วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 03:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 19:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่ออีกนิดหนึ่ง

ชีวิต = กับคนๆหนึ่ง พุทธศาสนาจำแนกชีวิตออกเป็น ๒ ส่วนคือร่างกาย (รูปธรรม)กับใจ (นามธรรม)

ดังกล่าวแล้ว

แล้วท่านยังจำแนกแจกแจงอีกเรียกว่าขันธ์ ว่าโดยขันธ์ ได้ ๕ ขันธ์ (รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์

สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์)

มิใช่เท่านั้น ท่านยังจำแนกออกโดยความเป็นอายตนะ ได้ 12 อายตนะ (อายตนะ 12)บ้าง

จำแนกโดยความเป็นธาตุ ได้ 18 ธาตุ (ธาตุ 18) บ้าง

จำแนกโดยความเป็นอินทรีย์ ได้ 22 (อินทรีย์ 22) บ้าง

เมื่อท่านกระจายชีวิตโดยมีชื่อเรียกต่างๆกันไป พวกเราก็หลงศัพท์หลงธรรมหรือหลงชีวิตกันไปไกลเลยขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 23 ก.พ. 2010, 19:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่น คือ ชีวิตที่ท่านจำแนกแจกแจงกระจายออกไป เพื่อให้คลายความยึดติดถือมั่นหยาบๆ ทางการศึกษา

แต่ธรรมชาติของชีวิตซับซ้อนพิสดารมากๆๆ

ดูตัวอย่างหนึ่ง


อ้างคำพูด:
มีน้องคนหนึ่งอยากนั่งสมาธิ แต่ว่านั่งสมาธิไม่ได้ นั่งแล้วเกิดอาการแปลกๆ เกิดนิมิตว่าตัวเองนั่งอยู่กลางน้ำ

นั่งแล้วเกิดอาการร้องให้ น้ำตาใหล แต่ว่าสามารถเดินจงกรมได้

เลยไม่รู้จะทำยังไงที่จะสามารถทำสมาธิได้



http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 14982.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่างข้างบน ที่ว่าทำสมาธิแล้วคิดว่าไปนั่งอยู่กลางน้ำกลางท่า

ถามว่า ไปนั่งอยู่กลางน้ำจริงไหม ?

ตอบว่า ไม่จริง

อันที่จริงตัวเขาเองก็นั่งอยู่ที่ห้องหรือบนที่นั่งตรงนั้นแหละ

แต่นามธรรม (จิต) คิดเห็นหรือถูกปรุงแต่งไปอย่างนั้น

แล้ว (ตนเอง) ก็ยึดว่าเป็นอย่างนั้น จึงทนต่อสภาวธรรมนั้นไม่ได้ จึงทำสมาธิไม่ได้

อันที่จริงจิต มโน หรือ วิญญาณ เกิดดับอยู่เรื่อยทั้งคืนทั้งวัน (ทุกลมหายใจ)

แต่ตนไม่รู้

พิจารณาพุทธพจน์นี้อีกครั้ง




“ภิกษุทั้งหลาย การที่บุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ จะเข้าไปยึดถือร่างกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ ว่า

เป็นตัวตน ยังดีกว่าจะยึดถือจิตว่าเป็นตัวตน เพราะว่าร่างกายนี้ ยังปรากฏให้เห็นว่า

ดำรงอยู่ปีหนึ่งบ้าง 2 ปีบ้าง 3-4-5 ปีบ้าง 10-20-30-40-50 ปีบ้าง 100 ปีบ้าง

เกินกว่านั้นบ้าง

แต่สิ่งที่เรียกว่า จิต มโน หรือ วิญญาณ นี้เกิดดับอยู่เรื่อย ทั้งคืนทั้งวัน”

(สํ.นิ.16/231/114)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกจากขันธ์ ๕ ที่จะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมขันธ์ ๕

ให้ชีวิตดำเนินไป

ชีวิตเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือ มีอยู่ในรูปกระแสแห่งปัจจัยต่างๆ

ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน

ไม่มีส่วนใดในกระแสคงอยู่ที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้น

แล้วสลายตัวต่อๆไปอีก

ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไป

อย่างมีเหตุผล และ คุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

ในภาวะอย่างนี้ ชีวิตจึงเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่งอนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่

อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัวตนได้

ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ

ในกรณีทีมีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเรียนรู้ว่า ชีวิต (คือกายใจ) นี้เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ แต่ก็มีพุทธพจน์ =>

"การประสบไตรลักษณ์อย่างไม่รู้เท่าทัน กลับทำให้เกิดทุกข์"

(เช่น สํ.ข.17/4/4; 32/21; 87/53)

เพราะอะไร? จึงเป็นเช่นนั้นล่ะ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:
คุณsirisukครับ


ผมหาได้สนใจคำอนุโมทนา หรือcomment ไม่ว่าจะชมหรือด่า ผมไม่สนทั้งนั้น ผมมาเพื่อเผยแพร่พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเดียว


:b8: :b8: ขอบคุณที่เตือนสติ

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 11:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sirisuk เขียน:

ขอบคุณที่เตือนสติ


วันนี้พูดน้อยจัง :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 14:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 13:42
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
...แต่ตถาคตเรียก ร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง



สหายธรรมกล่าวตู่ธรรมโดยอ้างตถาคต (ไม่ทราบว่าตำราเล่มนั้นใครเขียน) ที่ว่า => (ตถาคตเรียก ร่างกาย...นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง)

อยากจะแนะนำให้เอาหนังสือเล่มนั้นไปเผาไฟเสียก่อนแล้วเอาขี้เถาไปลอยปากอ่าวเจ้าพระยา ให้กระแสน้ำพัด

ออกไปน่านน้ำสากล :b32:


ดิฉันเพิ่งสมัครสมาชิกนะคะ เห็นเจ้าของกระทู้เขาอ้างที่มาว่า:
จากมหาวรรคที่ ๗
๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑

.....แต่ตถาคตเรียก ร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง .....

ดิฉันไปค้นดู ก็เห็นข้อความตามนั้นจริง ข้อความนี้อยู่ในอัสสุตวตาสูตรที่ ๑ คุณกรัชกายจึงไม่สมควรแนะนำให้เอาหนังสือเล่มนั้นไปเผาไฟเสียก่อนแล้วเอาขี้เถาไปลอยปากอ่าวเจ้าพระยา ให้กระแสน้ำพัดนะคะ บาปแย่เลย

ดิฉันคิดว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้กล่าวตู่พระธรรมแต่อย่างใด คุณกรัชกายจะได้ความรู้ทางธรรมเพิ่มขึ้น ถ้าอ่านข้อเขียนของเจ้าของกระทู้โดยไม่มีอคติ

ดิฉันชี้แนะและติเตียนคุณกรัชกายมาด้วยความเคารพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 13:42
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
[color=#0000BF]ตัวอย่างข้างบน ที่ว่าทำสมาธิแล้วคิดว่าไปนั่งอยู่กลางน้ำกลางท่า

ถามว่า ไปนั่งอยู่กลางน้ำจริงไหม ?

ตอบว่า ไม่จริง

อันที่จริงตัวเขาเองก็นั่งอยู่ที่ห้องหรือบนที่นั่งตรงนั้นแหละ

แต่นามธรรม (จิต) คิดเห็นหรือถูกปรุงแต่งไปอย่างนั้น

แล้ว (ตนเอง) ก็ยึดว่าเป็นอย่างนั้น จึงทนต่อสภาวธรรมนั้นไม่ได้ จึงทำสมาธิไม่ได้

อันที่จริงจิต มโน หรือ วิญญาณ เกิดดับอยู่เรื่อยทั้งคืนทั้งวัน (ทุกลมหายใจ)

แต่ตนไม่รู้
......

(สํ.นิ.16/231/114)


ดิฉันเป็นสมาชิกใหม่นะคะ ใคร่ขอเรียนถามตุณกรัชกายว่า:

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำสมาธิแล้วคิดว่าเหาะไปพรหมโลกและไปภพภูมิต่างๆ (จิต) คิดเห็นหรือถูกปรุงแต่งไปอย่างนั้น ใช่หรือเปล่าคะ

พระเกจิอาจารย์ฝ่ายปฏิบัติที่คนไทยนับถือว่าเป็นอริยะเจ้าต่างยืนยันว่า การเหาะ การเดินบนน้ำ และอภิญญาอื่นๆมีจริง (จิต) คิดเห็นหรือถูกปรุงแต่งไปอย่างนั้น ใช่หรือเปล่าคะ


แก้ไขล่าสุดโดย เจ้าหญิงน้อย เมื่อ 24 ก.พ. 2010, 14:18, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 14:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




011.gif
011.gif [ 120.52 KiB | เปิดดู 3902 ครั้ง ]
คนดีที่โลกลืมหรือคุณพลศักดิ์หายไปไหนแล้วครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดจริงๆนะครับ ความรู้ความเข้าใจธรรมะบ้าๆบอๆแบบนั้น

หากไม่เกรงใจกรัชกายต้องการให้ไปเผาตัวตายด้วยซ้ำ :b16:

กายก็ส่วนกาย จิต หรือ มโน หรือวิญญาณ ก็ส่วนจิต มโน หรือวิญญาณ คนละส่วนกัน

สัมมาสติที่เป็นองค์มรรค ซึ่งว่าด้วยสติปัฏฐาน กล่าวไว้ชัด กาย เวทนา จิต ธรรม กาย เป็นส่วนรูปธรรม

เวทนา จิต ธรรม เป็นส่วนนามธรรม

หากเรียกกายว่า จิต มโน หรือวิญญาณ จะต้องแยกดูแยกปฏิบัติทำไม

หรือตัวอย่างง่ายๆ ชีวิตคนเนี่ย ที่ตามองเห็นเป็นรูป (ตา+รูป)ที่รู้สึกนึกคิด เป็นส่วนจิตใจ

จึงเป็นชีวิตได้ สองส่วนนี้แยกกันเมื่อไหร่ ก็เรียกว่าตาย ง่ายๆแค่นี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 24 ก.พ. 2010, 14:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
“ภิกษุทั้งหลาย การที่บุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ จะเข้าไปยึดถือร่างกาย...ว่าเป็นตัวตน ยังดีกว่าจะยึดถือจิต

ว่าเป็นตัวตน เพราะว่าร่างกาย ยังปรากฏให้เห็นว่า ดำรงอยู่ปีหนึ่งบ้าง 2 ปีบ้าง 3-4-5 ปีบ้าง 10-20-

30-40-50 ปีบ้าง 100 ปีบ้าง เกินกว่านั้นบ้าง แต่สิ่งที่เรียกว่า จิต มโน หรือ วิญญาณ นี้เกิดดับอยู่เรื่อย

ทั้งคืนทั้งวัน”

(สํ.นิ.16/231/114)



แม้พุทธพจน์นั่น ก็แยกร่างกาย...ส่วนหนึ่ง

กับจิต มโน หรือ วิญญาณ ส่วนหนึ่ง

ไม่ได้เรียกกายว่าจิต ว่ามโน ว่าวิญญาณ ดังกระทู้ตั้งสะหน่อย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




picture-3996.gif
picture-3996.gif [ 11.4 KiB | เปิดดู 3884 ครั้ง ]
คนดีที่โลกลืม (พลศักดิ์)จะมาอีกไหมขอรับ เรื่องเหาะเหินเดินอากาศ ยกไว้ก่อน

เอาเรื่องคนเดินดินกินข้าวแกง ซึ่งยังประกอบด้วยทุกข์ก่อน มาปฏิบัติเพื่อให้ตนของตนพ้นจากทุกข์ให้ได้ก่อน

แล้วค่อยเหาะเหินเดินอากาศหรือดำดิน ฯลฯ

จะเหาะไปสามเหลี่ยมเมอร์มิวด้า หรือเหาะไปไหนก็ไป กรัชกายขอเกาะหลังไปด้วย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 24 ก.พ. 2010, 16:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าหญิงน้อย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
...แต่ตถาคตเรียก ร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง



สหายธรรมกล่าวตู่ธรรมโดยอ้างตถาคต (ไม่ทราบว่าตำราเล่มนั้นใครเขียน) ที่ว่า => (ตถาคตเรียก ร่างกาย...นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง)

อยากจะแนะนำให้เอาหนังสือเล่มนั้นไปเผาไฟเสียก่อนแล้วเอาขี้เถาไปลอยปากอ่าวเจ้าพระยา ให้กระแสน้ำพัด

ออกไปน่านน้ำสากล :b32:


ดิฉันเพิ่งสมัครสมาชิกนะคะ เห็นเจ้าของกระทู้เขาอ้างที่มาว่า:
จากมหาวรรคที่ ๗
๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑

.....แต่ตถาคตเรียก ร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง .....

ดิฉันไปค้นดู ก็เห็นข้อความตามนั้นจริง ข้อความนี้อยู่ในอัสสุตวตาสูตรที่ ๑ คุณกรัชกายจึงไม่สมควรแนะนำให้เอาหนังสือเล่มนั้นไปเผาไฟเสียก่อนแล้วเอาขี้เถาไปลอยปากอ่าวเจ้าพระยา ให้กระแสน้ำพัดนะคะ บาปแย่เลย

ดิฉันคิดว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้กล่าวตู่พระธรรมแต่อย่างใด คุณกรัชกายจะได้ความรู้ทางธรรมเพิ่มขึ้น ถ้าอ่านข้อเขียนของเจ้าของกระทู้โดยไม่มีอคติ

ดิฉันชี้แนะและติเตียนคุณกรัชกายมาด้วยความเคารพ


คนที่โดนกิเลสมารสิงใจ ย่อมมองไม่เห็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เขาจะกลัวบาปได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พิจารณาขันธ์ ๕ หรือชีวิตที่พระพุทธเจ้าอุปมาไว้ต่างๆกัน


“พระพุทธเจ้า ได้แสดงไว้ว่า

รูป อุปมาเหมือนฟูมฟองแม่น้ำ

เวทนา อุปมาเหมือนฟองน้ำฝน

สัญญา อุปมาเหมือนพยับแดด

สังขาร อุปมาเหมือนต้นกล้วย

วิญญาณ อุปมาเหมือนมายากล

ภิกษุพินิจดู พิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ซึ่งเบญจขันธ์ (ขันธ์ ๕) นั้น ด้วยประการใดๆ

ก็มีแต่สภาวะว่างเปล่า

พระผู้ทรงปัญญาดังผืนแผ่นดิน ทรงปรารภร่างกายนี้ แล้วทรงแสดงการละธรรม ๓ อย่าง (โลภะ โทสะ โมหะ

หรือ ตัณหา มานะ ทิฐิ) ไว้

ท่านทั้งหลาย จงดูรูปที่เขาทิ้งแล้ว

เมื่อใด อายุ ไออุ่น และวิญญาณละกายนี้

เมื่อนั้น ร่างกายก็ถูกทิ้งนอนไร้จิตใจ กลายเป็นอาหารของสัตว์อื่น

นี้แหละการสืบต่อ (ชีวิต) ก็อย่างนี้ มันเป็นมายากลหลอกคนโง่ให้เพ้อ ได้บอกแล้วว่า ขันธ์ ๕ นี้

เป็นผู้ล่าสังหารอยู่ในตัว จะหาแก่นสารในขันธ์ ๕ นี้ ย่อมไม่มี

ภิกษุระดมเพียรแล้ว พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลายอย่างนี้ โดยมีสัมปชัญญะ มีสติมั่น ทั้งวันทั้งคืน พึงละเครื่องผูกมัด

เสียให้หมด พึงสร้างที่พึ่งให้แก่ตน เมื่อปรารถนาอัจจุตบท (นิพพาน) ก็พึงประพฤติเหมือนดังคนที่ศีรษะ

ถูกไฟไหม้”

(สํ.ข.17/247/174)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 24 ก.พ. 2010, 19:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร