผมจะเผลอเรียก ขี้หมา.... แล้วก็พูดขึ้นในใจขัดไปว่า ขี้หมามดเอ็กซ์
บางครั้งเห็นพระพุทธรูปก็คิดถึงการที่เราเอาเท้าไปเหยีบ


คุณถามตัวเองก่อนค่ะ ว่าเจตนาในการพูดคืออะไร ถ้าไม่มีเจตนาเพราะเผลอติดปาก ก็ไม่มีอะไร คุณก็ขอขมาท่าน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านรู้ค่ะ

แต่ขออนุญาตแนะทางโลก คุณลองพยายามเปลี่ยนคำอุทานของคุณก็ดีนะคะ คนอื่นอาจไม่รู้เจตนาของคุณ แล้วอาจเกิดความเข้าใจผิด นำมาซึ่งการกระทำไม่ดีต่อกันน่ะค่ะ


Quote Tipitaka:
มีเพื่อนคนหนึ่ง เวลาเรียกพระในใจจะคิดว่า ไอ้(ชื่อพระ)


ข้อนี้ไม่ควรค่ะ เมื่อนึกถึงพระ ก็คิดถึงพระรัตนตรัยค่ะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สามนี้ ประเสริฐแท้แล้วค่ะ คิดด้วยความหมายที่แท้นะคะ
พระพุทธ - ผู้ค้นพบสัจธรรม แล้วหาวิธีดับทุกข์มาเผยแพร่ให้เรา
พระธรรม - ธรรมที่พุทธเผยแพร่ให้เรา
พระสงฆ์ - สาวกของพระพุทธ ผู้ปฏิบัติดีแล้ว หน้าที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาค่ะ

Quote Tipitaka:
ทั้งที่เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น แต่ใจเราคิดแบบนั้น อยากถามว่าเราบ้าหรือว่าเราเป็นมารครับ?


ไม่เจตนา ไม่ใช่มารค่ะ

Quote Tipitaka:
ช่วยตอบทีครับ สงสัยมานานแล้ว ถามเพื่อนที่เดินทางสายวิปัสนากรรมฐาน
เค้าบอกว่าผม เป็นบ้า...


ไม่บ้าค่ะ แต่ต้องเดินให้ถูกทาง คุณต้องทำสมาธิแบบสมถะก่อน ถือศีลด้วย แลัวรอจนได้ปัญญา จากนั้นคุณค่อยทำวิปัสสนา ปัญญาจะทำให้คุณรู้เองว่าคุณบ้าหรือไม่บ้าค่ะ

Quote Tipitaka:
ได้มาเจอเว็บนี้จากคีย์เวิร์ด ทำบุญวันเกิด เห็นมีคนเข้าเป็นแสน ๆ ต่อเดือน รู้สึกดีใจแทนจริง ๆครับที่คนไทยเราสนใจในพระุพุทธศาสนาอย่างมาก...


จุฬาภินันท์ดีใจปนกลุ้มใจค่ะ ดีใจที่คนมีทุกข์หันหาธรรมเพื่อให้หลุดทุกข์ แต่กลุ้มใจที่คนเป็นทุกข์ ไม่เข้าใจความทุกข์ ไม่เข้าใจกิเลส ไม่เข้าในหลักธรรมที่แท้ แก้ไขได้ ด้วย ศีล สมาธิ และปัญญาค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 22:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นกันเยอะครับ แบบนี้



รู้สึกตัว... เห็นความคิดสักแต่ว่าเป็นความคิด ไม่ให้ราคากับมัน...ทำสติตามรู้อยู่ว่า มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา

พิจารณาว่า ความคิดเป็นเพียงการปรุงแต่ง ยิ่งพยายามห้ามไม่ให้คิด ยิ่งเหมือนไปเชื้อเชิญมันมา....

วางไปเลย.... เห็นความคิดเป็นเหมือนก้อนหิน ที่วางอยู่ข้างทาง...

ดูมัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป



ทางพระท่านเรียกว่า วิตก นั้น มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


http://www.84000.org/tipitaka/read/?21/41/57

ดูกรภิกษุทั้งหลาย

ก็สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ เป็นไฉน

ภิกษุในธรรมวินัยนี้

รู้แจ้งเวทนาที่เกิดขึ้น รู้แจ้งเวทนาที่ตั้งอยู่ รู้แจ้งเวทนาที่ดับไป

รู้แจ้งสัญญาที่เกิดขึ้น รู้แจ้งสัญญาที่ตั้งอยู่ รู้แจ้งสัญญาที่ดับไป

รู้แจ้งวิตกที่เกิดขึ้น รู้แจ้งวิตกที่ตั้งอยู่ รู้แจ้งวิตกที่ดับไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนานี้ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ




บางท่าน จะกังวลว่า จะเป็นบาปเพราะ วิตกที่เป็นอกุศลเหล่านี้

ตรงนี้ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านเคยเทศน์เอาไว้ ดังนี้ ครับ


ถ้าจิตคิดเองแล้วปล่อยให้มันคิดไป เราเอาสติตัวเดียวกำหนดรู้ แต่อย่าไปช่วยมันคิด ให้มันคิดของมันเอง คือไม่ตั้งใจช่วยคิดเพิ่มเติมนั่นเอง ให้มันคิดขึ้นมาเอง เราเพียงแค่ ๆ รู้ แต่อย่าไปตั้งใจคิดอะไรแทรกขึ้นมา

จะคิดเรื่องบาป เรื่องบุญ เรื่องโลก เรื่องธรรมอะไรปล่อยไปเลย ความคิดที่ไม่มีเจตนามันไม่บาปหรอก บางทีมันอาจจะคิดไปด่าใครก็ช่างมัน ลูกศิษย์ของหลวงพ่อบางคน พอภาวนาจิตสงบลงไปแล้วมันไปนั่งด่าแต่พระพุทธเจ้าอยู่ โอ๊ย จะไม่บาปตายหรือ มันไม่บาปหรอก เราไม่ได้มีเจตนา อันนั้นเป็นผลกรรมเก่าของเรา ให้เรากำหนดรู้เฉย ๆ แล้วพยายามนึกขัดแย้งมันว่า อันนี้มันบาป อันนี้มันบาป นึกขัดแย้งมันได้ เตือนมัน อะไรที่คิดผิด ๆ ขึ้นมาแล้วเตือนได้ พอเตือนแล้วก็กำหนดรู้จิตเฉย ๆ ถ้ามันเกิดบาปขึ้นมาก็เตือน




ดังนั้น ถ้ามีสติตามรู้ความคิด ไม่บาปแน่นอน... เพราะ เราท่าน มีสติรู้สึกตัวอยู่ .... เสมือน เราเอาวิตกที่เกิดขึ้นมาเป็นอารมณ์กรรมฐาน เสียเลยครับ(ลองอ่านพระสูตรดีๆ)....

ท่าน สอนให้ทำสติตามรู้ความคิด เป็นสมาธิภาวนาแบบหนึ่ง แน่นอน

เมื่อจิตมีเครื่องรู้ สติมีเครื่องระลึก ก็เป็นสติปัฏฐาน เป็นสัมมาสมาธิตามมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 23:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


imodxlstep เขียน:
คือผมมีปัญหาอย่างหนึ่งครับ เช่น เห็นพระ เหรียญพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ผมจะคิดไงใจว่า "ขี้หมา...." ปกติผมใช้คำว่าขี้หมา หน้าสิ่งที่ผมเรียกเช่น ลูกสาว ลูกหมาของผมเช่น ขี้หมาโฮบบาย ขี้หมาตุ๊มุ๊

ทีนี้เดินผ่านหิ้งพระผมจะเผลอเรียก ขี้หมา.... แล้วก็พูดขึ้นในใจขัดไปว่า ขี้หมามดเอ็กซ์

บางครั้งเห็นพระพุทธรูปก็คิดถึงการที่เราเอาเท้าไปเหยียบ



ก็คุณเล่น..ไปกำหนด(แบบไม่ตั้งใจ)..คำว่า..ขี้หมา..นำหน้าเป็นปกติ..นี้ครับ

เวลาไปเห็นอะไร..เจออะไร..คำว่า..ขี้หมา..ก็ลอยมาก่อนคำอื่น ๆ เป็นปกติเลยแหละ..ไม่ใช่แต่เห็นพระหรอกครับ..

แต่พอเป็นพระ..คำว่า..ขี้หมา..มาก่อน..ก็เลย..ซ..ว..ย..แบบไม่ตั้งใจ..

จะไปห้ามทันทีทันใด..มันห้ามไม่ได้หรอก..มันลงไปในโปรแกรมอัตโนมัติที่ชื่อว่า..สัญญา..แล้ว

ถ้าจะแก้..ก็ต้องแก้..ที่สัญญา..

อย่างง่าย ๆ ..มันลงไปในสัญญา..อย่างงัย..ก็..ดึงมันขึ้น..จากสัญญา..อย่างนั้น

คุณต้องรู้แหละ..เพราะคุณทำมันให้ลงไปที่สัญญา..ด้วยตัวเอง..นี้ครับ

อย่างวิชาเกิน..ต้องใช้วิธี..จับให้มั่น..แล้วคั้นให้ตาย

ดาบแรก..จับให้มั่น..จับด้วยกำลังสมถะ..ใช้สตินะ..พอ..ขี้หมา..โพล่..ก็ให้รู้..แบบชนิด..มันโพล่เรารู้..มันโพล่เรารู้..พอเรารู้มันก็อาย..สงบเสงี่ยมไปเอง..แต่ว่ามันจะยังไม่ตาย..ไม่หายไปนะ

ดาบสอง..คั้นให้ตาย..คั้นด้วยกำลังวิปัสสนา..พอจับมันได้มั่นด้วยสติแล้ว..ก็ปหานด้วยการภาวนา..อาจจะใช้คำภาวนา..ว่า..กูไม่เอามึง..เป็นต้น

ดังตัวอย่าง..มันโพล่..เรารู้..บอกมันไปว่า..กูไม่เอามึง / มันโพล่..เรารู้..บอกมันไปว่า..กูไม่เอามึง
ทำทุกครั้งที่มันโพล่มา...มันอาจจะตายยาก..ปหานทีเดียวอาจไม่ตาย..ก็ทำไปเรื่อยจนมันหายไปจากโปรแกรมอัตโนมัติ..นั้นแหละครับ

ส่วนวิชาการ..คงต้องให้กัลยาณมิตรท่านที่รู้จริง..มาบอก..ตัวผมเองไม่รู้ครับ


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 29 ก.ย. 2009, 23:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2009, 12:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2009, 16:12
โพสต์: 14

ชื่อเล่น: korkai
อายุ: 28
ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


imodxlstep เขียน:
คือผมมีปัญหาอย่างหนึ่งครับ เช่น เห็นพระ เหรียญพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ผมจะคิดไงใจว่า "ขี้หมา...." ปกติผมใช้คำว่าขี้หมา หน้าสิ่งที่ผมเรียกเช่น ลูกสาว ลูกหมาของผมเช่น ขี้หมาโฮบบาย ขี้หมาตุ๊มุ๊

ทีนี้เดินผ่านหิ้งพระผมจะเผลอเรียก ขี้หมา.... แล้วก็พูดขึ้นในใจขัดไปว่า ขี้หมามดเอ็กซ์

บางครั้งเห็นพระพุทธรูปก็คิดถึงการที่เราเอาเท้าไปเหยียบ



สวัสดีค่ะ

ดิฉันก็มีปัญหาในลักษณะที่คล้ายๆ แบบนี้เลยค่ะ คือมักจะคิดว่าได้ทำอะไรที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีนั้น ก็หลายๆ อย่างค่ะ แต่ไม่อาจจะยกตัวอย่างได้ มันไม่ดีมากๆ ทั้งกับพระและกับหลายๆ คน คือเราไม่มีความตั้งใจที่จะคิดไม่ดีอย่างนั้นเลย แต่มันคิดไปเอง มันแว๊บเข้ามาได้ตลอดเวลา เมื่อเราเผลอปล่อยให้สมองเราว่างแม้สักวินาทีเดียวก็ตาม มันก็จะแว๊บเข้ามา (ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วความคิดมันอยู่ที่สมอง หรือใจ) :b10:

เหมือนในหัวสมอง หรือจะในจิตใจก็ไม่ทราบที่เป็นตัวกำหนดความนึกคิด มีอยู่ 2 ตัว ความคิดตัวที่ 1 เริ่มคิดไม่ดีปุ๊บ ความคิดตัวที่ 2 ก็จะรีบเข้ามาห้ามหรือเบี่ยงแบนความสนใจทันที แต่ก็ยังไม่หยุดแค่ครั้งแรก จะมีความคิดแบบนี้ติดต่อกันสองถึงสามครั้ง กว่าจะหายได้ก็คือเมื่อมีอะไรที่จะต้องทำแล้วลุกจากตรงนั้นไป หรือรีบเปลี่ยนอิริยาบท เปลี่ยนอะไรก็ได้ที่จะเบี่ยงแบนความสนใจจากความคิดนั้นได้ :b7:

เป็นอยู่บ่อยมากๆ ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไร จะเป็นได้ตลอด และเรื่องที่คิดมันจะเรื่องเดียวกันทั้งนั้น พอได้มาอ่านข้อความที่คุณ -dd- ยกตัวอย่างเรื่อง ของพระปิลินทวัจฉเถระ ..ก็ทำให้คิดเลยว่าเราจะต้องมีความเคยชินในลักษณะนี้เมื่อภพชาติที่ผ่านๆ มาแล้วของเราแน่ๆ ก่อนหน้าที่จะได้พบกระทู้นี้ ทำให้รู้สึกแย่มากเหมือนกัน ว่าจะเป็นเรื่องผิดบาป จะต้องตกนรกไปชดใช้กรรมแน่ๆ แต่พอได้พบกระทู้นี้แล้ว จึงรู้สึกเบาใจขึ้นมาหน่อยว่ามีวิธีการแก้ไขได้ และมีคนที่เป็นคล้ายๆ กับเรา หวังว่าสิ่งไม่ดีที่เป็นอยู่นี้จะไม่ผิดบาปมากนัก หรือไม่บาปเลยยิ่งดี :b2:

ด้วยความสัตย์จริงว่า ไม่มีเจตนาน้อมนำความคิดที่ไม่ดีเหล่านี้มาใส่ตัวใส่หัวสมองหรือใส่ใจเลย เป็นอะไรที่ยากต่อการขจัดความคิดเหล่านั้นออกได้ ในเมื่อความคิดจิตใจเป็นของเราเอง แต่ทำไมเราถึงควบคุมความคิดทุกอย่างไม่ได้ ก็ไม่เข้าใจจริงๆ การที่เราจะควบคุมความคิดให้ดีตามที่เราต้องการเราก็น่าจะทำได้ตามนั้น หรือถ้าบุคคลนั้นไม่ดีอยู่แล้วก็ทำให้คิดไม่ดีด้วย มันก็จะเป็นไปตามลักษณะนิสัยของบุคคลนั้น แต่สำหรับตัวดิฉัน ดิฉันไม่อยากจะคิดไม่ดีแบบนั้น แต่มันก็ยังคิด มันน่าจะควบคุมได้ แต่กลับไม่ได้เสมอไป :b8:

.....................................................
จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง
สะระณัง คะตา ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ ตัสสะ ภะคะวะโต
สาสะนัง ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ
สา สา โน ปะฏิปัตติ อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ
อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุติ ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2009, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ


บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ในกาลทุกเมื่อ
มีปัญญา มีใจตั้งมั่นดีแล้ว
ปรารภความเพียร มีตนส่งไปแล้ว
ย่อมข้ามโอฆะที่ข้ามได้ยาก
เขาเว้นขาดแล้วจากกามสัญญา
ล่วงรูปสัญโญชน์ได้
มีภพเป็นที่เพลิดเพลินสิ้นไปแล้ว
ย่อมไม่จมในห้วงน้ำลึก ฯ


เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร