วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 19:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2011, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


8. พุทธศาสนาเกิดขึ้นมา มิใช่ว่าพิธีกรรมจะไร้ความหมาย
9. ถ้าไม่มัวถือแบบงมงาย ก็อาจใช้พิธีกรรมมาสื่อคนให้ถึงธรรม
10. วัตถุมงคล ต้องใช้ผูกใจประชาชนไว้กับธรรม
11. เอาวัตถุมงคลมาเป็นบันได พัฒนาคนไปไห้พ้นวัตถุมงคล

ฟังหัวข้อเหล่านั้น ที่

http://www.ideaforlife.net/dhamma/sound/payutto/11.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 14:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ถูกต้องแล้วครับ เช่นการบวชเป็นพระ ต้องผ่านพิธีกรรม ศาสนาอื่นๆก็มีพิธีกรรมต่างกันออกไปแต่จุดมุ่งหมายของพิธีกรรมนั้นต่างกันที่เหตุ และผล

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ยังดี ยังมี พิธีให้เห็น คนรุ่นหลังให้ได้เห็น
ถึงจะเป็นเรื่อง บัญญัติ สมมติ
แต่นั้น ก็เป็นบาท เป็นฐาน เป็นประตู ให้เขาได้ก้าวขึ้นไปสู่ธรรม
ระดับปรมัตถ์ได้ ..คือความหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง :b12:
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 23:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




0111m_resize_resize.jpg
0111m_resize_resize.jpg [ 105.52 KiB | เปิดดู 7088 ครั้ง ]
cool
พิธีกรรมควรมีแต่เพียงพอดี

หากมากพิธีกรรม นั่นแหละจะเป็นสิ่งที่ทำให้หมดสิ้นพุทธศาสนา

ทุกวันนี้จงดูให้ดี มีแต่ศาสนพิธีนั้นมากกว่า

คำสอนสั้นลัดตรงสู่มรรคา ดูจะหาผู้สอนแทบไม่มี

พระผู้ใหญ่ กิจนิมนต์เหมือนนักร้อง

พระผู้น้อง ซ้อมสวด ซ้อมคาถา

เตรียมตัวไปปลุกเสก พระปิดตา

นี่แหละคือมรรคาแห่งเหล่าพราหมณ์

แทรกซึมมายึดครอง นมนานแล้ว

ธรรมดุจแก้วถูกทำให้มัวหมอง

เปลือกกระพี้ ทับท่วมท้น จนสุดมอง

ธรรมเศร้าหมองเพราะพิธี มีมากครัน

:b12:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 01:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมขอฟังเหตุผลของเจ้าของกระทู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 16:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
สัจจะธรรมของชีวิต เขียน:
:b22: :b22: :b22: ขี้เกียจอธิบาย :b22: :b22: :b10: :b10:


พวกที่ไม่รู้จักศาสนาก็คิดได้แค่นี้แหละ :b6: ที่ขี้เกียจอธิบายก็เพราะว่าไม่มีอะไรจะอธิบายมากกว่า
เพราะว่าไม่มีอะไรอยู่ในสมอง เลยไม่รู้จะอธิบายยังไง เลยแกล้งทำเป็นอวดรู้ ประมาณว่าแกล้ง
ปล่อยปลาแล้วให้คนอื่นคอยจับให้ คือไม่มีปัญญาจับเอง ทำไรเองไม่เป็น เลยคอยดูคนอื่นเพื่อหา
จังหวะแย่งชิงของของคนอื่น และเอามาปรุงแต่งนิดหน่อยแล้วแอบอ้างว่าเป็นของตนเองเพื่อ
แสร้งว่าตนเองนั้นเป็นผู้รู้เสียเต็มประดา หนักหน่อยก็แย่งมาทั้งดุ้นแบบจะจะเลย พวกนี้ไร้สมอง
ไร้ยางอาย คือ โง่แล้วไม่ยอมรับว่างั้น พอมีผู้รู้จริงมาแนะนำก็ไปว่าเขาคิดผิด แต่พอลับหลังดัน
ไปก็อบเขามาและแอบอ้างว่านั่นคือความคิดของตนเอง อวดโง่ ปล่อยไก่เสียเต็มประดา พวกนี้
ทุเรศ คุณว่ามั้ย
:b13: :b13: :b13: :b13:


ที่ผมบอกว่าขี้เกียดอธิบายมันไม่ใช่ว่าผมไม่มีความรู้หรอนะ เพียงเพราะว่าถ้าอธิบายแล้วจะต้องอธิบายให้ละเอียด ซึ่งมันก็ยาวมาก เช่นหัวข้อที่ว่า พระพุทธศาสนาอยู่ได้เพราะพิธีกรรม ฟังดูก็รู้แล้วว่าเป็นหัวข้อที่ต้องอธิบายให้ยืดยาว เพราะต้องอธิบายว่าทำไมถึงบอกว่าพระพุทธศาสนาอยู่ได้เพราะพิธีกรรม พิธีกรรมอย่างเดียวหรอที่ช่วยให้พระพุทธศาสนาอยู่ได้ พิธีกรรมที่ว่านี้เป็นพิธีกรรมแบบใหน แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้คนสนใจในเรื่องพิธีกรรมมากกว่าธรรม แล้วเอาอะไรมาวัดว่าพิธีกรรมมีส่วนช่วยให้พระพุทธศาสนาอยู่ได้นี้คือประเด็ดที่จะต้องอธิบาย ผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลา เพราะถ้าอธิบายนิดหน่อย ไม่ละเอียด เดียวคนอื่นก็มากล่าวหา เพราะไม่ได้อธิบายให้ละเอียด ยกตัวอย่างเช่น ผมเคยตั่งกระทู้ว่า มหาลัยสงฆ์ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ ซึ่งผมก็ลงรายละเอียดนิดหน่อยเอง และเนื้อหาที่ผมเอาลงก็เป็นความจริง แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไรมาก ปรากฏว่ากระทู้ผมตั่งได้แปปเดียวถูกลบเฉย

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
ผมขอฟังเหตุผลของเจ้าของกระทู้


ขอพูดสั้นๆพอ :b13: :b13: ว่าทำไมถึงบอกว่าพระพุทธศาสนาอยู่ได้เพราะพิธีกรรม

ตามที่ผมได้ศึกษาหลักคำสอนของครูบาอาจรย์ต่างๆ เช่น ท่านพุทธทาส หลวงพ่อชา หลวงพ่อปัญญา และครูบาอาจารย์อีกหลายๆท่าน ก็รู้ๆว่าครูบาอาจารย์ท่านเหล่านั้น หลักคำสอนของท่านเป็นอย่างไร ท่านเน้นไปทางใหน ตามทัศนะของผมแล้ว ผมกลับมองว่าสิ่งที่ครูบอาจารย์ มองข้าม ไม่นำมาอบรมสั่งสอน คัดค้าน สิ่งเหล่านี้กลับเป็นสิ่งที่ช่วยให้พระพุทธศาสนาอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
สัจจะธรรมของชีวิต เขียน:

ที่ผมบอกว่าขี้เกียดอธิบายมันไม่ใช่ว่าผมไม่มีความรู้หรอนะ เพียงเพราะว่าถ้าอธิบายแล้วจะต้องอธิบายให้ละเอียด ซึ่งมันก็ยาวมาก


นี่แสดงว่าไร้ปัญญา แถมเพ้อเจ้อมั้ยล่ะ :b13: :b13: :b13:

สัจจะธรรมของชีวิต เขียน:
ผมเคยตั่งกระทู้ว่า มหาลัยสงฆ์ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ แปปเดียวถูกลบเฉย


เพราะเป็นกระทู้ที่โพสต์แบบไร้สติ เพ้อพก ปรามาสพระ ปรามาสเจ้า รวมทั้งครูบาอาจารย์
บ่อนทำลายศาสนา โดนลบไปก็สมควรแล้วนี่ ยังไม่รู้ตัวอีก คงหาว่าคนลบเป็นคนผิดล่ะสิ่
นี่แหละหนาที่เขาว่าโง่แล้วไม่เจียมตัว คิดว่าในโลกนี้มีแต่ตัวเองที่คิดเป็น หารู้ไม่ว่าความรู้
แค่หางมด แถมรู้แบบผิดๆอีกตะหากแต่ตั้งตัวเป็นครูเพื่อสังสอนสังฆราช...น่าขายหน้า..ยี้ส์

:b28: :b28: :b28: :b28: :b28:

เอ้า!!!ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ลงรายละเอีอด รู้ว่าถ้าตั่งแบบนั้นจะต้องถูกลบ จุดประสงฆ์ของการตั่งกระทู้ไม่ว่าจะเป็น คนไม่เข้าวัดหรือวัดไม่น่าเข้า พระพุทธศาสนาอยู่ได้เพราะพิธีกรรม มหาลัยสงฆ์ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ มุมมองพระพุทธศาสนาของคนรุ่นใหม่ แค่อยากรู้ว่ามีคนสนใจไหมหรือมีคนต่อต้านไหม เพราะจะได้เอาไปเขียนบทความส่งมหาลัย

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


คนมีปัญญาอย่างคุณนั่นหรอ วันๆจ้องแต่จะจับผิดพระ พอจับได้แล้วก็เอามาประจาน ทำเป็นสนใจศึกษาพระพุทธศาสนา ศึกษาเพื่อหาช่องทางเพื่อที่จะโจมตี อยากคุณต้องเรียกว่ามารศาสนา :b12: ไม่ใช่ดิ ต้องเรียกว่าอาชญากรรมทางศาสนา :b13: :b13: :b13:

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
[color=#000080]คนไร้ปัญญาอย่างคุณนั่นหรอ วันๆจ้องแต่จะปิดข่าวคนทำผิด พอมีคนนำมาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ก็ทำเป็นรับไมได้ จ้องแต่จะด่าว่าเอาความจริงมาเปิดเผยให้คนทั้งโลกรับรู้ทำไม ทำไมไม่ยอมปิดข่าว ปิดหูปิดตาประชาชน เล่นเอาความจริงมาเปิดเผยแบบนี้เดี๋ยวคนทั้งบ้านทั้งเมืองก็ฉลาดกันหมดทั้งโลกพอดี ทำเป็นสนใจพระพุทธศาสนา ศึกษาเพื่อหาช่องทางหลีกเลี่ยงกฏหมายเพื่อทำชั่วน่ะสิ่ อยากคุณต้องเรียกว่ามารศาสนา ไม่ใช่ดิ ต้องเรียกว่าอาชญากรรมทางศาสนา บวชเพื่อหาทางหนีทีไล่ ว่างั้น....ชอบเอาตัวเองมาประจาน[/color] :b13: :b40: :b13: :b13: :b13: :b28: :b28: :b28:



เออ ไม่ทราบว่า คุณอ่านผิดหรือ จำผิด ผมได้พูดตอนใหนว่า ปิดข่าว ปิดตา ปิดหู ไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมเปิดเผยความจริงให้สังคมรับรู้ กรุณาช่วยชี้แจงด้วยนะครับ เพื่อความจระจ่างชัด

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ตีความหมายที่ผมพูดไม่ออกแล้วมากล่าวหาอย่างนั้นอย่าง น่าอนาจใจริงๆ กับคนพวกนี้ ทำตัวเป็นคนทันสมัย ทันเหตุการณ์ตลอดแต่ก็ยังปล่อยให้โจรเข้ามาบ้านขโมยของไปได้ ว่างๆ หัดพิจารณาตัวเองบ้างนะ :b10: :b10: :b10: :b10:

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
สัจจะธรรมของชีวิต เขียน:
ตีความหมายที่ผมพูดไม่ออกแล้วมากล่าวหาอย่างนั้นอย่าง น่าอนาจใจริงๆ กับคนพวกนี้ ทำตัวเป็นคนทันสมัย ทันเหตุการณ์ตลอดแต่ก็ยังปล่อยให้โจรเข้ามาบ้านขโมยของไปได้ ว่างๆ หัดพิจารณาตัวเองบ้างนะ :b10: :b10: :b10: :b10:


ถึงได้บอกไงว่าอย่ามุดอยู่แต่ในผ้าถุง หัดออกมาดูโลกภายนอกซะบ้าง...เอน็จอนาถใจแทนจริงๆ
น่าสมเพชแท้...เฮ้ออออออ
:b13: :b13: :b13: :b13: :b13:


ก็ถึงได้ว่าไง เป็นคนทันสมัน ทันเหตุการณ์ แต่ก็ยังปล่อยให้โจรเข้าบ้านขโมยของด้วยวิธีเดิม คุณไม่คิดจะหาวิธีอื่นเลยหรอที่มันสามารถรู้เท่าทันโจรและสามารถป้องกันได้อ่ะ :b10: :b10: :b10: :b10:

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
สัจจะธรรมของชีวิต เขียน:
ก็ถึงได้ว่าไง เป็นคนทันสมัน ทันเหตุการณ์ แต่ก็ยังปล่อยให้โจรเข้าบ้านขโมยของด้วยวิธีเดิม คุณไม่คิดจะหาวิธีอื่นเลยหรอที่มันสามารถรู้เท่าทันโจรและสามารถป้องกันได้อ่ะ :b10: :b10: :b10: :b10:


แม่เจ้า...คนอะไรพูดยากพูดเย็น....คิดแต่ว่าโจรมันจะใช้แต่วิธีเดิมๆ...มันไม่โง่เหมือนคุณหรอกม้างงงงงง
อย่างนี้ไงคุณถึงได้เป็นคนตกยุก ล้าสมัย ดึกดำบรรพ์ และจิตใจคับแคบบ...น่าสมเพชจริงๆเลย
:b13: :b13: :b13:



เฮ้!!!พูดอยากจริงๆ ก็บอกแล้วไง ในเมื่อทันเหตุการณ์แล้วแต่ก็ยังถูกโจรเข้าบ้านมาขโมยของ จะทำอย่างไรให้ทันเหตุการณ์แล้วสามารถป้องกันโจรได้ :b14: :b14: :b14: :b34: :b34: :b34:

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่นักนักข่าวนำเสนอข่าวพระในทางเสียหาย นั้นผมไม่ได้คัดค้านทั้งหมดว่าห้ามนำเสนอข่าวพระในทางเสียหาย เพียงแต่จะบอกว่ามันไม่ช่วยให้ศาสนาดีขึ้น ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย วิธีแก้ไข้คือเวลาเห็นพระผิดต้องเราช่วยกันตักเตือนถ้าเป็นเรื่องใหญ่ก็แจ้งตำรวจมาจัดการ แทนการเอากล้องไปถ่ายแล้วเอาลงข่าวหน้าหนึ่ง เพราะอย่างที่บอกมันไม่ใช่ทางออกหรือวิธีแก้ไข ที่ผมบอกว่านักข่าวไร้จรรยาจรรณ เพราะได้ติดตามข่าวตลอด เห็นข่าวบางข่าวไม่น่านำเสนอไร้สาระ แต่นักข่าวก็เอามานำเสนอ ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไร แล้วที่บอกว่าผมดูถูก วิจารณญาณของพุทธศาสนิกชน มันใช่ว่าจะทุกคน ผมเห็นหลายๆคนเลิกไหว้พระ เลิกใส่บาตรพระ เพราะเห็นข่าวพระทำเสียหาย ทำให้หมดศรัทธา แล้วทำไมคนเหล่านั้น ไม่ใช่วิจารณญาณในการรับข่าวละ ขี้เกียดพิมพ์ต่อละ ขอสรุปว่า การที่นักข่าวขุดค้ย นำเสนอข่าวพระในทางเสียนั้นไม่ใช่วิธีแก้ไข้ปัญหาหรือทางออกเพราะเท่าที่ผ่านมามันไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้นเลย มีแต่จะทำให้คนที่รับข่าวหมดศรัทธาลง ถึงมันจะไม่ใช่ทุกคนก็ตาม ผมไม่ได้คัดค้านไม่ให้นำเสนอ หรือคุณคิดว่าการที่นักข่าวนำเสนอข่าวพระในทางเสียหายแล้วทำให้ศาสนาดีขึ้นอย่างไรคุณลองอธิบายให้หน่อยได้ไหม :b14: :b14: :b14:

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2011, 03:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้มองข้ามหรอกครับคุณสัจธรรมของชีวิต แต่ท่านเลือกเฟ้นเอาเฉพาะส่วนสำคัญจริงๆเท่านั้นมาถ่ายทอดมากกว่า ส่วนอื่นๆท่านเพียงแต่ไม่ได้พูดถึงเท่านั้นเอง

:b8: หลวงปู่เทสก์ :b8: เคยมีกล่าวเอาไว้จับใจมากครับเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมจำได้คร่าวๆ อาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง ท่านใดทราบช่วยแนะนำด้วยครับ

ท่านบอกว่าศาสนาพุทธเราเหมือนไม้ยืนต้น :b43:

พระธรรม เหมือนแก่นไม้
ศีลธรรม ข้อวัตร เหมือนกระพี้ไม้ (ถ้าผมจำไม่ผิดคือส่วนที่เขาเอาไว้ทำจุกคอร์ก ไม่ยุ่ยเท่าเปลือก และก็ไม่แข็งเท่าแก่น)
พิธีกรรม คือเปลือกไม้

ต้นไม้ต้องการทั้งเปลือก กระพี้ และ แก่น เพื่ออยู่รอด ขาดไปอันใดอันหนึ่งต้นไม้จะตาย ก็เช่นเดียวกับศาสนา ที่ต้องการทั้ง พระธรรม ข้อวัตร และพิธีกรรมเพื่อการคงอยู่ เป็นเครื่องยืนยันว่า พิธีกรรม เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในสามส่วนใหญ่ที่ทำให้ศาสนาอยู่รอดได้

แต่เราไม่ใช่ต้นไม้ หลวงปู่ท่านเปรียบเราเป็นคนตัดไม้ สิ่งที่เราต้องการจากต้นไม้จริงๆ คือแก่นเพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ จะเอาแก่นได้ เราก็ต้องฝานเปลือก เถือกระพี้ออก ถึงจะเจอแก่น ก็หมายความว่า เราต้องทำความเข้าใจในพิธีกรรม และข้อวัตร ว่ามีที่มาที่ไปและมีความสำคัญอย่างไร แล้วก็ไม่ยึดมั่นหยุดอยู่แค่เพียงพิธีกรรม และข้อวัตร หากแต่มุ่งหน้าศึกษาพระธรรมอันเป็นแก่นแท้ อันเป็นส่วนสำคัญ เป็นเป้าหมายหลักต่อไป

ครูอาจารย์ท่านแนะนำไว้ดีแล้ว ท่านเลือกเอาแต่แก่นมาอธิบายให้เราเข้าใจ สุดท้ายก็อยู่ที่เราว่าจะหยุดแค่เปลือก พอใจแค่กระพี้ หรือจะมุ่งปฏิบัติเพื่อเข้าถึงแก่นไม้ :b1:

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร