ในโลกปัจจุบันเราไม่มั่นใจว่าศาสนาสามารถสร้างสันติภาพได้ ดูอย่างภาคใต้ซี ย้อนไปดูโลกแล้วไม่เห็นวี่แววเลย คุณว่ามั้ย

เราเชื่อค่ะว่าศาสนาสร้างสันติภาพได้

ศาสนา หลักธรรมมีอยู่ตายตัว อยู่กับที่ เป็นสัจธรรม เป็นความจริงที่ยังดำรงค์อยู่ แต่ถ้ามนุษย์ไม่น้อมนำหลักธรรม หลักศาสนาไปใช้แล้ว สันติภาพจะเกิดขึ้นได้อย่างไรหละค่ะ มนุษย์เองต่างหากที่ไม่คิดที่จะนำหลักศาสนาไปใช้อย่างแท้จริง

ผมเชื่อว่าศาสนาสามารถสร้างสันติภาพได้ ถ้าทุกคนเข้าใจศาสนาของตนอย่างแท้จริง
ถ้าตามคำพูดของผม ก็ขึ้นอยู่กับอวิชา

ขอบคุณครับ
ในความรู้สึกของเราก็มีความรู้สึกลึกๆ เช่นนั้นเหมือนกัน ว่า ศาสนาสามารถสร้างสันติภาพได้ แต่จะเป็นศาสนาชนิดไหนกันนอกจากศาสนาที่มุ่งเน้นความไม่เห็นแก่ตัว ความไม่เบียดเบียนกันและกัน
แต่ศาสนาของคนพาลก็มีเหมือนกัน วิธีการของเขา เขาก็เชื่อว่าสามารถสร้างสันติภาพภายใต้การดำเนินการต่างๆ นาๆ ของเขาเหมือนกัน .......คิดๆ ไปก็งงเหมือนกันว่าศาสนาแบบไหนที่สามารถสร้างสันติภาพได้จริง จุดเริ่มต้นควรจะเป็นจุดไดกัน แล้วอะไรเป็นตัวกีดกั้นขัดขวางสันติภาพเอาไว้.....และอีกมากมายที่เราอยากรู้ อยากทำความเข้าใจ อยากขอร้องเพื่อนๆ ช่วยเราทำความเข้าใจหน่อย เผื่อว่าภายหน้าจะมีคุณค่าเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้

เรามองแต่สันติในใจ ไม่มองข้างนอก จะไม่เป็นการเห็นแก่ตัวหรอกหรือ
เราคิดว่า นอกมันมีผลต่อภายใน ในมีผลต่อภายนอกเหมือนกันนะ
ถ้าทุกคนกลับมามองภายในได้อย่างที่ว่า ก็หมดปัญหาไป
แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นนะซี
ถ้าเรามัวแต่มองภายใน เอาแต่สันติเฉพาะตนก็รอดพ้นไป แต่จะจริงหรือเปล่าเราก็ยังไม่แน่ใจ เพราะนอกกับในมันอาศัยกันอยู่ มีผลต่อกันแน่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
น่าคิดต่อนะ.....

จะให้ช่วยทำความเข้าใจ...

จะเอาแบบสั้น..หรือ..จะเอาแบบยาว..ดีละ

ถ้าแบบสั้น...

คิดๆ ไปก็งงเหมือนกันว่าศาสนาแบบไหนที่สามารถสร้างสันติภาพได้จริง??

ศาสนาที่ทำให้..ความโลภ..ความโกรธ..ความหลง..หมดไปจากบุคคลใดได้...ศาสนานั้นจึงสามารถสร้างสันติภาพ..อิสระภาพ..ได้จริง

จุดเริ่มต้นควรจะเป็นจุดไดกัน??

เห็นความทุกข์ที่มี...อยากออกจากความทุกข์นั้นด้วยใจจริง...ไปหาดูด้วยว่าใครสอนให้ออกจากความทุกข์นั้นได้...แล้วก็เลิกคิดว่าตัวเองดีแล้ว..ตัวเองฉลาดแล้ว..ด้วยนะ

คงไม่ยาวไปนะ

ตัวที่ทำให้เกิดสันติในใจได้จริงนั้น..ก็คือธรรมจริง
และ..ผู้ที่มีธรรมจริงได้นั้น...จะต้องผ่านการละความเห็นแก่ตัว..ไปแล้วเท่านั้น

ดังนั้น..คนที่มีสันติในใจได้จริง...ไม่มีความเห็นแก่ตัว..เป็นปกติในใจของเขาอยู่แล้วละ

แต่ที่ยังสงสัย ๆ ..จะเห็นแก่ตัวไม้น่า???...ก็เพราะยังไม่เคยพบสันติในใจ..ความสงบในใจ..นั้นเอง

อย่าได้แค่เรามอง...จงทำให้เรามีสันติในใจด้วย...ทำให้มีก่อนดูซิ..มีแล้วจะรู้เองว่า..ไม่ใช่การเห็นแก่ตัวแต่อย่างใด


ใช่...มันมีผลถึงกันและกันได้...


คุณก็มัวแต่..จะมอง..จากนอก..มีผลเข้ามายังข้างใน..แต่ทำไมไม่มองว่า...ในมีผลออกมาข้างนอกบ้างละ...

ไหนลองยกตัวอย่าง...การที่..นอกมีผลมายังข้างใน...ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมโลกมาให้ดูซิครับ...นักคิดนักเขียนก็คิดทำอย่างนี้..มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว...จนเกิดเป็นลัทธิการปกครอง..ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย์เอย..สังคมนิยมเอย...ผลของมันก็เห็น ๆ กันอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน...เกิดสันติไหม???..

ดังนั้น..ผมว่า....นอกมีผลมายังข้างใน...ทำได้ไม่จริง..จริงอยู่พอจะมีผลอยู่บ้าง...แต่ได้ผลไม่จริง

ศาสนาจะสร้างสันติภาพได้ โดย
ศาสนาจะทำให้ผู้คนที่นับถือศาสนานั้น สามารถลดกิเลส ได้จริง
เมื่อเขาลดกิเลสลงได้เขาก็จะพ้นความเป็นทาส อบายมุขทั้ง ๖, พ้นจากความเป็นทาสกามคุณ ๕,
พ้นจากความเป็นทาสโลกธรรม ๘, พ้นจากความเป็นทาสแม้อัตตาตัวตนของตนเอง
เป็นอิสระเสรีภาพอย่างแท้จริง
เมื่อเขามีอิสระเสรีภาพ อย่างที่กล่าวมาแล้วเขาจะไม่เบียดเบียนใครๆ รวมไปถึงสัตว์น้อยใหญ่และตนเองด้วย
เมื่อเขาไม่เบียดเบียนใครๆ ความมีมิตรไมตรีเอื่ออาทรต่อคนอื่น สรรพชีวิตอื่นรวมไปถึงธรรมชาติรอบข้าง
จึงเกิดความเป็นภราดรภาพขึ้น
เมื่อนั้นแรงงาน, ความคิด, ทรัพย์สิน, และเวลาของทุกๆคนจะรวมเข้าด้วยกันได้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่
เป็นสมรรถภาพพัฒนาโลกเราใหเจริญรุ่งเรือง เกิดประโยชน์สูงประหยัดสุด
ทำให้โลกมีความบริบูรณ์เต็มอยู่เสมอเป็น บูรณภาพ
เมื่อนั้นแหละสันติภาพ จึงจะเกิดมีในโลกอย่างถาวร

ต้องทำความเข้าใจกับศาสนากับสันติภาพเสียก่อน
ว่ากันตามจริงแล้วศาสนากับสันติภาพมันมีความหมายไปในทางเดียวกัน
ในบัญญัติคำว่าศาสนามีคำสอนให้อยู่กันอย่างสันติ ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม

ดูกันให้ดีแล้ว ความไม่สงบหรือสงครามส่วนใหญ่เกิดจาก คนที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนในศาสนานั้นๆ
มิหน่ำซ้ำคนเหล่านี้ยังนำ บัญญัติคำว่า ศาสนามาเป็นเขื่อนไขในการก่อสงคราม แบ่งแยกศาสนา
แบ่งแยกของเขาของเรา ทั้งๆที่ทุกศาสนามีจุดประสงค์เดียวกัน คือสอนให้ทุกคนเป็นคนดีอยู่กันอย่างสันติ

ถ้าดูกันให้ดีแล้ว ปัญหาเรื่องความไม่สงบ มันเกิดจากคนไม่ทำตามคำสอนของศาสนา
การแก้ปัญหาจึงไม่ใช่การเอาศาสนามาแก้ เพราะปัญหาจริงๆแล้วมันอยู่ที่คน การแก้ต้องแก้ที่คน
และผู้ที่แก้ก็ต้องเป็นคนเช่นกัน
วิธีการแก้ เราต้องรู้ถึงธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ว่า เขาเหล่านั้นจะเชื่อฟังแต่คนที่
เขานับถือศรัทธา คนที่เป็นผู้นำเท่านั้นที่สามารถ ชักจูงให้คนที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนหันมาปฏิบัติ
ตามคำสอนในศาสนา เมื่อหันมาปฏิบัติหรือทำความเข้าใจกับศาสนาแล้ว ความสันติย่อมตามมา
เพราะศาสนากับสันติมีความหมายแนวทางเดียวกัน


สรุปผู้ที่จะแก้ปัญหาเรื่องสงคราม เรื่องสันติภาพ ต้องเป็นคนในระดับผู้นำมวลชนเป็นผู้แก้
เพราะผู้นำสามารถโน้มน้าวให้ผู้ที่ศรัทธาตน คล้อยตามมาปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาได้ครับ

ไม่ทุกศาสนาหรอกที่ทำให้เกิดสันติภาพ แต่เพราะมีมากศาสนาจึงทำให้เกิดความแตกต่างทางความเห็น
และในทุกความเห็นก็จะมีความเชื่อว่าศาสนาของตนดีที่สุด ถูกต้องที่สุด

เมื่อความเห็นแตกแยก การกระทำก็แตกต่าง เมื่อการกระทำแตกต่างอยู่ร่วมกันก็ไม่สนิทใจ
แต่ก็อยู่ร่วมกันได้เพราะกติกาทางสังคม ไม่ใช่ร่วมกันได้เพราะเข้าใจกันโดยศาสนา

มากศาสนา ยิ่งมากการแข่งขันเพื่อหาสมาชิกเข้ามาเป็นสาวกในศาสนาตน แล้วการแข่งขันกันจะทำกันด้วยใจ
ที่เข้าใจระหว่างศาสนาด้วยกันนั้นเป็นอย่างไร

นอกจากต่างก็คิดว่า ต้องปกป้องศาสนาของตน และดึงบุคคลจากศาสนาอื่นเข้ามาให้มากที่สุด

ศาสนาที่ดีงามเท่านั้น ที่ทำให้คนในสังคมไม่เบียดเบียนกัน แต่ศาสนาที่ดีงามแท้จริงมีไม่ทุกศาสนา

เพราะไม่ปฏิบัติตามหลักของศาสนาอย่างแท้จริง ยึดเอาความคิดตัวเป็นใหญ่
จึงทำให้เกิดสงครามแย่งชิงมวลชน สิ่งนี้เรียกว่า การเมือง หาใช่ศาสนาไม่

ถ้าดูให้ดีแล้ว เป็นเพราะคนที่ต้องการเป็นผู้นำ การได้มาอาศัยหลักของความเชื่อและศรัทธา
ของศาสนา เอาศาสนามาเป็นเครื่องมือ พยายามแก้ไขคำสอนเอาความคิดตนใส่ลงไปใน
คำสอนนั้นๆ แล้วมาอ้างว่าเป็นศาสนาที่แท้จริง เหตุนี้จึงทำให้เกิดการยอมรับบ้าง ไม่ยอมรับบ้าง
ลัทธิหรือนิกายต่างๆจึงเกิดขึ้นมากมาย

สิ่งที่ทำให้เกิดความเห็นแตกแยกและการกระทำที่แตกต่าง มันเกิดจากการที่คนในสังคม
ไม่ปฏิบัติตามคำสอนในศาสนา ไม่ใช่ว่า เข้าใจในคำสอนแต่ไม่ปฏิบัติ

ด้วยเหตุนี้ สังคมจึงต้องออกกฎมาไว้ใช่บังคับ พวกที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนในศาสนา
หาใช่ออกกฎมาบังคับ คนที่ปฏิบัติตามคำสอนในศาสนา

พวกที่เป็นนักกฎหมายจะรู้ซึ่งดีกันทุกคนว่า กฎหมายทุกฉบับทุกมาตรา
การออกจะต้องยึดหลักการของ "ประเพณีและศีลธรรมอันดี "

อันนี้เราต้องดูว่า สิ่งที่เขากำลังทำ ทำตามคำสอนในศาสนาที่แท้จริง
หรือว่าเขากำลังทำตามเจ้าลัทธิ ที่อาศัยเอาชื่อของศาสนาดังเดิมมาเป็นเครื่องมือ

หลักของศาสนาที่แท้จริงของทุกศาสนา วิธีการหรือพิธีกรรมอาจแตกต่างกัน
แต่จุดประสงค์เหมือนกันคือ ให้ทุกคนเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

ศาสนาที่เป็นศาสนาดั้งเดิม เป็นสิ่งดีงามทุกศาสนา แต่ที่เป็นอยู่นี่ก็เพราะ
มนุษย์ไปเปลี่ยนแปลงแก้ไข เอาความคิดตัวเองใส่ลงไป แล้วมาหลอกลวงว่าเป็น
คำสอนในศาสนา เพียงเพื่อต้องการเป็นผู้นำมวลชน

สวัสดีครับท่านโฮ

ขอบคุณที่ช่วยแจกแจงแถลงความครับ บางครั้งยามที่ผมมีบรรยากาศของคนใจกว้าง
ผมก็จะมองทุกศาสนาดีเหมือนกันไปหมด

แต่บางอารมณ์ ใจผมมันชอบขวางลำ มันก็มักจะทำอะไรที่ขวางโลก
หากมีอะไรขวางลำไปบ้าง ก็ช่วยเข้ามาชี้แจงแถลงความสักบ่อยๆหน่อยนะครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

พุทธ=ปัญญา คริสต =ความรัก อิสลาม= สงคราม ถ้าไม่มีอิสลามก็ไม่มีสงครามครับ

อิสลาม เป็นคำภาษาอาหรับ (ภาษาอาหรับ: الإسلام) แปลว่า การสวามิภักดิ์ ซึ่งหมายถึงการสวามิภักดิ์อย่างบริบูรณ์แด่ อัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้า ด้วยการปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ อิสลาม มีรากศัพท์มาจากคำว่า อัส-สิลมฺ หมายถึง สันติ

ใช้วิจารณญาณพิจารณาเอาเองครับ

สาเหตุที่ทำให้เกิดสงครามมีอีกครับ คือการไปดูถูกศาสนาอื่นครับ