วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 16:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2009, 09:27
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่รู้ว่าเราจะช่วยได้อย่างไรบ้างค่ะ
คือที่บ้านแฟนเค้ามีปัญหาเรื่องหลานจะเป็นทอมและเหมือนกับว่าแม่ของ
หลานเองก็เหมือนจะมีแฟนเป็นทอมเหมือนกัน ทางพ่อและแม่แฟนเราก็ทุกข์ไม่
รู้จะแก้ไขยังไงดีกับหลานหนะค่ะ
รบกวนด้วยค่ะ

.....................................................
สติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าลำบากใจครับ ...

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า"สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นแดนเกิด "...
พึงเห็นความจริงในข้อนี้ว่า แม่และลูกมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกันในปัจจุบัน ก็เพราะ้เหตุที่มาว่าคงได้เคยทำบาปกรรมคล้ายๆกันมาก่อน ในอดีต จะชาตินี้..ชาติที่แล้ว...หรือแม้เมื่อแสนโกฏกัปป์ชาติที่แล้ว..ก็ตาม เพราะสิ่งทั้งปวงที่เกิดบนโลกนี้ ย่อมมี"เหตุ"ที่มาเสมอ หาได้เกิดเพราะฟลุค โชคร้าย หรือเกิดเองลอยๆไม่..

ในทางโลกๆเขาอาจกล่าวว่าที่เขาเบี่ยงเบนทางเพศเพราะอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม จริงบางส่วนครับ....ส่วนหลักที่สำคัญยิ่งยวดกว่าคือ..ปัจจัย"ภายใน"เฉพาะของตนของเขา อันใครๆรู้ไม่ได้คาดไม่ถึง .. แต่อาศัยคำสอนของพระพุทธเจ้า..จึงสามารถอนุมานได้ว่าเรื่องนี้มีเหตุผลอย่างไร...เมื่อเขาทำเหตุมาเพื่อเป็นเช่นนี้ ใครเล่าจะห้ามไม่ให้"ผล"มาปรากฏได้.....หรือจะกล่าวว่า อำนาจของกรรมนั้นเมื่อจะส่งผลแล้ว ใครจะห้ามปรามขอร้องไม่ให้ส่งผลได้ละหรือ ? ต่อให้มีฤทธิ์ขนาดพระพุทธเจ้า ก็ยังหลบไม่พ้นเลย..เมื่อใครๆไม่มีอำนาจบังคับบัญชากรรมมิให้ส่งผลแล้ว ควรหรือที่จะคร่ำครวญเดือดร้อนในสิ่งที่เกิดขึ้น..?

ในทางโลก จะแนะนำว่าให้พยายามหากิจกรรมต่างๆทำเพื่อเบี่ยงเบนความหมกมุ่นในใจของเขา..ซึ่งอาจได้ผลในบางคน แต่ไม่ทุกคน นี้ก็เป็นไปด้วยอำนาจเหตุปัจจัยอีกมากมายเช่นกัน มิใช่ว่าเกิดเองตามอำเภอใจหรือความชอบใจของใครๆ..

ในทางธรรม สิ่งที่จะช่วยบรรเทาหรือแก้ไขพฤติกรรมนี้ คือการศึกษาพระธรรม เพื่อให้เกิดปัญญา อันเป็นเหมือนแสงสว่างส่องให้เห็นความจริง ในสภาพที่ตนเป็นอยู่ว่ามีเหตุคืออกุศลกรรม...ส่องให้เห็นความจริงว่า การที่ยังคงเสพคุ้นพึงพอใจกับอาการเบี่ยงเบนต่อไปย่อมเป็นทางสู่ความเสื่อม ทั้งในโลกนี้แลโลกหน้า ..ในปัจจุบันย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะเกี่ยวข้องด้วยเรื่องที่โลกติเตียน ต่อไปจะเป็นการสั่งสมอุปนิสัยความเบี่ยงเบนจนแก้ได้ยาก ..เป็นอันตรายในสังสารวัฏอันไม่มีที่สุดนี้หากไม่พยายามแก้ไข..ปัญญาที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้เขาสามารถแยกแยะว่าอะไรมีประโยชน์ หรือมีโทษ ควรทำหรือไม่ควร...คนที่ศึกษาธรรมะ จนสามารถเข้าใจและปฏิบัติได้ จะเป็นผู้ที่อยู่กับใครๆได้โดยไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น

เมื่อคุณคิดเกื้อกูลเขาก็พึงแนะนำชักจูงเขาให้ได้พบธรรมะของพระพุทธเจ้าเถิดครับ..แต่นี่อาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เพราะคนที่มีบุญเก่าทำไว้แล้วจึงจะรับได้ ดังนั้น เมื่อคุณขวนขวายที่จะช่วยเขาก็ลองทำดูเถิดครับ เมื่อช่วยแล้วเขาไม่ดีขึ้น ก็พึงวางอุเบกขาว่า..

๑ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรม
เป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่ว
ก็ตาม เขาจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
.
..

เราก็มาด้วยกรรมของเรา จะไปตามกรรมของเรานี่แหละ หากเราทุกข์เพราะเขาก็เท่ากับทำบาปทางใจอยู่เนืองๆ ย่อมมีแต่โทษไม่มีคุณเลย พึงรีบยุติความเดือดร้อนใจเพราะคนอื่นที่เราแก้ไขไม่ได้เสียในบัดนี้เถิด.. :b46: :b47: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 01:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 11:39
โพสต์: 85

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

สิงที่น่ากังวลมากกว่านี้ ถ้าลูก หรือใครคนไหนมีลักษณะอย่างนี้

น่าห่วง อาการน่าเป็นห่วง เขาจะต้อง
เสื่อม แน่นอน


คนที่เสื่อมแน่นอน ๑๒ ประเภท

(ย่อความ)สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ในพระนครสาวัตถี
ครั้งนั้นแล เทวดาตนหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า


ข้าพระองค์มาเข้าเฝ้า เพื่อจะทูลถามถึงผู้ที่เสื่อม และคนผู้ที่เจริญกะท่าน
จึงขอทูลถามว่า


อะไรเป็นทางของคนที่เสื่อม

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า

ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ
ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม
ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ
ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้เสื่อม
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๑.


คนที่รักแต่คนชั่ว ไม่รักคนดี ชอบใจธรรมของคนชั่ว (อสัตบุรุษ)
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๒


คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่ขยันหมั่นเพียร
เกียจคร้าน มักโกรธง่าย
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๓


คนใดมีความสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือ
บิดาผู้แก่เฒ่า อยู่จนล่วงผ่านวัยหนุ่มสาวไป
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๔



คนใดหลอกลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๔


คนมีทรัพย์มาก มีเงินมีทอง มีของกิน
แต่หวงกินของอร่อยแต่ผู้เดียว (ไม่เผื่อแผ่)
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๖


คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์
และหยิ่งเพราะโคตร ย่อมดูหมิ่นญาติของตน
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๗


คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา
และเป็นนักเลงการพนัน ผลาญทรัพย์ที่ตนหามาได้
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๘


คนไม่สันโดษพอใจในภริยาของตน
ประทุษร้าย(คบชู้)ในภริยาของคนอื่นเหมือนประทุษร้ายในหญิงแพศยา
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๙


ชายแก่ ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา
ย่อมนอนไม่หลับ เพราะความหึงหวงหญิงรุ่นสาวนั้น
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๑๐


คนใดตั้งหญิง ใจนักเลงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หรือ
แม้ชายเช่นนั้นไว้เป็นใหญ่ เป็นผู้นำในบ้านหรือหมู่คณะ
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๑๑


ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ (สูงส่ง)แต่มีโภคทรัพย์น้อย
มีความมักใหญ่ปรารถนาราชสมบัติ (ความร่ำรวย)
ข้อนั้นเป็นทางของคนที่เสื่อมแน่นอน นี้เป็นข้อที่ ๑๒


บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ
พิจารณาเห็นคนเหล่านี้ จัดว่าเป็นผู้เสื่อมในโลก
ท่านย่อมคบหาแต่คนที่เจริญเท่านั้น


ปราภวสูตรที่ ๖

ถ้าลูกหลาน หรือคนที่เรารักเป้นอย่างนี้ น่าเป็นห่วง ๆ ครับ

อัศวโฆษ


แก้ไขล่าสุดโดย aswakos เมื่อ 06 เม.ย. 2010, 01:09, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2009, 09:27
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำค่ะ

.....................................................
สติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วยได้แค่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ค่ะ มันเป็นวิบากกรรมค่ะที่หลานและแม่ของหลานของแฟนคุณจะเป็นแบบนั้น ยังไงก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะเขามาใช้กรรม กรรมที่ใช้แล้วจะค่อยๆหมดไปค่ะ บอกหลานให้สร้างบุญสร้างกุศลไว้เป็นเสบียงนะคะ แล้วมันก็จะหมดในวันนึงเมื่ิอบุญมีมากกว่าวิบากกรรมนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทางพ่อและแม่แฟนเราก็ทุกข์


บอกเขาว่า...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

พระบรมศาสดาตรัสไว้ว่า
ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ตนเป็นผู้รับมรดกแห่งกรรม มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์พวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมนั่นเองย่อมจำแนกสัตว์ทั้งหลายให้เลวบ้าง ให้ดีบ้าง



สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ให้ปล่อยวาง....เพียรสร้างกุศลกรรมในปัจจบันขณะดีกว่า

:b42: นำมาฝากค่ะ..

อ้างคำพูด:
กรรมทำให้แตกต่าง

มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดมนุษย์และมวลสัตว์โลกจึงมีความแตกต่างกันในด้านต่างๆ เช่น รูปร่าง หน้าตา อุปนิสัยใจคอ ความรู้ความสามารถ เป็นต้น ต่อข้อสงสัยนี้ มองในแง่กฎแห่งกรรม ก็สามารถอธิบายได้ว่า ที่มนุษย์แตกต่างกันก็เพราะแต่ละคนมีความปรารถนา มีการสั่งสมกรรมไม่เหมือนกัน
ทีแรกเขากระทำกรรมลงก่อนต่อมาภายหลังกรรมนั้นเองได้ย้อนจำแนกเขาผู้ทำให้เป็นต่างๆ ตามชนิดแห่งกรรมที่บุคคลนั้นๆ ได้ทำลงไปดังที่พระบรมศาสดาตรัสไว้ว่า

ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ตนเป็นผู้รับมรดกแห่งกรรม มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์พวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมนั่นเองย่อมจำแนกสัตว์ทั้งหลายให้เลวบ้าง ให้ดีบ้าง

ที่ว่า มีกรรมเป็นของตน นั้นคือเป็นเจ้าของแห่งกรรม ของอย่างอื่น เช่น เงินทอง ทรัพย์สมบัติ ภายนอก เราเพียงอาศัยใช้ชั่วคราว เมื่อตายหาได้ติดตามไปได้ไม่ มีแต่กรรมดี กรรมชั่วเท่านั้นที่จะติดตามวิญญาณไปทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร สมบัติของเราจริงๆ คือกรรมดี กรรมชั่วที่เราทำ หาใช่ทรัพย์สมบัติภายนอกไม่ มรดกอย่างอื่น เช่น มรดกในทรัพย์สินที่คนอื่นเขาจะมอบให้ ก็เป็นของไม่แน่นอน แต่กรรมที่เราทำแล้วมันเป็นมรดกของเราแน่นอน เมื่อมันเป็นของเราแล้วจะมอบให้คนอื่นก็ไม่ได้ ตัวอย่างเช่นคนเป็นโรคมะเร็ง ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส ลูกเมียพี่น้องได้แต่นั่งคอยดู จะแบ่งมาเป็นของตนบ้างก็ไม่ได้ เพราะกรรมเป็นของๆ ตน และบุคคลต้องรับมรดกแห่งกรรม ใครทำกรรมอย่างใดไว้จึงต้องรับกรรมอย่างนั้นไป ลูกเมีย (ผัว) พ่อแม่ พี่น้องก็ไม่อาจแบ่งผลแห่งกรรมนั้นไปได้ แม้หมอก็ช่วยไม่ได้

ข้อว่า มีกรรมเป็นแดนเกิดหรือเกิดเพราะกรรม นั้น อธิบายว่า คนเราเกิดมาเพราะยังมีกรรมอยู่ คือยังมีกิเลส มีกรรมและมีวิบากคือผลของกรรม ผลของกรรมนั้นย่อมส่งวิญญาณให้เกิดในที่ต่างๆ ตามความเหมาะสมแก่กรรม วิญญาณย่อมปฏิสนธิในที่ๆ เหมาะสมแก่กรรมของตน คนไม่มีกรรมแล้วเช่น พระอรหันต์ ย่อมไม่เกิดอีก มารดาบิดาเป็นเพียงที่อาศัยเกิดของบุคคลผู้ยังมีกรรมอยู่ บางรายก็เคยเป็นบุตรเป็นบิดามารดากันมาหลายร้อยชาติแล้ว บางรายอุปนิสัยแห่งบุตรธิดาไม่เหมือนบิดามารดาเลย อุปนิสัยแห่งบุคคลแสดงถึงผลรวมแห่งกรรมของเขาที่เคยสั่งสมไว้ ในรายที่มีลูกมีอุปนิสัยคล้ายคลึงหรือเหมือนพ่อแม่ แสดงว่าเขาเคยอบรมตนอย่างเดียวกันมาและได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกกันอีก บางรายก็เพราะการปลูกฝังอย่างหนักแน่นรุนแรงในปัจจุบัน แต่ถ้าคนไม่มีอุปนิสัยในทางนั้นอยู่บ้างแล้ว มักจะปลูกฝังไม่สำเร็จ เพราะเขาไม่ยอมรับการปลูกฝัง บุคคลย่อมมีอิสระในการทำชั่วหรือทำดีตามอุปนิสัยของตน

แต่อย่างไรก็ตาม มารดาบิดาที่ดี ชื่อว่าเป็นผู้มีบุญคุณต่อบุตรธิดาอย่างประมาณมิได้ เพราะได้ทุ่มเทความรักความปรานี ความเสียสละให้ลูกอย่างหาใครเสมอเหมือนมิได้เป็นเวลานานปี หรืออาจกล่าวได้ว่าตลอดชีวิตของท่าน แต่มารดาบิดาก็ไม่สามารถช่วยให้ลูกได้ดีทุกคน ถ้าวิญญาณของลูกสั่งสมเอาอุปนิสัยชั่วติดสันดานมาอย่างเหนียวแน่น ในทางตรงกันข้าม พ่อแม่ที่เลวก็ไม่สามารถทำลูกให้เลวได้ทุกคน ลูกคนใดมีอุปนิสัยดีเลิศติดตัวมา เขาย่อมไม่เอาอย่างการกระทำที่เลวของพ่อแม่ เพราะขัดกับอุปนิสัยของเขาและในไม่ช้า เขาก็ต้องปลีกตัวไปอยู่ในที่อันเหมาะสมแก่เขาจนได้ นี่แหละกรรมเป็นแดนเกิด

ข้อว่า มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ นั้นอธิบายว่า พี่น้องโดยสายโลหิตของเราอาจช่วยเราได้บ้าง ช่วยไม่ได้บ้าง เป็นศัตรูกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้าง เบียดเบียนกันบ้าง เมื่อเติบโตขึ้นมาต่างก็แยกย้ายกันไป บางรายห่างกันคนละประเทศ คนละทวีปก็ดี มีความเดือดร้อนเกิดขึ้นก็ช่วยกันไม่ค่อยทัน ถ้าช่วยทันเขาก็ช่วยได้เฉพาะในวิสัยของเขาเท่านั้น พ้นวิสัยแล้ว เขาก็ช่วยไม่ได้ พี่น้องกันแท้ๆ เมื่อเวลาสอบไล่ จะสอบแทนกันก็ไม่ได้ พี่ฉลาด น้องโง่ น้องฉลาด พี่โง่ไม่แน่นอน แต่พวกพ้องเผ่าพันธุ์ที่อยู่กับเราตลอดเวลา คอยคุ้มครองรักษาเราอยู่ตลอดเวลาทั้งเวลาหลับเวลาตื่น คอยช่วยเหลือให้เจริญรุ่งเรืองจริงๆ คือกรรมของเรา บางคนพวกพ้องญาติพี่น้องไม่ดี แต่ตัวเขาเป็นคนดี บางคนญาติพี่น้องเผ่าพันธ์ดี ตระกูลดี แต่ตัวเขากลับตกต่ำ จนเข้าพี่น้องไม่ได้ก็มี ทั้งนี้เพราะพี่น้องเผ่าพันธุ์ของเขาจริงๆ คือกรรมของเขานั่นเอง เขาจึงต้องอยู่กับกรรมของเขา

ข้อว่า มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย นั้น ความว่า ที่พึ่งอย่างอื่นให้บุคคลพักพิงได้เพียงชั่วคราว พ่อแม่เต็มใจให้เราพึ่งก็เฉพาะเมื่อเราอยู่ในปฐมวัย พอเป็นผู้ใหญ่แล้วถ้าพึ่งท่านอยู่อีก ท่านก็รังเกียจ คนอื่นก็ดูหมิ่น จะพึ่งญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงก็ได้เป็นครั้งคราวพึ่งเขาบ่อยนักก็ไม่พ้นการดูถูกดูหมิ่นติเตียน แต่กรรมของเรานั่นแหละ เป็นที่พึ่งของเราได้ตลอดชีวิต เป็นที่พึ่งได้ทุกๆ ชาติ คนที่กรรมไม่ยอมให้พึ่งแล้ว ถึงใครๆ อื่นก็ไม่อาจให้ที่พึ่งได้ มันมีอันให้วิบัติขัดข้องไปหมด ส่วนคนที่กรรมอุปถัมภ์แล้ว ใครจะทำลายก็ไม่ได้ ยิ่งกดยิ่งฟู ยิ่งบังยิ่งเห็น ยิ่งมีคนคิดร้ายยิ่งได้ดี

ตามนัยดังกล่าวมา แสดงให้เห็นว่า บุคคลสั่งสมกรรมอย่างใดย่อมได้รับผลแห่งกรรมอย่างนั้น ประกอบกรรมอันนำไปสู่ความเป็นอย่างใด ย่อมได้รับความเป็นอย่างนั้น กล่าวสั้นๆ คือ ทำดีย่อมได้รับผลดี ทำชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว

ในมหากัมมวิภังคสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องกรรม และคติภพของผู้ทำกรรมแก่พระอานนท์ ใจความว่า
มีบุคคลอยู่ ๔ จำพวก คือ
๑. ผู้ทำชั่วทางกาย วาจา ใจ ตายแล้วไปนรกก็มี ทั้งนี้เพราะบุคคลพวกนี้ได้ทำกรรมชั่วต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ
๒. ผู้ทำชั่วทางกาย วาจา ใจ ตายแล้วไปสวรรค์ก็มีเพราะบุคคลพวกนี้ ทำกุศลกรรมไว้มากในชาติก่อนๆ กุศลกรรมนั้นยังมีแรงให้ผลอยู่ ส่วนกรรมชั่วที่เขาทำใหม่ ยังไม่ทันให้ผล
๓. ผู้ทำสุจริตทั้งกาย วาจา ใจ เมื่อสิ้นชีพแล้วไปสวรรค์ก็มีเพราะบุคคลพวกนี้ ทำความดีติดต่อกันมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงชาติปัจจุบัน
๔. ผู้ทำความดีทางกาย วาจา ใจ ตายแล้วไปนรกก็มี เพราะคนพวกนี้ ได้ทำความชั่วไว้มากในชาติก่อนๆ อกุศลกรรมนั้นยังมีแรงให้ผลอยู่ กุศลกรรมที่เขาทำใหม่ยังไม่มีโอกาสให้ผล
อนึ่ง นอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว ขณะจิตที่จวนตายยังมีส่วนประกอบอีก คือในขณะที่จวนจะตาย ถ้าจิตของผู้ใดยึดมั่นอยู่ในกุศลกรรม ผู้นั้นย่อมไปสู่สุคติสวรรค์ก่อนตามอิทธิพลของอาสันนกรรม (กรรมที่ทำเมื่อจวนจะตาย)

ตามพุทธพจน์นี้ แสดงให้เห็นว่ามนุษย์และมวลสัตว์ ย่อมมีความเป็นไปต่างๆ กันตามกฎแห่งกรรมและกรรมที่มนุษย์และมวลสัตว์ก่อขึ้นนี้แหละ จะเป็นตัวกำหนดสถานะในปัจจุบันและคติเบื้องหน้าของมนุษย์และมวลสัตว์

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


30644.ไม่รู้ว่าเราจะช่วยได้อย่างไรบ้างค่ะ

กำจัดเครื่องข้องของตนเอง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร