วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 23:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2010, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


...ทุกสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น เกิดจากดิน น้ำ ลม ไฟ เกิดขึ้นเป็นธรรมดา ตั้งอยู่ได้ชั่วขณะเป็นธรรมดา แล้วก็ต้องดับไปในที่สุดเป็นของธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นสภาวะสุข สภาวะทุกข์ สภาวะนิ่งเฉย เกิดมาแล้วก็ต้องดับไปเป็นธรรมดา ยึดอะไรไว้ไม่ได้เช่นกัน แม้แต่ตัวไตรลักษณ์ มันก็เป็นไตรลักษณ์ในตัวมันเอง เป็นสมมติบัญญัติ ไตรลักษณ์เองก็เป็นอนัตตา สมมติทั้งหลายก็เป็นอนัตตา ไม่มีตัวมีตน ไม่มีอะไรเลยเช่นกัน แล้วเราจะไปยึดอะไร ไปเชื่ออะไร มีอะไรที่ยิ่งกว่านี้ สภาวะทั้งหมดทั้งปวงเป็นอนัตตาเป็นสมมติทั้งสิ้น แล้วเราจะเอาอะไรให้ยิ่งกว่านี้....
(หลวงพ่อชานนท์ วัดป่าเจริญธรรม จ.ชลบุรี)


แจกหนังสือและซีดีMP3 หลักการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์
จัดส่งฟรีเพียงทิ้งชื่อและที่อยู่ไว้ที่เว็บไซต์ด้านล่างนี้ครับ
http://www.watpachareongtham-chonburi.com


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2010, 20:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอสภาวะ การดับสังขารหน่อยคับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2010, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเป็นสังขารหนึ่งในขันธ์ ๕ (ความคิด การปรุงแต่ง)
ความดับนั้นไม่มีหรอกครับ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ขันธ์ทั้ง ๕ นี้ก็ยังมีอยู่ครบถ้วน
(แต่ต่างกันตรงที่ว่าใครจะยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ นี้มากกว่ากัน)
จะมีก็เพียงสภาวะที่ไม่ยึดมั่นในสังขาร จากการที่เข้าไปพิจารณาว่าสังขารนี้เป็นทุกข์ ไม่เที่ยงและไม่ใช่ตัวตน จนแจ้งถึงจิตถึงใจ
ส่วนใหญ่สภาวะนี้จะเกิดขึ้นได้หลังการละความยึดมั่นในรูปกายและสัญญาได้แล้ว
ในขณะที่พิจารณา ถ้าอยู่ในสภาวะที่ละสังขาร(หยุดความคิดปรุงแต่ง)จะเป็นสภาวะที่มีแต่ความว่าง

แต่ทุกสภาวะไม่คงอยู่ตลอดครับ ตราบใดที่ยังมีสภาวะอยู่และยังไม่ละความยึดมั่นในสภาวะนั้นๆย่อมอยู่ใต้กฎไตรลักษณ์คือความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตน

แต่ถ้าสังขารที่คุณว่านี้หมายถึง ร่างกายของเรา
การละความยึดมั่นถือมั่นในรูปกายได้ก็เป็นสภาวะเริ่มแรกของอริยบุคคล
จากการพิจารณาในรูปกาย ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์และไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
เป็นเพียงธรรมชาติของเขาอย่างนั้นคือเป็นแค่การมาประชุมกันของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
จนแจ้งถึงจิตถึงใจแล้วว่า รูปกายนี้ไม่ใช่เราจริงๆ
สภาวะนี้ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็จะสามารถก้าวสู่ความหลุดพ้นได้ในไม่ช้าครับ

จะละความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ก็ต้องอาศัยสมาธิและปัญญาในการพิจารณาทั้งสิ้นครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2010, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 11:50
โพสต์: 147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าวังทอง เขียน:
ขอสภาวะ การดับสังขารหน่อยคับ

จะดับสังขารที่หมายถึง การปรุงแต่ง
ต้องใช้สภาวะการระลึกรู้ ที่เรียกว่าสติครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 23:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดับได้สิคับ ถ้าดับไม่ได้ จะเข้านิโรธสมาบัติได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าดับอย่างนั้นก็ดับได้ครับ แต่ความดับนั้นก็ไม่เที่ยงนะครับ ไม่ได้ดับอยู่ตลอดเวลาใช่มั้ยล่ะครับ
เมื่อออกฌาณแล้วสภาพต่างๆก็กลับมาเหมือนเดิม หรือจะพูดให้ชัดคือดับได้แต่ไม่สามารถทำให้ดับตลอดไปได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 12:33
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเห็นว่า สังขาร ไม่ใช่เรา ตามความเป็นจริงได้ เราก็ไม่มีสังขาร อย่างนี้ถึง สังขารไม่ดับ
แต่ สังขารไม่ใช่เราแล้ว ดับหรือไม่ดับก็ช่างมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2010, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พงพัน เขียน:
ถ้าดับอย่างนั้นก็ดับได้ครับ แต่ความดับนั้นก็ไม่เที่ยงนะครับ ไม่ได้ดับอยู่ตลอดเวลาใช่มั้ยล่ะครับ
เมื่อออกฌาณแล้วสภาพต่างๆก็กลับมาเหมือนเดิม หรือจะพูดให้ชัดคือดับได้แต่ไม่สามารถทำให้ดับตลอดไปได้

เมื่อดับแล้วมันก็ไม่เกิดแล้ว ที่ท่านว่ามามันยังเกิดอยู่แสดงว่าไม่ได้ดับจะมีนิพานไว้ทำไม
พระพุทธเจ้าท่านก็เข้านิโรธ อรหันต์ดับแล้วซึ้งกิเลสทั้งปวง
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แปลอริยสัจ 4ให้เข้าใจถึง คำว่าพุทธไปลยดิท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2010, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


lnwoสูsย์ เขียน:
ถ้าเห็นว่า สังขาร ไม่ใช่เรา ตามความเป็นจริงได้ เราก็ไม่มีสังขาร อย่างนี้ถึง สังขารไม่ดับ
แต่ สังขารไม่ใช่เราแล้ว ดับหรือไม่ดับก็ช่างมัน


เวง นิโรธคือการดับทุกข์ อย่าหลงทางดิท่าน อริยสัจ4คือไรหาคำตอบให้เจอก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2010, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 12:33
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าวังทอง เขียน:
lnwoสูsย์ เขียน:
ถ้าเห็นว่า สังขาร ไม่ใช่เรา ตามความเป็นจริงได้ เราก็ไม่มีสังขาร อย่างนี้ถึง สังขารไม่ดับ
แต่ สังขารไม่ใช่เราแล้ว ดับหรือไม่ดับก็ช่างมัน


เวง นิโรธคือการดับทุกข์ อย่าหลงทางดิท่าน อริยสัจ4คือไรหาคำตอบให้เจอก่อน

เวง นิโรธคือทุกข์ดับไป อย่าหลงทางดิท่าน อริยสัจ4คือไรหาคำตอบให้เจอก่อน


แก้ไขล่าสุดโดย lnwoสูsย์ เมื่อ 01 ก.พ. 2010, 13:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2010, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่อ จามจุรีหลงรักหางตัวเองเสียแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2010, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


lnwoสูsย์ เขียน:
เจ้าวังทอง เขียน:
lnwoสูsย์ เขียน:
ถ้าเห็นว่า สังขาร ไม่ใช่เรา ตามความเป็นจริงได้ เราก็ไม่มีสังขาร อย่างนี้ถึง สังขารไม่ดับ
แต่ สังขารไม่ใช่เราแล้ว ดับหรือไม่ดับก็ช่างมัน


เวง นิโรธคือการดับทุกข์ อย่าหลงทางดิท่าน อริยสัจ4คือไรหาคำตอบให้เจอก่อน

เวง นิโรธคือทุกข์ดับไป อย่าหลงทางดิท่าน อริยสัจ4คือไรหาคำตอบให้เจอก่อน

ก็เหลือแต่การเข้านิโรธอย่างเดียวที่ทำไม่ได้ ช่วยบอกผมทีว่าจะทำยังไงดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2010, 10:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 12:33
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าวังทอง เขียน:
lnwoสูsย์ เขียน:
เจ้าวังทอง เขียน:
lnwoสูsย์ เขียน:
ถ้าเห็นว่า สังขาร ไม่ใช่เรา ตามความเป็นจริงได้ เราก็ไม่มีสังขาร อย่างนี้ถึง สังขารไม่ดับ
แต่ สังขารไม่ใช่เราแล้ว ดับหรือไม่ดับก็ช่างมัน


เวง นิโรธคือการดับทุกข์ อย่าหลงทางดิท่าน อริยสัจ4คือไรหาคำตอบให้เจอก่อน

เวง นิโรธคือทุกข์ดับไป อย่าหลงทางดิท่าน อริยสัจ4คือไรหาคำตอบให้เจอก่อน

ก็เหลือแต่การเข้านิโรธอย่างเดียวที่ทำไม่ได้ ช่วยบอกผมทีว่าจะทำยังไงดี

อันดับแรก ไปสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ แล้วมาเรียนใหม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2010, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าวังทอง เขียน:
พงพัน เขียน:
ถ้าดับอย่างนั้นก็ดับได้ครับ แต่ความดับนั้นก็ไม่เที่ยงนะครับ ไม่ได้ดับอยู่ตลอดเวลาใช่มั้ยล่ะครับ
เมื่อออกฌาณแล้วสภาพต่างๆก็กลับมาเหมือนเดิม หรือจะพูดให้ชัดคือดับได้แต่ไม่สามารถทำให้ดับตลอดไปได้

เมื่อดับแล้วมันก็ไม่เกิดแล้ว ที่ท่านว่ามามันยังเกิดอยู่แสดงว่าไม่ได้ดับจะมีนิพานไว้ทำไม
พระพุทธเจ้าท่านก็เข้านิโรธ อรหันต์ดับแล้วซึ้งกิเลสทั้งปวง
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แปลอริยสัจ 4ให้เข้าใจถึง คำว่าพุทธไปลยดิท่าน


พระอรหันต์ ถ้าดับสังขารได้สนิท ตลอดเวลา มันก็เที่ยงน่ะสิครับ
นิพพานเท่านั้นที่เป็นของเที่ยง
พระอรหันต์ ตราบใดที่ยังอาศัยขันธ์๕อยู่ ยังไม่ดับขันธ์เข้าสู่นิพพาน ขันธ์๕ของท่านก็ยังอยู่ใต้กฎไตรลักษณ์


มีคนเคยถามหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ว่า "ท่านยังมีโกรธอยู่ไหม"
หลวงปู่ตอบสั้นๆว่า "มี แต่ไม่เอา"


พอจะแปลความได้ไหมครับว่า พระอรหันต์ยังมีกิเลสอยู่เต็มๆ
เวทนานั้นมีอยู่ตามธรรมชาติของมัน แต่ไม่ได้เสวยเวทนานั้น

อีกครั้งหนึ่ง มีคนถามหลวงปู่เรื่องการละกิเลสว่า "ทําอย่างไรจึงจะตัดความโกรธให้ขาดได้"
หลวงปู่ตอบว่า "ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก มีแต่รู้ทัน เมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง"


เห็นได้ชัดว่า กิเลส ไม่สามารถดับแบบไม่ให้เกิดขึ้นมาอีกเลยได้
แต่สามารถดับได้ก็เมื่อรู้ทันเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว

ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
นิโรธ คือ การดับสมุทัย ดับตัณหา ดับต้นเหตุแห่งทุกข์มิใช่ดับทุกข์หรือดับกิเลส
ผู้ที่หลงทางคือผู้ที่ไล่ดับกิเลส กิเลสมันก็เกาะอยู่กับขันธ์๕จนวันตาย
พอกิเลสเกิดก็ไปไล่ดับมัน ทั้งๆที่มันเกิดขึ้นมาแล้วดับไปเป็นธรรมชาติ
แต่หลายคนก็ยังไปผืนธรรมชาติกัน จะไม่ให้มันมี ไม่ให้มันเกิด
นี่แหละวิภวตัณหาเกิดขึ้นแล้ว ต้นเหตุแห่งทุกข์เกิดแล้ว
แต่ถ้าพิจารณาจนยอมรับแล้วว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆ มันจึงวางได้ ตัณหาดับทันที
นี่แหละครับคือนิโรธ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2010, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สร้างทำไมพระ วัตถุไม่มีแก่นสาร ไม่จำเป็นที่จะต้องชำระหนี้สงฆ์แล้ว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร