วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 05:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 542 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 21, 22, 23, 24, 25, 26, 27 ... 37  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 17:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...ขออนุญาตเจ้าของกระทู้...ฟังการบรรยายธรรม...
...ผู้ที่จะเจริญสมถภาวนาจะต้องประกอบด้วยปัญญา...
:b20:
http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=4707


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
เจริญสมถะในชีวิตประจำวันอย่างไร
http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=4700
สมถและวิปัสสนาภาวนาหมายความว่าอย่างไร
http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=4699


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 18:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ.สุจินต์ นี่ท่านมุ่งมั่นมากเรื่อศึกษาอภิธรรม ชาติก่อนที่เกิดเป็นคนท่านก็ได้บวชแต่ก็พาคนหลงทางไปกับท่านเยอะ ชื่อท่านก็ยังมีได้ยินมาจนถึงทุกวันนี้ ชาตินี้สอนดีขึ้มาหน่อย แต่ก็ยังเฉียดๆ ความจริง ไม่เชื่อก็ไปถามท่านได้ว่า ท่านละฉันทะราคาในผัสสะสาฬายตนะลงได้บ้างหรือยัง ไม่รู้ว่า ชาตินี้ท่านจะมีโอกาสได้รู้บ้างหรือเปล่าว่า ท่านได้ทำอะไรผิดไว้ และชาตินี้ท่านจะพ้นผิด เดินมาพบทางที่ถูกได้หรือเปล่า ...

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
จะแสวงหาธรรมะได้จากที่ไหน
http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=4690


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 20:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
อ.สุจินต์ นี่ท่านมุ่งมั่นมากเรื่อศึกษาอภิธรรม ชาติก่อนที่เกิดเป็นคนท่านก็ได้บวชแต่ก็พาคนหลงทางไปกับท่านเยอะ ชื่อท่านก็ยังมีได้ยินมาจนถึงทุกวันนี้
...

ชาติก่อนท่านสอนยังงัยหรอ??


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2011, 00:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็สอน ศีล สมาธิ ปัญญา ชาิตินี้สอนปัญญา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อย่างไร ... มีคนถามท่านว่า รู้แล้วยังดับทุกข์ไม่ได้จะทำอย่างไร ท่านก็ตอบว่า ก็เรียนให้มันรู้มากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ :b23:

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


สัตว์ทั้งหลายมีความสำคัญในสภาพที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง มีความ
สำคัญในสภาพที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข มีความสำคัญในสภาพ
ที่มิใช่ตัวตนว่าเป็นตัวตน มีความสำคัญในสภาพที่ไม่งามว่า
งาม ถูกความเห็นผิดนำไป มีจิตกวัดแกว่ง มีสัญญาผิด
สัตว์เหล่านั้นติดอยู่ในบ่วงของมาร เป็นสัตว์ไม่มีความปลอด
โปร่งจากกิเลส ต้องไปสู่สงสาร เป็นผู้ถึงชาติและมรณะ
เมื่อใด พระพุทธเจ้าทั้งหลายเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ทรงส่อง
แสงสว่าง พระพุทธเจ้าเหล่านั้นทรงประกาศธรรมนี้ อันให้
ถึงความสงบระงับทุกข์ เมื่อนั้น สัตว์ทั้งหลายผู้มีปัญญา
ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น แล้วกลับได้ความคิด
ชอบ เห็นสภาพที่ไม่เที่ยงโดยความเป็นสภาพไม่เที่ยง เห็น
สภาพที่เป็นทุกข์โดยความเป็นทุกข์ เห็นสภาพที่มิใช่ตัวตน
โดย ความเป็นสภาพมิใช่ตัวตน และเห็นสภาพที่ไม่งามว่าไม่
งาม เป็นผู้ถือมั่นสัมมาทิฐิ
ล่วงพ้นทุกข์ทั้งปวง ฉะนี้แล ฯ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2011, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ

ฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญา

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 23:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างไรเรียกว่า..

ฟังด้วยดี...

เพราะใครๆ ก็อยากมีปัญญา :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 23:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


การฟังผู้อื่น....แต่ใจนึกอยู่เสมอว่า..ตนรู้มาดีแล้ว

จะเป็นการ..ฟังด้วยดี...ได้มั้ย???

การฟังด้วยความว่าง...ว่างจากความรู้ที่ตนรู้มาชั่วขณะ...ว่างจากความคิดว่าตนรู้มาดีแล้ว...พิจารณาสิ่งที่ฟังด้วยธรรม

อะไรคือการ..ฟังด้วยดี....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 23:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อย่างไรเรียกว่า..

ฟังด้วยดี...

เพราะใครๆ ก็อยากมีปัญญา :b8:

ถามง่าย ... ตอบยากน่าดู :b24:


... สิ่งสำคัญในการฟัง ก็คือ ฟังให้ได้ความ อุปสรรค์ในทางฟังที่สำคัญที่สุด ก็คือ อคติ หรือ ทิฐิ

ปัญหาในการฟังความจริงที่ใหญ่ที่สุด ก็คือ ผู้ฟังไม่สามารถรู้ได้ว่า ที่ได้ยินได้ฟัง เป็นความจริง จริงๆ หรือเปล่า

เพราะฉะนั้น คงต้องฟังให้จบก่อนเป็นอันดับแรก :b38:



Quote Tipitaka:
ผู้รู้ตามเป็นจริง ย่อมรู้ผู้อื่นว่ารู้หรือไม่รู้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมต้องมองดูหน้าของสมณะหรือพราหมณ์อื่นว่า ท่านผู้นี้ เมื่อรู้ ย่อมรู้แน่ เมื่อเห็น ย่อมเห็นแน่เปรียบเหมือนปุยนุ่นหรือปุยฝ้าย เป็นของเบา คอยจะลอยไปตามลม บุคคลวางไว้ที่ภาคพื้นอันราบเรียบแล้ว ลมทิศบูรพา พึงพัดปุยนุ่นหรือปุยฝ้ายนั้นไปทางทิศประจิมได้ ลมทิศประจิมพึงพัดเอาไปทางทิศบูรพาได้ ลมทิศอุดรพึงพัดเอาไปทางทิศทักษิณได้ ลมทิศทักษิณพึงพัดเอาไปทางทิศอุดรได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะปุยนุ่นหรือปุยฝ้ายนั้นเป็นของเบาฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมต้องมองดูหน้าของสมณะหรือพราหมณ์อื่นว่า ท่านผู้นี้ เมื่อรู้ ย่อมรู้แน่ เมื่อเห็น ย่อมเห็นแน่ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะไม่เห็น อริยสัจ ๔ ฉันนั้นเหมือนกัน.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งย่อมรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่ต้องมองดูหน้าของสมณะหรือพราหมณ์อื่นว่า ท่านผู้นี้ เมื่อรู้ ย่อมรู้แน่ เมื่อเห็น ย่อมเห็นแน่เปรียบเหมือนเสาเหล็กหรือเสาหินมีรากลึก เขาฝังไว้ดีแล้ว ไม่หวั่นไหว ไม่เอนเอียง ถึงแม้ลมฝนอย่างแรงจะพัดมาแต่ทิศบูรพา ... ทิศประจิม ... ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ก็ไม่สะเทือนสะท้านหวั่นไหว ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะรากลึก เพราะเสาหินเขาฝังไว้ดีแล้ว ฉันใด สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ไม่ต้องมองดูหน้าของสมณะหรือพราหมณ์อื่นว่า ท่านผู้นี้เมื่อรู้ ย่อมรู้แน่ เมื่อเห็น ย่อมเห็นแน่ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะเห็นอริยสัจ ๔ ดีแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน อริยสัจ ๔ เป็นไฉน? คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.


Quote Tipitaka:
ผู้รู้ชัดตามเป็นจริง ไม่หวั่นไหวต่อผู้ยกวาทะ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ถึงแม้สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีความต้องการวาทะ ผู้แสวงหาวาทะ พึงมาจากทิศบูรพา ... ทิศประจิม ... ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ด้วยประสงค์ว่า จักยกวาทะของภิกษุนั้น ภิกษุนั้นจักสะเทือนสะท้านหรือหวั่นไหวต่อสมณะหรือพราหมณ์นั้นโดยสหธรรม ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ เปรียบเหมือนเสาหิน ๑๖ ศอก เสาหินนั้นมีรากลึกลงไปข้างล่าง ๘ ศอก ข้างบน ๘ ศอก ถึงแม้ลมฝนอย่างแรงจะพัดมาแต่ทิศบูรพา ... ทิศประจิม ... ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ก็ไม่สะเทือนสะท้านหวั่นไหว ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะรากลึกเพราะเสาหินเขาฝังไว้ดีแล้ว ฉันใด ก็ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ถึงแม้สมณะหรือพราหมณ์ผู้ต้องการวาทะ ผู้แสวงหาวาทะ พึงมาจากทิศบูรพา ... ทิศประจิม ... ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ด้วยประสงค์ว่า จักยกวาทะของภิกษุนั้นภิกษุนั้นจักสะเทือนสะท้านหรือหวั่นไหวต่อสมณะหรือพราหมณ์นั้นโดยสหธรรม ข้อนั้นมิใช่ฐานะที่จะมีได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเห็นอริยสัจ ๔ ดีแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน อริยสัจ ๔ เป็นไฉน? คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ดูกรภิกษุทั้งหลายเพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 03:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การฟังเมื่อนั่งสมาธิต้องไม่ยึดว่าเสียงนั้นน่าฟังแต่เสียงนั้นเกิดแล้วจะดับลง การฟังแสดงถึงการทำงานของอายตนะคือโสตวิญญาณ นี่เป็นวิปัสสนาหรือปล่าวครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 18:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
การฟังเมื่อนั่งสมาธิต้องไม่ยึดว่าเสียงนั้นน่าฟังแต่เสียงนั้นเกิดแล้วจะดับลง การฟังแสดงถึงการทำงานของอายตนะคือโสตวิญญาณ นี่เป็นวิปัสสนาหรือปล่าวครับ

การพิจารณาธรรมใดๆ ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นวิปัสสนา แต่มีเงื่อนใขว่า ต้องพิจารณาที่ผัสสะ หมายถึง ถ้าจะพิจารณาเสียง เราต้องให้ความสนใจกับเสียงที่ได้ยิน ณ ขณะนั้นจึงพิจารณา เมื่อพิจารณารูปก็ต้องสนใจกับรูปที่เห็น ณ ขณะนั้นแล้วจึงพิจารณา ฯ ถ้าหลับตาแล้วคิดว่ารูปไม่เที่ยง ไม่ถือว่าเป็นการวิปัสสนาที่ถูกต้อง เพราะผัสสะเกิดในมโนทวาร ไม่ได้เกิดที่ จักขุทวาร :b39:

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 04:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b14: การฟังเมื่อนั่งสมาธิต้องไม่ยึดว่าเสียงนั้นน่าฟังแต่เสียงนั้นเกิดแล้วจะดับลง การฟังแสดงถึงการทำงานของอายตนะคือโสตวิญญาณ นี่เป็นวิปัสสนาหรือปล่าวครับ

อนัตตาธรรม..........
ที่คุณกล่าวมาเป็นขั้นตอนหนึ่งของวิปัสสนาภาวนา ถูกต้องแล้วครับ แต่ถ้าจะให้ถึงความเป็นวิปัสสนาภาวนาโดยสมบูรณ์ คุณจะต้อง

สังเกต ต่อไปว่า เมื่อ เสียงที่ได้ยินนั้น ดับไป มีอารมณ์ลูก ที่เกิดต่อเพราะเหตุแห่งเสียงนั้นต่อไปอย่างไร
เช่น ยินดีในเสียง ....อยากฟังให้ชัด โดยการเงี่ยหูเข้าไปหา ......อยากฟังเสียงนี้นานๆ........อยากรู้ว่าต้นเสียงคืออะไร มาจากไหน ........อยากลืมตาดูต้นเสียง........อยากลุกไปหาต้นเสียง.........

สังเกตลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งจนเห็นถึง ตัวผู้อยาก......และอารมณ์ดิ้นรนของจิตเพราะอำนาจความอยาก.....

สังเกตลึกเข้าไป ๆ อีก จนถึง ความทนไม่ได้ของผู้อยาก จนสั่งให้กายนี้ ลืมตา ลุกขึ้นไปหาต้นเสียง

ถึงตรงนี้ ปัญญาผู้รู้ ไม่ยอมทำตาม ใจที่มีผู้อยากบงการ


สติและปัญญานิ่งดู นิ่งสังเกต ต่อไป ด้วย วิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิช้ามินานจะได้เห็น

ผู้อยาก ถอยหรือ ดับไปจากจิตใจ


ถึงตรงนี้จึงจะเป็นวิปัสสนาภาวนาที่สมบูรณ์ครับ
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สังเกต ต่อไปว่า เมื่อ เสียงที่ได้ยินนั้น ดับไป มีอารมณ์ลูก ที่เกิดต่อเพราะเหตุแห่งเสียงนั้นต่อไปอย่างไร
เช่น ยินดีในเสียง ....อยากฟังให้ชัด โดยการเงี่ยหูเข้าไปหา ......อยากฟังเสียงนี้นานๆ........อยากรู้ว่าต้นเสียงคืออะไร มาจากไหน ........อยากลืมตาดูต้นเสียง........อยากลุกไปหาต้นเสียง.........
ถ้าวิปัสสนาถูกต้องตรงผัสสะ จะไม่มีเวทนาเหลือ หรือจะไม่มีเวทนาเกิดตามการพิจารณา กลายเป็นอุเบกขาที่ไม่ประกอบด้วยอามิส ตามมาด้วยความรู้สึกโปร่งโล่ง

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 542 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 21, 22, 23, 24, 25, 26, 27 ... 37  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร