ดูก่อนท่านผู้เจริญในธรรมทั้งหลาย
วันนี้ผ่านมาเลยเวะมาทักทาย เห็นรายการที่โพสไว้หลายเรื่องน่าสนใจ
บางเรื่องก็ขอผ่านเพราะไม่เข้าใจ เรานั้นบวชเรียนมาน้อย
หวังจะได้ท่านทั้งหลายช่วยชี้แนะในหลายๆ เรื่อง
หวังว่าจะได้ความสว่างจากผู้มีปัญญาทั้งหลาย

เรื่องแรก ระหว่างคนห่มจีวรบวชเป็นพระ กับอริยสงฆ์ เราจะดูรู้ได้อย่างไร
เรื่องที่สอง นรก สวรรค์ ท่านว่ามีจริงใหม
เรื่องที่สาม บุญบาป ลบล้างกันได้หรือไม่

เรื่องแรก อย่าพยายามไปรู้ของท่านเลย ขนาดพระสารีบุตร ทีแรกยังไม่รู้เลยว่าลูกศิษย์ของตัวเองบรรลุแล้ว
ต้องระดับพระพุทธเจ้าจึงจะรู้แน่
เรื่องที่สอง จริง.!.! ท่านต้องการ การพิสูจน์อย่างไรละ?
เรื่องที่สาม ท่านไปกู้เงินเขามา แล้วท่านให้เขากู้ แล้วลบล้างกันได้ไหม
ทั้งบุญและบาปต่างก็ตามให้ผล กับท่านไปตลอดตราบที่ยังวนเวียนอยู่ใน สามโลกนี้
แม้พระพุทธองค์ก็ยังคงโดนบาปที่เคยทำไว้แต่ก่อนตามเล่นงานเลย

ขอบพระคุณที่กรุณาชี้แนะ
แม้ยังไม่ใช่คำตอบที่ต้องการแต่ก็ได้หลักคิดที่ดี

ตอบขอเรื่องแรก ระหว่างคนห่มจีวรบวชเป็นพระ กับอริยสงฆ์ เราจะดูรู้ได้อย่างไร

...การใส่ใจที่บุคคลอื่นว่าเป็นอริยชน...ระดับชั้นใดในพระพุทธศาสนา...มองด้วยตาอย่างเดียวไม่ได้...
...ให้ใช้หลักกาลามสูตรสิบประการ...การเป็นสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นทางตรงสู่การหลุดพ้น
...ต้องเคร่งครัดข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ...พระธรรมวินัย...และการดำรงตามหลักอริยสัจจ์สี่และอริยมรรค8

...เพราะการเป็นอริยบุคคลไม่เกี่ยวกับสีเสื้อผ้า...พระพุทธเจ้าประกาศคำสอนไว้แก่พุทธบริษัทสี่...
...คือภิกษุ(สามเณร)...ภิกษุณี...อุบาสก...อุบาสิกา...ศีลบริสุทธิ์5,8,10,227,311ข้อ...
...ธรรมะเจาะจงลงที่การปฏิบัติด้วยตนเอง...โดยสำคัญที่สุดเรื่องการถือศีล5บริสุทธิ์เป็นพื้นฐาน...

...ถ้าศีล5ยังถือไม่ได้...การอยู่ในเพศที่ถือศีลมากกว่า...กลับจะทำให้สร้างเวรภัยให้ตนเองมากขึ้น...
...พระอริยบุคคลมี4ระดับ...พระโสดาบัน...พระสกิทาคา...พระอนาคามี...พระอรหันต์...
...ปุถุชนผู้ปฏิบัติศีล5บริสุทธิ์...หมั่นให้ทานและปฏิบัติจิตตภาวนาก็ชื่อว่าปฏิบัติเข้าใกล้พระโสดาบัน...


ตอบเรื่องที่สอง นรก สวรรค์ ท่านว่ามีจริงใหม

...ข้าพเจ้าเชื่อในหลักคำสอนว่าบาปมี...บุญมี...นรก...สวรรค์...นิพพานมี...ธรรมปฏิบัติสอนข้าพเจ้า
...ท่านเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่...สิ่งไม่จริงไม่มีในคำสอน...ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอก...
...ตถาคตตรัสว่า...ผู้ใดเห็นธรรม...ผู้นั้นเห็นเรา...ผู้ใดปฏิบัติธรรม...ผู้นั้นปฏิบัติเรา...ศรัทธาท่านเกิด?

...ศรัทธา...เชื่อมั่น...เกิดได้ต่อเมื่อลงมือปฏบัติแล้วรู้ในธรรมนั้นๆ...พระสงฆ์สมบูรณ์ด้วยปริยัติ...
...เหมือนการสร้างบ้านมีแปลนบ้านพร้อมแล้ว...เหลือแค่ลงมือทำตามแบบแปลน...เสร็จสิ้นก็เป็นบ้าน
...การรู้ธรรมที่สมบูรณ์ประกอบด้วยมีการปริยัติ+ปฏิบัติ=ปฏิเวธ...ถ้าปริยัติไม่นำมาปฏิบัติก็ไม่มีปฏิเวธ


ตอบเรื่องที่สาม บุญบาป ลบล้างกันได้หรือไม่

...บุญบาป ลบล้างกันไม่ได้...เพราะบุญคือกรรมดีที่ตนเองกระทำ...บาปคือกรรมไม่ดีที่ตนเองกระทำ...
...ตนเองนั่นแหละเป็นพยาน...การสร้างบุญ-บาปทำได้ทั้ง3ทาง...กายกรรม...วจีกรรม...มโนกรรม...
...มี3ขั้น...กรรมขั้นหยาบ...กรรมขั้นกลาง...กรรมขั้นละเอียด...และให้ผลต่างกันที่เจตนาของการทำ

...การให้ผลมีทั้งหยาบ...กลาง...ละเอียด...ความเป็นมนุษย์เป็นเอกที่ตา...แต่เป็นเอกตาข้างเดียว...
...คนไม่ปฏิบัติธรรมอะไรที่ไม่เห็นก็ลบล้างว่าไม่มี...ก็ลบล้างคำสอนไงว่า...บาป-บุญ-นรก-สวรรค์ไม่มี
...อย่างการปฏิบัติตามคำสอน...ผู้รู้รู้ด้วยการลงมือปฏิบัติเอง...สมาธิมีกี่ขั้น...จิตสงบหรือไม่...รู้ที่ใจ
...และกายตนเอง...ไม่ได้ไปรู้ที่กายและใจพระพุทธเจ้า...ผู้รู้สุข-ทุกข์คือเราเองไม่ใช่คนอื่นแต่อย่างใด

ต้องขอบพระคุณที่กรุณาชี้แนะแก่ผู้อ่อนด้อยในธรรม
เป็นจริงดังท่านว่า เราก็ได้รับการบอกเล่าหรือค้นคว้ามาดังที่ท่านว่า แต่ยากพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ด้วยประสบการณ์บางครั้งสิ่งที่เราเห็นกลับไม่ใช่ เช่นพระสังคาธิการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงสมณศักดิ์ในศาสนาพุทธ คำสอนของท่านกับศีลาจริยาวัตร การปฏิบัติตนของท่าน ต่างกันยากจะหาที่เปรียบ รือตถาคตเหล่านี้มิใช้ อริยสงฆ์ที่ได้รับการยอมรับในสังคม
ว่ากันว่าโลกมนุษย์ กับโลกของวิญญาณก็หาได้แตกต่างกันไม่ เพียงแต่อยู่กันคนละภพคนละชาติเท่านั้น แล้วบุคลที่นับถือต่างศาสนากับเรา เมื่อทำชั่วต้องตกนรก ทำดีแล้วได้ไปสวรรค์ (ตามคำสั่งสอนของศาสนาพุทธซึ่งเราก็เชื่อดังนี้) เขาเหล่านั้นจะไปในที่ที่เดียวกับเราหรือไม่
วานผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วย ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ท่าน

...ตถาคตเป็นความหมายที่เอ่ยถึงพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เท่านั้น...นอกเหนือนี้ไม่ใช่...
...พระปัจเจกพุทธเจ้า...พระสาวก...พระอรหันต์...ล้วนปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งนั้น...
...พระพุทธเจ้าสอนให้ดูที่ตนเอง...การที่เรามองและเพ่งไปภายนอกทำให้เราสร้างกรรมทั้ง 3 ทาง
...พระสงฆ์...มาจากมนุษย์ซึ่งยังมีกิเลสอยู่...สมณศักดิ์ต่างๆ...มาตั้งกันเองภายหลังยังไม่พ้นวิสัย...

...ในครั้งพุทธกาล...พระพุทธเจ้าแต่งตั้งตามความเชี่ยวชาญ...เป็นเอตทัคคะด้านนั้นด้านนี้ของจริง...
...ขอให้ใส่ใจการปฏิบัติของตัวเราเองเป็นอันดับแรก...เพราะศาสนาเสื่อมที่ผู้ปฏิบัติ...เสื่อมที่จิตใจ...
...ไม่ใช่สถานที่...เพราะเดี๋ยวนี้ที่ไหนก็ว่าเจริญ...เจริญเพราะสร้างวัตถุต่างหาก...สร้างจิตใจน้อยมาก
...แค่เราคิดเพ่งโทษการกระทำของผู้อื่นมากไป...มันจะกลับย้อนทำลายตัวของเราเป็นกรรมเราเจ้าค่ะ

...ศาสนาพุทธศาสนาเดียวที่สอนให้ทุกคนออกจากองทุกข์...3โลกเป็นแบบนี้ดั้งเดิมนับกัปป์นับกัลป์...
...ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติอะไรก็ตาม...ลงไปสู่ภพภูมิต่างๆ เหมือนกันหมด...ศึกษาผังวัฏสงสาร31ภพภูมิ
...ปฏิบัติธรรมถึงสมาธิขั้นใดจะได้ไปเกิดที่ไหน...ทราบได้ด้วยการปฏิบัติ...ที่ปฏิบัติได้เป็นสมบัติติดตัว
...จะเชื่อหรือไม่...อย่างไร...ตัวเราเท่านั้นที่เป็นพยาน...เพราะเป็นปัจจัตตัง...ตถาคตเป็นผู้เตือนเรา

ว่ากันว่า บุญกับบาป ทำให้ไปเกิดในโลกสวรรค กับโลกนรกได้ หากเป้นเช่นนี้แล้ว
ไม่ว่าเชื้อชาติไหน ภาษาไหน วัฒนธรรมแบบไหน หรือศาสนาไหน ๆ ก้แล้วแต่หากตายจากโลกนี้
ก้ต้องมีที่ไป เพียง 2 แห่งเท่านั้น ไม่ผิดไปจากนี้
(ก่อนจะไปสวรรค์ หรือ นรกจริงๆ มัน เกิดขึ้นที่ใจ ใจเป็นผู้บันทึกในการกระทำทั้งดีและไม่ดีเก็บเอาไว้
ในจิตใจเราเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นคำกล่าว สวรรค์ในอก นรกในใจ จึงถูกต้อง 100 % เพียงแต่ตั้งให้คล้อง
จองกัน และยังถือเป็น หนึ่งในสัมมาทิฏฐิอีกด้วยในการนับถือพุทธ)

คำว่า อริยะ หมายถึง ประเสริฐ ห่างไกลจากข้าศึกคือกิเลสทั้งหลาย และทำไปแล้วมีแต่ความรุ่งเรือง
ถูกต้อง เหมาะสม ร่มเย็น ผาสุก ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงเช่นเดียวกับอริยสัจที่มีไว้ดับทุกข์
จะเป็นอริยเจ้า หรือไม่นั้น ให้ดูจากวัตรปฏิบัติ และปฏิปทา และอยากให้เข้าใจว่า อริยเจ้าทุกองค์จนถึง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีแต่คำว่าให้และเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ของมหาชนเป็นหลัก มากกว่าความ
สะดวกสบายของตัวท่านเอง พระรูปไหนที่ทำประโยชน์แก่ส่วนรวมเป็นหลัก ให้เข้าใจง่ายๆว่าเข้าใกล้ความเป็นอริยะแล้ว แต่หากไม่ใช่อริยะจริงๆ จิตใจท่านก้ถือได้ว่าประเสริฐกว่าคนทั้งหลาย หากทำบุญด้วยแล้วจะได้ผลานิสงส์อย่างมาก ซึ่งคำถามนี้เป็นการตีความของปุถุชนทั่วไปที่อยากให้ท่านเป็นหรือไม่เป็น และคำถามนี้จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยังไม่เข้าใจถึงนิยามและการปฏิบัติให้ได้มาซึ่งคำๆนี้

อนุโมทนาสาธุกับทุกคำตอบด้วยครับ

ยินดีที่ได้รุ้จักนะครับ
เรื่องแรก ผมเองดูไม่ออกหรอกครับ(คิคิ) แต่เค้าว่า ถ้าอยากรุ้ว่าใครฉลาดหรือโง่ ให้เข้าไปสนทนาด้วยนะ เรื่องนี้ดูยากเหมือนกัน สรุปว่า ไม่รุ้
เรื่องที่สอง ไม่รุ้นะครับว่านรกหรือสวรรค์ ในทัศนคติ หรือ จินตนาการของคุณเป็นอย่างไร?
แต่สำหรับผม นรกกับสวรรค์เหมือนฝ่ามือ อยู่ใกล้กัน คิดดี พูดดี ทำดี สวรรค์ก็เกิดที่ตรงนั้น
ถ้าคิดชั่ว ทำชั่ว สร้างอกุศล นรกก็คลุมไว้ ณ จุดนั้นเหมือนกัน
เรื่องที่สาม ไม่น่าจะหักล้างกันได้นะครับ น่าจะเป็นกฏตายตัว สร้างอะไรไว้ได้ผลเหมือนกัน (และมีแนวโน้มจะมากกว่าด้วย ) ถ้าทำกุศลอยู่เป็นนิจ ประพฤติดี ชอบ เป็นปัจจุบันขณะ ไม่สร้างอกุศลให้มันเพิ่มพูนจากของเดิม.. ทำใจให้กรรมชั่วที่ได้สร้างไว้แต่หนก่อน มาเอาคืน ๆ และเฝ้าดูมัน จนมันหมด
ผมคิดว่า นี่คือการหักล้างนะครับ

สวัสดีค่ะทุกท่าน

ที่สีแดง ๆ น่ะ โดนใจสุด ๆ เลยห้ามกิเลสไม่ไหว....

คนโง่อวดฉลาด น่ะดูออกง่าย
คนฉลาดแกล้งโง่(ถ่อมตน)นี่ ดูยากนะคะ
ที่สำคัญ คนที่ดู ต้องฉลาด คือมีปัญญา ที่จะแยกแยะ สักหน่อย อิ อิ
ที่แน่ ๆ ต้องรู้ตัวเองด้วยว่า ตน ฉลาด หรือยังโง่อยู่ มั่นดูที่ตัวเองนี่แหละ

2 ข้อหลัง นี่ เห็นด้วยตามที่ว่าค่ะ

อนุโมทนาด้วยครับคุณแมวขาวมณี

ขอบพระคุณท่านผู้รู้ทั้งหลายที่กรุณาส่งเสริมประเทืองปัญญาแก่เรา ช่วยให้เข้าใจได้มากที่เดียว ขอบคุณสหายในทางธรรมผู้ี่มีภูมิสูงส่งที่ช่วยชี้แนะ ต่อไปคิดว่าคงไม่หลงทางอีก

สาทุ ๆ

เรานั้นยอมรับในภูมิธรรมของตัวเองว่ายังอ่อนเยาวนัก ถึงต้องการให้ผู้รู้ได้กรุณาชี้แนะ มิได้เป็นอวดรู้เพื่อลองภูมิของท่านผู้เจริญแต่ประการใด หวังจะได้รับความเมตตาจากท่านเพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เราขาดหายไป การที่เราไม่รู้แล้วขอความช่วยเหลือจากผู้รู้ช่วยชี้แนะ เราว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดี จะได้แลกเปลี่ยนกัน รับฟังคนอื่นพูดบ้างก็ดีกว่าพูดคนเดียว การที่เรานำเสนอในแง่มุมที่ตัวเองมองเป็นเพียงคำถามง่าย ๆ ที่พบเห็นเป็นประจำในชีวิตประจำวัน อาจไม่ตรงกับความคิดของท่านทั้งหมด อย่างน้อยก็สท้อนให้เห็นความคิดของปุถุชนที่ยังเวียนไหว้ตายเกิดในภพภูมินี้ ชาตินี้ เราว่าชีวิตนี้มันสั้นนัก ผิดด้วยหรือที่เราต้องการแสวงหาความรู้ ด้วยข้อจำกัดทางภูมิปัญญา แม้ว่าจะอ่านตำรามาหลายเล่ม บางเรื่องเราก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้เอง เราถึงต้องแสงหาผู้รู้เพื่อช่วยมิให้หลงทาง เข้าใจอะไรผิด ๆ บางครั้งท่านอาจพบว่าความคิดที่ผิดเพี้ยนไปจากที่ท่านรู้มา ท่านจะบอกว่าผิดไม่ถูกต้อง แล้วที่ถูกมันคืออะไร สิ่งที่ท่านคิดว่าถูก แท้จริงมันถูกต้องแล้วหรือ ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ เมื่อนำมาประกอบกัน สิ่งที่คิดว่าใช่อาจไม่ใช่ก็ได้ ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจัง มีดำก็มีขาว มีดีก็มีชั่ว แกนแม่เหล็กของโลกยังมีเหนือกับใต้ แล้วท่านคิดว่าในโลกแห่งอนาคต มันจะกลับจากใต้เป็นเหนือบ้างไม่ได้หรือ หรือจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
ขอเพียงความเมตตาที่ท่านหยิบยื่นให้ ช่วยให้เราได้พบทางสว่าง เพื่อก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงต่อไป
ขอความเจริญจงเกิดแก่ท่านทั้งหลาย