...สวัสดีและยินดีที่ได้รู้จักค่ะ...คุณคิดดี ทำดี พูดดี...
...ในบทแผ่เมตตาอธิบายเกี่ยวกับกรรมที่เราทำไว้ว่า...
...เรามีกรรมเป็นของของตน...มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย...
...มีกรรมเป็นผู้ติดตาม...มีกรรมแดนเกิด...เราจักทำกรรมอันใดไว้...
...เป็นบุญหรือเป็นบาป...เราจักเป็นทายาทคือว่าจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป...

...คนอื่นแก้กรรมให้เราไม่ได้ค่ะ...แต่เขาสามารถทำบุญแทนเราแล้วอุทิศให้เราได้...
...พวกหมอดูทั้งหลายแหล่...จึงมีสารพัดข้ออ้างเพื่อให้เราเอาปัจจัยคือเงินให้เขาแก้ให้เรา...
...ลองนึกถึงหลักความจริงตามเหตุผลสิคะ เช่น เราหิวข้าวคนอื่นกินเราไม่อิ่ม...
...แต่เขาก็แบ่งมาให้เรากินพอแก้หิวได้...แต่เราก็จะรู้สึกเกรงใจและขอบคุณ...
...ทำนองเดียวกันหมอดูไม่ว่าประเภทใด...เขาก็ต้องคิดถึงตัวเองก่อน...
...แต่เขาอาสาทำให้เรา...เขาก็ต้องขอค่าใช้จ่ายที่จะไปทำแล้วเขาก็ได้ประโยชน์ด้วย..

...ลองคิดให้ดีว่าเราจะฝากให้คนอื่นไปทำ...กับเราไปทำเองอันไหนสบายใจกว่าคะ...
...เราไม่ต้องไปสนใจว่าเขาจะด่าเราอย่างไร...เขาทำแบบนั้นเขาก็ทำผิดศีลแล้ว...
...เขาก็จะต้องรอรับผลกรรมอันนั้นต่อไป...ส่วนเราให้ส่งจิตแผ่เมตตาให้เขา...
...อธิษฐานว่าเงินที่เราให้เขาไปแล้วเราไม่เอาคืน...เราให้ไว้เพื่อให้เขาเอาไปทำบุญ...
...ขอให้เขามีความสุข...หากเคยได้ล่วงเกินกันมาขออโหสิกรรมและขออนุโมทนาบุญด้วย...

...ขออนุญาตแนะนำค่ะ...เมื่อเราทุกข์ใจ...เราไม่มีทางออก...ไม่มีที่พึ่ง...จึงคิดว่าพึ่งหมอดูน่าจะดี...
...ลองเปลี่ยนความคิดเป็นพึ่งสามร่มโพธิ์ศรีดูสิคะ...พึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และปฏิบัติธรรม...
...หนทางนี้ทางเดียวที่จะทำให้เราใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ที่มีแต่ความวุ่นวายได้อย่างทุกข์ใจน้อยลงค่ะ...
...ใหม่ๆการปฏิบัติธรรมอาจจะยากหน่อย...เมื่อทำจนเป็นปกติวิสัยแล้วต่อไปก็จะพึ่งตัวเองได้ค่ะ...

...สามร่มโพธิ์ศรีhttp://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=29204

คุณต้องศึกษาธรรมตามที่คุณ "kaveebsc" แนะนำและปฏิบัติธรรมด้วยตัวเองอย่างจริงจังแล้วล่ะครับ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อพวกมัน พวกที่ "ทำนาบนหลังคน หากินบนความทุกข์ผู้อื่น" คนพวกนี้มันใช้จิตวิทยาเก่งในการที่มันจะดึงเงินในกระเป๋าคุณ ผู้ที่เป็น "โลกะวิทู" คือเป็นผู้รู้โลกอย่างแจ้มแจง มีอยู่เพียงท่านเดียวคือ "พระพุทธเจ้า" ครับ เพราะฉะนั้นพวกมันจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าได้อย่างไร พระพุทธเจ้าให้ความคุ้มครองเราทุกคนให้ปลอดภัยจากพวกมัน ถ้าเราทุกคนศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ด้วยพระพุทธองค์เอง คุณพระรัตนตรัยจงรักษาครับ...ขออนุโมทนา

...กรณีหมอดูคนใดเป็นคนดีมีคุณธรรมเขาก็ไม่ขูดรีดค่ะ...จะแจงค่าใช้จ่ายสมมาพาควร...
...ไม่ได้โลภมากจนเกินเหตุ...แบบนี้จะมีผู้คนยกย่องสรรเสริญ...ศรัทธามาเองไม่ขอเขาก็ให้ค่ะ
...สังเกตุดูก็ได้หมอดูส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนที่ปฏิบัติธรรม...เขาก็สะสมบารมีมาพอควร...
...บารมีศีลและบารมีธรรมที่เขาปฏิบัติก็รักษาตัวเขา...บางครั้งก็เปลื้องทุกข์ให้คนอื่นได้...
...ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น...เราก็ได้ในเรื่องรอเวลาให้สิ่งต่างๆดีขึ้น...ปกติเวลาก็เยียวยาทุกอย่างอยู่แล้ว

ไม่ต้องกลัวหรอก

แปลว่าเขาทำอะไรเราไม่ได้จริงๆ
เลยหมดกำลังใจ ไร้ที่พึ่ง ไปพึ่งพิงการแช่ง

เขาได้แช่งแล้วก็รู้สึกได้ปลดปล่อยความโกรธ
รู้สึกว่าได้ทำร้ายเราอยู่บ้าง (ทั้งที่พูดตามตรงก็คือทำอะไรเราไม่ได้อีก)
เขาหลอกตัวเองว่าทำร้ายเราได้ ก็ช่างเขาเถอะ

ขอบคุณทุกคำตอบค่ะดิฉันจะนำไปปฎิบัติตาม
อนุโมนาค่ะ

ไม่มีใครแก้กรรมให้ใครได้ค่ะ มีแต่แผ่เมตตาแผ่ส่วนกุศลให้ แต่กุศลและวิบากก็ต้องแยกกัน ทำวิบากมายังไงก็ต้องใช้ให้หมดค่ะ แต่กุศลที่สร้างจะทำให้สามารถทอนวิบากได้น่ะค่ะ

คนเราเวลาที่เจอทุกข์มากๆ หาที่พึ่งไม่ได้จริง ก้หวังพึ่งพ่อมด หมอผี
แต่พ่อมด หมอผีในปัจจุบันนี้ มีกลอุบายที่แยบยลอีก อีกทั้งหลอกล่อให้เชื่อและทำตาม
อย่างง่ายดาย แถมเชิงบังคับ เวลาที่เจอทุกข์แล้วแก้ทุกข์ไม่ได้ ความทุกข์พวกนี้
จะบดบังปัญญา จนเราหน้ามืดตาบอด พอเราเชื่อเข้าไปปั๊บ ก้กเหมือนปลากินเหยื่อ
แต่พอเราถอนตัวออกมา ค่อยๆคิดอย่างสมเหตุผล และเลือกทำวิธีเหมาะสมกับพบว่า
สบายใจมากกว่า และก้เสียเงินเพียงนิดเดียวเท่านั้น ไม่ต้องเป้นทุกข์เป็นสองเท่าจาก
การต้องหาเงินมาผ่อนสะเดาะเคราะห์อีก

เมื่อคิดได้แล้วผมก้ดีใจด้วยคับ เมื่อมีสติรู้ทันเล่ห์กลคนอื่นความคิดดีๆก้เกิดขึ้น

โบราณว่าไว้
"รู้จริงต้องทำได้

รู้จำต้องท่องได้

รู้แจ้งต้องคิดก่อน(คิดได้ก่อน เพราะมีปัญญา ๆ พาคิดออก บอกได้ ไล่ทัน เกิดทรัพย์ภายในขึ้น)"



หลักๆมีอย่ว่าใคร เป็นคนทำ คนนั้นต้องเป็นคนแก้ เหมือนไปยืมเงินคนอื่นมา เวลาเขามาทวง
ก้ต้องมาทวงกะเรา เมื่อเรายังหาคืนไม่ได้หรือคืนไม่ครบ ก้ยังถือว่าติดหนี้เขาอยู่ เรื่องกรรมนั้นละเอียด
อ่อนกว่าเป็นร้อยเท่า หากติดกรรมใครหรือทำอะไรที่ไม่ดีไว้ เราต้องเป้นผู้ชดใช้เองทั้งหมดรวมทั้งต้น
ทั้งดอก ตอนนี้เหมือนตัวเองแย่ก้อาจเป้นเพราะเสวยเคราะห์กรรมที่ไม่ดีอยู่ เมื่อผ่านช่วงนี้ไปได้แล้ว
ด้วยความมีสติ(ใช้ความคิดๆพิจารณาเมื่อพบปัญหา) + ความอดทน(เมื่อต้องเจอทุกข์ใจทุกข์กายที่มา
จากความไม่สมหวังหรือจากคำสาปแช่งนินทา) ได้แล้วต่อไปจะได้รับผลกรรมดีเอง

ดิฉันตั้งใจจะนำความรู้ที่ได้บอกกล่าวกับบุคคลที่ยังหลงทางอยู่ อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้ไม่ถูกหลอกให้เสียเงินแบบดิฉัน จึงขอขอบคุณและอนุโมทนากับทุกความคิดเห็น

ป.ล. ถ้าตอนนี้ดิฉันยังแก้กรรมกับหมอดูอยู่ คงคิดว่าหมอดูเก่งมาก เพราะตอนนี้แฟนดิฉันกับมาง้อขอเป็นเหมือนเดิม แต่ดิฉันเลือกคบกับเขาในฐานะเพื่อนหรือพี่น้องที่คอยให้คำปรึกษา และหวังดีต่อกันค่ะ

ขอร่วมแสดงความคิดเห็นนะครับ

กรรมนั้นไม่สามารถแก้ได้ เพราะกรรม คือ การกระทำไปแล้ว ในโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ได้มี
โดราเอม่อนที่ย้อนอดีตได้สักหน่อย พระพุทธองค์อุปมากรรมเหมือนกับเกลือ เกลือที่ใส่ลงไปในน้ำ
น้ำมันก็เค็ม หากเราสร้างกุศลไว้ กุศลเปรียบเหมือนน้ำ น้ำที่เทๆเข้าไปในน้ำเกลือ เกลือนั้นมีอยู่
แต่ความเค็มของมันจางลง ถ้าพูดในเรื่องกฏแห่งกรรม ก็น่าจะพูดเกี่ยวกับกรรมตัดรอน ตัดรอนในที่นี้หมายความว่า เลื่อนการให้ผลไป เช่นว่า พระองคุลีมาลก็ได้ฆ่าคนตั้งมากมาย
แต่เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว กุศลจากการได้บรรลุเป็นพระอรหันต์มันบดบังกรรมที่ได้ฆ่าคนไปทำให้ไม่ต้องไปเกิดในนรกภูมิหรือต้อง
โดนคนอื่นฆ่าคืนกลับแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้พ้นเลยนะ ท่านก็โดนปาก้อนหินใส่จนเลือดออกนะ แต่กรรมที่ได้รับมันเบาบางลงและเนื่องจากหมดจิตที่จะต้องไปปฏิสนธิต่อไป จึงทำให้กรรมที่ได้ฆ่าคนซึ่งต้องตกนรกภูมิตกเป็นอโหสิกรรมไป คือ ไม่สามารถให้ผลได้นั่นเอง

ผิดถูกยังไง ก็ต้องขออโหสิกรรม ณ ที่นี้ด้วยนะครับ