วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 08:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2011, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.dhammamedia.org/board/index.php?topic=87.0




อ้างคำพูด:
อานิสงส์ของการบวชครั้ง ประวัติศาสตร์

๑. ผู้บวชย่อมได้โอกาลโนการสั่งสมเนกขัมมบารมี (คือบารมีที่เกิดจากการออกบวช) ตามรอยบาท พระลัมมาลัมพุทธเจ้า
๒. ผู้บวชย่อมได้บุญใหญ่ที่จะช่วยปิดอบาย เปิด หนทางลวรรค์และพระนิพพาน ติดตัวไปยาวนาน ถึง ๖๔ กัป
๓. ผู้บวชและผู้สนับสนุนการบวชย่อมได้อานิสงส์ (ผลที่ได้จากการทำความดี) คือ เป็นผู้มีปัญญา มีสัมมาทิฐิ สมบูรณด้วยโภคทรัพย์และอริยทรัพย์ และได้เกิดในดินแดนที่พระพุทธศาลนารุ่งเรือง ไปนับภพนับขาติไม่ถ้วน



จุดมุ่งหมายในการบวชของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันออกไป

แต่หลักสำคัญในการออกบวชตามรอยพระบาทพระพุทธเจ้าคือดับกิเลส

พระพุทธเจ้าออกบวชเพราะเห็นภาพการเกิด การเจ็บไข้ ภาพคนแก่ และภาพศพ

ปัจจุบันพุทธสาวกกลับมีทิฏฐิความคิดในการออกบวชเปลี่ยนแปลงไป

ถึงขนาดบวชเพื่อ โภคทรัพย์ และชาติภพที่ดีขึ้น

กลายเป็นบวชเพื่อตัญหาเสียแล้ว

เห็นที่สัจจธรรมของตถาคตจะเหลือน้อยลงทุกที

ที่เห็นคงมีแต่พาณิชย์ธรรม

น่าอนาถแท้ๆ


.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2011, 14:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านว่า

อย่างนี้เป็นการโฆษณาเกินจริง

เข้าข่ายหลอกลวงไหมครับ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2011, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูอีกมุมหนึ่ง

1. ความเป็นมาของการบวช

บรรพชาหรือการบวชนั้น ตามความหมายทั่วไป มีมาแต่เดิมก่อนพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น คือ ในหมู่ประชาชนนั้น มีบุคคลบางคนที่ รู้จักคิดพิจารณา มองเห็นชีวิตของหมู่มนุษย์ ในสังคมมีความเป็นไปทั้งทางดีและทางร้าย บางครั้งสังคมก็มีความเสื่อม บางครั้งก็มีความ เจริญ ผันผวนปรวนแปรไปต่าง ๆ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน หาสาระและความสุขแท้จริงไม่ได้.

การมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสังคม นอกจากวุ่นวาย หาความสุขจากความสงบได้ยากแล้ว ก็มักไม่เปิดโอกาสแก่การที่จะแสวงหาความเข้าใจ และความรู้จริงเกี่ยวกับชีวิต จึงมีคนบางคนในหมู่ชนเหล่านั้นปลีกตัวออกจากสังคม แล้วออกไปอยู่ในที่ห่างไกลเพื่อจะได้มีความสุขสงบ และมีเวลาคิดค้นสิ่งต่าง ๆ ไม่ถูกรบกวนด้วยเรื่องวุ่นวายที่เกี่ยวกับคนอื่น ด้วยการปลีกตัวออกไปจากสังคมนั้น ก็จึงได้เกิดมีชีวิตแห่งการบวชขึ้นมา ผู้ที่ออกบวชเหล่านี้ก็ได้ไปอยู่ตามป่าตามเขา ในที่สงัด เช่น ในถ้ำ แล้วก็หาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิต ไปคิดค้นพิจารณา ตลอดจนหาความสงบของจิตใจ และได้มีความสุขจากสันติ อันเป็นความสงบที่ปราศจากเรื่องวุ่นวายทางโลก การแสวงหาความหมายของชีวิต และชีวิตที่มีความหมายพร้อมกับหาความสงบของจิตใจ อย่างนี้ ได้มีมาเป็นพื้นฐาน จนกระทั่งถึงสมัยที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ประสูติ ตอนแรก เจ้าชายสิทธัตถะ ก็อยู่ท่ามกลางชีวิตในโลก โดยประทับอยู่ในวัง และวุ่นวายอยู่กับเรื่องการหาความสุขจากวัตถุที่เรียกว่า กามสุข แต่ต่อมาก็ทรงเห็นว่า การที่จะอยู่ตาม ๆ กันไปกับผู้อื่น เกิดมาแล้วก็แก่ แล้วก็เจ็บตายกันไป วนเวียนกันอยู่แค่นี้ โดยไม่รู้ไม่เข้าใจในความจริงของชีวิต ไม่ช่วยให้เข้าถึงชีวิตที่ดีงาม ตลอดจนความเป็นอิสระของจิตใจ ในที่สุดพระองค์ได้ทรงพิจารณาหาทางว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าถึงความจริงและความดีงามนั้นได้

การมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายในสังคมนั้น ไม่อำนวยโอกาส เพราะชีวิตการครองเรือนมีห่วงกังวลรุงรัง วุ่นวายผูกรัดตัวมาก อย่างที่ท่านกล่าวว่า สมฺพาโธ ฆราวาโส แปลว่า ชีวิตครองเรือนนี้คับแคบ ทรงเห็นว่า การออกบวชอย่างนักบวชที่มีในยุคพุทธกาลสืบต่อกันมาแต่สมัยโบราณนั้น เป็นทางออกที่ดี อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา การบรรพชานั้น เหมือนกับการออกมาสู่ที่โล่งแจ้ง ปลอดโปร่ง เป็นอิสระ คล่องตัว ไปไหนไปได้ จึงตัดสินพระทัยสละชีวิตในวัง เสด็จออกผนวช เรียกว่าบรรพชา แล้วก็เสด็จไปแสวงหาความรู้ความเข้าใจจากสำนักต่าง ๆ และทรงประพฤติปฏิบัติตามแนวทางของพวกนักบวชเหล่านั้นทุกแบบ พระองค์ทรงไปทดลองตามแนวทางปฏิบัติของนักบวชสมัยนั้น

ในที่สุดก็ ทรงเห็นว่า ลัทธิของนักบวชเหล่านั้น รวมทั้งฤๅษีดาบสต่าง ๆ ไม่เป็นทางที่จะให้บรรลุความรู้ความเข้าใจ เกิดปัญญา ที่จะรู้แจ้งความจริงและทำชีวิตจิตใจให้เป็นอิสระหลุดพ้นได้ จึงทรงแสวงหาหนทางของพระองค์เอง แล้วก็ได้ตรัสรู้ ในวันเพ็ญเดือน 6 เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว ดังที่เราเรียกวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่าวันวิสาขบูชา
เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว ก็ได้นำธรรมะมาสั่งสอนเผยแพร่ต่อไป ผู้ที่เห็นด้วยและศรัทธา ในคำสอนของพระองค์ เข้าใจความจริงของชีวิต และเข้าใจหลักความดีต่างๆที่พัฒนาชีวิตให้ถึงความสุขความเจริญงอกงามที่แท้จริง ก็ขอมาประพฤติปฏิบัติอยู่กับพระองค์ โดยสละความเป็นอยู่ท่ามกลางบ้านเรือน เรียกว่าออกบวช

เมื่อมีผู้มาขอบวชอยู่กันมากขึ้น มีนิสัยใจคอความประพฤติ ต่างๆ กัน บางคนก็ทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร พระพุทธเจ้าก็ทรงจัดตั้งวางระเบียบวินัยขึ้น ทำให้ชีวิตการบวชมีแบบแผนเฉพาะขึ้นมา สำหรับพระพุทธศาสนา
ตามพระวินัยที่พระพุทธเจ้าจัดวางไว้นั้น ในขั้นต้น ขอบวชเป็นสามเณรก่อน เรียกว่า บรรพชา ต่อมาเมื่อมีคุณสมบัติพร้อมแล้ว จะบวชให้สมบูรณ์ จึงเข้าที่ประชุมสงฆ์บวชเป็นพระภิกษุเรียกว่า อุปสมบท

การบวชเป็นสามเณร ที่เรียกว่า บรรพชานั้น ไม่จำเป็นต้องมีสงฆ์ มีแต่พระอุปัชฌาย์องค์เดียวก็พอ แต่ถ้าจะบวชเป็นพระภิกษุ คือ จะอุปสมบท ต้องมีสงฆ์ประชุมพิจารณาให้มติความเห็นชอบร่วมกัน

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=1069.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2011, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โหลดฟังหัวข้อเป็นต้นเหล่านี้

"นับถือพุทธศาสนา อย่าให้เพี้ยน
เลิกพูดเสียที ว่าเกิดมาใช้หนี้กรรม
คนไทยมีบุญ แต่ไม่รู้จักใช้บุญ
ไม่ลบหลู่ แต่ต้องรู้ เข้าใจ และทำให้ถูก"

โดยพระพรหมคุณาภรณ์ที่

http://www.ideaforlife.net/dhamma/sound/payutto/11.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2011, 12:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยบวชเพื่อตอบแทนพระคุณแม่ว่าครั้งหนึ่งของลูกผู้ชายได้ตอบแทนบุญคุณท่านแม้จะบวชแค่7วัน ส่วนตัวบวชเพื่อพัฒนาจิตใจตัวเอง แต่เหมือนเป็นอะไรที่แปลกมากที่แม้ท่องบาลีไม่ได้เลยต้องตามออกงานกับพระทางวัดถึง5วันติดต่อกันตั้งแต่งานศพ2วัน งานขึ้นบ้านใหม่2วัน และงานอะไรอีกวันหนึ่งจำไม่ได้ รู้สึกอายที่ไปแล้วท่องบาลีตามพระไม่ได้ 7วันได้เงินที่ญาติโยมใส่ซอง 1700บาท เก็บไว้เพื่อเอาไปบริจาคอีกทีไม่ได้เอามาใช้แม้แต่บาทเดียว
ดีใจอยู่หนึ่งอย่างที่สำคัญคือไม่ได้ทอดสายตาไปยังผู้หญิงแม้แต้ครั้งเดียวตลอด7วันที่บวช เป็นความภูมิใจจนถึงทุกวันนี้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร