วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ปัญญาในธรรมไมถึงเอง
การปฎิบัติ ก็น้อยอยู่ นะ


ผู้ใช้นามว่า enlighted ปฏิบัติด้วยวิธีใดขอรับ ปัญญาในทางธรรมถึงมากอย่างนั้น

ปัญญาคืออะไรครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ปัญญาในธรรมไมถึงเอง
การปฎิบัติ ก็น้อยอยู่ นะ


ผู้ใช้นามว่า enlighted ปฏิบัติด้วยวิธีใดขอรับ ปัญญาในทางธรรมถึงมากอย่างนั้น

ปัญญาคืออะไรครับ


เหอๆๆ

ปัญญา คือเจตสิก ที่ไร้สาระ

ไปหาตำราเอาก็แล้วกัน ถ้าไม่หาข้างใน ไม่มีวันเจอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ปัญญาในธรรมไมถึงเอง
การปฎิบัติ ก็น้อยอยู่ นะ


ผู้ใช้นามว่า enlighted ปฏิบัติด้วยวิธีใดขอรับ ปัญญาในทางธรรมถึงมากอย่างนั้น

ปัญญาคืออะไรครับ


เหอๆๆ

ปัญญา คือเจตสิก ที่ไร้สาระ

ไปหาตำราเอาก็แล้วกัน ถ้าไม่หาข้างใน ไม่มีวันเจอ


ไม่รู้ธรรมชาติของปัญญาแล้วหาปัญญาว่าเป็นปัญญา ไม่ต่างจากคนค้นหาแมวแต่ไม่รู้จักแมวฉะนั้นแล เข้าทำนองเพ้อเจ้อกถา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:

ถึงไหน..ก็รู้

ไม่ถึงไหน..ก็รู้

:b12: :b12: :b12:

แล้ว..คนที่คิดว่า..ถึง..นี้..ศีลครบแล้วหรือยัง??? :b10: :b10: :b10:


เหอๆๆ

คนที่คิด ก้อเรียกว่า ไหลตามสังขารไปไง
เรียกภาษาธรรมว่า สติอ่อน ปัญญาอ่อนไง
ไปถามสายสติ เด็กๆที่เพิ่งหัด ก็ตอบได้ แบบนั้น ว่าสติอ่อน ปัญญาอ่อนไง

ถามสายดูจิต
ก็จะบอกว่า พวกจิตป่วย ส่งจิตออกนอกไง

ถามมโนมยิทธิ
ก็จะบอกว่า ให้ดูที่สังโยชน์ไง

ถามสมถะ ก็ตอบว่า ไม่ดูที่ตัวเองรึไง

เหอๆๆ กบอ๊บๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:


อินทรีย์อายตนะ
อินทรีย์ ภาวะ
อินทรีย์พละ
อินทรีย์โลกุตระ
และอินทรียเวทนา ที่ไม่เกิดผัสสะ คือไม่เกิดอินทรีย์เวทนา

เรียกว่า แบ่งเป็น5 หมวด

จากห้าหมวด แยกออกเป็นอินทรีย์ 22ได้

ความเป็นใหญ่ของอินทรีย์ แสดงสภาวะธรรม ไม่ผิดเพีัยน จะไม่มีการบังคับใดๆ

ไม่มีการบังคับบัญชา แก้ไข แทรกแทรง เปลี่ยนแปลง
แบบลายเซนต์ชุ่ยๆ ที่กลัดกาม เขียน นั้นหรอก

มันก็เลยไม่เห็น ไม่รู้จัก สภาวะธรรมชาติที่แ้ท้จริงของอินทรีย์

ที่ว่าลายเซนต์ชุ่ยๆ ก็เพราะว่า ไม่รู้จริง
เรียกว่าเห็น ส่งเดช ไงล่ะ

เป็นสร้างจิตปรุงแต่ง ไปซ้อน ไปบังคับอินทรีย์
ฉาบสีสรร ให้อินทรีย์ บังคับให้เปลี่ยนธรรมชาติ อันแท้จริงของอินทรีย์

ใช้สังขารจิต ไปซ้อนสังขารจิตอีกที เป็นเรื่องโง่บัดซบที่สุดในการปฎิบัตธรรม
นั่นก้อแสดง ฟ้องการปฎิบัติธรรมที่ไม่เอาไหน ไปในตัว
ก็เลยไม่ได้เห็นสภาวะธรรม ตามจริงของอินทรีย์
นับว่าเป็นความไร้เดียงสา ที่มัวหาแต่ตำรา ไง

ปัญญาวิปัสสนาภูมิ จะแยกอินทรีย์ แบบไหนก็ตาม

ปัญญา ที่เห็น จะต้องมีไตรลักษณ์ เป็นบทสรุป
จึงเรียกว่า ปัญญาวิปัสนาภูมิที่ถึงพร้อมบริบูรณ์ ท่องใส่กระโหลกไว้ซะด้วย

ก็แย้มให้ฟัง ตั้งแต่ต้นกระทู้ ว่า จะบังคับอะไร ด้วยกิเลส ก็บังคับไปเหอะ
แต่อย่างเดียว ที่บังคับไม่ได้

ก็คือ บัญชา ไงล่ะ

ความอ่อนเดียงสาทางธรรม ปทปรมะ อ่านแต่ตำรา แย้มไป ก็ไม่เข้าใจหรอก
ปัญญาก็ยังไม่ถึง


ลายเซนต์นั่นเป็นความเห็นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
และไม่รู้ หน้าที่ ของอินทรีย์ โดยแท้จริง
อันเป็นธรรมชาติ ของอินทรีย์

อินทรีย์เวทนา เป็นของปุถุชนนั่นและ เพราะเกิดการกระทบ และไม่รู้ทัน อินทรีย์
ก็เพราะไปมัวปรุงแต่ธรรมชาติดั้งเดิมของอินทรีย์
อีกร้อยปี พันปี มันก็จะไม่มีทางที่จะได้เห็น ธรรมชาติดี้งเดิมแท้ๆ ของอินทรีย์

มันก็เฝ้าปรุงแต่งต่อไป เวียนว่ายไป เพราะความไม่เห็นธรรมชาติที่แท้จริงไง


จากห้าหมวด
อินทรียเวทนา ที่ไม่เกิดผัสสะ คือไม่เกิดอินทรีย์เวทนา

อินทรีย์ทุกหมวด ทำให้เกิดเวทนา ได้ เพราะเกิดผัสสะ
การกระทบที่เกิดผัสสะ เพราะสติอ่อน ปัญญาอ่อน
ไ่ม่รู้เท่า ไม่รู้ทัน ไม่รู้จริงในหน้าที่ของอินทรีย์
ไปยึดในการกระทบในหน้าที่ของอินทรีย์ ก็เลยเกิดผัสสะ

สติทั่วพร้อม ที่ครองและตรวจตราอินทรีย์ อยู่ จึงเห็นแต่อินทรีย์ที่ทำตามหน้าที่
ตามธรรมชาติ อันแท้จริงของอินทรีย์ เป็นใหญ่ในหน้าที่
ไม่ไหลจิตออกนอกอินทรีย์ ผัสสะจึงไม่เกิด
หมวดของอินทรีย์เวทนาจึงไม่เกิด
จึงเรียกว่าเป็น อินทรีย์สังวรอันแท้จริง



ถามก่อนหน้าไม่ตอบ ถามว่าคห.ข้างบนนั่น ผู้ใช้นามว่า enlighted รู้เห็นสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีใดทางใด

ขอรับ

ถามซ้ำอีกที คุณรู้เห็นสิ่งนั้นด้วยวิธีใด คือ ทำยังไงจึงรู้เห็นสิ่งนั้น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 26 เม.ย. 2010, 23:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
enlighted เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ปัญญาในธรรมไมถึงเอง
การปฎิบัติ ก็น้อยอยู่ นะ


ผู้ใช้นามว่า enlighted ปฏิบัติด้วยวิธีใดขอรับ ปัญญาในทางธรรมถึงมากอย่างนั้น

ปัญญาคืออะไรครับ


เหอๆๆ

ปัญญา คือเจตสิก ที่ไร้สาระ

ไปหาตำราเอาก็แล้วกัน ถ้าไม่หาข้างใน ไม่มีวันเจอ


ไม่รู้ธรรมชาติของปัญญาแล้วหาปัญญาว่าเป็นปัญญา ไม่ต่างจากคนค้นหาแมวแต่ไม่รู้จักแมวฉะนั้นแล เข้าทำนองเพ้อเจ้อกถา


เหอๆๆ


ไม่รู้ธรรมชาติของปัญญาแล้วหาปัญญาว่าเป็นปัญญา

แสดงว่า อภิธรรม ก็ยังอ่อน กลัดกามเอ๊ยย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
enlighted เขียน:


อินทรีย์อายตนะ
อินทรีย์ ภาวะ
อินทรีย์พละ
อินทรีย์โลกุตระ
และอินทรียเวทนา ที่ไม่เกิดผัสสะ คือไม่เกิดอินทรีย์เวทนา

เรียกว่า แบ่งเป็น5 หมวด

จากห้าหมวด แยกออกเป็นอินทรีย์ 22ได้

ความเป็นใหญ่ของอินทรีย์ แสดงสภาวะธรรม ไม่ผิดเพีัยน จะไม่มีการบังคับใดๆ

ไม่มีการบังคับบัญชา แก้ไข แทรกแทรง เปลี่ยนแปลง
แบบลายเซนต์ชุ่ยๆ ที่กลัดกาม เขียน นั้นหรอก

มันก็เลยไม่เห็น ไม่รู้จัก สภาวะธรรมชาติที่แ้ท้จริงของอินทรีย์

ที่ว่าลายเซนต์ชุ่ยๆ ก็เพราะว่า ไม่รู้จริง
เรียกว่าเห็น ส่งเดช ไงล่ะ

เป็นสร้างจิตปรุงแต่ง ไปซ้อน ไปบังคับอินทรีย์
ฉาบสีสรร ให้อินทรีย์ บังคับให้เปลี่ยนธรรมชาติ อันแท้จริงของอินทรีย์

ใช้สังขารจิต ไปซ้อนสังขารจิตอีกที เป็นเรื่องโง่บัดซบที่สุดในการปฎิบัตธรรม
นั่นก้อแสดง ฟ้องการปฎิบัติธรรมที่ไม่เอาไหน ไปในตัว
ก็เลยไม่ได้เห็นสภาวะธรรม ตามจริงของอินทรีย์
นับว่าเป็นความไร้เดียงสา ที่มัวหาแต่ตำรา ไง

ปัญญาวิปัสสนาภูมิ จะแยกอินทรีย์ แบบไหนก็ตาม

ปัญญา ที่เห็น จะต้องมีไตรลักษณ์ เป็นบทสรุป
จึงเรียกว่า ปัญญาวิปัสนาภูมิที่ถึงพร้อมบริบูรณ์ ท่องใส่กระโหลกไว้ซะด้วย

ก็แย้มให้ฟัง ตั้งแต่ต้นกระทู้ ว่า จะบังคับอะไร ด้วยกิเลส ก็บังคับไปเหอะ
แต่อย่างเดียว ที่บังคับไม่ได้

ก็คือ บัญชา ไงล่ะ

ความอ่อนเดียงสาทางธรรม ปทปรมะ อ่านแต่ตำรา แย้มไป ก็ไม่เข้าใจหรอก
ปัญญาก็ยังไม่ถึง


ลายเซนต์นั่นเป็นความเห็นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
และไม่รู้ หน้าที่ ของอินทรีย์ โดยแท้จริง
อันเป็นธรรมชาติ ของอินทรีย์

อินทรีย์เวทนา เป็นของปุถุชนนั่นและ เพราะเกิดการกระทบ และไม่รู้ทัน อินทรีย์
ก็เพราะไปมัวปรุงแต่ธรรมชาติดั้งเดิมของอินทรีย์
อีกร้อยปี พันปี มันก็จะไม่มีทางที่จะได้เห็น ธรรมชาติดี้งเดิมแท้ๆ ของอินทรีย์

มันก็เฝ้าปรุงแต่งต่อไป เวียนว่ายไป เพราะความไม่เห็นธรรมชาติที่แท้จริงไง


จากห้าหมวด
อินทรียเวทนา ที่ไม่เกิดผัสสะ คือไม่เกิดอินทรีย์เวทนา

อินทรีย์ทุกหมวด ทำให้เกิดเวทนา ได้ เพราะเกิดผัสสะ
การกระทบที่เกิดผัสสะ เพราะสติอ่อน ปัญญาอ่อน
ไ่ม่รู้เท่า ไม่รู้ทัน ไม่รู้จริงในหน้าที่ของอินทรีย์
ไปยึดในการกระทบในหน้าที่ของอินทรีย์ ก็เลยเกิดผัสสะ

สติทั่วพร้อม ที่ครองและตรวจตราอินทรีย์ อยู่ จึงเห็นแต่อินทรีย์ที่ทำตามหน้าที่
ตามธรรมชาติ อันแท้จริงของอินทรีย์ เป็นใหญ่ในหน้าที่
ไม่ไหลจิตออกนอกอินทรีย์ ผัสสะจึงไม่เกิด
หมวดของอินทรีย์เวทนาจึงไม่เกิด
จึงเรียกว่าเป็น อินทรีย์สังวรอันแท้จริง



ถามก่อนหน้าไม่ตอบ ถามว่าคห.ข้างบนนั่น ผู้ใช้นามว่า enlighted รู้เห็นสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีใดทางใด

ขอรับ

ถามซ้ำอีกที คุณรู้เห็นสิ่งนั้นด้วยวิธีใด คือ ทำยังไงจึงรู้เห็นสิ่งนั้น :b1:



จะถามอีกร้อยครั้ง ก็ไม่มีทางรู้
จะอ่านตำราอีกพันชาติ ก็ไม่มีทางรู้

ธาตุรู้ ไร้วิธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
ปัญญาในธรรมไมถึงเอง
การปฎิบัติ ก็น้อยอยู่ นะ

:b32: :b32:
แล้วก็มาว่า..

enlighted เขียน:

ปัญญา คือเจตสิก ที่ไร้สาระ


เห็นยังว่า..เป็นคนสับสน

คนสับสน..ก็มาจากคน..สับปลั่บ
คนสับปลั่บ..ก็มาจากคน..ทุศีล..งัย :b12:

มีอีก..ตัวอย่างของความสับสน :b32: :b32:

อ้างคำพูด:
ไปหาตำราเอาก็แล้วกัน


แล้วก็ว่า...
อ้างคำพูด:
ถ้าไม่หาข้างใน ไม่มีวันเจอ


ก็เลยยังไม่รู้ว่า..จะเอายังงัย..
พูดมันทุกอย่างที่ดูแล้วดี..นี้นะ

นี้งัย..เพราะทุศีล..จึงสับปลั่บ..เลยสับสน
:b21: :b21: :b21:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จะถามอีกร้อยครั้ง ก็ไม่มีทางรู้
จะอ่านตำราอีกพันชาติ ก็ไม่มีทางรู้

ธาตุรู้ ไร้วิธี


ถามว่า คุณทำยังไง ถึงรู้ยังงั้น

หรือไม่มีวิธี คือไร้วิธี นอนเกาพุงเล่นอยู่มันตรัสรู้ขึ้นมาเอง ยังงั้นหรือขอรับท่าน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 26 เม.ย. 2010, 23:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
เป็นสร้างจิตปรุงแต่ง ไปซ้อน ไปบังคับอินทรีย์
ฉาบสีสรร ให้อินทรีย์ บังคับให้เปลี่ยนธรรมชาติ อันแท้จริงของอินทรีย์

ใช้สังขารจิต ไปซ้อนสังขารจิตอีกที

เป็นเรื่องโง่บัดซบที่สุดในการปฎิบัตธรรม



:b2: :b2: :b2:

เป็นเรื่องโง่บัดซบที่สุดในการปฎิบัตธรรม

วันหนึ่งที่เอกอนเห็นการแสดงตัวของสภาวะนี้
เอกอนก็ ... พูดทำนองนี้ละ ... กับตัวเอง

:b1:

เอกอนเคยตั้งกระทู้ถามในลานสนทนาธรรมแห่งหนึ่ง
แต่...ก็...ไม่ได้รับการอธิบายจากใคร
เอกอนก็เลยไม่ได้ใส่ใจ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็รู้ไง... :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุศีล..เสียก่อนแล้ว..

ที่ตามมา..ก็ไม่มีอะไรดี..สักอย่าง..

:b12:

เพราะมันจะกลายเป็นเหยื่อของกิเลส..นะสิ

:b6:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 26 เม.ย. 2010, 23:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
เอกอนเคยตั้งกระทู้ถามในลานสนทนาธรรมแห่งหนึ่ง
แต่...ก็...ไม่ได้รับการอธิบายจากใคร
เอกอนก็เลยไม่ได้ใส่ใจ

:b1:


smiley บอกเอกอนแล้วไง ว่า มีให้อ่านแล้วในนี้ เรื่องเกี่ยวกับ กายสังขาร สงบ วจีสังขารสงบ จิตสังขารสงบ Onion_L


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
enlighted เขียน:
ปัญญาในธรรมไมถึงเอง
การปฎิบัติ ก็น้อยอยู่ นะ

:b32: :b32:
แล้วก็มาว่า..

enlighted เขียน:

ปัญญา คือเจตสิก ที่ไร้สาระ


เห็นยังว่า..เป็นคนสับสน

คนสับสน..ก็มาจากคน..สับปลั่บ
คนสับปลั่บ..ก็มาจากคน..ทุศีล..งัย :b12:

มีอีก..ตัวอย่างของความสับสน :b32: :b32:

อ้างคำพูด:
ไปหาตำราเอาก็แล้วกัน


แล้วก็ว่า...
อ้างคำพูด:
ถ้าไม่หาข้างใน ไม่มีวันเจอ


ก็เลยยังไม่รู้ว่า..จะเอายังงัย..
พูดมันทุกอย่างที่ดูแล้วดี..นี้นะ

นี้งัย..เพราะทุศีล..จึงสับปลั่บ..เลยสับสน
:b21: :b21: :b21:


เหอๆๆ
นั่นไง สติออ่นปัญญาอ่อน
พวกเด็กๆที่เรียนสายสติ จะได้ เห็นกริยาของกบชัดแจ้ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทุศีล..เสียก่อนแล้ว..

ที่ตามมา..ก็ไม่มีอะไรดี..สักอย่าง..

:b12:

เพราะมันจะกลายเป็นเหยื่อของกิเลส..นะสิ

:b6:

จำกระทู้หลวงปูมั่นสู้รบกับยักษ์ ที่ ไอ้ตงฟางปุ๊ป้ายมันไป ปาด ปรู๊ด ปร๊าด ได้ไหม กบน้อย

ไอ้ตงฟางปุ๊ป้ายมันบอกว่า กลับกลอกก็รู้... คือ มหาสติปัฏฐาน (ศีลก็ไม่มีแล้ว) ใครไปกดอนุโมทนากันบ้างล่ะ :b7: :b32: Onion_L


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 26 เม.ย. 2010, 23:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร