วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 10:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 152 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 04:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ธรรมชาตินอกกายใจไม่มีการเกิดดับ มีแต่การแปลเปลี่ยนของรูปร่างหรือสถานะ
สิ่งไม่มีชีวิตก็เป็นธรรมชาติอย่าง คุณซุปครับ สิ่งไม่มีชีวิตมีจิตเจตสิกหรือนิพพานมั้ยครับ


Quote Tipitaka:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=9&A=7317&Z=7898

เรื่องภิกษุแสวงหามหาภูต

ฯลฯ [๓๔๓] ดูกรเกวัฏฏ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ภิกษุรูปหนึ่งในหมู่ภิกษุนี้เอง ได้เกิดความปริวิตกอย่างนี้ว่า มหาภูตรูปทั้ง ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ เหล่านี้ย่อมดับไม่มีเหลือ ในที่ไหนหนอ. ฯลฯ

...
...
...

อุปมาด้วยนกตีรทัสสี

[๓๔๘] ดูกรเกวัฏฏ์ ลำดับนั้น ภิกษุนั้นได้หายไปที่พรหมโลก มาปรากฏข้างหน้าเราเปรียบเหมือนบุรุษผู้มีกำลังเหยียดแขนที่คู้อยู่ออกไป หรือคู้แขนที่เหยียดไว้เข้ามา ฉะนั้น. ต่อนั้นเธอไหว้เราแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้ถามเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาภูตรูปทั้ง ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ เหล่านี้ ย่อมดับไม่มีเหลือในที่ไหนเมื่อเธอกล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้ตอบว่า

ดูกรภิกษุ เรื่องเคยมีมาแล้ว พวกพ่อค้าเดินเรือทะเลย่อมจับนกตีรทัสสี (นกดูฝั่ง) ลงเรือไปด้วย เมื่อไม่เห็นฝั่ง เขาย่อมปล่อยนกตีรทัสสีมันบินไปยังทิศบูรพา ทิศทักษิณ ทิศปัจจิม ทิศอุดร ทิศเบื้องบน ทิศน้อย ถ้ามันแลเห็นฝั่งโดยรอบมันก็บินเลยไป ถ้ามันแลไม่เห็นฝั่งโดยรอบ มันก็จะกลับมายังเรือนั้นอีก ดูกรภิกษุเธอก็ฉันนั้นแล เที่ยวแสวงหาจนถึงพรหมโลก ก็ไม่ได้รับพยากรณ์ปัญหานี้ ในที่สุดก็ต้องกลับมาหายังสำนักเรานั่นเอง ปัญหาข้อนี้เธอมิควรถามอย่างนั้น แต่ควรถามอย่างนี้.

แถลงปัญหามหาภูต

[๓๔๙] ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหนนามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในที่ไหน ดังนี้.

ในปัญหานั้น มีพยากรณ์ดังต่อไปนี้

[๓๕๐] ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใส โดยประการทั้งปวง ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้.

อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้.

นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้.

เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ ดังนี้.

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว. เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตรมีใจชื่นชม เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.
คุณซุปแน่ใจแล้วหรือที่ยกมามันเป็นคำตอบ ถ้าคุณแน่ใจไหนลองอธิบายความ
ที่คุณโพสให้ฟังหน่อยได้มั้ย เอาภาษาธรรมดาตามที่คุณเข้าใจ มันจะได้ตรงประเด็น
ด้วยกันทั้งคู่

คุณรู้หรือเปล่าว่าคำที่คุณยกมา มันไม่ได้อธิบายในสิ่งที่จะมาแย้งผมเลย
ถ้าอยากรู้คุณลองอธิบายสิ่งที่คุณยกมาให้ฟังแล้วผมจะชี้ให้ดูว่า มันคนละเรื่อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


เอกัจจสัสสตเอกัจจอสัสสตทิฏฐิ อธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ :b38: ....

นามรูปดับไม่เหลือในที่ใหน?

มหาตภูติรูป ๔ หรือปัจจุบันที่เราเรียนกันมาว่า อิเลคตรอน นิวตรอน โปรตรอน คว้าก และพลังงาน ก็ยังเป็นธรรมชาติที่เกิดดับ ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ อายุของมันก็พอๆ กับจิต เกิดเมื่อใหร๋ พระพุทธองค์ก็ยังย้อนหาต้นตอไม่เจอ

ในระดับโครงสร้างที่ใหญ่ขึ้น การรวมตัวของมหาตภูติรูป ก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยตลอด ที่ท่านโฮฯ ว่าเป็นการแปลสภาพ จากสิ่งหนึ่ง กลายไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง หรือ มันไม่เที่ยง

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 09:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกียะปัญญา

:b48: :b48: :b48: :b48:

"นกที่ฉลาดมันไม่บินไปไหนทั้งนั้น"

เพราะ นิพพานที่นี่ นิพพานเดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 11:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...ที่มีตัวตนเป็นเรามาหลงสมมติบัญญัติอยู่เวลานี้...ล้วนแต่ธรรมทั้งหลายก็ผ่านไปหมดแล้ว...
...ย้อนกลับมาอีกไม่ได้เลยนี่คืออนัตตา...เพราะมีเราเข้าไปคิดจัดการทุกอย่าง...ก็ไม่เข้าใจธรรมะ...
...ที่มีการยกเอาพุทธวัจนะทั้งดุ้นในคัมภีร์มาอธิบาย...เป็นความจำค่ะไม่ใช่สภาพรู้ความจริงที่ปรากฎ...
...คิดและจดจำได้หมดแต่ไม่รู้เลยว่าเป็นธรรมะ...ก็คิดว่าจำได้ก็จะบรรลุความจริงเหล่านั้นหาได้ไม่...
:b8:
...ความจริงขณะนี้เองเห็นเป็นตัวเองนั่งอยู่หน้าคอม...พิมพ์อธิบายพระธรรมคำสอนตามความจำ...
...แล้วก็เข้าใจว่าตัวตนของตนเองเข้าใจธรรมทั้งหมด...เห็นเป็นอัตตาทั้งหมดค่ะ...ไม่เข้าใจอนัตตา...
...เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินผ่านไปนี้...ธรรมเกิด-ดับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจหมดแล้วก็ไม่รู้...
...กระพริบตา1ครั้งสภาพธรรมทั้งหลายดับไม่เหลือซาก...บังคับและเปลี่ยนไม่ได้เกิดภพแล้ว...
:b20:
...เพราะติดข้องในความเป็นเรากำลังทำทุกอย่าง...ควรคิดให้เข้าใจณ ปัจจุบันขณะนี้เป็นธรรมะ...
...ที่ขณะนี้ควรทำคือใช้สติในการคิดเตือนจิตตนว่าเมื่อยังไม่รู้ความจริงก็ให้คิดถึงคำสอนให้เข้าใจ...
...รูปที่เห็นทางตาเป็นธรรมะไม่ใช่ตัวเราเห็นเป็นคนชื่อนั้นชื่อสัตว์ชื่อสิ่งของล้วนหลงสมมุติบัญญัติ...
...เริ่มต้นที่เข้าใจว่าเป็นธรรมะไม่ว่าจะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัส ไม่มีเรามีแต่สภาพธรรมะ...
...ยังไม่ควรคิดไปไกลถึงจะเข้าถึงสภาวะนิพพานหรอกนะ...แค่ธรรมะอยู่ตรงหน้ายังไม่เข้าใจเลย...
:b13:
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: สาธุอนุโมทนากับคุณรสรินครับ
:b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 12:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
:b8: สาธุอนุโมทนากับคุณรสรินครับ
:b20:

:b12: :b20: :b9:
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


การนำความจริงมากล่าวอยู่เป็นสัจธรรม เป็นความดำรงไม่เลือนหายของวจนะ ไม่เลือนหายของธรรม เป็นการแสดงความกตัญญูต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่กล่าวตู่พระธรรมด้วยคำอันไม่จริง ไม่เกี่ยวกับความมีความเป็น ไม่เกี่ยวกับความยึดมั่นถือมั่น แต่เป็นความดำรงอยู่ของพระสัทธรรม เป็นความงดงามของการแสดงธรรม เป็นความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว สมบูรณ์พร้อมแล้วทั้งอรรถะและพยัญชนะ

ไม่ใช่ท่านตรัสอย่างหนึ่ง ไปว่าเป็นอย่างหนึ่ง
ไม่ใช่ตนเท่านั้นที่จักเข้าใจผิด
แต่ผู้ที่มาอ่านในภายหลังก็จักเข้าใจผิด
ไม่ใช่ตนที่จักหลงทางแต่ก็จักพาผู้อื่นหลงทางไปด้วย


พระพุทธเจ้าตรัสไว้

ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้, สุตตันตะเหล่าใดที่กวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู: เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.

ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าด้วยเรื่องเฉพาะสุญญตา, เมื่มีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่: เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่า เป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน จึงพากันเล่าเรียนไต่ถาม ทวนถามแก่กันและกันอยู่ว่า “ข้อนี้เป็นอย่างไร? มีความหมายกี่นัย?” ดังนี้ : ด้วยการทำดังนี้ เธอย่อมเปิดธรรมที่ถูกปิดไว้ได้, ธรรมที่ยังไม่ปรากฏ เธอก็ทำให้ปรากฏได้, ความสงสัยในธรรมหลายประการที่น่าสงสัย เธอก็บรรเทาลงได้.

ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุบริษัทเหล่านี้ เราเรียกว่า บริษัทที่มีการลุล่วงไปได้ด้วยการสอบถามแก่กันและกันเอาเอง, หาใช่ด้วยการชี้แจงโดยกระจ่างของบุคคลภายนอกเหล่านั้นไม่, จัดเป็นบริษัทที่เลิศแล.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 12:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...พระธรรมคำสอนทั้งหมดที่มีการบันทึกเป็นพระไตรปิฎก...
...เป็นการอธิบายสภาพธรรมที่กำลังปรากฎต่อหน้าผู้ฟัง...
...ในครั้งพุทธกาลไม่มีตำรามาให้อ่านมีแต่ฟังจากพระโอษฐ์...
...ขณะนี้ธรรมทั้งหลายที่ทรงแสดงก็ยังไม่หายไปไหนเลย...
...จะเข้าใจสิ่งที่ปรากฎทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เดี๋ยวนี้...
...หรือจะรอให้ศึกษาพระไตรปิฎกทั้งหมดก่อนค่อยจะปฏิบัติ...
...ย้อนเวลามาพิจารณาอีกไม่ได้กลายเป็นทะเลเรื่องราวทั้งหมด...
...เมื่อไม่สามารถรู้ความจริงที่กำลังปรากฎเดี๋ยวนี้...เกิดแน่นอน...
...ไม่ต้องถามพระพุทธเจ้าก็รู้ว่าเกิดแน่นอน...จนกว่าจะรู้ความจริง...
...ว่าทั้งหลายทั้งปวงที่เที่ยวเกิด-ตายอยู่นี้เพื่อศึกษาความจริงที่กำลังปรากฎ...
:b8:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
เอกัจจสัสสตเอกัจจอสัสสตทิฏฐิ อธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ :b38: ....นามรูปดับไม่เหลือในที่ใหน?

คุณว่า มันดับที่ใดครับ แล้วอย่างไรเรียกว่าดับครับ รบกวนอธิบายหน่อย
Supareak Mulpong เขียน:
มหาตภูติรูป ๔ หรือปัจจุบันที่เราเรียนกันมาว่า อิเลคตรอน นิวตรอน โปรตรอน คว้าก และพลังงาน ก็ยังเป็นธรรมชาติที่เกิดดับ

บอกให้เอาภาษาง่ายๆมาคุยกัน จะได้เข้าใจให้มันตรงกัน ดันไปเอาอะไรต่อมิอะไรมา
ให้วุ่นวายเล่นเสียงั้น

ตอบง่ายๆมันก็แค่ ดิน น้ำ ลม ไฟ มันเป็นธาตุที่เกิดพร้อมโลก และเป็นส่วนประกอบของโลก
ถ้าโลกยังอยู่ ธาตุทั้งสี่ก็ยังคงอยู่ เขาจึงไม่เอามาเปรียบเทียบการเกิดดับ

เราไม่รู้ว่าโลกจะแตกสลายเมื่อไร เช่นเดียวกันเราก็ไม่รู้ว่าธาตุทั้งสี่จะแตกสลายเมื่อไร
จึงไม่สามารถกล่าวว่า ธาตุสี่หรือธรรมชาติภายนอกกายใจเกิดดับ เพราะการกล่าวเช่นนี้
เป็นมิจฉาทิฐิ เพราะเราไม่สามารถเห็นสภาพเกิดดับที่แท้จริงของมันได้

Supareak Mulpong เขียน:
อายุของมันก็พอๆ กับจิต เกิดเมื่อใหร๋ พระพุทธองค์ก็ยังย้อนหาต้นตอไม่เจอ

มันคนละเรื่องเลยครับ มันไม่ใช่อายุพอๆกับจิต แต่ต้องกล่าวว่า มหาเจตภูมิสี่ดับเพราะการไม่ยึดมั่น
ของจิตที่มีต่อมหาเจตภูติสี่ครับ

เช่นกันครับ ในเรื่องนี้พระพุทธองค์ทรงแนะแนวทางให้รู้ว่า กายที่เราหลงยึดมั่นถือมั่นว่า...
เป็นตัวเราของเรานั้น แท้ที่จริงมันเป็นเพียงการมาประชุมกันชั่วคราว ของมหาเจตภูติสี่หรือ
ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เราไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นครับ
Supareak Mulpong เขียน:
ในระดับโครงสร้างที่ใหญ่ขึ้น การรวมตัวของมหาตภูติรูป ก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยตลอด ที่ท่านโฮฯ ว่าเป็นการแปลสภาพ จากสิ่งหนึ่ง กลายไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง หรือ มันไม่เที่ยง

ผมบอกคุณหรือครับว่า แปรสภาพ ผมบอกว่าเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือสถานะ
ธาตุมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแปรสภาพเป็นอย่างอื่นได้ แต่มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างหรือสถานะได้
น้ำอาจเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งหรือไอน้ำได้ ถึงแม้รูปร่างจะเปลี่ยนไปแต่เราก็ยังรู้ว่าเป็นน้ำ
แล้วแบบนี้เราจะเรียกว่าไม่เที่ยงได้หรือ คำว่าไม่เที่ยงมันต้องตีความหมายว่าเกิด ตั้งอยู่และดับไป
แต่ธรรมชาติของน้ำ มันจะเปลี่ยนรูปร่างหรือสถานะมันก็ยังคงอยู่ว่าเป็นน้ำ มันดับไปที่ไหนกันครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


งั้นผมจะถามคุณ rosarin

จิตนี้เป็นอมตะ หรือ จิตนี้เกิดดับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
"นกที่ฉลาดมันไม่บินไปไหนทั้งนั้น"

เพราะ นิพพานที่นี่ นิพพานเดี๋ยวนี้
ทิฏฐธัมมนิพพานวาททิฏฐิ

อ้างคำพูด:
ธาตุมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแปรสภาพเป็นอย่างอื่นได้
ตอนนิวเคลียระเบิด อิเลคตรอนไปทาง โปรตรอนไปทาง นิวตรอนไปทาง คุณว่ามันจะกลับมารวมตัวกันเป็นพลูโตเนียมเหมือนเดิมได้มั้ยครับ ... ธาตพลูโตเนียมทิ้งไว้เฉยๆ ๔.๕ ล้านปี ทำไมมันหายไปหมดเหลือแต่ตะกั่วล่ะ ธาตุอื่นๆ มันจะเกิดการแปลเปลี่ยนหรือไม่ ก็มันประกอบมาจาก ดินนำลมไฟ เหมือนกัน

อ้างคำพูด:
แต่มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างหรือสถานะได้น้ำอาจเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งหรือไอน้ำได้ ถึงแม้รูปร่างจะเปลี่ยนไปแต่เราก็ยังรู้ว่าเป็นน้ำแล้วแบบนี้เราจะเรียกว่าไม่เที่ยงได้หรือ
ไม่เที่ยง หมายถึง การเปลี่ยนจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เปลี่ยนแปลงแปรปรวนตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนึ่งอยู่กับที่ เพราะเหตุปัจจัย จากน้ำแข็งเป็นน้ำ ก็เพราะปัจจัยคืออุณหเตโชที่เปลี่ยนไป

เพราะมันไม่เที่ยง มันถึงเป็นทุกข์ หมายถึง มันไม่สามารถคงสภาพเป็นน้ำได้ตลอดไป เป็นน้ำแข็งบ้าง เป็นน้ำบ้าง เป็นไอน้ำบ้าง แยกเป็นกาซออกซิเจนบ้าง เป็นกาซไฮโดรเจนบ้าง ไปรวมตัวกับสารอื่นเป็นสารละสายบ้าง เป็นสารประกอบใหม่บ้าง ฯ เจอแรงกระทบมากๆ ก็แยกเป็นอิเลกตรอยอิสระ โปรตรอนอิสระ นิวตรอนอิสระ ... แล้วแต่เหตุปัจจัย

มันจึงเป็นสภาพชั่วคราว ไม่มีตัวตนเป็นของตนจริงๆ ดินน้ำลมไฟแปรเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ บังคับบัญชาไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 24 มิ.ย. 2011, 16:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
อ้างคำพูด:
ธาตุมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแปรสภาพเป็นอย่างอื่นได้
ตอนนิวเคลียระเบิด อิเลคตรอนไปทาง โปรตรอนไปทาง นิวตรอนไปทาง คุณว่ามันจะกลับมารวมตัวกันเป็นพลูโตเนียมเหมือนเดิมได้มั้ย ครับ... ธาตพลูโตเนียมทิ้งไว้เฉยๆ ๔.๕ ล้านปี ทำไมมันหายไปหมดเหลือแต่ละกั่วล่ะ ธาตุอื่นๆ มันจะเกิดการแปลเปลี่ยนหรือไม่ ก็มันประกอบมาจาก ดินนำลมไฟ เหมือนกัน

อ้างคำพูด:
แต่มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างหรือสถานะได้น้ำอาจเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งหรือไอน้ำได้ ถึงแม้รูปร่างจะเปลี่ยนไปแต่เราก็ยังรู้ว่าเป็นน้ำแล้วแบบนี้เราจะเรียกว่าไม่เที่ยงได้หรือ
ไม่เที่ยง หมายถึง การเปลี่ยนจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เปลี่ยนแปลงแปรปรวนตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนึ่งอยู่กับที่ เพราะเหตุปัจจัย จากน้ำแข็งเป็นน้ำ ก็เพราะปัจจัยคืออุณหเตโชที่เปลี่ยนไป

เพราะมันไม่เที่ยง มันถึงเป็นทุกข์ หมายถึง มันไม่สามารถคงสภาพเป็นน้ำได้ตลอดไป เป็นน้ำแข็งบ้าง เป็นน้ำบ้าง เป็นไอน้ำบ้าง แยกเป็นกาซออกซิเจนบ้าง เป็นกาซไฮโดรเจนบ้าง ไปรวมตัวกับสารอื่นเป็นสารละสายบ้าง เป็นสารประกอบใหม่บ้าง ฯ เจอแรงกระทบมากๆ ก็แยกเป็นอิเลกตรอยอิสระ โปรตรอนอิสระ นิวตรอนอิสระ ... แล้วแต่เหตุปัจจัย

มันจึงเป็นสภาพชั่วคราว ไม่มีตัวตนเป็นของตนจริงๆ ดินน้ำลมไฟแปรเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ บังคับบัญชาไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย

แล้วไอ้มหาเจตภูมิที่คุณอ้างแต่ต้น มันหายไปไหนหมดครับ
ลองไปทบทวนความเห็นก่อนๆ แล้วว่างๆจะเข้ามาคุยใหม่ครับ
ที่สำคัญจำคำที่ผมบอกไว้ครับว่า แสดงความเห็นที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นหรือเปล่าเป็นมิจฉาทิฐิ
พระพุทธเจ้านับได้แค่ 2500กว่าปี แต่ดันพูดเรื่อง4.5ล้านปี :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 15:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
eragon_joe เขียน:
"นกที่ฉลาดมันไม่บินไปไหนทั้งนั้น"

เพราะ นิพพานที่นี่ นิพพานเดี๋ยวนี้


ทิฏฐธัมมนิพพานวาททิฏฐิ



"(๕) ทิฏฐธัมมนิพพานวาททิฏฐิ ๕ เห็นว่าพระนิพพานมีในปัจจุบัน (คือ ๑.ว่ากามคุณ ๕ เป็นพระนิพพาน, ๒.ว่าปฐมฌาน, ๓.ว่าทุติยฌาน, ๔.ว่าตติยฌาน, ๕.ว่าจตุตถฌาน เป็นพระนิพพาน"

นิพพานที่นี่ นิพพานเดี๋ยวนี้
ท่านพาหิยะ ได้เข้าสู่นิพพานที่นั่น เดี๋ยวนั้น

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... k=9&item=1

มันเหมือนกับ ทิฏฐธัมมนิพพานวาททิฏฐิ ๕ เห็นว่าพระนิพพานมีในปัจจุบัน ตรงไหนเนี๊ยะ ช่างยกมาได้

:b14: :b14: :b14:

Quote Tipitaka:
ปัญจกนิเทศ
[๙๗๖] ในปัญจกมาติกาเหล่านั้น โอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕ เป็นไฉน
โอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕ คือ
๑. สักกายทิฏฐิ
๒. วิจิกิจฉา
๓. สีลัพพตปรามาส
๔. กามฉันทะ
๕. พยาบาท
เหล่านี้เรียกว่า โอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕
[๙๗๗] อุทธัมภาคิยสัญโญชน์ ๕ เป็นไฉน
อุทธัมภาคิยสัญโญชน์ ๕ คือ
๑. รูปราคะ
๒. อรูปราคะ
๓. มานะ
๔. อุทธัจจะ
๕. อวิชชา
เหล่านี้เรียกว่า อุทธัมภาคิยสัญโญชน์ ๕
[๙๗๘] มัจฉริยะ ๕ เป็นไฉน
มัจฉริยะ ๕ คือ
๑. อาวาสมัจฉริยะ ความตระหนี่ที่อยู่
๒. กุลมัจฉริยะ ความตระหนี่ตระกูล
๓. ลาภมัจฉริยะ ความตระหนี่ลาภ
๔. วัณณมัจฉริยะ ความตระหนี่วรรณะ
๕. ธัมมมัจฉริยะ ความตระหนี่ธรรม
เหล่านี้เรียกว่า มัจฉริยะ ๕
[๙๗๙] สังคะ ๕ เป็นไฉน
สังคะ ๕ คือ
๑. ราคสังคะ เครื่องข้องคือราคะ
๒. โทสสังคะ เครื่องข้องคือโทสะ
๓. โมหสังคะ เครื่องข้องคือโมหะ
๔. มานสังคะ เครื่องข้องคือมานะ
๕. ทิฏฐิสังคะ เครื่องข้องคือทิฏฐิ
เหล่านี้เรียกว่า สังคะ ๕
[๙๘๐] สัลละ ๕ เป็นไฉน
สัลละ ๕ คือ
๑. ราคสัลละ ลูกศรคือราคะ
๒. โทสสัลละ ลูกศรคือโทสะ
๓. โมหสัลละ ลูกศรคือโมหะ
๔. มานสัลละ ลูกศรคือมานะ
๕. ทิฏฐิสัลละ ลูกศรคือทิฏฐิ
เหล่านี้เรียกว่า สัลละ ๕
[๙๘๑] เจโตขีละ ๕ เป็นไฉน
เจโตขีละ ๕ คือ
๑. บุคคลย่อมเคลือบแคลง สงสัย ไม่ปลงใจเชื่อ ไม่เลื่อมใส
ในพระพุทธเจ้า
๒. ย่อมเคลือบแคลง สงสัย ไม่ปลงใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในพระ
ธรรม
๓. ย่อมเคลือบแคลง สงสัย ไม่ปลงใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์
๔. ย่อมเคลือบแคลง สงสัย ไม่ปลงใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในสิกขา
๕. เป็นผู้มีจิตขุ่นเคือง ไม่ชอบใจ มีจิตกระทบกระทั่ง กระด้างกระ-
*เดื่องในเพื่อนพรหมจารีบุคคลทั้งหลาย
เหล่านี้เรียกว่า เจโตขีละ ๕
[๙๘๒] เจโตวินิพันธะ ๕ เป็นไฉน
เจโตวินิพันธะ ๕ คือ
๑. บุคคลเป็นผู้ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ยังไม่ปราศจากความพอ
ใจ ยังไม่ปราศจากความรักใคร่ ยังไม่ปราศจากความกระหาย ยังไม่ปราศจาก
ความเร่าร้อน ยังไม่ปราศจากความอยากในกาม
๒. เป็นผู้ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ยังไม่ปราศจากความพอใจ
ยังไม่ปราศจากความรักใคร่ ยังไม่ปราศจากความกระหาย ยังไม่ปราศจากความเร่า
ร้อน ยังไม่ปราศจากความอยากในกาย
๓. เป็นผู้ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ยังไม่ปราศจากความพอใจ ยัง
ไม่ปราศจากความรักใคร่ ยังไม่ปราศจากความกระหาย ยังไม่ปราศจากความเร่าร้อน
ยังไม่ปราศจากความอยากในรูป
๔. บริโภคอาหารเต็มท้องตามความต้องการแล้ว หาความสุขในการ
นอน หาความสุขในการพลิกไปมา หาความสุขในการหลับอยู่
๕. ปรารถนาเป็นเทวดาตนใดตนหนึ่ง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ด้วย
ผูกใจว่า เราจักเป็นเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ หรือเทวดาผู้มีศักดิ์น้อยตนใดตนหนึ่ง
ด้วยศีลนี้ หรือด้วยตบะนี้ หรือพรหมจรรย์นี้
เหล่านี้เรียกว่า เจโตวินิพันธะ ๕
[๙๘๓] นิวรณ์ ๕ เป็นไฉน
นิวรณ์ ๕ คือ
๑. กามฉันทนิวรณ์ ธรรมอันห้ามกุศลธรรมไม่ให้เกิดขึ้น คือ
กามฉันทะ
๒. พยาปาทนิวรณ์ ธรรมอันห้ามกุศลธรรมไม่ให้เกิดขึ้น คือ
พยาบาท
๓. ถีนมิทธนิวรณ์ ธรรมอันห้ามกุศลธรรมไม่ให้เกิดขึ้น คือ
ถีนมิทธะ
๔. อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ ธรรมอันห้ามกุศลธรรมไม่ให้เกิดขึ้น คือ
อุทธัจจกุกกุจจะ
๕. วิจิกิจฉานิวรณ์ ธรรมอันห้ามกุศลธรรมไม่ให้เกิดขึ้น คือ
วิจิกิจฉา
เหล่านี้เรียกว่า นิวรณ์ ๕
[๙๘๔] อนันตริยกรรม ๕ เป็นไฉน
อนันตริยกรรม ๕ คือ
๑. มาตุฆาต ฆ่ามารดา
๒. ปิตุฆาต ฆ่าบิดา
๓. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์
๔. โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้น
๕. สังฆเภท ยังสงฆ์ให้แตกจากกัน
เหล่านี้เรียกว่า อนันตริยกรรม ๕
[๙๘๕] ทิฏฐิ ๕ เป็นไฉน
ทิฏฐิ ๕ คือ
๑. สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง กล่าวยืนยันดังนี้ว่า อัตตามีสัญญา
เบื้องหน้าแต่ตายไม่แปรผัน
๒. สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง กล่าวยืนยันดังนี้ว่า อัตตาไม่มีสัญญา
เบื้องหน้าแต่ตายไม่แปรผัน
๓. สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง กล่าวยืนยันดังนี้ว่า อัตตามีสัญญาก็
ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ เบื้องหน้าแต่ตายไม่แปรผัน
๔. ก็หรือว่า สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง ย่อมบัญญัติความขาดสูญ
ความพินาศ ความไม่มี ของสัตว์ซึ่งปรากฏมีอยู่
๕. ก็หรือว่า สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง กล่าวยืนยันทิฏฐธัมมนิพพาน
เหล่านี้เรียกว่า ทิฏฐิ ๕
[๙๘๖] เวร ๕ เป็นไฉน
เวร ๕ คือ
๑. ปาณาติบาต ฆ่าสัตว์
๒. อทินนาทาน ลักทรัพย์
๓. กาเมสุมิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาท พูดเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐาน ดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้ง
แห่งความประมาท
เหล่านี้เรียกว่า เวร ๕
[๙๘๗] พยสนะ ๕ เป็นไฉน
พยสนะ ๕ คือ
๑. ญาติพยสนะ ความพินาศแห่งญาติ
๒. โภคพยสนะ ความพินาศแห่งทรัพย์
๓. โรคพยสนะ ความพินาศเพราะโรค
๔. สีลพยสนะ ความพินาศแห่งศีล
๕. ทิฏฐิพยสนะ ความพินาศแห่งทิฏฐิ
เหล่านี้เรียกว่า พยสนะ ๕
[๙๘๘] โทษแห่งความไม่อดทน ๕ เป็นไฉน
โทษแห่งความไม่อดทน ๕ คือ
๑. ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของชนมาก
๒. มีเวรมาก
๓. มีโทษมาก
๔. ตายโดยความหลงลืม
๕. เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
เหล่านี้เรียกว่า โทษแห่งความไม่อดทน ๕
[๙๘๙] ภัย ๕ เป็นไฉน
ภัย ๕ คือ
๑. ภัยเกิดแต่การเลี้ยงชีพ
๒. ภัยเกิดแต่การติเตียน
๓. ภัยคือความขลาดกลัว เมื่อเข้าสู่ที่ประชุม
๔. ภัยเกิดแต่มรณะ
๕. ภัยเกิดแต่อบาย
เหล่านี้เรียกว่า ภัย ๕

[๙๙๐] ทิฏฐธัมมนิพพานวาทะ ๕ เป็นไฉน

ทิฏฐธัมมนิพพานวาทะ ๕ คือ

๑. สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า
ท่านผู้เจริญ เมื่อใดแล อัตตานี้เพียบพร้อม พรั่งพร้อม บำรุงบำเรอ ด้วยกาม-
*คุณ ๕ อยู่ ท่านผู้เจริญ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล อัตตานี้จึงชื่อว่า ได้บรรลุทิฏฐ-
*ธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยม สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง ย่อมบัญญัติทิฏฐธัมม-
*นิพพานอันยอดเยี่ยมของสัตว์ผู้ปรากฏมีอยู่ ด้วยประการอย่างนี้
๒. สมณะหรือพราหมณ์อื่น กล่าวกะสมณะหรือพราหมณ์นั้นว่า ท่าน
ผู้เจริญ ท่านกล่าวอัตตาใด อัตตานี้มีอยู่แล เราจะได้กล่าวว่า อัตตานั้นไม่มีก็หา
มิได้ ท่านผู้เจริญ แต่อัตตานี้จะชื่อว่าได้บรรลุทิฏฐธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยม ด้วย
เหตุเพียงเท่านี้ก็หามิได้ ข้อนั้นมีอะไรเป็นเหตุ ท่านผู้เจริญ เพราะกามทั้งหลาย
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ความเศร้าโศก ความร่ำไห้
ความทุกข์ ความโทมนัส ความคับแค้นใจ ย่อมเกิดขึ้น เพราะกามเหล่านั้น
แปรปรวนเป็นอย่างอื่น ท่านผู้เจริญ เมื่อใดแล อัตตานี้สงัดจากกาม สงัดจาก
อกุศลธรรมแล้ว บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ อยู่ ท่านผู้เจริญ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล
อัตตานี้จึงชื่อว่า ได้บรรลุทิฏฐธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยม สมณะหรือพราหมณ์
พวกหนึ่ง ย่อมบัญญัติทิฏฐธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยมของสัตว์ผู้ปรากฏมีอยู่ ด้วย
ประการอย่างนี้
๓. สมณะหรือพราหมณ์อื่น กล่าวกะสมณะหรือพราหมณ์นั้นว่า ท่าน
ผู้เจริญ ท่านกล่าวอัตตาใด อัตตานี้มีอยู่แล เราจะได้กล่าวว่า อัตตานั้นไม่มีก็หา
มิได้ ท่านผู้เจริญ แต่อัตตานี้จะชื่อว่าได้บรรลุทิฏฐธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยม ด้วย
เหตุเพียงเท่านี้ก็หามิได้ ข้อนั้นมีอะไรเป็นเหตุ วิตก วิจารใด มีอยู่ในปฐมฌาน
นั้น ปฐมฌานนี้ย่อมปรากฏเป็นของหยาบเพราะวิตกและวิจารนั้น ท่านผู้เจริญ
เมื่อใดแล อัตตานี้บรรลุทุติยฌาน อันเป็นธรรมชาติผ่องใส เพราะวิตกวิจาร
สงบ ฯลฯ อยู่ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล อัตตานี้จึงชื่อว่า ได้บรรลุทิฏฐธัมม-
*นิพพานอันยอดเยี่ยม สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง ย่อมบัญญัติทิฏฐธัมม-
*นิพพานอันยอดเยี่ยม ของสัตว์ผู้ปรากฏมีอยู่ ด้วยประการอย่างนี้
๔. สมณะหรือพราหมณ์อื่น กล่าวกะสมณะหรือพราหมณ์นั้นว่า ท่าน
ผู้เจริญ ท่านกล่าวอัตตาใด อัตตานี้มีอยู่แล เราจะได้กล่าวว่า อัตตานั้นไม่มีก็หา
มิได้ ท่านผู้เจริญ แต่อัตตานี้จะชื่อว่าได้บรรลุทิฏฐธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยมด้วย
เหตุเพียงเท่านี้ก็หามิได้ ข้อนั้นมีอะไรเป็นเหตุ ปีติ ความลำพองใจใด มีอยู่ใน
ทุติยฌานนั้น ทุติยฌานนี้ย่อมปรากฏเป็นของหยาบเพราะปีติและความลำพองใจนั้น
ท่านผู้เจริญ เมื่อใดแล เพราะคลายปีติได้อีกด้วย อัตตานี้บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
อยู่ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล อัตตานี้จึงชื่อว่าได้บรรลุทิฏฐธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยม
สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง ย่อมบัญญัติทิฏฐธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยมของสัตว์
ผู้ปรากฏมีอยู่ ด้วยประการอย่างนี้
๕. สมณะหรือพราหมณ์อื่น กล่าวกะสมณะหรือพราหมณ์นั้นว่า ท่าน
ผู้เจริญ ท่านกล่าวอัตตาใด อัตตานี้มีอยู่แล เราจะได้กล่าวว่า อัตตานั้นไม่มีก็
มิได้ ท่านผู้เจริญ แต่อัตตานี้ชื่อว่าได้บรรลุทิฏฐธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยม ด้วย
เหตุเพียงเท่านี้ก็หามิได้ ข้อนี้มีอะไรเป็นเหตุ สุขและความนึกคิดทางใจใด มีอยู่
ในตติยฌานนั้น ตติยฌานนี้ ย่อมปรากฏเป็นของหยาบเพราะสุขและความนึกคิด
ทางใจนั้น เมื่อใดแล อัตตานี้บรรลุจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะ
ละสุขและทุกข์ได้ ฯลฯ อยู่ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล อัตตานี้จึงชื่อว่าได้บรรลุ
ทิฏฐธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยม สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง ย่อมบัญญัติทิฏฐ-
*ธัมมนิพพานอันยอดเยี่ยมของสัตว์ผู้ปรากฏมีอยู่ ด้วยประการอย่างนี้
เหล่านี้เรียกว่า ทิฏฐธัมมนิพพานวาทะ ๕


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มันเหมือนกับ ทิฏฐธัมมนิพพานวาททิฏฐิ ๕ เห็นว่าพระนิพพานมีในปัจจุบัน ตรงไหนเนี๊ยะ ช่างยกมาได้
ไม่ใช่กรณีเดียวกัน ก็แล้วไป :b12: ถ้ายังไม่ดับชันธ์ฯ แล้วบอกว่า เข้าถึง(กระแส)นิพพานได้ตอนนั้น เดี๋ยวนั้น ก็จะเข้าใจได้ไม่สับสน

อ้างคำพูด:
แล้วไอ้มหาเจตภูมิที่คุณอ้างแต่ต้น มันหายไปไหนหมดครับ
ลองไปทบทวนความเห็นก่อนๆ แล้วว่างๆจะเข้ามาคุยใหม่ครับ
ที่สำคัญจำคำที่ผมบอกไว้ครับว่า แสดงความเห็นที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นหรือเปล่าเป็นมิจฉาทิฐิ
พระพุทธเจ้านับได้แค่ 2500กว่าปี แต่ดันพูดเรื่อง4.5ล้านปี :b13:
๔.๕ ล้านปียังไม่รู้ ไอโซโทปก็ยังไม่รู้ แล้วเป็นมหากัปนี่ท่านจะรู้ได้ใหมล่ะ ... เรื่องที่ควรรู้ดันไม่รู้ เรื่องที่ไม่ควรรู้ดันยกมาได้เป็นเรื่องเป็นราว

งั้นเอาแค่ระเบิดนิเคลียลง น้ำหาย กลายเป็นประจุอิสระ คงพอเข้าใจได้นะครับ ไม่ต้องว่ากันเป็นมหากัป

การเรียนรู้ คือ เรียนกจากผู้รู้ ไม่ได้ให้ไปรอดูจนดวงอาทิยต์ดับ รอดูโลกจักรวาลแตก เรียนให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้มีอายุ มีเหตุปัจจัยเป็นแดนเกิด

มหาตภูติรูป ไม่ใช่ เจตภูติ และดินน้ำลมไฟ ประกอบกันหลวมๆ มีอากาศธาตุคั้น ไม่ได้ติดกัน ไม่ได้อยู่กับที่ เคลื่อนใหวตลอด อิเล็กตรอนมุนรอบนิวตรอนตลอด นิวตรอนก็เคลื่อนใหว มันจึงพร้อมที่จะแยกออกจากกันได้ตลอดเวลา ถ้าธาตุไฟแปรปรวน ธาตุน้ำแปรปรวน หรือธาตุลมแปรปรวน วัตถุก็คงรูปอยู่ไม่ได้ นี่เป็นพื้นฐานของวิชาฟิสิกส์ และวิชาเคมีในปัจจุบัน สมัยนี้เรียกว่า ควอนตั้มฟิสิกส์ คือ การศึกษาวัตถุที่เล็กกว่าอะตอมลงมา เขาถึงพบว่า อิเล็กตรอนเกิดดับ มันแสดงคุณสมบัติบางอย่างเหมือนคลื่น นิวตรอนโปรตรอนเกิดมาจาก คว้าก ฯ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 16:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?f=8&t=26603

กระทู้เก่า แต่ไม่เก่าเลย

:b23: :b23: :b23:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 152 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร