วันเวลาปัจจุบัน 23 มิ.ย. 2025, 20:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ค. 2010, 00:09
โพสต์: 28

โฮมเพจ: birdthai@chaiyo.com
แนวปฏิบัติ: สมาธิ
งานอดิเรก: ออกแบบ
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภิธรรม
ชื่อเล่น: เบิร์ด
อายุ: 26
ที่อยู่: 66/99 บางค้อ จอมทอง กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ดีคับ คือ ผมอยากทราบเรื่องการเอาชนะกิเลสที่เกิดในตนมาก ๆ คับ เพราะมันคาใจผมมานานมากคับ คือบางทีเราคิดวิธีจัดการกับมันได้แล้ว แต่ถึงเวลาเอาเข้าจริง ๆ กับทำไม่ได้ แพ้มันไปซะงัน เซ็งจริง ๆ เลยคับ ขอคำชี้แนะด้วยนะคับ ขอบคุณครับ


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 12 ส.ค. 2010, 18:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนเราเรียนเลข สัมยเด็กๆ เราก็ต้องเรียนง่ายๆก่อนใช่ไหมล่ะ
อนุบาลนั้น เราก็เรียนภาพเอาว่า ภาพนี้มีเท่านี้ เอาออกไปเท่านี้ เหลือเท่าไหร่ เราก็นับเอา
แรกๆก็เรียนแค่บวกแค่ลบ

พอโตขั้นมาหน่อย เราก็เรียนคูน เรียนหาร แก้โจทย์ฝึกปัญญาไปตามลำดับ

พอพวกเก่งๆนี่เขาเอาไปประยุกต์ใช้สร้างตึกสร้างยานอวกาศกันได้

การจัดการกิเลสก็ทำนองเดียวกัน
เรามีปัญญาแบบอนุบาล เราก้ต้องสู้กับกิเลสอนุบาล
ไม่ใช่ไปสู้กิเลสมหาลัยเลย อย่างนี้มันแพ้ลูกเดียว


ว่าแต่ยกตัวอย่างได้ไหมล่ะ จะได้พูดกันตรงจุดไปเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 23:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 10:36
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาแบบนี้สิครับ เริ่มจากการเอาชนะกิเลสเรื่องง่ายๆก่อนเรื่องใกล้ตัวเช่น ความขี้เกียจ
กิเลสตัวนี้ผมว่าง่ายสุดแล้ว ถ้าทำได้ก็เริ่มนับ 1 เลยครับ เก็บ LEVEL ไปเรื่อยๆ แล้วสัก
วันหนึ่งการเอาชนะกิเลสก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณอีกต่อไป ตัวผมก็ใช้วิธีนี้เอาชนะกิเลสครับ
ขอบอกเลยว่าตอนนี้เรื่องกิเลสสำหรับผม ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาชนะเลยครับ... :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 07:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
hobbit เขียน
เอาแบบนี้สิครับ เริ่มจากการเอาชนะกิเลสเรื่องง่ายๆก่อนเรื่องใกล้ตัวเช่น ความขี้เกียจ
กิเลสตัวนี้ผมว่าง่ายสุดแล้ว ถ้าทำได้ก็เริ่มนับ 1 เลยครับ เก็บ LEVEL ไปเรื่อยๆ แล้วสัก
วันหนึ่งการเอาชนะกิเลสก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณอีกต่อไป ตัวผมก็ใช้วิธีนี้เอาชนะกิเลสครับ
ขอบอกเลยว่าตอนนี้เรื่องกิเลสสำหรับผม ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาชนะเลยครับ...


เหมือนผมเลย ตื่นเช้ามาขี้เกียจมากใจบอกว่าไม่เป็นไรเมื่อคืนนั่งสมาธิแล้วตอนนี้ไม่ต้องนั่งก็คงไม่เป็นไร
แล้วปล่อยให้เวลาผ่านไปหน่อยใจจะเปลี่ยนอีกว่า เรานั่งมาตลอดไม่เคยหยุดเลยวันนี้เราจะนั่งอีกแม้จะง่วงแค่ไหนเราจะไม่ล้มตัวนอน บางครั้งเวลาผ่านไปหน่อยความคิดเราอาจเปลี่ยนได้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




_0001_resize.jpg
_0001_resize.jpg [ 94.44 KiB | เปิดดู 6814 ครั้ง ]
ผมอยากทราบเรื่องการเอาชนะกิเลสที่เกิดในตนมาก ๆ คับ

ตอบ
อย่าไปสู้ที่ลูกหลานของกิเลส

คนฉลาดต้องค้นหาที่มาหรือ เหตุเกิดกิเลสให้พบ แล้วสู้ตรงนั้น

อัตตา เป็นพ่อ วิจิกิจฉา เป็นแม่ของกิเลส ผสมพันธุ์กันแล้วออกลูกมาอีก 1,500 ออกหลานมาอีก 108
(กิเลส 1,500 ตัณหา 108

สู่ที่พ่อของมันตุัวเดียว ถ้าพ่อมันตาย แม่ และลูกหลานมันจะพากันตายตามกันหมดแบบยกรัง

:b27: :b8: :b16: :b12: :b12: :b12:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1012

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สวัดดีครับ การเอาชนะกิเลสที่มีในตนจะต้องทำยังไงฝึกยังไงครับ

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งครับ :b4:

ขอทำความเข้าใจในข้าศึกที่จะต้องรบด้วยก่อน และกลยุทธ์ที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำพร้อมกันไปเลยทีเดียวนะครับ :b1:

กิเลสมี 3 ระดับคือ

1) กิเลสอย่างหยาบ (วีติกกมกิเลส) คือกิเลสที่ฟุ้งออกมาทางกาย และวาจา ทําตนเองและสังคมให้ประสบความเดือดร้อนวุ่นวาย ได้แก่ กิเลส 7 ชนิด ซึ่งฟุ้งออกมาทางกาย 3 มีการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม :b22: ฟุ้งออกมาทางวาจา 4 มีการพูดเท็จ พูดคําหยาบ พูดส่อเสียด ซึ่งกิเลสกลุ่มนี้ กำจัดได้ด้วยองค์ธรรมที่เป็นคู่ปรับ (ตทังคปหาน) คือ ศีล :b21: แต่เป็นการกำจัดแบบเหมือนตัดหญ้าทิ้ง "เผลอ" แป๊บเดียวเดี๋ยวก็งอกขึ้นมาใหม่ ต้องทำการ “รักษา” ศีลกันอยู่เรื่อย (คือบาดเจ็บด้วยการละเมิดศีลแล้วต้องทำการรักษาปฐมพยาบาลให้ศีลกลับมาบริสุทธิ์กันอยู่เรื่อย ยังไม่เป็นอัตโนมัติเหมือนระดับโสดาบันที่เป็นขั้นอินทรีย์สังวรศีล คือแม้แต่คิด คือทางใจก็ไม่ละเมิด เพราะจิตเห็นว่าการผิดศีลแม้กระทั่งการคิดก็เป็นของร้อนเสียแล้วโดยอัตโนมัติ)

2) กิเลสอย่างกลาง (ปริยุฏฐานกิเลส) คือกิเลสที่กลุ้มรุมจิตใจให้เดือดร้อนกระวนกระวาย สกัดกั้นความสงบสุขของจิตใจ หมายถึงกิเลสจําพวกนิวรณ์ ได้แก่ กามฉันท์ ความรักใครในทางกาม :b22: , พยาบาท การคิดปองร้ายพยาบาทผู้อื่น :b33: :b34: , ถีนมิทธะ ความง่วงซึมและเกียจคร้าน :b30: , อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านรําคาญใจ, วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในแนวปฏิบัติ หรือในแนวดําเนินชีวิต :b10: โดยเฉพาะสําหรับนักปฏิบัติ คือ ไม่แน่ใจว่าปฏิบัติแล้วจะได้ผลหรือเปล่า ปฏิบัติอย่างนี้ วิธีนี้ จะมีผลหรือเปล่า ซึ่งกิเลสกลุ่มนี้ สามารถกดข่มได้ด้วย สมาธิ ขั้นฌาน (วิขัมภนปหาน) แต่เป็นการกำจัดเหมือนการทับหญ้าด้วยหิน เมื่อเอาหินออกคือกำลังสมาธิอ่อนลง "เผลอๆ"กิเลสก็กลับเข้ามาใหม่

กิเลสกลุ่มนี้ บางตัว ได้แก่ วิจิกิจฉากำจัดได้อย่างเด็ดขาดในขั้นโสดาบัน (เป็นสมุเฉทปหานในหัวข้อต่อไป) คือไม่ลังเลสงสัยในวิธีปฏิบัติอีกแล้วเพราะปฏิบัติมาจนเห็นผล คือ เห็นนิพพานด้วยตนเองแล้ว 1 ครั้ง จึงไม่สงสัยในวิธีปฏิบัติ และไม่สงสัยในพระพุทธเจ้า จึงไม่ถือศีลพรตงมงาย (สีลพตปรามาส) เพราะรู้ว่าไม่ใช่วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง

ส่วนบางตัว ได้แก่ กามฉันท์, พยาบาท กำจัดได้อย่างเด็ดขาดในขั้นอนาคามี เพราะไม่ถือมั่นในการกระทบทางทวารกายทั้ง 5 เห็นสักแต่ว่าเห็น ฯลฯ จึงไม่มีความปรุงแต่งทางใจในกามและพยาบาท (ไม่มีกามวิตกและพยาบาทวิตก)

แต่บางตัว แม้กระทั่งระดับอนาคามียังไม่สามารถกำจัดโดยเด็ดขาดได้ เช่น ความฟุ้งแห่งจิต (อุทธัจจะ) ทำให้จิตมีการไหวน้อยๆเหมือนลมอ่อนๆพัดใบไม้ หรือวังน้ำที่เงียบสงบจนเกิดระลอกคลื่นเล็กๆ จะกำจัดได้ในขั้น อรหันต์เท่านั้น

3) กิเลสอย่างละเอียด (อนุสัยกิเลส, สังโยชน์) คือกิเลสละเอียดที่ตกตะกอนนอนเนื่องอยู่ในจิต เป็นตัวบงการกิเลสต่างๆทั้งหยาบ กลาง ละเอียด ได้แก่

1. สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน (ตัวกู ของกู)
2. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย ในวิธีการที่จะเข้าถึงธรรม ฯลฯ :b10:
3. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นงมงายในศีลพรตที่ผิดทางไปสู่การหลุดพ้น
4. กามราคะ ความติดใจในกามคุณ :b22:
5. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ (โทสะ) :b33: :b34:
6. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต (รูปฌาน)
7. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม (อรูปฌาน)
8. มานะ ความถือว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่
9. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่านปรุงแต่งในจิต
10. อวิชชา ความไม่รู้แจ้งในความเป็นจริงของกายใจ

ซึ่งกิเลสกลุ่มนี้ สามารถกำจัดให้เด็ดขาดจนไม่เหลือเชื้อให้งอกใหม่ได้ด้วยการเจริญ ปัญญา เท่านั้น (สมุทเฉทปหาน) เหมือนใช้จอบขุดรากถอนโคนหญ้าไม่ให้เหลือเชื้อที่จะงอกได้อีก :b1:

(มีต่อครับ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 13:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1012

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาต่อกันครับ :b13:

สรุปสั้นๆในแง่ของการปฏิบัติ คือดังนี้ครับ

1) กิเลสหยาบที่แสดงออกมาภายนอก ให้ใช้ศีลกำกับ จนเป็นอินทรีย์สังวรศีล คือ การสำรวมทวารทั้ง 6 ในขณะตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรู้รส กายถูกต้อง ใจรู้ธรรมารมณ์ โดยการสำรวมไม่ให้ปรุงแต่งและเกิดความอยาก ทั้งพอใจอยากได้ (อภิชฌา) และไม่พอใจไม่อยากได้ (โทมนัส) เข้าอาศัยได้ อินทรีย์สังวรศีลนี้จะบริสุทธิ์ได้ก็ด้วยกำลังของสติครับ

2) กิเลสกลางที่อยู่ภายใน ให้ใช้การทำจิตใจให้สงบ คือ สมาธิกดข่ม แต่ถ้าต้องการผล 100% ต้องใช้สมาธิขั้นฌานนะครับ ซึ่งยากอยู่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนมา

อย่างไรก็ตาม การใช้ศีลและสมาธิ เป็นแค่เพียงการกดข่ม หรือกำจัดกิเลสได้แค่ชั่วคราว "เผลอ"จากอินทรีย์สังวร หรือ"เผลอ"จากกำลังสมาธิที่อ่อนลง กิเลสก็กลับเข้ามาได้ใหม่นะครับ

3) กิเลสละเอียดที่ฝังตัวอยู่ลึก ให้ใช้การเจริญปัญญาเพื่อเห็นและรู้แจ้งในความเป็นจริงของชีวิตและโลก นั่นคือ การเจริญสติปัฏฐาน 4 นะครับ ซึ่งการเจริญสติ จะเป็นการหนุนวิธีการในข้อ 1 & 2 ด้วย สังเกตที่ผมเน้นคำว่า "เผลอ" ในข้อ 1&2 เพราะกิเลสชอบเล่นทีเผลอ (ตามสำนวนของหลวงพ่อปราโมทย์ท่าน :b8: ) ดังนั้น สติเป็นตัวทำให้เราไม่เผลอ และถ้าหมั่นเจริญสติดูจนรู้แจ้งในความจริงของชีวิตและโลก ก็จะสามารถกำจัดกิเลสต่างๆลงได้อย่างเด็ดขาดที่ละขั้นไปตามระดับของมรรคและผลนะครับ

รู้ข้าศึก รู้กลยุทธ์ของพระพุทธเจ้าแล้ว คราวนี้ ต้องมาประเมินตนเองด้วยครับว่า เราอยู่ที่ตรงไหน พร้อมรบกับกิเลสตัวไหนก่อน ฯลฯ ซึ่งตรงนี้ ตนรู้ได้ด้วยตนเองครับว่า แพ้ทางกิเลสตัวไหนอยู่ และควรจะเล่นงานกิเลสตัวไหนตามลำดับความง่าย ความสำคัญ หรือทุกตัวลงเป็นปัจจุบัน ฯลฯ เช่น ความขี้เกียจเคลิบเคลิ้มง่วงเหงาหดหู่ท้อถอย (ถีนะ + มิทธะ) เป็นอุปสรรคใหญ่กับการงานในหน้าที่ ก็อาจจะตั้งใจลุยที่กิเลสตัวนี้ก่อน ฯลฯ :b12:

และสำคัญที่สุด คือกำลังใจ ความมุ่งมั่น และความเพียรที่จะลุกขึ้นสู้กับกิเลส เพราะเป็นศึกยืดเยื้อ รบกันข้ามภพข้ามชาติเลยทีเดียว อย่าอ่อนกำลังให้กิเลสเอาเราไปกินได้เสียก่อนนะครับ :b4:

ขอตัวไปสู้กับกิเลสต่อครับ :b34:

เจริญในธรรมครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


birdthai เขียน:
ดีคับ คือ ผมอยากทราบเรื่องการเอาชนะกิเลสที่เกิดในตนมาก ๆ คับ เพราะมันคาใจผมมานานมากคับ คือบางทีเราคิดวิธีจัดการกับมันได้แล้ว แต่ถึงเวลาเอาเข้าจริง ๆ กับทำไม่ได้ แพ้มันไปซะงัน เซ็งจริง ๆ เลยคับ ขอคำชี้แนะด้วยนะคับ ขอบคุณครับ


สวัสดี ท่านเจ้าของกระทู้...

คุณอยากเอาชนะกิเลสที่มีในตน โดยอาศัยความคิดของคุณเองตามวิธีการของคุณเอง ย่อมไม่มีทางที่จะเอาชนะได้ไม่ว่าจะเป็นชาตินี้ หรือชาติต่อๆ ไป

คุณควรจะศึกษาพระธรรมคำสอน และมีพระธรรมเป็นสรณะ วางใจในพระธรรม ศรัทธาในพระธรรม ปฏิบัติตามพระธรรม ละวางความคิดความเข้าใจของคุณเอง แต่ให้ใคร่ควรและรู้ตามพระธรรมว่าธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงต้องการให้เรารู้เราเห็นอะไรทำอะไร เมื่อทำได้อย่างนี้ ก็จะเอาชนะกิเลสนานาประการได้

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2010, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 05:27
โพสต์: 49

อายุ: 0
ที่อยู่: www.ccagthailand.com

 ข้อมูลส่วนตัว


ยึดมั่นในสัมมาทิฏฐิ 10 ระดับโลกิยะ ก่อน จะได้ไม่เกิดข้อสงสัย ในพุทธศาสนา

1. เห็นว่าการให้ทานมีผลจริง ( หมายถึงการให้ในระดับแบ่งปันกัน )
2. การบูชามีผลจริง ( หมายถึงการให้ในระดับสงเคราะห์กันมีผล )
3. การเคารพบูชามีผลจริง ( หมายถึงการยกย่องบูชาบุคคลที่ควรบูชามีผลดีจริง )
4. ผลวิบากของกรรมดีกรรมชั่วมีจริง ( หมายถึง ทำดีย่อมได้รับผลดี ทำชั่วย่อมได้รับผลชั่ว )
5. คุณของมารดามีจริง ( หมายถึงมารดามีพระคุณต่อบุตรอย่างยิ่ง บุตรควรตั้งใจตอบแทนพระคุณท่านอย่างเต็มที่ )
6. คุณของบิดามีจริง ( หมายถึงบิดามีพระคุณต่อบุตรอย่างยิ่ง บุตรควรตั้งใจตอบแทนพระคุณท่านอย่างเต็มที่ )
7. โลกนี้มี ( หมายถึง โลกนี้มีคุณเป็นอย่างยิ่ง เหมาะสำหรับใช้สร้างบุญบารมี )
8. โลกหน้ามี ( หมายถึง โลกหน้ามีจริง ตายแล้วไม่สูญ ความเป็นไปของโลกหน้า เป็นผลมาจากโลกนี้ )
9. พวกโอปปาติกะ ( ผุดขึ้นเกิด ) มี (หมายถึง สัตว์ที่ผุดขึ้นเกิดแล้วโตทันทีมีจริง อาทิเช่น ในภูมิทุคติ ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ในภูมิสุคติ ได้แก่ เทวดา พรหม อรูปพรหม )
10. สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนบรรลุมรรคผลนิพพาน รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเองแล้ว

ต่อไปค่อยไปพิจารณา ทวารทั้ง 6

.....................................................
ธาตุ๔ ขันธ์ ๕ ทวาร ๖


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2010, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b16:
...ทางเดียวที่จะแก้กิเลสคือปัญญา...แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี...
...เพราะฉะนั้นจะต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจด้วยตนเองเท่านั้น...
...กิเลสไม่ต้องศึกษาก็มีอยู่เต็มหัวใจทุกตัวคน สัตว์ตั้งแต่เกิด...
...ลาภอันประเสริฐคือได้อัตภาพความเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนา...
...ได้เริ่มต้นศึกษารึยังว่า...พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบุคคลเช่นไร...
...ถ้ายังไม่ศึกษา...ก็ไม่มีทางเข้าใจ...แล้วก็ไม่เห็นปัญญาแก้กิเลสเจ้าค่ะ...
:b12:
:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2010, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 13:16
โพสต์: 279

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่นต้องเข้าใจความหมายคำว่ากิเลสเสียก่อนครับ



กิเลส สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง ความชั่วที่แฝงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ทำให้จิตใจขุ่นมัว ไม่บริสุทธิ์
กิเลสกาม กิเลสเป็นเหตุใคร่ กิเลสที่ทำให้อยาก เจตสิกอันเศร้าหมอง ชักให้ใคร่ ให้รัก ให้อยากได้ ได้แก่ราคะ โลภะ อิจฉา (อยากได้) เป็นต้น

กิเลสธุลี ธุลีคือกิเลส ฝุ่นละอองคือกิเลส

กิเลสมาร มารคือกิเลส กิเลสเป็นมาร โดยอาการที่เข้า ครอบงำจิตใจขัดขวางไม่ให้ทำความดี ชักพาให้ทำความชั่ว ล้างผลาญคุณความดี ทำให้บุคคลประสบหายนะและ ความพินาศ

กิเลสวัฏฏ์ วนคือกิเลส วงจรส่วนกิเลส หนึ่งในวัฏฏะ ๓ แห่งปฏิจจสมุปบาท ประกอบด้วย อวิชชา ตัณหาและอุปาทาน

กิเลสานุสัย กิเลสจำพวกอนุสัย กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน จะปรากฏเมื่อารมณ์มายั่วยุ เหมือนตะกอนน้ำที่อยู่ก้นโอ่ง ถ้าไม่มี คนกวนตะกอนก็นอนเฉยอยู่ ถ้ากวนน้ำเข้าตะกอนก็ลอยขึ้นมา

จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระธรรมปิฏก (ป.อ. ปยุตโต)



กิเลส

กิเลส หมายถึงธรรมชาติที่เป็นเครื่องให้เศร้าหมองหรือเร่าร้อน กิเลสมี ๑๐ คือ

(๑) โลภะ ความยินดีพอใจในโลกียอารมณ์ต่างๆ

(๒) โทสะ ความโกรธ ความไม่พอใจ

(๓) โมหะ ความหลง ความโง่

(๔) มานะ ความเย่อหยิ่ง ถือตัว

(๕) ทิฏฐิ ความเห็นผิด

(๖) วิจิกิจฉา ความสงสัยลังเลใจในสิ่งที่ควรเชื่อ

(๗) ถีนะ ความหดหู่

(๘) อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน

(๙) อหิริกะ ความไม่ละอายต่อทุจริต

(๑๐) อโนตตัปปะ ความไม่สะดุ้งกลัวต่อทุจริต

จาก คู่มือการศึกษาหลักสูตรจูฬอาภิธรรมิกะโท ฝ่ายวิชาการ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


แก้ไขล่าสุดโดย ชีวิตนี้น้อยนัก เมื่อ 17 ส.ค. 2010, 15:01, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2010, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


จ้า เล่าประสบกาณ์ ให้ฟังเล่นๆนะ ครั้งหนึ่งผมลองฝึกในความฝัน(ที่เรารู้ตัวว่าฝันในฝัน)มีผู้หญิงคนหนึ่งสวยมาก เมื่อเห็นอย่างนั้นก็พิจารณาให้เป็นคนแก่ และตาย จนถึงให้เน่าเปื่อย พอมาถึงตอนนี้ได้เรื่องครับ เขามาบีบคอผม แล้วพูดว่า ท่านจะทิ้งฉันแล้วหรือ กลัวตายเลยตื่นครับ สรุปว่า ยังไม่ผ่านครับ ชีวิตจริงก็ยังชอบคนสวยไม่หายสักที :b12:

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2010, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


birdthai เขียน:
ดีคับ คือ ผมอยากทราบเรื่องการเอาชนะกิเลสที่เกิดในตนมาก ๆ คับ เพราะมันคาใจผมมานานมากคับ คือบางทีเราคิดวิธีจัดการกับมันได้แล้ว แต่ถึงเวลาเอาเข้าจริง ๆ กับทำไม่ได้ แพ้มันไปซะงัน เซ็งจริง ๆ เลยคับ ขอคำชี้แนะด้วยนะคับ ขอบคุณครับ


งั้นก็แสดงว่าไอ้วิธีที่คิดได้นั้นมันใช้ไม่ได้ครับ :b13: :b13:
เพราะตอนที่คิดนั้นกิเลสมันเป็นตัวคิดครับ แล้วมันจะคิดวิธีที่ฆ่าตัวมันได้อย่างไรกันล่ะครับ :b32:

อย่าไปคิดเอาชนะมันเลยครับ เพราะการอยากจะเอาชนะนั้นมันก็เป็นกิเลสเหมือนกัน เอาเป็นว่าอย่าไปคบกับมันน่าจะดีกว่าครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร