วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 03:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2011, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 281

เรื่องนางวิสาขา มิคารมาตา

โปรดอ่าน หน้าที่ 281 ถึง 283


ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองอันตรวาสก ถือบาตรจีวร

เสด็จหายไปในพระเชตวัน มาปรากฏที่ซุ้มประตูบ้านนางวิสาขา มิคารมาตา

ดุจบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียดฉะนั้น พระองค์ประทับนั่ง

เหนือพุทธอาสน์ที่เขาปูลาดถวาย พร้อมด้วยพระสงฆ์.

ขณะนั้น นางวิสาขา มิคารมาตา กล่าวว่า ชาวเราผู้เจริญ น่าอัศจรรย์

จริงหนอ ชาวเราผู้เจริญประหลาดจริงหนอ พระตถาคต ชื่อว่ามีฤทธิ์มาก

มีอานุภาพมากเพราะเมื่อห้วงน้ำไหลนองไปเพียงเข่าบ้าง เพียงสะเอวบ้า เท้า

หรือจีวรของภิกษุแม้รูปหนึ่ง ก็ไม่ได้เบียกน้ำ ดังนี้แล้ว ร่าเริง เบิกบานใจ

อังคาสภิกษุสงฆ์แม้พระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต

ด้วยมือของตน ยังพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสวยเสร็จแล้ว จนทรงนำพระหัตถ์ออก

จากบาตรให้ห้ามภัตรแล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลแด่พระผู้มี

พระภาคเจ้าว่า หม่อมฉันทูลขอประทานพร ๘ ประการต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า

พระพุทธเจ้าข้า.

ภ. ตถาคตเลิกไห้พรเสียแล้ว วิสาขา.

วิ. หม่อมฉันทูลขอประทานพรที่สมควรและไม่มีโทษ พระพุทธเจ้าข้า

ภ. จงบอกมาเถิด วิสาขา.

วิ. พระพุทธเจ้าข้า สำหรับพระสงฆ์ หม่อมฉันปรารถนาจะถวายผ้า

วัสสิกสาฎก จะถวายภัตเพื่อพระอาคันตุกะ จะถวายภัตเพื่อพระที่เตรียมจะไป

จะถวายภัตเพื่อพระอาพาธ จะถวายภัตเพื่อพระที่พยาบาลพระอาพาธ จะ

ถวายเภสัชสำหรับพระอาพาธ จะถวายยาคูประจำ และสำหรับภิกษุณีสงฆ์

หม่อมฉัน ปรารถนาจะถวายอุทกสากฎ จนตลอดชีพ.

ภ. วิสาขา ก็เธอเห็นอำนาจประโยชน์อะไร จึงขอพร ๘ ประการ ต่อตถาคต

วิ. พระพุทธเจ้าข้า วันนี้หม่อมฉันสั่งทาสีว่า ไปเถิด แม่ทาสี เจ้า

จงไปอาราม แล้วบอกภัตกาลว่า ภัตตาหารเสร็จแล้ว เจ้าข้า และนางก็ไปวัด

ได้เห็นภิกษุทั้งหลายเปลื้องผ้าสรงสนานกายอยู่ เข้าใจผิดคิดว่า ไม่มีภิกษุใน

อาราม มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานกายอยู่ จึงกลับมาบ้าน แล้วรายงานแก่

หม่อมฉันว่า นายไม่มีภิกษุในอาราม มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานกายอยู่.

๑. พระพุทธเจ้าข้า ความเปลือยกายไม่งาม น่าเกลียด น่าชัง

หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายผ้าวัสสิกสาฎกแก่พระสงฆ์

จนตลอดชีพ.

๒. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า พระอาคันตุกะไม่ชำนาญ

หนทาง ไม่รู้จักที่โคจร ย่อมเที่ยวบิณฑบาตลำบาก ท่านฉันอาคันตุกภัตของ

หม่อมฉันพอชำนาญหนทาง รู้จักที่โคจร จักเที่ยวบิณฑบาตได้ไม่ลำบาก

หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายอาคันตุกภัตแก่พระสงฆ์

จนตลอดชีพ.

๓. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า พระผู้เตรียมตัวจะไปมัว

แสวงหาภัตตาหารเพื่อตนอยู่ จักพลาดจากหมู่เกวียน หรือจักถึงสถานที่ที่คน

ต้องการจะไปอยู่เมือพลบค่ำ จักเดินทางลำบาก ท่านฉันคมิกภัตของหม่อมฉัน

แล้ว จักไม่พลาดจากหมู่เกวียน หรือจักถึงสถานที่ที่ตนต้องการจะไปอยู่ไม่

พลบค่ำ จักเดินทางไม่ลำบาก หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนา

จะถวายคมิกภัตแก่พระสงฆ์ จนตลอดชีพ.

๔. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า เมื่อพระอาพาธไม่ได้

โภชนาหารที่เป็นสัปปายะ อาพาธกำเริบ หรือท่านจักถึงมรณภาพ เมื่อท่าน

ฉันคิลานภัตของหม่อมฉัน อาพาธจักทุเลา ท่านจักไม่ถึงมรณภาพ หม่อมฉัน

เห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานภัตแก่สงฆ์ จนตลอดชีพ.

๕. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า พระผู้พยาบาลพระอาพาธ

มัวแสวงหาภัตตาหารเพื่อตน จักนำภัตตาหารไปถวายพระอาพาธจนสาย ตนเอง

จักอดอาหาร ท่านได้ฉันคิลานุปัฏฐากภัตของหม่อมฉันแล้ว จักนำภัตตาหาร

ไปถวายพระอาพาธตามเวลา ตนเองก็จักไม่อดอาหาร หม่อมฉันเห็นอำนาจ

ประโยชน์นี้จึงปรารถนาจะถวายคิลานุปัฏฐากภัตแก่พระสงฆ์ จนตลอดชีพ.

๖. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า เมื่อพระอาพาธไม่ได้เภสัช

ที่เป็นสัปปายะ อาพาธจักกำเริบ หรือจักถึงมรณภาพ เมื่อท่านฉันคิลานเภสัช

ของหม่อมฉันแล้ว อาพาธจักทุเลา ท่านจักไม่มรณภาพ หม่อมฉันเห็นอำนาจ

ประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานเภสัชแก่พระสงฆ์ จนตลอดชีพ.

๗. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ทรงเห็นอานิสงส์

๑๐ ประการ ได้ทรงอนุญาตยาคูไว้แล้ว ที่เมืองอันธกวินทะ หม่อมฉันเห็น

อานิสงส์ตามที่พระองค์ตรัสนั้น จึงปรารถนาจะถวายยาคูประจำแก่สงฆ์ จน

ตลอดชีพ.

๘. พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุณีทั้งหลายเปลือยกายอาบน้ำร่วมท่ากับหญิง

แพศยา ณ แม่น้ำอจิรวดีนี้ หญิงแพศยาเหล่านั้นพากันเย้ยหยันภิกษุณีว่า แม่เจ้า

พวกท่านกำลังสาวประพฤติพรหมจรรย์จะได้ประโยชน์อะไร ควรบริโภค

กามมิใช่หรือ พระพฤติพรหมจรรย์ต่อเมื่อแก่เฒ่า อย่างนี้ จักเป็นอันพวก

ท่านยึดส่วนทั้งสองไว้ได้ ภิกษุณีเหล่านั้นถูกพวกหญิงแพศยาเย้ยหยันอยู่ ได้

เป็นผู้เก้อ ความเปลือยกายของมตุคามไม่งาม น่าเกลียค น่าชัง หม่อมฉัน

เห็นอำนาจประโยชน์นี้จึงปรารถนาจะถวายผ้าอุทกสาฎก แก่ภิกษุณีสงฆ์ จน

ตลอดชีพ.

ภ. วิสาขา ก็เธอเห็นอานิสงฆ์อะไร จึงขอพร ๘ ประการต่อตถาคต

วิ. พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุทั้งหลายในพระธรรมวินัยนี้ จำพรรษาใน

ทิศทั้งหลายแล้ว จักมาพระนครสาวัตถี เพื่อเฝ้าพระองค์ แล้วจักทูลถามว่า

ภิกษุมีชื่อนี้ถึงมรณภาพแล้ว ท่านมีดติอย่างไร มีภพหน้าอย่างไร พระพุทธเจ้า

ข้า พระองค์จักทรงพยากรณ์ภิกษุนั้นในโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล

หรืออรหัตผล หม่อมฉันจักเข้าไปหาภิกษุพวกนั้น แล้วเรียนถามว่า พระคุณ

เจ้ารูปนั้นเคยมาพระนครสาวัตถีไหมเจ้าข้า ถ้าท่านเหล่านั้นจักตอบแก่หม่อ-

ฉันว่า ภิกษุนั้นเคยมาพระนครสาวัตถี หม่อมฉันจักถึงความตกลงใจในการมา

ของพระคุณเจ้ารูปนั้นว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นคงใช้สอยผ้าวัสสิกสาฎก คงฉัน

อาคันตุกภัต คมิกภัต คิลานภัต คิลานุปัฏฐากภัต คิลานเภสัช หรือยาคู

ประจำเป็นแน่ เมื่อหม่อมฉันระลึกถึงกุศลนั้นอยู่ ความปลื้มใจจักบังเกิด เมื่อ

หม่อมฉันปลื้มใจแล้ว ความอิ่มใจจักบังเกิด เมื่อมีใจอิ่มเอิบแล้ว กายจักสงบ

เมื่อมีกายสงบแล้ว จักเสวยสุข เมื่อมีความสุข จิตจักตั้งมั่น จักเป็นอันหม่อม

ฉันได้อบรมอินทรีย์ อบรมพละ อบรมโพชฌงค์นั้น หม่อมฉันเห็นอานิสงส์นี้

จึงขอประทานพร ประการต่อพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า.

ภ. ดีละ ดีละ วิสาขา ดีแท้ วิสาขา เธอเห็นอานิสงส์นี้ จึงขอ

พร ๘ ประการต่อตถาคต เราอนุญาตพร ๘ ประการแก่เธอ.

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนานางวิสาชา มิคารมาตา

ด้วยพระคาถาเหล่านี้ ว่าดังนี้:-

คาถาอนุโมทนา

[๑๕๔] สตรีใด ไห้ข้าวและน้ำ มีใจ

เบิกบานแล้ว สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นสาวิกา

ของพระสุคต ครอบงำความตระหนี่แล้ว

บริจาคทานอันเป็นเหตุแห่งสวรรค์ เป็น

เครื่องบรรเทาความโศก นำมาซึ่งความสะ

สตรีนั้น อาศัยมรรคปฏิบัติ ปราศจากธุลี

ไม่มีกิเลศเครื่องยั่วใจ ย่อมได้กำลังและอาย

เป็นทิพย์ สตรีผู้ประสงค์บุญนั้น เป็นคนมี

สุข สมบูรณ์ด้วยอนามัย ย่อมปลื้มใจใน

สวรรค์สิ้นกาลนาน.

พระพุทธนุญาตผ้าวัสสิกสาฏกเป็นต้น

[๑๕๕] ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนา นางวิสาขา

มิคารมาตา ด้วยพระคาถาเหล่านี้แล้ว เสด็จลุกจากที่ประทับกลับไป ครั้นแล้ว

ทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้ว

รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าวัสสิกสาฏก อาคัน-

ตุกภัต คมิกภัต คิลานภัต คิลานุปัฏฐากภัต คิลานเภสัช ยาคูประจำ

อนุญาตผ้าอุทกสาฎก สำหรับภิกษุณีสงฆ์.

วิสาขาภาณวาร จบ
พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านั้น เมื่อครั้งที่พระองค์ปรินิพพานใหม่ๆ มีประมาณ

เท่าใด ปัจจุบันจนถึงสิ้นพระศาสนาก็มีประมาณเท่านั้นคือมีจำนวนเท่าเดิมไม่เพิ่มขึ้น

พระพุทธเจ้าที่ทรงมีพระชนมายุยืนเช่นพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ยุคสมัยนั้นมนุษย์

มีอายุ 20000 ปี พะรบรมสารีริกธาตุจะมีชิ้นเดียว เป็นแท่งเดียวจะไม่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เหมือนพระพุทธเจ้าที่มีพระชนมายุสั้น ส่วนพระพุทธเจ้าสมัยเราคือพระพุทธเจ้าพระ

สมณโคดม สมัยนั้นมนุษย์มีอายุขัย100 ปีซึ่งเป็นอายุที่สั้นเพราะฉะนั้นพระบรม

สารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าเราจึงเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย ด้วยเหตุผลที่พระองค์ได้อธิฐาษ

ให้กระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อยเพราะพระองค์ทรงดำริว่าเรามีอายุที่สั้น ชน

ทั้งหลายรุ่นหลังไมไ่ด้เห็นเรา เพราะฉะนั้นขอให้ชนรุ่นหลังจงได้มีโอกาสบุชาพระบรม

สารีริกธาตุของเราต่อไปโดยทั่วถึง พระองค์จึงทรงอธิษฐานให้พระธาตุเป็นชิ้นเล็ก ชิ้น

น้อยและกระจัดกระจายไปในที่ต่างๆในที่ที่มีการเคารพสักการะ
พระพุทธเจ้าก็ได้ทรงอธิษฐานก่อนปรินิพพานว่า ขอให้พระบรมสารีริกธาตุจงอยู่กับ

ชนที่เคารพสักการะเรา ส่วนที่ไหนไม่มีการเคารพสักการะพระบรมสารีริกธาตุแล้วก็ขอให้

พระบรมสารีริกธาตุย้ายไปอยู่ในที่ที่มีการเคารพสักการะ เพราะฉะนั้นจากประเด็นที่ถาม

ว่าพระบรมสารีริกธาตุเกิดขึ้นเองได้ไหม ตามที่เรียนไว้ในตอนต้นว่า พระบรมสารีริกธาตุ

มีประมาณเท่าใดตอนแรกปรินิพพานจนถึงปัจจุบันและอนาาคตก็มีเท่าเดิม ไม่มีการเกิด

ขึ้น เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน แต่ด้วยเหตุผลว่า ทำไมบางที่พระบรมสารีริกธาตุจึงเพิ่มขึ้น

นั่นเพราะเหตุผลที่พระพุทธเจ้าได้อธิษฐานไว้ว่าขอให้พระบรมสารีริกธาตุจงอยู่กับชนที่

เคารพสักการะเรา ส่วนที่ไหนไม่มีการเคารพสักการะพระบรมสารีริกธาตุแล้วก็ขอให้

พระบรมสารีริกธาตุย้ายไปอยู่ในที่ที่มีการเคารพสักการะ เพราะฉะนั้นที่ที่มีัการเคารพสัี

กการะจึงเพิ่มขึ้น ส่วนที่ไม่มีการเคารพสักการะก็หายไปมาอยู่ในที่ที่มีการเคารพสักการะ

แทนครับ

เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน รักษาศีล
เจริญภาวนา สวดมนต์ ถวายข้าวพระพุทธ กรวดน้ำอุทิษบุญ นำดอกไม้สร้างพระและเจดีย์
ถวายพระรัตนตรัย ให้อาหารสัตว์เป็นทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆหลายคนที่ได้ไปทำบุญไหว้พระ
อนุโมทนากับผู้ไปทำบุญที่วัด อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล
และศึกษาการรักษาโรค อนุโมทนาบุญกับพ่อแม่ที่ได้รักษาศีล ฟังธรรม และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่าง
ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย



ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน รักษาศีล
เจริญภาวนา สวดมนต์ ถวายข้าวพระพุทธ กรวดน้ำอุทิษบุญ นำดอกไม้สร้างพระและเจดีย์และธรรมจักร
ถวายพระรัตนตรัย ให้อาหารสัตว์เป็นทาน อนุโมทนาบุญกับผู้อื่นขอเชิญทำกุศลร่วมกันนะครับ



เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพปั้นพระพุทธรูปองค์ปฐมต้นพุทธวงศ์ต้นแบบหน้าตัก ๔ ศอก
(พระพุทธเจ้าองค์แรกในพระพุทธศาสนา)
และแม่พิมพ์หล่อองค์ปฐม ๑ooo องค์
วัดป่าโนนจ่าหอม 13 หมู่13 หมู่บ้านโพนเมือง ต.โพนเมือง อ.เหล่าเสือโก๊ก จ.อุบลราชธานี 34000 โทร.080-167-5445


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร