วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 19:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2008, 22:21
โพสต์: 112

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นเลยครับ เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมากๆๆเลย การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายนี่นะ

ตอนนี้คนไข้ก้ออยู่ดี กำลังใจดี เตรียมตัวเดินทาง....

ยังมีสติครบดี กายพอขยับไหว ผมสอนให้นับลมหายใจไปเรื่อยๆๆ เขาก้อพยายามทำ แต่ต้องค่อยๆเป็นค่อยไป เพราะเกิดมาไม่ค่อยเข้าวัดทำสามธิเลย มันก้อต้องยากกันบ้าง

นานาจิตตัง ต่างคนต่างความคิด...แต่คนไข้ก้ออยู่ในความรับผิดชอบของผม

ผมว่าผมเขียนกระทู้รุนแรงไปหน่อย เพราะวันนั้นผมหดหู่บ้าง เพราะเอาเรื่องไปปรึกษาที่ประชุมโรงพยาบาล เขาก้อขัดแย้งกันแบบนี้แหละ ต่างคนก้อต่างมอง นึกถึงผลประโยชน์มากขึ้น ไม่ค่อยนึกถึงใจคนไข้...(มันฉุนตอนที่ใครบางคนในที่ประชุมบอกให้ผมทำรายงานเป็นเอกสาร เพื่อเสนอให้หน่วยงานเบื้องบนใช้ประกอบการประเมินคุณภาพโรงพยาบาล.... แล้วไงล่ะ.... ได้งาน แล้วคนไข้ไม่ได้อะไร ไม่ได้อาหาร แล้วจะทำงานเอกสารไปทำไม)

ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดคนไข้มากที่สุด ใกล้ชิดญาติเขามากที่สุด มันซึ้งงะ...

ผมนั่งคิด...
จะส่งตัวคนไข้ไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดเพื่อรับสารอาหารทางน้ำเกลือมันก้อไม่เหมาะสม เพราะ
1. โรงพยาบาลใหญ่เขาก้อควรมีเตียงไว้รับผู้ป่วยหนัก ที่คาดว่าจะหาย ถ้าผมส่งคนไข้ใกล้ตายไม่มีความหวังแล้วไปที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ก้อดูจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย เพราะแพทย์พยาบาลก้อจะงานหนักมากขึ้น แทนที่จะดูแลคนไข้หนักรายอื่น จริงไหม?
2. งั้นก้อต้องให้ผู้ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลผมนี่แหละ ผู้ป่วยเป็นระยะสุดท้ายก้อจริง แต่เขายังมีสตินะ ยังช่วยตัวเองได้บ้าง ไม่ใช่โคม่านอนพะงาบพะงาบ สารอาหารทำให้เขาอยู่ได้อย่างสดชื่น ถ้าได้แต่น้ำเกลือจะอ่อนเพลีย และตายแบบอดอาหาร ถ้าเราขาดอาหารจะเจริญสติสมาธิได้ยังไง ต้องพอมีแรงบ้างนะ
3. หนึ่งวันสำหรับใครจะมีความหมายหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่เราตัดสินใช่ไหมครับ
ลูกเขารักแม่เขามาก มาดูแลตลอด เขาก้อรู้ว่าใกล้ตาย พยายามทำงานทุกอย่าง หาเงินมาให้แม่เพื่อซื้ออาหาร ส่วนแม่ก้อขอกลับมาตายที่นี่เพื่อไม่ต้องให้ลูกไปเยี่ยมไกล ผมก้อไม่รู้นะว่าแต่ละวันของเขามีความหมายหรือไม่ มันจะยื้อหรือเปล่า ผมว่าไม่ใช่หน้าที่ที่ผมต้องตัดสินใจแทนคนไข้นะ
เวลาแต่ละคนไม่เท่ากัน หลายคนใช้เวลาไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย แม้แต่คนที่อ่านกระทู้นี่(ฮิฮิ) เคยเข้าไปกอดแม่ไหม เคยบอกว่ารักแม่ไหม บางคนเวลาก็มีค่ามาก มีค่าแม้วินาที

ขอขอบคุณที่มีหลายท่านอนุเคราะห์บริจาค (ขอบอกว่าหลายคนมากจริงๆๆติดต่อเข้ามา) ผมขอปฏิเสธรับบริจาคนะครับ แต่ผมยินดีจะมอบบุญกุศลที่ผมได้ทำให้แก่ผู้ใจบุญเหล่านี้ เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาภายในโรงพยาบาลของผม ผมไม่ได้ต้องการมาเล่าเรื่องเพื่อขอรับบริจาค ผมจะหาทางช่วยคนไข้เอง อย่างไรก็ขอขอบคุณด้วยครับ

ปัจจุบันนี้คนไข้กอ้อยู่ดี ทรุดโทรมไปตามเวลา ผมบอกให้ดูลมหายใจไปเรื่อยๆ ถ้าปวดก้อดูความปวดไป มันทนได้ไหม ไม่เจ็บได้ไหม ถ้าไม่ไหวก้อขอยาแก้ปวดได้

ใครจะไปรู้ คนไข้ผมอาจบรรลุธรรม ตอนนี้ก้อได้ แล้วแต่วาสนาของเขา

คนเราพอรู้ว่าความตายเป็นของตน ตนเองต้องตายแน่นอน มันก็ตื่นได้ฉับพลันก็มีนะ

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


สาธุค่ะ :b8: ขอให้คุณหมอเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
สว่างทั้งทางโลกและทางธรรม รักษาคุณความดีไปตลอดนะค่ะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโอกาสหน้า บุญพาวาสนาส่ง คงได้ร่วมบุญกุศลกับคุณหมอสักครั้ง
ขอแสดงความนับถือด้วยใจจริงค่ะ :b8:

อนุโมทนา เจริญในธรรม

:b41: tongue :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 01:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36
โพสต์: 532

แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี
ชื่อเล่น: เจ้านาง
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
สาธุค่ะ :b8: ขอให้คุณหมอเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
สว่างทั้งทางโลกและทางธรรม รักษาคุณความดีไปตลอดนะค่ะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโอกาสหน้า บุญพาวาสนาส่ง คงได้ร่วมบุญกุศลกับคุณหมอสักครั้ง
ขอแสดงความนับถือด้วยใจจริงค่ะ :b8:

อนุโมทนา เจริญในธรรม

:b41: tongue :b41:


เห็นด้วยเช่นกันค่ะ
จะขอเสริมก็ในส่วนของคุณหมอค่ะ
เข้าใจที่คุณหมอตั้งกระทู้ และก็เป็นกำลังใจให้นะคะ
สมัยนี้การทำงานมักจะมีคำว่า "ตัวชี้วัด"
ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นข้อมูลที่เป็นเอกสารต่างๆ
แต่ในเรื่องความเป็นความตายของผู้ป่วยและความรู้สึกของญาติแล้ว
"ตัวชี้วัด" คงช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
...รู้จักทำ รู้จักคิด รู้ด้วยจิต รู้ด้วยศรัทธา...
..................ศรัทธาธรรม..................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 06:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 11:50
โพสต์: 147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจตพัฒน์ เขียน:
นานาจิตตัง ต่างคนต่างความคิด...แต่คนไข้ก้ออยู่ในความรับผิดชอบของผม

ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดคนไข้มากที่สุด ใกล้ชิดญาติเขามากที่สุด มันซึ้งงะ...
:

อาชีพหมอก็เป็นปุถุชน ย่อมมี โลภะ โมหะและโทสะ
แต่สิ่งที่หมอต้องคำนึงถึงคือหน้าที่ ที่ต้องดูแลคนไข้ทุกคน
และควรหมั่นปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าใจถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และใช้แนวทางคำสอน มาใช้ในหน้าที่ของตน
.....สุดท้ายหมอเป็นปัญญาชนว่ากันตามจริงอาจจะสูงกว่าเสียด้วย
ฉะนั้นควรคำนึงถึงว่า ควรจะยึดเอาคำชมที่เกิดจากโมหะจริต
หรือเอาคำชี้แนะที่ฟังไม่รื่นหู แต่มันเป็นจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2004, 08:57
โพสต์: 154


 ข้อมูลส่วนตัว


ชื่นชมในความพยายามของคุณหมอเป็นอย่างยิ่งครับ

ขออนุโมทนา :b8:

( ♣ ความเห็นส่วนตัวนะครับ

พระมหาชนกว่ายน้ำในทะเลที่มองไม่เห็นฝั่ง ก็ไม่ยอมหยุดว่าย

นางเทพธิดาถามว่า ท่านจะว่ายไปทำไม ในเมื่อไม่มีหวังจะรอด

พระมหาชนกตอบว่า เราตายด้วยความพยายามดีกว่าตายโดยไม่พยายาม ♣ )

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 11:50
โพสต์: 147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


porpao เขียน:
ขอชื่นชมคุณหมอด้วยคนค่ะ มีจรรยาบรรณที่ดีจริง ๆ

ผมอยากทราบหน่อยครับว่าเราเอาอะไรมาชี้ การมีจรรยาบรรณของหมอ
สมมุติว่า มีคนไข้อยู่สองคน ถ้าดูภายนอกแล้วคนหนึ่งเหมือนเป็นปกติทุกอย่าง
แต่เป็นโรคเบาหวานกับความดัน แต่อีกคนมองดูแล้วน่าเวทนาอย่างยิ่งเพราะ
เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
....หมอคนหนึ่งเลือกที่จะดูแลคนไข้ที่ดูเหมือนปกติ แต่ในความเป็นจริงต้องได้รับการดูแล
และได้รับยาจากหมอไปตลอดชีวิต กับหมออีกคนที่เลือกดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
คุณว่าหมอคนไหนมีจริธรรมและจรรยาบรรณมากกว่ากันครับ
เราอย่าเอาความรู้สึกของเรามาตัดสิน สิ่งดีหรือสิ่งไม่ดีครับ ต้องมององค์ประกอบรากฐาน
ของสิ่งนั้นด้วย
.......ยังมีอีกเรื่องที่เป็นมหากุศล นึกถึงที่ไรก็รู้สึกปิติและอนุโมทนาบุญร่วมด้วยทุกครั้ง
เรื่องที่ว่าเป็นเรื่องของ หลวงพ่ออลงกรตแห่งวัดพระบาทน้ำพุ ท่านสร้างโรงพยาบาลขึ้น
มาแล้วนำคนป่วยโรคเอดท์มาอยู่ในโรงพยาบาล ท่านก็บอกเสมอว่าท่านไม่ได้นำมารักษา
เพราะผู้ป่วยที่มาอยู่เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้ายแล้ว เพียงแต่เอาผู้ป่วยเหล่านั้นมาดูแล เพื่อเป็น
การลดภาระของสังคม บุญทานบารมีที่ท่านทำคือ การเสียสละเพื่อสังคมส่วนใหญ่

....เหตุนี้สิ่งที่เราว่าใช่มันอาจไม่ใช่ก็ได้ ปัญญาแห่งการปฏิบัติเท่านั้นจึงจะเข้าใจถึง
กุศลหรืออกุศลได้อย่างลึกซึ้ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 15:01
โพสต์: 408

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


TAKSA เขียน:
คุณเพชร เขียน:
[ขออนุโมทนากับคุณหมอด้วยนะค่ะ แต่ขอออกความคิดเห็นส่วนตัวหน่อยนะค่ะ อาจจะขัดกับคุณ Taksa นิดหน่อยค่ะ ดิฉันคิดว่าการที่คุณหมอต้องการช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่และจริงใจ เป็นเพราะนิสัยส่วนตัวที่ดีและจรรยาบรรณของคุณหมอจึงไม่อาจทิ้งคนไข้ได้ เป็นการกระทำที่เป็นบุญค่ะ อะไรที่เราทำแล้วดี แล้วสบายใจ ก็ทำไปเถอะค่ะ เพื่ออานิสงค์ของตัวเราและครอบครัวของเราเอง ดีกว่าปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามมีตามเกิด แล้วผลสุดท้ายคุณหมอก็จะไม่สบายใจเอง (สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ)

ก่อนอื่นผมขอทำความเข้าใจกับคุณเพชร และเพื่อนสมาชิกด้วยนะครับ ว่าห้องที่เรา
กำลังโพสท์ข้อความแสดงความคิดเห็นอยู่นี้ เป็นห้องสนทนาธรรมนะครับ มันไม่ใช่
"ห้องความรัก ความพลัดพราก ความผูกพัน" การคุยกันในนี้มันน่าเกี่ยวกับธรรมะหรือคำ
สอนของพระพุทธเจ้า เหตุนี้การคุยกันในห้องสนทนาธรรม จึงควรคุยกันเรื่องคำสอนของ
ศาสดา ซึ่งทุกสิ่งอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริง มีเหตุมีผล ได้โปรดกรุณาอย่าใช้คำพูด
ที่มามาจากอารมณ์ที่ปรุงแต่ง มาใช้ในการสนทนาเลยครับ
....ซึ่งธรรมที่กล่าวถึงก็เป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมหรือคำสอนนั้นเน้นให้เราอยู่กับ
สิ่งที่เป็นจริงในโลก อยู่กับเหตุและผล โดยปฏิบัติและทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆที่เรียกว่า
ธรรมหรือธรรมชาติ การเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของธรรมนั้น ให้รู้ ละ เลิกแล้วปล่อยวางในที่สุด
......คุณเพชรครับผมก็ได้บอกไว้ตอนต้นแล้วว่า การกระทำของคุณหมอ
ไม่ผิด แต่คุณหมออาจจะเข้าใจข้อธรรมของพระพุทธเจ้าคลาดเคลื่อน อย่างเช่นบอกว่า
คุณหมอพยายามช่วยคนไข้ตั้งหลายวิธีแล้ว แต่มีอุปสรรคไม่สำเร็จ แล้วเหมาเอาเลยว่าเพราะ
คนไข้มีกรรม จึงมีผลเช่นนี้ ผมก็ให้ความเห็นแย้งไปว่าเป็นกรรมของคนไข้ มันคนละ
ส่วนกัน กรรมคนไข้แค่เป็นมะเร็งและเจ็บปวด แต่ว่ากันตามจริงแล้วจะว่าเป็นกรรมมันก็ไม่ถูกนัก
เพราะมันเป็นวัฏสงสาร เกิด แก่ เจ็บ ตายก็ต้องพบกันทุกคน
......ปัญหาหรือประเด็นมันอยู่ที่ คนไข้เป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายและเจ็บปวด ผมจึงถาม
คุณหมอไงครับว่า สิ่งที่คุณหมอพยายามทำตั้งหลายอย่างแต่ไม่สำเร็จ ถ้ามันสำเร็จแล้ว
คนไข้จะหายมั้ย จะช่วยให้คนไข้หายจากอาการเจ็บปวดมั้ย ท่านลองย้อนไปดูท่านเศรษฐี
ที่ให้ความช่วยเหลือคุณหมอทุกครั้งซิครับคุณว่า ที่ท่านไม่ช่วยครั้งนี้ท่านใจไม้ไส้ระกำหรือครับ
ในความเห็นผมท่านเป็นคนใจบูญ และท่านคงปฏิบัติธรรมด้วย ท่านจึงมีปัญญาพอที่จะเข้าใจ
ถึงการปล่อยวาง และสามารถแยกแยะได้ว่า การทำบุญนั้นทำเพื่อสิ่งใด เป็นการทำบุญ
เอาหน้าหรือการทำบุญเพื่อการปล่อยวาง
......


ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณ Taksa นะค่ะ แต่อยากเรียกให้ท่านทราบว่า ดิฉันไม่ได้ใช้คำพูดที่มาจากอารมณ์ที่ปรุงแต่งค่ะ เพียงแต่ใช้ความคิดเห็นส่วนตัวตามที่กล่าวมาข้างต้น และน้อมรับคำอธิบายของคุณ Taksa นะค่ะ เจริญในธรรมค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 10:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 15:01
โพสต์: 408

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันขออนุโมทนาบุญกับคุณหมอด้วยนะค่ะ และขอให้คุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงปกปักษ์รักษาคุณหมอและครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุข สุขภาพแข็งแรง และประสบความสำเร็จทุกๆ ด้านค่ะ

เจริญในธรรมนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 10:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 09:06
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว


สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม(กรรม = การกระทำ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 11:23
โพสต์: 24

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครทำใครได้ค่ะคุณหมอ
คุณหมอทำหน้าที่ของแพทย์สุดความสามารถ นั้นคือช่วยชีวิตคนไข้ให้อยู่รอดนานที่สุด
คุณหมอได้รับอานิสงฆ์นี้แน่นอนค่ะ ขอโมทนาบุญด้วย
ส่วนคนไข้เค้าทำกรรมมาแน่นอน เพราะโรคทุกอย่างเกิดจากกรรมทั้งสิ้น ทำกรรมดีก็ได้รับกรรมดี
ทำกรรมชั่วก็ได้รับกรรมชั่ว

ถ้าหากว่าคนไข้ท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่คุณหมอช่วยแนะนำเค้าให้หน่อยน่ะค่ะว่า เมื่อเค้ายังพอมีสติรู้
ตัวอยู่ขณะเจ็บป่วย ให้เค้าภาวนาสมาธิอุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังตามทันในขณะนี้ ให้อโหสิ
กรรมกันไปในชาตินี้ และเมื่อขอให้อาราธนาศีล5 แม้ในขณะที่กำลังจะหมดลม เค้าจะได้ไปเกิด
ในภพภูมิที่ดีค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 12:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2008, 22:21
โพสต์: 112

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley อย่าทะเลาะกันเลยครับ...เรื่องนี้มันไม่มีอะไรผิดถูกหรอกนะ....

ใจเย็นๆก้อได้นี่น่า :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2008, 22:21
โพสต์: 112

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




ton19.jpg
ton19.jpg [ 19.93 KiB | เปิดดู 5229 ครั้ง ]
ton19.jpg
ton19.jpg [ 19.93 KiB | เปิดดู 5229 ครั้ง ]
พระมหาชนกว่ายน้ำในทะเลที่มองไม่เห็นฝั่ง ก็ไม่ยอมหยุดว่าย

นางเทพธิดาถามว่า ท่านจะว่ายไปทำไม ในเมื่อไม่มีหวังจะรอด

พระมหาชนกตอบว่า เราตายด้วยความพยายามดีกว่าตายโดยไม่พยายาม


แก้ไขล่าสุดโดย เจตพัฒน์ เมื่อ 09 ต.ค. 2009, 12:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


บุคคลใดที่ต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนอื่น นั้น หากเป็นกุศลก็เกิดกุศลได้มาก หากใจไม่แยบคาย เห็นการป่วยไข้ หรือแม้การตายของชนทั้งหลายแล้ว ย่อมวางใจได้ยาก มักจะตกไปในความเสียใจกับความตายของคนไข้เนืองๆ

เรื่องนี้ ท่านต้องพิจารณาว่า ท่านเป็นหมอรักษาคนไข้ คนไข้มีอาการอย่างไรก็ต้องรักษาไปตามอาการนั้นๆ

คนไข้บางราย ก็ถึงคราวหมดวาระ หมดกรรมในภพชาตินี้ ก็ย่อมตายไป เป็นเรื่องปกติธรรมดา
หรือแม้คนไข้บางราย น่าเวทนานัก การตายน่าจะดีกว่าด้วยซ้ำ แต่เราก็ตัดสินอย่างนั้นไม่ได้ เขาต้องอยู่เสวยผลแห่งกรรมของเขา
พึงวางใจให้เป็นอุเบกขา อย่าส่งใจออกไปรันทด หรือทรมานใจในสิ่งที่เห็นจนตนเองเศร้าหมองเลย เรื่องคนจะตาย ทำอย่างไร ช่วยอย่างไรก็ตายคนยังไม่ตาย ถูกพยายามฆ่า ถูกถอดสายยางก็ไม่ตาย เพราะกรรมแห่งภพนั้นเขายังอุปการะภพชาตินั้นๆอยู่ แม้ในเรื่องอุปสรรคขัดขวางที่เกิดขึ้นแก่การรักษาคนไข้รายนี้ ก็เกิดขึ้นจากบาปกรรมที่คนไข้ได้เคยทำมาแล้ว หากคุณหมอนำเรื่องนี้มาเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ นั่นย่อมเป็นทุกข์โทษแก่ตนเอง พึงกระทำไว้ในใจว่าแม้ เราจะโกรธเคืองบุคคลและองค์กรรอบข้าง ที่ไม่คิดเอื้อเฟื้อช่วยเหลือคนไข้ผู้น่าสงสารรายนี้ ทั้งๆที่เราออกโรงทำเรื่องขอตรงๆ หากบาปกรรมของคนไข้นี้แรงมาก เขาก็ย่อมต้องเสวยวิบากคืออุปสรรคขัดขวางอยู่ ใครเล่าจักอาจขวางกั้นกระแสอันเที่ยงตรงแห่งกรรมได้เมื่อเขาได้ปัจจัยมาส่งผล..?? การวางอุเบกขาไม่ได้หมายความว่าให้ปล่อยทิ้งไปไม่อินังขังขอบ แต่วางเพราะเราได้ทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว แต่กลับไม่ได้ผลอย่างที่คาดหมาย แสดงว่ามีผลจากปัจจัยอื่นที่เราเข้าแทรกแซงไม่ได้คือ"กรรม" นั่นเอง หากเราอาศัยอกุศลวิบากของคนอื่นมาทำกรรมใหม่ที่เป็นโทสะ นั่นเป็นเรื่องที่เสียหายแล้วสำหรับเรา อย่าลืมว่ากุศลกับอกุศลไม่ปนกันเหมือนน้ำกับน้ำมัน ต่างคนต่างให้ผลแปลกแยกกันออกไปครับ

หากคุณหมอพยายามรักษาเขาอย่างดีที่สุดแล้วแต่ในที่สุดคนไข้ตาย ก็ต้องวางใจว่า เขาหมดกรรมในชาตินี้แล้ว แทนที่จะคิดลงโทษตนเองให้ใจเศร้าหมอง ก็พึงปรารภว่า เรานี้ได้กรุณาเขาด้วยการรักษาเขาอย่างดีที่สุด อำนวยความสะดวกแก่เขา เรานั้นใคร่อยากให้เขาหายเสียไวๆตลอดเลย...คิดอย่างนี้ ท่านก็ย่อมเบิกบานในบุญที่ตนเองได้กระทำต่อคนไข้ให้เขาพอจะคลายทุกข์ลงไปได้ ...

ขออนุโมทนาและชื่นชมในกุศลจิตของคุณหมอครับ :b8: :b54: :b54: :b54: :b44:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 14:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 13:55
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมขอตอบคุณหมอ"เจตพัฒน์" ดังนี้ครับ



อุปสรรคทุกข้อใครเป็นผู้รับเคราะห์และรับผลประโยชน์

ผู้รับเคราะห์ คือ
1. คนไข้..... เจ้ากรรมนายเวรเขาต้องการให้คนไข้เจ็บ และค่อยๆตาย เขาไม่ยอมให้ใครช่วยคนไข้
2. ญาติของคนไข้..... เพราะต้องเสียเงินทั้งๆที่รายได้ก็น้อย
3. ตัวคุณหมอ..... เพราะต้องทุกวิถีทาง ทั้งๆที่ช่วยไม่ได้เท่าไร ยิ่งช่วยคนไข้ยิ่งทรมาน เพราะคนต้องตาย ไปถ่วงเวลาไม่ให้เขาตาย

ผู้รับผลประโยชน์ คือ
1. ญาติของคนไข้..... เพราะเห็นกฎแห่งไตรลักษณ์ เห็นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
2. ตัวคุณหมอ..... เพราะคุณหมอได้บุญจากการที่
ผมเวทนาคนไข้ ผมเลยเอาเงินเดือนผมซื้ออาหารให้คนไข้แทน
จะนิมนต์พระมาเพื่อลดวิบากกรรมคนไข้ ซึ่งก็คือ ให้คนไข้ผมละสังขารไปโดยไม่ทรมานยืดเยื้อเช่นนี้

และได้บุญจากการรู้ว่า กรรมมีจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 14:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2009, 16:49
โพสต์: 21

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley คุณหมอคะ คิดว่าพอจะเข้าใจความรู้สึกของคุณหมอนะคะ ไม่เป็นไรค่ะ เห็นด้วยว่าคุณหมอต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ถึงแม้มันจะดูเป็นการยื้อคนไข้ (เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดหรือตอบแทนกันยากมากกกกก ว่า ถ้ายื้อก็หาว่าเขาจะไปไม่ปล่อยไปตามกรรมของเขา ครั้นไม่รักษาก็จะรู้สึกผิดว่ารักษาหรือทำไม่เต็มที่ พูดยากจริงๆ ค่ะ ต่อให้รู้ว่าเขาต้องตายแต่ก็ต้องทำการรักษาให้ถึงที่สุดเพราะคุณเป็นหมอ) ขอให้คุณหมอทำให้เต็มที่ตามความสามารถและวิชาชีพค่ะ เพราะคุณหมอเป็นหมอมีหน้าที่ต้องรักษาคนไข้ค่ะ เรื่องบางเรื่องก็ต้องปล่อยให้คนไข้และญาติตัดสินใจเอง แต่ถ้าเขาไม่ตัดสินใจคุณหมอก็คงจะต้องมีหน้าที่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็เท่านั้นเองค่ะ สู้ๆ นะคะคุณหมอ :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร