วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 20:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แล้วนิพพานที่ท่าน mes ต้องการทำไงครับ


ผมไม่ยอมแก้ผ้าเดินแน่

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 17:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
อย่างนั้นเป็นแค่อุปาทานครับ

ความไม่อายกับกิเลสเป็นตนละเรื่องกัน

คนไม่อาย(หน้าด้าน)ไม่ได้หมายความว่าไม่มีกิเลส

ไม่เชื่อจะพาไปแถวบาร์เบียร์ถนนพัฒน์พงษ์เอาแมะ

รับรองผู้หลุดพ้นตรึม


นักบวชศาสนาเชน อวัยวะเพศไม่แข็งตัวนะครับ ดูตอนที่รับอาหารจากสาวิกา ไม่รู้คุณเคยดูสารคดีชุดนี้ไหม

น่าจะหมดกิเลสนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นักบวชศาสนาเชน อวัยวะเพศไม่แข็งตัวนะครับ ดูตอนที่รับอาหารจากสาวิกา ไม่รู้คุณเคยดูสารคดีชุดนี้ไหม

น่าจะหมดกิเลสนะ


อาจจะหมดกิเลสจริงหรือข่มกิเลสไว้ด้วยสมาธิก็เป็นได้

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
ผมขออนุญาตแปลงมาใช้ครับว่า

จะให้คนรวยบรรลุอรหันต์นั้น

ยากกว่าเข็นอูฐรอดรูเข็ม






ไม่มีคำว่ายากหรือง่าย ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ใดจะบรรลุอรหันต์หรือไม่มันขึ้นกับกรรมที่ทำมา กรรมกำหนดเอาไว้แล้วล่ะค่ะว่าเมื่อไหร่และใครจะบรรลุอรหันต์ วิถีชีวืตก็จะมีอันเป็นไปให้เข้าถึงทางแห่งธรรมเองค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้รู้ท่านหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า
พวกที่ทุกข์มากๆ หรือสุขมากๆ มักจะไม่สนใจภาวนา
พวกไหนทุกข์มั่ง สุขมั่ง กลับๆกลอกๆ มันจะเห็นอนิจจัง ทุกขัง แล้วจะสนใจภาวนา

ทำไมพวกทุกข์มากๆ ถึงไม่ภาวนา
เพราะพวกทุกขืมากๆนั้น ทั้งวันทั้งคืนมีแต่ความทุกข์ จนคิดว่าความทุกข์นั้นเที่ยง หนีไม่พ้น
ก็ตั้งแต่ลืมมาจนหลับตา ลำบากตลอดเวลา ไม่เห้นฝั่งฝัน
มันจะทำให้มีทิฐิว่าเรานั้นมีความทุกข์เป็นปกติ
จึงไม่ใคร่เห็นว่าความทุกข์นั้นดับ เช่นพวกทุกคติทั้งหลาย อย่างสัตว์นรกนี่
ต้องทุรนทุรายอยู่แต่กับความทุกข์ตลอดเวลาจนหาที่จบไม่ลง จึงกลายเป้นทิฐิเหนียวแ่นเลยว่าทุกข์นั้นเที่ยง
เป้นความประมาท

ในทำนองตรงกันข้าม พวกสุขมากๆ อย่างพวกเทวดา ก็เหมือนกัน
ทั้งชีวิตมีแต่ความสุข จนกลายเป้นทิฐิเหนียวแน่นว่าความสุขนั้นเที่ยง
ไม่เคยเห็นความสุขดับเลย ความทุกข์ก็ไม่มาปรากฏให้เห็น ก็ประมาท

ท่านบอกว่า คนที่อยู่ตรงกลางๆนี่แหละ
มันเห้นทุกข์สลับกับสุข มันถึงเกิดความเบื่อหน่าย
จึงรู้จักมีดำริค้นหาทางหลุดพ้นจากความสุขความทุกข์
พระพุทธเจ้าจึงต้องอุบัติในภูมิมนุษย์

ในบรรดาคนเราเหมือนกัน
มันมีทั้งพวกที่ยากจนค่นแค้น กับพวกที่ร่ำรวยมีความสุข
ก้สุดโต่งทั้งคู่ อยู่ในแดนประมาท

เราไปบอกให้คนที่จนๆให้ภาวนานะ เขาไม่ทำหรอก
เพราะอะไร เพราะต้องทำมาหากิน พรุ่งนี้จะเอาอะไรกรอกหม้อยังไม่รู้เลย
ดังนั้นจึงยาก ที่จะภาวนา

ในทางตรงกันข้าม พวกคนรวยๆที่มีความสุขอยู่ตลอดเวลา
ทั้งวันทั้งคืนไม่ปรากฏความทุกข์อะไร มีแต่ความสุข เหมือนพวกเทวดา
จะไปบอกให้เขามาภาวนาเหรอ จ้างเขาก็ไม่ทำให้ลำบากกายา
การภาวนามันเป้นการมองให้เห้นความจริงว่าไม่มีอะไรเที่ยง
แต่ก็ในเมื่อความสุขเป็นของเที่ยง สำหรับเขา ทั้งวันทั้งคืนมันก็เที่ยงอยู่อย่างนั้น
จะมาให้ภาวนาสวนกระแสชีวิตของเขา เขาก็ไม่ทำหรอก

ในบรรดาคนรวยคนจนเหล่าันั้น คนที่หันมาสนใจภาวนา
ล้วนแล้วแต่มีนิสัยวาสนาสั่งสมมา ถึงมาต่ออีก
จะบอกว่าคนมีร่ำรวยสุขสบายแล้วไม่ภาวนา ก็คงยาก เพราะพระเจ้าอยู่หัวมีทุกอย่าง ยังภาวนา
จะบอกว่าคนจนค่นแค้นไม่ภาวนา ก็คงยาก เพราะครูบาอาจารย์ส่วนมาก ก็เป็นคนที่ยากจนค่นแค้น

ผมคิดว่าใครก็ตาม ถ้า"เบื่อหน่าย" ถึงจะสนใจภาวนา
จะเบื่อทุกข์ก็ได้ เบื่อสุขก็ได้ แต่ต้องเบื่อ
เหมือนดังที่พระพุทธเจ้าท่านว่า
"เพราะเบื่อหน่าย จึงคลายกำหนัด
เพราะคลายกำหนัด จึงหลุดพ้น
เพราะหลุดพ้น จึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว"

ความ "เบื่อหน่าย" น่าจะเป็นกุญแจสำคัญ


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 31 พ.ค. 2010, 19:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


chulapinan เขียน:
ผู้ใดจะบรรลุอรหันต์หรือไม่มันขึ้นกับกรรมที่ทำมา กรรมกำหนดเอาไว้แล้วล่ะค่ะว่าเมื่อไหร่และใครจะบรรลุอรหันต์ วิถีชีวืตก็จะมีอันเป็นไปให้เข้าถึงทางแห่งธรรมเองค่ะ


:b8: :b8: :b8:

ขออภัยที่ต้องขัดแย้ง

ถ้าหากว่า ผู้ใดจะบรรลุอรหันต์หรือไม่มันขึ้นกับกรรมที่ทำมา

การฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ดื่มเหล้า ก็ต้องเกิดจากกรรม

อย่างนี้การทำให้สิ้นอาสวะคงมีไม่ได้ครับ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2010, 05:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เป็นไร เปิดโลกทัศน์แง่คิดมุมมองกันครับ บางทีเราคิดอยู่คนเดียวอาจผิดหรือถูกก็ได้

ทรัพย์สมบัติบ้านช่อง เป็นเหมือนเครื่องอำนวยความสะดวกให้ชีวิต มีดีกว่าไม่มี แต่มีแล้วไม่เมาในทรัพย์

กินใช้เพียงเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกสบายให้ชีวิตในขอบเขตของมัน

เมื่อมองเข้าใจทรัพย์ภายนอกอย่างนี้แล้ว ทรัพย์นั้นก็ไม่ใช่ศัตรูภายในที่จะพึงกำจัด


ทรัพย์สมบัติเป็นเรื่องสมมุติ

ความร่ำรวย ยากจนเป็นอุปทาน

หากจักใช้ทรัพย์เป็นแค่เครืองอำนวยความสะดวก

ความร่ำรวยและยากจนก็ไม่เกิด

หรือไม่เมาทรัพย์

จึงไม่เป็นสังโยช

หรือเป็นศัตรูสู่นิพพาน



นักบวชลัทธินั้น คงตัดสมมุติ อุปาทาน ตัดสังโยชน์ เป็นต้นได้แล้ว เพราะไม่มีสมบัติอะไรสักอย่าง เสื้อผ้า

อาภรณ์เป็นต้นก็ไม่มี :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 01 มิ.ย. 2010, 05:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2010, 07:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นักบวชลัทธินั้น คงตัดสมมุติ อุปาทาน ตัดสังโยชน์ เป็นต้นได้แล้ว เพราะไม่มีสมบัติอะไรสักอย่าง เสื้อผ้า
อาภรณ์เป็นต้นก็ไม่มี

ถ้าเขาปล่อยวางความไม่มีลงเสีย คือไม่ยึดติดความไม่มีเป็นความหลุดพ้นเช่นเดียวกับความเมาทรัพย์อันอยู่สุดโต่งคนละขั้ว

หมายความว่า

ศีลสมาธิสำหรับนักบวชลัทธินั้น น่าจะพร้อม

ขาดสัมมาทิฐิ

หากนักบวชลัทธินั้นรู้ว่าทุกข์เกิดจากอะไร อะไรคือทุกข์ คือใช้ปัญญาในการพิจารณาถึงทางที่จะดับทุกข์ก็จะพบหนทางแห่งการหลุดพ้นทุกข์

นี่เป็นตัวอย่างของการขาดกัลยาณมิตร

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


แก้ไขล่าสุดโดย mes เมื่อ 01 มิ.ย. 2010, 08:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นักบวชลัทธินั้น คงตัดสมมุติ อุปาทาน ตัดสังโยชน์ เป็นต้นได้แล้ว เพราะไม่มีสมบัติอะไรสักอย่าง เสื้อผ้า
อาภรณ์เป็นต้นก็ไม่มี

ถ้าเขาปล่อยวางความไม่มีลงเสีย คือไม่ยึดติดความไม่มีเป็นความหลุดพ้นเช่นเดียวกับความเมาทรัพย์อันอยู่สุดโต่งคนละขั้ว

หมายความว่า

ศีลสมาธิสำหรับนักบวชลัทธินั้น น่าจะพร้อม

ขาดสัมมาทิฐิ

หากนักบวชลัทธินั้นรู้ว่าทุกข์เกิดจากอะไร อะไรคือทุกข์ คือใช้ปัญญาในการพิจารณาถึงทางที่จะดับทุกข์ก็จะพบหนทางแห่งการหลุดพ้นทุกข์

นี่เป็นตัวอย่างของการขาดกัลยาณมิตร


เป็นไปได้ไหมที่นักบวชศาสนาเชน เห็นทุกข์แล้ว คือเห็นว่า ทรัพย์สมบัติ เรือกสวนไร่นา เสื้อผ้าอาภรณ์

เป็นเหตุแห่งทุกข์ มีไว้ก็เป็นสังโยชน์เป็นอุปาทาน ฯลฯ จึงทิ้งสมบัติดังกล่าว ไม่เอาอะไรๆ

เดินรอนแรมแสวงหานิพพานอยู่กลางป่าเขา ใช้ชีวิตอยู่กลางดินกลางทราย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 03 มิ.ย. 2010, 15:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เป็นไปได้ไหมที่นักบวชศาสนาเชน เห็นทุกข์แล้ว คือเห็นว่า ทรัพย์สมบัติ เรือกสวนไร่นา เสื้อผ้าอาภรณ์

เป็นเหตุแห่งทุกข์ มีไว้ก็เป็นสังโยชน์เป็นอุปาทาน ฯลฯ จึงทิ้งสมบัติดังกล่าว ไม่เอาอะไรๆ

เดินรอนแรมแสวงหานิพพานอยู่กลางป่าเขา ใช้ชีวิตอยู่กลางดินกลางทราย


นักบวชในศาสนาเชนน่าจะมีทิฐิเช่นนั้น

และเห็นว่าการสร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นกับตนเป็นหนทางแห่งการดับทุกข์

คือเอาทุกข์ดับทุกข์

ซึ่งพระพุทธเจ้ทรงตรัสว่าวิธีการนั้นเป็นวิธีการที่ผิด

เรียกอัตตกิลมถานุโยโค

การดับทุกข์ได้นั้นต้องใช้หลักมัชฌิมาปฏิปทา

ตามมัชเฌนธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสั่งสอนพุทธสาวก

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลักษณะทั่วไปของพุทธธรรมสรุปได้ 2 อย่าง คือ

1. แสดงหลักความจริงสายกลาง ที่เรียกว่า "มัชเฌนธรรม” หรือ เรียกเต็มว่า

“มัชเฌนธรรมเทศนา” ว่าด้วยความจริงตามแนวของเหตุผลบริสุทธิ์ ตามกระบวนการของธรรมชาติ

นำมาแสดงเพื่อประโยชน์ในทางปฏิบัติในชีวิตจริงเท่านั้น ไม่ส่งเสริมความพยายามที่จะเข้าถึงสัจธรรม

ด้วยวิธีถกเถียงสร้างทฤษฎีต่างๆ ขึ้น แล้วยึดมั่นปกป้องทฤษฎีนั้น ๆ ด้วยการเก็งความจริงทางปรัชญา


2. แสดงข้อปฏิบัติสายกลาง ที่เรียกว่า “มัชฌิมาปฏิปทา” อันเป็นหลักการครองชีวิตของผู้ฝึกอบรมตน

ผู้รู้เท่าทันชีวิต ไม่หลงงมงาย มุ่งผลสำเร็จ คือ ความสุข สะอาด สว่าง สงบ เป็นอิสระ ที่สามารถมองเห็นได้

ในชีวิตนี้

ในทางปฏิบัติ ความเป็นสายกลางนี้ เป็นไปโดยสัมพันธ์กับองค์ประกอบอื่นๆ เช่น สภาพชีวิตของบรรพชิต

หรือ คฤหัสถ์ เป็นต้น

viewtopic.php?f=2&t=19015

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลักการ หรือ คำสอนใดก็ตาม ที่เป็นเพียงการคิดค้นหาเหตุผลในเรื่องความจริง เพื่อสนอง

ความต้องการทางปัญญา โดยมิได้มุ่งหมายและมิได้แสดงแนวทางสำหรับประพฤติปฏิบัติ

ในชีวิตจริง อันนั้น ให้ถือว่า ไม่ใช่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างที่ถือว่า เป็นคำสอนเดิมแท้

ของพระพุทธเจ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
หลักการ หรือ คำสอนใดก็ตาม ที่เป็นเพียงการคิดค้นหาเหตุผลในเรื่องความจริง เพื่อสนอง

ความต้องการทางปัญญา โดยมิได้มุ่งหมายและมิได้แสดงแนวทางสำหรับประพฤติปฏิบัติ

ในชีวิตจริง อันนั้น ให้ถือว่า ไม่ใช่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างที่ถือว่า เป็นคำสอนเดิมแท้

ของพระพุทธเจ้า


พระพุทธธรรมที่เป็นหลักแท้จริงเป็นเช่นนี้

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
กรัชกาย เขียน:
เขาตัดกิเลสได้แล้ว หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว ไม่มีกิเลสรัดรึงแล้ว แก้ผ้าเดินในที่สาธารณะได้ไม่อายคน

อย่างนี้สำเร็จไหมครับ

แล้วเป็นนิพพานไหม

แล้วนิพพานที่ท่าน mes ต้องการทำไงครับ

:b27:
mes เขียน:
ผมไม่ยอมแก้ผ้าเดินแน่

:b32:
...ทำอะไรมีหิริ...ละอาย...ทำแล้วเกรงใจต่อสายตาคนอื่น...ดีแล้ว ถูกแล้ว สาธุค่ะ...
:b9:
:b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 04 มิ.ย. 2010, 16:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร