วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 01:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 95 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: ขอร้องครับอย่าทะเลาะกันเลยครับ
เราต่างเป็นคนไทยเหมือนกัน
อย่าให้ถึงกับฆ่าแกงกันเลยครับ
ขาดเหลืออะไร ไปซื้อที่เอา ที่เซเว่นหรือร้านโชว์ห่วยก็มีขายครับ :b14:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: อย่างทีคุณหลับอยู่ถาม นั้นผมตอบไม่ได้ เวลาปฏิบัติ ผมจะวางสมมุติ บัญญัติก่อน และผลการปฏิบัติจะดูที่ภาวะของจิต ว่าภาวะของจิตในแต่ละช่วงของการปฏิบัติเป็นอย่างไร เมื่อก่อนผมดื้อคิดว่าสมรรถกรรมฐานอย่างเดียวก็พอแล้วสำหรับปุถุชน แต่เอาเข้าจริงมันไม่ไหว พระอยู่ในวัดไม่มีอะไรไปกดดันท่าน เราอยู่ในโลกความจริงโดนหนักๆหลายด้านฌานก็เสื่อม เข้าไม่ได้ก็อยู่แค่อุปจาระสมาธิ ที่นี้สมาธิระดับนี้มันทับกิเลสไม่อยู่(ไอ้ทีเรียกว่าวิขัมปนประหารหรือข่มกิเลสไว้ด้วยกำลังสมาธิ) มันก็เริ่มฟุ้ง ต้องตัดสินใจมาทำวิปัสนาและเจริญสติช่วย ทำวิปัสนานั้นผมพอทำเป็นเพราะหลวงพ่อสุทัศน์ ท่านสอนไว้ตอนบวช แต่มันสำคัญการที่เตรียมจิต ให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำวิปัสนานี่แหละ ถ้าจิตมันไม่พร้อม กิเลส นิวรณ์มันไม่ดับทำไปมันก็เป็นแค่วิปัสนึก ตรงที่คุณหลับอยู่ถาม มันน่าจะตรงกับภาวะจิต ที่เรียกว่ามรรคสมังคีคือศีล สมาธิ ปัญญา มันเกิดขึ้น พร้อมกัน ศีลสมาธิ ปัญญา มันสมดุลย์กัน ภาวะจิตตรงนี้แหละ ที่เราใช้พิจารณาพระไตรลักษณ์(ทำวิปัสนา) ซึ่งจะได้ผลเป็นวิปัสนา
ไม่ใช่วิปัสนึกอย่างที่ว่า ถามว่าภาวะจิต ตรงนี่อธิบายเป็นคำพูดได้ไหม คงพอได้ แต่ไม่ทราบว่าจะตรงกับของคุณหลับอยู่หรือเปล่า คือจิตช่วงนี้มันจะตื่นรู้มาก กิเลส หย่างหยาบ และนิวรณ์ดับสิ้นเชิง เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา นั่งพิจารณาหมวดกาย ไปสมมุติว่าสักชั่วโมง ก็ไล่ทั้งแต่ธาติดิน คือผม ขนเล็บฟันหนังนั่นแหละ บางที ตั้งใจเลิก เข้านอนแล้ว จิตมันยังไม่ยอม นอนรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่อย่างนั้น(เหมือนมีกายซ้อนกายอยู่อีก1-2ชั่วโมง)กว่าจะกลับมาปกติและหลับได้ อันนี้ไม่รู้ตั้งใจถามหรือเปล่า แต่ตั้งใจตอบ
........เรื่องภาวะจิตนี้สำคัญ กว่าอย่างอื่น เขาให้เอามือไปล้วงรูลึกๆ ถ้าล้วงไม่ถึงก้นรู ต้องไม่มองว่ารูมันลึกเกินไป
มันผิดเลยการฏิบัติ ต้องมาพจารณาว่ามือเราสั้นไป จิตนี้จะได้ไม่ออกนอกการ ไม่เกิดสังขาร....แค่แชร์กัน......เจโตวิมุตอ/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่กลัวผี

เมื่อนำพระเครืองคล้องคอก็หายกลัวผี

ถามว่า

อุปาทาน หรือ เป็นจริงครับ

หมายความว่า

คนคนเดียวกัน

ต่างกันที่มีพระเครื่องคล้องคอ

กับไม่มีพระเครืองคล้องคอ

มีขันธ์ เดียวกัน หรือ ต่างกันครับ


.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
สุขในฌาณ คือ สุขในนิพพาน


สุขในฌาณ คือ สุขในนิพพาน..จริง

จตุตถฌานที่เจอ..คงเป็นเรื่องหลับใน..???
:b7: :b7: :b7:



ท่านกบ :b8: :b8: :b8:

กรุณาขยายความสักนิดครับ

ถือเป็นธรรมทาน

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 10:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


จางบางลางเลือน เขียน:
ตามความเข้าใจส่วนตัวครับ เรื่อง นิโรธ5อย่าง


:b53: :b53: :b53: :b53: :b53:


จัง จัง เอาใบลานเปล่าออกมาตากแดดเหย๋อ

:b30: :b30: :b30:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 14:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุติ เขียน:
:b42: อย่างทีคุณหลับอยู่ถาม นั้นผมตอบไม่ได้ เวลาปฏิบัติ ผมจะวางสมมุติ บัญญัติก่อน และผลการปฏิบัติจะดูที่ภาวะของจิต ว่าภาวะของจิตในแต่ละช่วงของการปฏิบัติเป็นอย่างไร เมื่อก่อนผมดื้อคิดว่าสมรรถกรรมฐานอย่างเดียวก็พอแล้วสำหรับปุถุชน แต่เอาเข้าจริงมันไม่ไหว พระอยู่ในวัดไม่มีอะไรไปกดดันท่าน เราอยู่ในโลกความจริงโดนหนักๆหลายด้านฌานก็เสื่อม เข้าไม่ได้ก็อยู่แค่อุปจาระสมาธิ ที่นี้สมาธิระดับนี้มันทับกิเลสไม่อยู่(ไอ้ทีเรียกว่าวิขัมปนประหารหรือข่มกิเลสไว้ด้วยกำลังสมาธิ) มันก็เริ่มฟุ้ง ต้องตัดสินใจมาทำวิปัสนาและเจริญสติช่วย ทำวิปัสนานั้นผมพอทำเป็นเพราะหลวงพ่อสุทัศน์ ท่านสอนไว้ตอนบวช แต่มันสำคัญการที่เตรียมจิต ให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำวิปัสนานี่แหละ ถ้าจิตมันไม่พร้อม กิเลส นิวรณ์มันไม่ดับทำไปมันก็เป็นแค่วิปัสนึก ตรงที่คุณหลับอยู่ถาม มันน่าจะตรงกับภาวะจิต ที่เรียกว่ามรรคสมังคีคือศีล สมาธิ ปัญญา มันเกิดขึ้น พร้อมกัน ศีลสมาธิ ปัญญา มันสมดุลย์กัน ภาวะจิตตรงนี้แหละ ที่เราใช้พิจารณาพระไตรลักษณ์(ทำวิปัสนา) ซึ่งจะได้ผลเป็นวิปัสนา
ไม่ใช่วิปัสนึกอย่างที่ว่า ถามว่าภาวะจิต ตรงนี่อธิบายเป็นคำพูดได้ไหม คงพอได้ แต่ไม่ทราบว่าจะตรงกับของคุณหลับอยู่หรือเปล่า คือจิตช่วงนี้มันจะตื่นรู้มาก กิเลส หย่างหยาบ และนิวรณ์ดับสิ้นเชิง เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา นั่งพิจารณาหมวดกาย ไปสมมุติว่าสักชั่วโมง ก็ไล่ทั้งแต่ธาติดิน คือผม ขนเล็บฟันหนังนั่นแหละ บางที ตั้งใจเลิก เข้านอนแล้ว จิตมันยังไม่ยอม นอนรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่อย่างนั้น(เหมือนมีกายซ้อนกายอยู่อีก1-2ชั่วโมง)กว่าจะกลับมาปกติและหลับได้ อันนี้ไม่รู้ตั้งใจถามหรือเปล่า แต่ตั้งใจตอบ
........เรื่องภาวะจิตนี้สำคัญ กว่าอย่างอื่น เขาให้เอามือไปล้วงรูลึกๆ ถ้าล้วงไม่ถึงก้นรู ต้องไม่มองว่ารูมันลึกเกินไป
มันผิดเลยการฏิบัติ ต้องมาพจารณาว่ามือเราสั้นไป จิตนี้จะได้ไม่ออกนอกการ ไม่เกิดสังขาร....แค่แชร์กัน......เจโตวิมุตอ/

ท่านเจโตครับ ผมอ่านความเห็นของท่านแล้ว มันก็ดีครับ แต่มันมองภาพไม่ค่อยออก
คือมันไม่เห็นภาพ อาจเป็นเพราะเราไม่ใช้เป็นคนปฏิบัติให้เห็นจริง
มาถึงตอนนี้ผมมาสะดุดใจตรงที่จขกทเข้าปรามาสท่านว่า...
mes เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมไม่ได้เป็นพระแล้ว

ไม่ได้เป็นพระแล้วก็เอารูปสมัยเป็นพระออกไปเสียซิ
จะติดไว้หลอกชาวบ้านทำไม

ผมก็มาเห็นจริงว่าไปตามนั้น จึงอยากถามท่านเจโตครับว่า
การที่ท่านไม่ได้เป็นพระแล้วทำไมท่านยังเอารูปพระมาเป็นโพสให้สมาชิกดู
ในความเห็นผม ผมว่าท่านไม่ได้จะหลอกลวงใครหรอกครับ
แต่ท่านว่า มันแสดงให้เห็นถึงอัตตา การยึดมั่นถือมั่นกับสภาพตอนเป็นพระ
ยังหลงติดกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้วหรือเปล่าครับ

อยากให้ท่านเจโตชี้แจงครับ แต่ถ้าจะทำเป็นไม่สนใจก็ไม่เป็นไรครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 17:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
โฮฮับ เขียน:
การที่ท่านไม่ได้เป็นพระแล้วทำไมท่านยังเอารูปพระมาเป็นโพสให้สมาชิกดู
ในความเห็นผม ผมว่าท่านไม่ได้จะหลอกลวงใครหรอกครับ


ตอนแรกผมก็เข้าใจผิด นึกว่าท่านยังครองผ้าเหลืองอยู่ซะอีก



เอาแค่ชื่อก็วางเขื่องแล้ว

เจโตวิมุติ คือ สำเร็จอรหันต์แล้ว

ทีโพสต์มา

ปรุงแต่งล้วนๆ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 07:51
โพสต์: 132

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


-__- เจโตวิมุตติ ตามศัพท์จริงๆแล้วแปลว่าข่มกิเลสไว้ด้วยกำลังสมาธิครับ
พิจารณา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ หน้า 74

ผู้ที่สำเร็จอรหันต์จริงๆจะเป็นทั้งเจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุติครับ
แต่ถ้าหากได้ฌานถึงอรูปฌาน 8 ก่อนที่จะสำเร็จเป็นอรหันต์จะเรียกว่า อุภโตภาควิมุติ
พิจารณา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ หน้า 567

ในมุโตทัยหลวงปู่มั่นได้อธิบายไว้ว่า พระอรหันต์ทุกรูปล้วนเป็นทั้งเจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ
ซึ่งจะตรงพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ หน้า 229 ที่ว่า การบรรลุเป็นพระอรหันต์ผลทำให้เจโตวิมุตติไม่กำเริบอีก

ปล. ต้องการโพสให้เข้าใจคำศัพท์ในพุทธศาสนาให้ถูกต้องร่วมกันนะครับ (เพื่อลดความสับสนที่อาจจะมีในอนาคต)
สามารถดาว์นโหลด พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ได้ที่
http://www.watnyanaves.net/th/book_detail/268


แก้ไขล่าสุดโดย Yodyood เมื่อ 12 เม.ย. 2011, 20:13, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อุภโตภาควิมุตต์
อาวุโส ! มีคำกล่าวกันอยู่ว่า 'อุภโตภาควิมุตต์ อุภโตภาควิมุตต์' ดังนี้.
อาวุโส ! อุภโตภาควิมุตต์นี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล?"
(พระอุทายีถามพระอานนท์, อานนท์เป็นผู้ตอบ).

อาวุโส! ภิกษุในกรณี้นี้ สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรม
เขาถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่. อนึ่ง
อายตนะคือฌานนั้น (เป็นธรรมารมรณ์มีรสและกิจเป็นต้น) ฉันใดๆ, เธอถูกต้อง
ธรรมารมณ์นั้น (โดยรสและกิจเป็นต้น) ฉันนั้นๆ ด้วยนามกาย แล้วแลอยู่. และ
เธอรู้ทั่วถึงธรรม (คือปฐมฌานนั้น) ด้วยปัญญา. อาวุโส ! อุภโตภาควิมุตต์อัน
พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล เมื่อกล่าว โดยปริยาย.

(ในกรณีแห่ง ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญ-
จายตนะอากิญจัญญายตนะ และเนวสัญญานาสัญญายตนะ มีข้อความที่กล่าวไว้โดยทำนอง
เดียวกันกับข้อความในกรณีแห่งปฐมฌาน ทุกประการ และในฐานะเป็นอุภโตภาควิมุตต์ โดย
ปริยาย. ส่วนสัญ ญาเวทยิตนิโรธซึ่งมีการสิ้นอาสวะนั้น กล่าวไว้ในฐานะเป็นอุภโตภาควิมุตต์
โดยนิปปริยาย ด้วยข้อความดังต่อไปนี้ :-)

อาวุโส ! นัยอื่นอีกมีอยู่ : ภิกษุ ก้าวล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญ-
ญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่. อนึ่ง
เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอนั้นก็สิ้นไปรอบ . อนึ่ง อายตนะ
คือสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น (เป็นธรรมารมณ์มีรสและกิจเป็นต้น) ฉันใดๆ, เธอ
ถูกต้องธรรมารมณ์นั้น (โดยรสและกิจเป็นต้น) ฉันนั้นๆ ด้วยนามกายแล้วแลอยู่.
และเธอรู้ทั่วถึงธรรม (คือสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น) ด้วยปัญญา. อาวุโส !
อุภโตภาควิมุตต์ อันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล เมื่อ
กล่าว โดยนิปปริยาย.

ที่มา http://pobbuddha.com/tripitaka/upload/f ... index.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 00:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
สุขในฌาณ คือ สุขในนิพพาน


สุขในฌาณ คือ สุขในนิพพาน..จริง

จตุตถฌานที่เจอ..คงเป็นเรื่องหลับใน..???
:b7: :b7: :b7:


ท่านกบ :b8: :b8: :b8:
กรุณาขยายความสักนิดครับ

ถือเป็นธรรมทาน


กระผมขยายความแล้ว..ที่กระทู้ของท่านเองนั้นแหละ.. :b12:
ที่กระทู้นี้ครับ..
...นิยามที่ให้ฌาณแค่การนอนหลับ ...

กำลังแสดงความงามหน้าของตัวเอง..ชัด ๆ :b15: :b15:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 03:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุติ เขียน:
:b42: อย่างทีคุณหลับอยู่ถาม นั้นผมตอบไม่ได้ เวลาปฏิบัติ ผมจะวางสมมุติ บัญญัติก่อน และผลการปฏิบัติจะดูที่ภาวะของจิต ว่าภาวะของจิตในแต่ละช่วงของการปฏิบัติเป็นอย่างไร เมื่อก่อนผมดื้อคิดว่าสมรรถกรรมฐานอย่างเดียวก็พอแล้วสำหรับปุถุชน แต่เอาเข้าจริงมันไม่ไหว พระอยู่ในวัดไม่มีอะไรไปกดดันท่าน เราอยู่ในโลกความจริงโดนหนักๆหลายด้านฌานก็เสื่อม เข้าไม่ได้ก็อยู่แค่อุปจาระสมาธิ ที่นี้สมาธิระดับนี้มันทับกิเลสไม่อยู่(ไอ้ทีเรียกว่าวิขัมปนประหารหรือข่มกิเลสไว้ด้วยกำลังสมาธิ) มันก็เริ่มฟุ้ง ต้องตัดสินใจมาทำวิปัสนาและเจริญสติช่วย ทำวิปัสนานั้นผมพอทำเป็นเพราะหลวงพ่อสุทัศน์ ท่านสอนไว้ตอนบวช แต่มันสำคัญการที่เตรียมจิต ให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำวิปัสนานี่แหละ ถ้าจิตมันไม่พร้อม กิเลส นิวรณ์มันไม่ดับทำไปมันก็เป็นแค่วิปัสนึก ตรงที่คุณหลับอยู่ถาม มันน่าจะตรงกับภาวะจิต ที่เรียกว่ามรรคสมังคีคือศีล สมาธิ ปัญญา มันเกิดขึ้น พร้อมกัน ศีลสมาธิ ปัญญา มันสมดุลย์กัน ภาวะจิตตรงนี้แหละ ที่เราใช้พิจารณาพระไตรลักษณ์(ทำวิปัสนา) ซึ่งจะได้ผลเป็นวิปัสนา
ไม่ใช่วิปัสนึกอย่างที่ว่า ถามว่าภาวะจิต ตรงนี่อธิบายเป็นคำพูดได้ไหม คงพอได้ แต่ไม่ทราบว่าจะตรงกับของคุณหลับอยู่หรือเปล่า คือจิตช่วงนี้มันจะตื่นรู้มาก กิเลส หย่างหยาบ และนิวรณ์ดับสิ้นเชิง เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา นั่งพิจารณาหมวดกาย ไปสมมุติว่าสักชั่วโมง ก็ไล่ทั้งแต่ธาติดิน คือผม ขนเล็บฟันหนังนั่นแหละ บางที ตั้งใจเลิก เข้านอนแล้ว จิตมันยังไม่ยอม นอนรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่อย่างนั้น(เหมือนมีกายซ้อนกายอยู่อีก1-2ชั่วโมง)กว่าจะกลับมาปกติและหลับได้ อันนี้ไม่รู้ตั้งใจถามหรือเปล่า แต่ตั้งใจตอบ
........เรื่องภาวะจิตนี้สำคัญ กว่าอย่างอื่น เขาให้เอามือไปล้วงรูลึกๆ ถ้าล้วงไม่ถึงก้นรู ต้องไม่มองว่ารูมันลึกเกินไป
มันผิดเลยการฏิบัติ ต้องมาพจารณาว่ามือเราสั้นไป จิตนี้จะได้ไม่ออกนอกการ ไม่เกิดสังขาร....แค่แชร์กัน......เจโตวิมุตอ/



ก็พยายามทำความเข้าใจกับภาษาที่คุณเจโตเขียน :b10:
อ้างคำพูด:
เจโตเขียน
คือจิตช่วงนี้มันจะตื่นรู้มาก กิเลส หย่างหยาบ และนิวรณ์ดับสิ้นเชิง เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา นั่งพิจารณาหมวดกาย ไปสมมุติว่าสักชั่วโมง ก็ไล่ทั้งแต่ธาติดิน คือผม ขนเล็บฟันหนังนั่นแหละ บางที ตั้งใจเลิก เข้านอนแล้ว จิตมันยังไม่ยอม นอนรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่อย่างนั้น(เหมือนมีกายซ้อนกายอยู่อีก1-2ชั่วโมง)


หากเป็นท่านอื่นที่เคร่งศัพท์มากๆ เขาคงซอยท่านเจโตแหลกแน่ๆ :b12:

ผมต้องขอให้คุณไปอ่านโมคัลลานะสังยุต์ ว่าเหตุไฉนพระพุทธองค์จึงทรงรับสั่งให้พระโมคัลลานะ ให้กระทำจิตเป็นธรรมเอกผุดขึ้น
คุณเล่นพิจารณา ไม่ยอมหมดสักที เอาให้คลายแล้ว วางใจจดแบบที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสอน เดี๋ยวถูกส่วนเข้า ก็สัมผัสอะไรๆที่เป็นอจิณไตยได้เอง
ตอนนี้ จะแผ่เมตตาเจโต ก็คงไม่เหมือนกับตอนถือศีล 227แล้วเนอะ :b7: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Yodyood เขียน:
-__- เจโตวิมุตติ ตามศัพท์จริงๆแล้วแปลว่าข่มกิเลสไว้ด้วยกำลังสมาธิครับ
พิจารณา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ หน้า 74

ผู้ที่สำเร็จอรหันต์จริงๆจะเป็นทั้งเจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุติครับ
แต่ถ้าหากได้ฌานถึงอรูปฌาน 8 ก่อนที่จะสำเร็จเป็นอรหันต์จะเรียกว่า อุภโตภาควิมุติ
พิจารณา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ หน้า 567

ในมุโตทัยหลวงปู่มั่นได้อธิบายไว้ว่า พระอรหันต์ทุกรูปล้วนเป็นทั้งเจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ
ซึ่งจะตรงพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ หน้า 229 ที่ว่า การบรรลุเป็นพระอรหันต์ผลทำให้เจโตวิมุตติไม่กำเริบอีก

ปล. ต้องการโพสให้เข้าใจคำศัพท์ในพุทธศาสนาให้ถูกต้องร่วมกันนะครับ (เพื่อลดความสับสนที่อาจจะมีในอนาคต)
สามารถดาว์นโหลด พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ได้ที่
http://www.watnyanaves.net/th/book_detail/268

:b8:

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
อุภโตภาควิมุตต์
อาวุโส ! มีคำกล่าวกันอยู่ว่า 'อุภโตภาควิมุตต์ อุภโตภาควิมุตต์' ดังนี้.
อาวุโส ! อุภโตภาควิมุตต์นี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล?"
(พระอุทายีถามพระอานนท์, อานนท์เป็นผู้ตอบ).

อาวุโส! ภิกษุในกรณี้นี้ สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรม
เขาถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่. อนึ่ง
อายตนะคือฌานนั้น (เป็นธรรมารมรณ์มีรสและกิจเป็นต้น) ฉันใดๆ, เธอถูกต้อง
ธรรมารมณ์นั้น (โดยรสและกิจเป็นต้น) ฉันนั้นๆ ด้วยนามกาย แล้วแลอยู่. และ
เธอรู้ทั่วถึงธรรม (คือปฐมฌานนั้น) ด้วยปัญญา. อาวุโส ! อุภโตภาควิมุตต์อัน
พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล เมื่อกล่าว โดยปริยาย.

(ในกรณีแห่ง ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญ-
จายตนะอากิญจัญญายตนะ และเนวสัญญานาสัญญายตนะ มีข้อความที่กล่าวไว้โดยทำนอง
เดียวกันกับข้อความในกรณีแห่งปฐมฌาน ทุกประการ และในฐานะเป็นอุภโตภาควิมุตต์ โดย
ปริยาย. ส่วนสัญ ญาเวทยิตนิโรธซึ่งมีการสิ้นอาสวะนั้น กล่าวไว้ในฐานะเป็นอุภโตภาควิมุตต์
โดยนิปปริยาย ด้วยข้อความดังต่อไปนี้ :-)

อาวุโส ! นัยอื่นอีกมีอยู่ : ภิกษุ ก้าวล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญ-
ญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่. อนึ่ง
เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอนั้นก็สิ้นไปรอบ . อนึ่ง อายตนะ
คือสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น (เป็นธรรมารมณ์มีรสและกิจเป็นต้น) ฉันใดๆ, เธอ
ถูกต้องธรรมารมณ์นั้น (โดยรสและกิจเป็นต้น) ฉันนั้นๆ ด้วยนามกายแล้วแลอยู่.
และเธอรู้ทั่วถึงธรรม (คือสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น) ด้วยปัญญา. อาวุโส !
อุภโตภาควิมุตต์ อันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล เมื่อ
กล่าว โดยนิปปริยาย.

ที่มา http://pobbuddha.com/tripitaka/upload/f ... index.html

:b8:

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 09:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
mes เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
สุขในฌาณ คือ สุขในนิพพาน


สุขในฌาณ คือ สุขในนิพพาน..จริง

จตุตถฌานที่เจอ..คงเป็นเรื่องหลับใน..???
:b7: :b7: :b7:


ท่านกบ :b8: :b8: :b8:
กรุณาขยายความสักนิดครับ

ถือเป็นธรรมทาน


กระผมขยายความแล้ว..ที่กระทู้ของท่านเองนั้นแหละ.. :b12:
ที่กระทู้นี้ครับ..
...นิยามที่ให้ฌาณแค่การนอนหลับ ...

กำลังแสดงความงามหน้าของตัวเอง..ชัด ๆ :b15: :b15:

:b20:

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มี.ค. 2010, 06:38
โพสต์: 59

อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


สุขในฌาณเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะ มิเช่นนั้นพระพุทธองค์ยังต้องมาแสวงในอริยสัจ 4 ทำไม
เพราะก่อนที่พระพุทธองค์จะรู้จักอริยสัจ 4 พระพุทธองค์เคยบรรลุฌาณมาก่อนแล้ว จาก อาฬารดาบส
พระพุทธองค์ทรงดำริว่าเมื่อออกจากฌาณก็ยังเป็นทุกข์อยู่ ดังนั้นฌาณยังไม่ใช่หนทางแห่งการดับทุกข์
พระพุทธองค์ไม่สรรเสริญการเข้าอรูปฌาณด้วยเหตุว่าเมื่อตายไปเกิดเป็นอรูปพรหมไม่มีกายเนื้อก็ไม่สามารถสั่งสอนให้บรรลุได้

ผิดถูกประการใดต้องขอประทานอภัยด้วยนะครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 95 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร