วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 03:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2011, 22:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 09:47
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมตั้งสัจจะกับตัวเองเอาไว้ว่า จากนี้ต่อไปจะรักษาซึ่งพรหมจรรย์
ผมตั้งใจเอาไว้กับตัวเองว่า จะครองพรหมจรรย์ให้ได้ 7 ปี
แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงขอบเขตของการถือพรหมจรรย์เท่าไรนัก
ระดับไหนถึงเรียกว่าไม่พร่องในการถือพรหมจรรย์?

ผมลองอ่านบทความนี้ http://www.kanlayanatam.com/sara/sara18.htm
แต่ยังสงสัยอยู่บางจุด คือผมตั้งใจว่าจากนี้ต่อไปจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชายใดอีก
(หญิงผมไม่ยุ่งอยู่แล้ว :b17: 100000% ฉะนั้นไม่ต้องเป็นกังวล)
คำว่าไม่ยุ่งของผมคือ ผมจะทำตัวผมเองว่าจะไม่เปิดโอกาสให้มีเพศสัมพันธ์กับชายอื่นๆ
จะไม่จูบ หรือ พูดจาเพื่อเปิดทางแก่ชายใดๆ ให้เกิดกำหนัดกับตัวของผม

แต่ที่สงสัยคือ ถ้ามีคนอื่นมาทำไม่ดีกับผมหละครับ ผมจะหลุดจากการถือพรหมจรรย์ไหม?
เช่น ถ้าฝ่ายโน้นเขาเกิดมีกำหนัดกับผมเอง โดยที่ผมไม่ได้ยุ แล้วผมโดนใช้กำลังลวนลามจากชายอื่น
ถือว่าพรหมจรรย์นั้นขาด และต้องเริ่มใหม่ ถูกใช่ไหมครับ?
ถ้าผมโดนชายอื่นจับมือ กอด จูบ ลูบคลำ โดยที่ผมไม่เต็มใจถือว่าพรหมจรรย์นั้นขาดไหมครับ?
และสุดท้าย ถ้าผมช่วยตัวเอง :b15: แต่ทุกวันนี้ก็ละไปได้นานแล้วครับ (และจะพยายามขึ้นไปเรื่อยๆ)
แค่ถามเพื่อเฉยๆ ว่าถ้าวันใดวันนึงมันเกิดตัณหาฟุ้งซ่านขึ้นมาผมสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง
ถือว่าพรหมจรรย์นั้นขาดไหมครับ?

ที่ผมสมมุติเหตุการณ์ที่มาจากคนอื่นกระทำผม เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ กับผม แต่ตอนนั้น
ผมยังไม่ถือพรหมจรรย์เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ถือว่าแล้วไปแล้ว คือ อดีตคนรักเก่าผมเขานัดเจอ
เขาบอกแค่อยากพบ และชวนทานข้าว ผมเองก็ไม่คิดอะไรก็ไป แต่พอไปถึงที่บ้านเขาก็ใช้กำลัง
ลวนลามผม ก็ทำไปได้ยังไม่เข้าได้เข้าเข็ม ผมได้แต่อ้อนวอน และขอให้หยุด จนเขาคงหมดอารมณ์
เลยหยุดทำผมไป ก็เลยลอดมาได้อย่างทุรักทุเล .... มีกอด มีจูบ มีลูบคลำ เสื้อผ้าก็โดนเขาจับถอดในส่วนสำคัญ :b3: เกือบร้องไห้แล้วหละตอนนั้น เข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนข่มขืนเลยว่าเป็นไง
(ถึงแม้จะเป็นอดีตคนที่เคยชอบคอกันก็เหอะ แต่ผมหมดอารมณ์กับเขาไปแล้ว และไม่คิดจะกลับไปเป็นคนรักกันอีก)
ส่วนเมื่อก่อน ก่อนที่จะสำนึกได้ ผมยอมรับว่าตัวเองทำตัวง่าย ทำให้คนอื่นๆ ที่เข้ามาก็ง่ายๆ กับเรา
ถ้าเขามามีกำหนัดกับผม ผมก็ยอมปล่อยตัวให้ไปตามตัณหา ก็ไม่คิดจะโทษใครอะครับสำหรับอดีต
แต่ปัจจุบัน ความรู้สึกในใจผมมันเปลี่ยนไป (ถ้าไม่ใช่เพราะได้พบท่านผู้นั้น ป่านนี้ก็ไม่รู้จะรู้ตัวได้ไวขนาดนี้ไหม) ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองกำลังทำอะไร และตั้งใจจะทำอะไร ผมไม่ง่ายๆ กับใครก็หวังว่าจะไม่โดนใครเบียดเบียน แต่ถ้าเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นอีกแบบสุดวิสัยจริงๆ ที่ผมไม่ได้ตั้งใจ (จะกับใครก็ช่าง)
ผมจะต้องไปนั่งเริ่มนับพรหมจรรย์ใหม่ไหมครับ?

ผมขอโทษนะครับที่พูดแบบตรงๆ แต่เจตนาของผม คือ การถือพรหมจรรย์ในระดับชั้นต้น - ชั้นกลาง
ตามกำลังจิตของตัวเองว่าสามารถทำได้สูงสุดระดับไหน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2011, 09:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ineedsomelight เขียน:
ผมตั้งสัจจะกับตัวเองเอาไว้ว่า จากนี้ต่อไปจะรักษาซึ่งพรหมจรรย์
ผมตั้งใจเอาไว้กับตัวเองว่า จะครองพรหมจรรย์ให้ได้ 7 ปี


ผมขอโทษนะครับที่พูดแบบตรงๆ แต่เจตนาของผม คือ การถือพรหมจรรย์ในระดับชั้นต้น - ชั้นกลาง
ตามกำลังจิตของตัวเองว่าสามารถทำได้สูงสุดระดับไหน




ทำเพื่ออะไรคะ?

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2011, 11:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 09:47
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

ทำเพื่ออะไรคะ?


ต้องมีเหตุผลด้วยหรอครับ กับการจะถือพรหมจรรย์?

จริงๆ ลึกๆ มันรู้สึกผิดน่ะครับ
อยากจะทำอะไรซักอย่างให้รู้สึกว่าจะพอทำให้จิตใจมันสบายขึ้นมาบ้าง ไหนๆ เราก็ไม่ยุ่งกับใครแล้ว เลยจะถือพรหมจรรย์คู่กับถือศีลไปด้วยเลย
จิตจะได้ไม่หมกหมุนกับเรื่องกาม

และอยากจะถือพรหมจรรย์ไว้เพื่อคนคนนึงผมรักคนนี้มาก แต่ไม่สามารถครองคู่กันได้
ที่ทำให้ได้ก็มั่นสร้างบุญบารมีสำหรับเพื่อแผ่ให้เขา (นอกเหนือจากบิดามารดา และ ผู้มีพระคุณ)
ค่อยทำสิ่งดีๆ อยู่ห่างๆ โดยไม่ให้เขารู้ ก็เท่านี้แหละครับเหตุผลของผม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2011, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ineedsomelight เขียน:
walaiporn เขียน:

ทำเพื่ออะไรคะ?


ต้องมีเหตุผลด้วยหรอครับ กับการจะถือพรหมจรรย์?



ทุกการกระทำ ล้วนมีเหตุค่ะ เพียงแต่จะดูทันไหม


นี่ไงคะเหตุ


ineedsomelight เขียน:

จริงๆ ลึกๆ มันรู้สึกผิดน่ะครับ

อยากจะทำอะไรซักอย่างให้รู้สึกว่าจะพอทำให้จิตใจมันสบายขึ้นมาบ้าง

และอยากจะถือพรหมจรรย์ไว้เพื่อคนคนนึงผมรักคนนี้มาก




เหตุเกิดขึ้น เพราะ ความอยาก

ผลของเหตุ คือ การก่อให้เกิดการกระทำเกิดขึ้น ได้แก่ ความตั้งใจถือพรหมจรรย์


ทำแล้วรู้สึกสบายใจ ทำต่อไปค่ะ

การเริ่มต้นของการเข้าหาแนวทางของการปฏิบัติแตกต่างกันไป ล้วนเกิดจากการกระทำของแต่ละคน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2011, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้มีเพียงแรงดึงดูดวัตถุให้ติดอยู่กับโลกเท่านั้น แต่ยังมีแรงดึงดูดจิตใจให้ตกอยู่ในความมืดมิดของโลภะ โทสะ โมหะ

เป็นกำลังใจให้ทำให้สำเร็จครับ การบำเพ็ญเนกขัมมะ ต้องอาศัยกำลังใจเป็นอย่างมาก แต่ก็มีระดับความยากง่ายที่ต่างกัน ปฏิบัติให้สบายกายสบายใจ ปัญหาและอุปสรรคที่จะผ่านเข้ามาเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ในโลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน ขอให้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก มีแสงสว่างแห่งธรรมนำทางชีวิต มีสติและปัญญารักษาตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2011, 23:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
สาธุ..กับทุกท่านที่ตอบ..

และ..สาธุ..จขกท. ที่ตั้งใจ..ทำความดี..

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2011, 03:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครับ

ทุกคน อยู่ได้แค่ขณะจิตเดียว

จากมี ไปสู่ความไม่มี

จากไม่มี ก็เป็นสู่ความมี อยู่ตลอดเวลาทุกขณะจิต

ความรู้สึกว่ามีตัวตน ว่ากำลัง มีชีวิตยืนยาวถึงปัจจุบัน เกิดจาก สัญญา

แม้ สัญญา ก็ไม่เที่ยง

การจำได้ว่า นั่นเป็นคนนั้น คนนี้ นี่คือเรา เหล่านี้ เป็นสัญญา

สัญญา มันสวมขันธ์ที่ดับไปแล้ว ว่า เป็นเราเมื่ออดีต

แท้จริงแม้แต่สัญญา เก่าๆ ก็ดับไปแล้วไม่มีเหลือ

ความคิด การตัดสินใจ เพื่อกระทำกรรมต่างๆ มันเกิดขึ้น จากจริตที่สะสมมานาน

เช่น ราคะจริต
โมหะจริต
โทสะจริต ............................เป็นต้น

จริตพวกนี้ พาให้เราปล่อยตัวปล่อยใจ ไปตามทิศทางของมัน...

(แน่นอนว่า มันเป็นอนัตตา ไม่บังคับบัญชาได้ เช่นเมื่อมีเหตุให้ราคะเกิด ราคะก็เกิด)

การตั้งจิตตั้งใจ ที่จะรักษาพรหมจรรย์ นับเป็นเรื่องที่ดีครับ

ทำการสะสม แบบใหม่ ให้ธาตุขันธ์ มันได้รับการสะสมแบบใหม่

สะสม สติ สะสม ปัญญา ดีกว่า สะสมกิเลส

กิเลส หากสะสมมากๆ มันก็จะหนาตัวขึ้น เรียกว่า กิเลสหนา

ปุถุชน จัดว่า เป็น คนกิเลสหนา

พระ นี่เป็นนักขัดเกลากิเลส เพื่อให้กิเลสมันบางลงทุกวัน

จขกท. แม้เคยกิเลสหนามา แต่ต้องการขัดเกลากิเลส ถือเป็นเรื่องดีครับ

ทฤษฏี เรื่องการสะสมนี่ เป็นที่ยอมรับมากๆ ในคนที่ศึกษาพระอภิธรรม

ทำไม ตาเห็นรูป แล้วจิต คิดนึก แต่ละคนไม่เหมือนกัน
เป็นเพราะจริตของคน คนนั้น สะสมมาไม่เหมือนกัน

ถ้ากิเลส บางลง ถึงระดับหนึ่ง ก็จะบรรลุเป็นพระอริยเจ้า
จนถึง กิเลส ไม่มีเลย ก็คือ บรรลุเป็นพระอรหันต์

ขอ เอาใจช่วยครับ ให้สำเร็จ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2011, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...ข้าพเจ้าว่าหญิงกับชายได้ประโยชน์จากการถือพรหมจรรย์พอๆกัน...
...อยู่ที่การรักษาสัจจะคือตั้งเจตนาอพรัมจริยาเวรมณีสิกขาปะทังสมาธิยามิ...
...ถืออุโบสถศีล ถ้าเป็นสามีภรรยาก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ไม่แตะต้องตัวกันระหว่างรักษาศีล...
...มีอาการประพฤติทางกาย วาจา ใจที่สำรวมระวังในการยืน เดิน นั่ง นอน...
...ทั้งชายและหญิงหรือแม้แต่จะเป็นเพศเดียวกันก็ไม่จับมือถือแขนกันเดิน...
...เป็นพระสงฆ์เมื่ออยู่กับสีกาก็จะต้องมีบุคคลที่3 ที่เป็นบุรุษผู้รู้เดียงสาอยู่ด้วย...
...สำหรับคนโสดที่เจตนาศีล5 แต่อาจทำได้มากกว่า5ข้อเพราะอยู่ในพรหมจรรย์อยู่แล้ว...
:b8: :b8:
:b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2011, 00:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 09:47
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


มีเหตุการณ์ไม่ค่อยสบายใจมาปรึกษาครับ...

หลังจากที่ผมถือครองพรหมจรรย์แล้ว ถ้ามีผู้ชายอื่นมาเห็นของลับของผม ผมจะขาดจากพรหมจรรย์ที่ถือไหมครับ?
คือ เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมขับรถกลับจากการไปทำวัตรตามปกติของผม แล้วผมก็แวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม แล้วเผอิญเกิดปวดปัสวะเลยลงไปทำธุระที่ห้องน้ำในปั๊ม
ด้วยความเคยชิน ผมก็เดินไปที่โถฉี่ตามปกตินิสัยของผม ตอนเข้าไปก็ไม่มีคนอะครับ แต่พอผมกำลังทำธุระอยู่ก็มีผู้ชายคนนึงเข้ามาปัสสวะข้างๆ ผม (ตอนนั้นนึกในใจ โถว่างมีตั้งเยอะทำไมไม่ไปที่โถอื่นนะ) ก็คิดว่าไม่มีอะไรผมก็ทำธุระของผมไป

ซักพักชายคนนั้นแสดงอาการที่จะพยายามโชว์ของลับของเขาให้ผมดู ผมก็ทำไม่สนใจ หันไปด้านอื่นซะ ชายคนนั้นยังทำเสียงอะแฮมๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ผมก็ไม่สนใจ คงหันไปด้านอื่น (ในใจก็นึกว่า ทำไมคราวนี้ฉันถึงได้ฉี่นานแบบนี้นะ ไม่น่ากินน้ำเยอะเลย) พอใกล้เสร็จผมก็กะจะหันมาเก็บของลับของตัวเอง...โอ้ แม่เจ้าโว๊ยยยย ชายคนนั้นเขาชะโงกมามองของผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ผมนี่ทำอะไรไม่ถูกเลย ปกติ (ขอโทษนะครับ ไม่ได้ทะลึ่งนะ) เวลาคุณผู้ชายปัสสวะที่โถเสร็จ ก็จะสะบัดเล็กน้อย หรือ ไม่ก็ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดปัสสวะให้หมดก่อนเก็บ เพื่อความสะอาด และสุขอนามัย แต่ตอนนั้นผมไม่ทำอะไรหละ เก็บมันทั้งยังงั้นแหละ แล้วก็รีบเดินหนีออกมา

ผมก็ผิดเอง รู้อย่างนี้เข้าไปทำธุระในห้องน้ำก็หมดเรื่อง แต่เพราะความเคยชินตามปกติของผม ก่อนจะถือพรหมจรรย์ผมก็ไม่ได้ระวังอะไร เวลาฉี่ก็ฉี่ๆ ไป ไม่ได้ห่วงว่าใครจะมอง ผมเองก็โดนคนมามองตอนกำลังทำธุระแบบนี้เยอะเหมือนกัน แต่เมื่อก่อนก็แค่คิดว่า อยากมองก็มองไป ก็ได้แค่มองหละ ไม่ได้แอ้มหรอก แต่พอถือพรหมจรรย์แล้วรู้สึกไม่สบายใจเท่าไร ที่โดนคนอื่นมาเห็นของลับแบบนี้ อย่างนี้ถือว่าพรหมจรรย์ผมขาดไหมครับ? ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องทำให้ได้ 7 ปี ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มาทำให้พรหมจรรย์ผมขาด คราวหน้าคงต้องระวังตัวมากกว่านี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2011, 01:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ขาดครับ สบายใจได้เลย cool


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2011, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าไปดูรายละเอียดขนาดนั้นครับ หลงทางแล้ว


ดำริออกจากกาม

คำว่ากาม หมายความว่าอะไร ต้องเอาให้ชัด มันไม่ใช่แค่เรื่องเพศสัมพันธ์

เช่น แค่แต่งผม นี่ก็คือกาม คือความพอใจในกาม

กินอาหาร เกิดพอใจในรสอาหาร นี่คือไม่สำรวมในกาม

ไม่อยากรักใครชอบใคร แต่มองไปเจอคนหน้าตาถูกใจ ใจใมันชอบ หลงไหลไป อย่างนี้คือไม่สำรวมในกาม

กล่าวได้ว่า ต้องสำรวมเจตนา ซึ่งเป็นเรื่องต้นทาง
ไม่ใช่สำรวมเรื่องปลีกย่อยปลายทางอย่างอากัปกริยา หรือการกระทำต่างๆ เช่น เรื่องคนนี้ทำอย่างนี้ คนนั้นทำอย่างนั้น อะไรทั้งปวง ไม่ต้องไปคิด


อีกเรื่องที่คุณถามว่า เราไม่ขับรถชนเขา แต่เขาขับมาชนเรา เราผิดรึเปล่า
อันนี้ก็เหมือนอากาศร้อน

อากาศมันร้อน เราไม่ได้ไปสั่ง เราไม่เกี่ยว อากาศมันก็เป็นไปตามสภาพของมัน ธรรมชาติของมัน ถามว่าเราผิดหรือที่ไปเผอิญโดนอากาศร้อนเล่นงาน มันก็ตลกที่จะไปโทษว่าเราผิด แต่จะไปโทษว่าอากาศผิดมันก็ไม่ได้ ธรรมชาติมันดำเนินไปตามทางของมัน

อยากมีดำริออกจากกาม แต่ไปเที่ยวเทคเที่ยวบาร์ แล้วมาถามว่าทำไมคนในคลับในบาร์มาทำรุ่มร่ามกับเรา เราผิดรึเปล่า อย่างนี้ก็แปลก คือไม่รู้ว่าทำอะไรไปเพื่ออะไร ไม่มีจุดหมาย ไม่มีทิศทาง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2011, 17:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2010, 11:19
โพสต์: 15


 ข้อมูลส่วนตัว


ถือพรหมจรรย์นี่ มันเท่ากับเป็นการถือศีลข้อ 3 ในศีลแปดเลยไม่ใช่เหรอครับ
ซึ่งก็คือข้อ อพรหมจริยาเวรมะณี เป็นการตั้งจิตเจตนาละเว้นจากการกระทำกรรมอันไม่ใช่วิสัยของผู้เป็นนักบวช เข้มกว่าข้อ 3 ในศีล 5 อีก

ถ้าตั้งใจถือพรหมจรรย์แล้ว ยังมีการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองหรือแกล้งทำน้ำอสุจิให้เคลื่อนอยู่อีก ก็เรียบร้อยซิครับ ศีลขาดแน่ ๆ

เกี่ยวกับเรื่องทางเพศนี่เป็นเรื่องใหญ่เลยสำหรับผู้ถือพรหมจรรย์ ขนาดการถูกเนื้อต้องตัวกันระหว่างเพศเขายังต้องระวังกัน อย่างการรับส่งของจากมือของเพศตรงกันข้าม ก็ยังต้องให้เขาวางไว้ให้ก่อนแล้วจึงหยิบเอา แต่กรณีของคุณนี่เป็นเพศเดียวกันก็ไม่รู้ว่าไงเหมือนกันซินะ แต่ก็คิดว่าการกระทำใดที่มันอาจก่อให้เกิดความกำเริบแห่งกามราคะก็ควรต้องสำรวมระวังให้มากที่สุดอยู่แล้วนะ ถ้าคิดจะถือพรหมจรรย์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร